หนุ่มกู้ภัย โกงความตาย หลังช่วยน้ำท่วมจนติดเชื้อรุนแรง ช็อก-หัวใจหยุดเต้น ไปอยู่อีกมิติ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ เตือนภัย, 4 ตุลาคม 2019.

  1. โพธิสัตว์ เตือนภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,565
    กระทู้เรื่องเด่น:
    441
    ค่าพลัง:
    +655

    หนุ่มกู้ภัย โกงความตาย หลังช่วยน้ำท่วมจนติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง เข้าขั้นวิกฤติ ก่อนช็อก-หัวใจหยุดเต้น ไปอยู่อีกมิติ บอกยังไม่ถึงเวลาให้กลับมาที่ที่เคยจากมา จู่ๆ ก็ฟื้นราวปาฎิหาริย์


    โกงความตาย วันที่ 3 ต.ค. ที่ ร.พ.แหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นางสุจิตรา ศรีนาม ภริยา นายวิทูรัช ศรีนาม ผวจ.จันทบุรี นายกเหล่ากาชาด จ.จันทบุรี พร้อมด้วย นายอำเภอแหลมสิงห์ นำคณะเหล่ากาชาด นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค และเงินบำรุงขวัญ เข้าเยี่ยมอาการของ นายตระกูล อภิชิตวงศ์นุชิต หรือกุ้ง อายุ 51 ปี อาสมัครกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี นามเรียกขาน “คมบาง 13” ที่เข้ามารับการรักษาตัวจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง ขั้นวิกฤติจนหัวใจหยุดเต้น

    หลัง นายตระกูล เดินทางกลับจากไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกับเพื่อนๆ กู้ภัย จิตอาสา และยังกลับมาช่วยผู้ประสบภัยน้ำป่าเทือกเขาสระบาป ไหลหลากธารน้ำตกพลิ้ว เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ จ.จันทบุรี จนตัวเองประสบอุบัติเหตุถูกไม้กระแทกขาได้รับบาดเจ็บ

    นายตระกูล ได้เปิดเผยหลังอาการดีขึ้นว่า เมื่อครั้งที่เกิดวิกฤติน้ำท่วมที่ จ.ร้อยเอ็ด ตนพร้อมกับเพื่อนๆ กู้ภัย จิตอาสาจันทบุรี เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 7 วัน ทั้งการช่วยเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ขนสิ่งของ หรือแม้แต่ต้องเดินลุยน้ำอาหารไปแจกจ่ายชาวบ้านที่เดือดร้อน ส่วนตัวเองอาศัยกินนอนอยู่ศาลาวัด

    หลังสถานการณ์เบาบางลง ประกอบกับ กำลังกู้ภัยเริ่มเหนื่อยล้า จึงถอนกำลังกลับมาที่ จ.จันทบุรี ขณะนั้นก็ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วย จากนั้นไม่นานได้เกิดน้ำป่าเทือกเขาสระบาป ไหลหลากธารน้ำตกพลิ้ว เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ จ.จันทบุรี ตนพร้อมกับเพื่อนกู้ภัย ได้ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน จนถูกท่อนไม้ที่ไหลมากับน้ำกระแทกที่เท้าจนเป็นแผลฉีกขาด

    เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ได้กลับมาทำแผลตามขั้นตอนที่ได้รับอบรมมา ถัดมาอีก 2-3 วัน เริ่มรู้สึกว่าเริ่มมีอาการป่วย หนักสุดมีไข้ขึ้นสูง จนพี่น้องต้องพาตัวเข้า ร.พ.แหลมสิงห์ แต่อาการทรุดหนัก ถูกรีเฟอร์ส่งตัวมารักษาต่อที่ ร.พ.พระปกเกล้า และได้ยินว่า อาการตนหนักมาก ให้ญาติทำใจ จนในที่สุดก็มาช็อกหมดสติไป ขณะนั้นไม้รู้ว่าตัวเองหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว



    นายตระกูล กล่าวต่อว่า ช่วงที่หลับไปนั้น รู้สึกเหมือนกับความฝันว่าตัวเอง เข้าไปอยู่อีกมิติหนึ่ง ได้พบกับบุคคลสูงใหญ่ พาไปพบกับผู้คนมากมาย เดินเป็นแถวแต่ไม่มีใครพูดด้วย จากนั้นได้พาไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ และอุโมงค์พฤกษาที่สวยงาม ซึ่งบุคคลที่พาไปบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องอยู่ที่นี่ให้กลับไปที่ที่เคยมา เมื่อตนลืมตาขึ้นก็พบว่านอนอยู่บนเตียง โดยมีแม่และพี่น้องนั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับเล่าเรื่องที่แพทย์ช่วยปั๊มหัวใจทำให้ตนรอดกลับมาจากความตาย

    ขณะนี้อาการดีขึ้นมากตามลำดับ และเมื่อกลับไปหายดีเป็นปกติแล้ว ยืนยันว่า จะกลับไปเป็นอาสากู้ภัย ทำงานช่วยเหลือสังคมอีกเช่นเดิม เพราะมันอยู่ในสายเลือด และเชื่อว่าบุญกุศลที่ตัวเองสั่งสมมา ได้บัลดาลให้รอดจากความตาย เพื่อมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป



    ขณะที่ นางชูชาติ สายชล อายุ 69 ปี แม่ของ นายตระกูล กล่าวว่า กุ้งเป็นพี่ชายคนโต มีพี่น้องร่วมกัน 5 คน ปัจจุบันมีอาชีพเป็นช่างทองและทำสวนผลไม้ โดยได้ผันตัวเป็นจิตอาสา เข้าร่วมงานกู้ภัย มานานกว่า 20 ปี และทุกครั้งไม่ว่าที่ไหนของประเทศไทยเกิดภัยพิบัติ ลูกชายพร้อมกับเพื่อนๆ จะเดินทางไปช่วยเหลือทุกครั้ง แม้ว่าตัวเองจะป่วยมีโรคประจำตัว ซึ่งตนเคยขอร้องว่าให้คนอื่นที่มีสุขภาพแข็งแรงพร้อมกว่าเดินทางไปบ้าง แต่ลูกชายไม่ยอม ต้องเดินทางไปกับเพื่อนๆ จิตอาสาทุกครั้ง

    ส่วนเรื่องอาการป่วยของลูกชาย ตอนนี้ดีขึ้นมาก โดยครั้งแรกที่อาการเข้าขั้นวิกฤต ที่แพทย์ได้เข้ามาบอกให้ทำใจ เนื่องจากลูกมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอาจหยุดหายใจไปได้ทุกเมื่อ หากข้ามคืนนี้ไป ก็มีโอกาสรอด ในที่สุดคืนนั้นลูกชายเกิดอาการช็อกหมดสติหัวใจหยุดเต้น แพทย์ได้พยายามช่วยรักษายื้อชีวิตจนสุดหนทาง จนรุ่งเช้าได้เข้าไปเยี่ยมลูก กลับพบว่ายังนอนอยู่บนเตียง พร้อมกับยกมือชูนิ้วโป้งแสดงตัวเองว่ายังไหว ทำให้ตนดีใจมากถึงกับร้องไห้ที่ลูกชายรอดตายกลับมาได้ราวปาฏิหาริย์ เชื่อว่าเพราะเป็นบุญกุศลที่เขาทำไว้

    ขณะที่ นพ.วีระ สุเจตน์จิตต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแหลมสิงห์ เปิดเผยว่า จากผลการรักษาตอนนี้คนไข้มีอาการดีขึ้นมาก เนื่องจากได้รับยาปฏิชีวินะอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว ทำให้ภาวะเกล็ดเลือดค่อนข้างต่ำ และมีตกค้างที่ดวงตาทำให้มีสีแดง แต่ไม่ส่งผลต่อการมองเห็น และจะหายกลับคืนตามเดิมก็เมื่อเกล็ดเลือดลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ

    ขอบคุณที่มา
    https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2943997
     

แชร์หน้านี้