หลวงพ่อซำ อินทสุวรรณโณ นามสกุลเดิม ลีสุวรรณ์ เป็นบุตรของนายจีนซึง กับนางอินท์ แซ่ลี้ มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน 3 คน หลวงพ่อท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2415 ที่บ้านหลักขอน ตำบลห้วยคันเหลน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง และได้อุปสมบทที่วัดตลาดใหม่ ตอนอายุได้ 23 ปี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2438 โดยมีพระอธิการดี วัดฝาง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแป้น วัดสิงห์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์จันทร์ วัดท่าสุวรรณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากที่อุปสมบทแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาที่วัดตลาดใหม่ ด้วยความเคารพในหลวงปู่คุ่ย พระอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรมอีกทั้งยังเป็นพระสงฆ์ผู้ทรงวิทยาคมเลิศล้ำในทุกๆ ด้าน จึงขอจำพรรษารับใช้หลวงปู่คุ่ย จนมีความผูกพันและกลายเป็นศิษย์รักในเวลาต่อมา จนได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ ครั้นจำพรรษาได้เพียง 2 พรรษา หลวงปู่คุ่ยเห็นแววใฝ่รู้อีกทั้งยังมีความขยันหมั่นเพียร จึงส่งหลวงพ่อซำให้มาศึกษาหาความรู้ร่ำเรียนภาษาบาลี ศึกษาพระคัมภีร์พระธรรมวินัยอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. จึงได้พบและรู้จักกับพระมหาอยู่ ญาโณทัย (สมเด็จพระสังฆราช อยู่ ญาโณทัย วัดสระเกศวรมหาวิหาร) จนเป็นสหธรรมิกกันตั้งแต่นั้นมา
หลวงพ่อซำเรียนอยู่ที่วัดระฆังฯ ได้เพียง 1 พรรษา ท่านก็ย้ายมาที่วัดสร้อยทอง จนถึงปีพ.ศ.2442 ก็กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดตลาดใหม่ ด้วยความเป็นห่วงโยมบิดา-มารดา และต้องการกลับมาดูแลรับใช้หลวงปู่คุ่ย สำหรับสรรพวิชาอาคมต่างๆ ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่คุ่ยจนหมดสิ้นทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ หลวงพ่อซำชอบมาก เพราะเคยได้รับรู้ถึงพลังพุทธาคม ได้ประจักษ์แก่สายตาท่านเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ท่านจึงสนใจเป็นพิเศษ อีกทั้งด้านยาสมุนไพรและแพทย์แผนโบราณและดูแลงานแทนหลวงปู่คุ่ยได้ จนเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ต่อมาเมื่อถึงปีพ.ศ.2446 หลวงปู่คุยมรณภาพลงด้วยโรคชรา ชาวบ้านจึงพากันนิมนต์หลวงพ่อซำ เป็นเจ้าอาวาสวัดตลาดใหม่สืบต่อมา
หลวงพ่อซำท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลเมื่อปีพ.ศ.2480 เรื่อยมานับว่าเป็นของดีที่มีประสบการณ์มากมาย ไมว่าจะเป็นเบี้ยแก้อาถรรพณ์ ผ้ายันต์กันภัย ตะกรุดโทนคู่ใจ และครั้งหลังสุดเหรียญรุ่นแรกสร้างปีพ.ศ.2506 การสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ของหลวงพ่อซำ หลวงพ่อท่านจะทำการสร้างในวันอาทิตย์ วันอังคาร และวันเสาร์ หากในสามวันนี้วันใดที่ตรงกับวันพระ หลวงพ่อท่านจะหยุดสร้างหนึ่งวัน สรุปว่าในวันพระหลวงพ่อท่านไม่สร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์แน่นอน และการสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ ในแต่ละครั้งหลวงพ่อท่านสร้างเพียงจำนวนกำลังวันที่สร้างในวันนั้น เช่น วันอาทิตย์มีกำลังคือ 6 ท่านก็สร้างเพียง 6 ตัว วันอังคารมีกำลังคือ 8 ท่านก็สร้างเพียง 8 ตัวและวันเสาร์มีกำลังคือ 10 ท่านก็สร้างเพียง 10 ตัว ในแต่ละครั้งที่หลวงพ่อท่านทำการสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์นั้น ท่านจะประกอบพิธีให้แล้วเสร็จในคราวเดียว
กรรมวิธีในการสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ของหลวงพ่อซำนั้น จากข้อมูลพระอาจารย์สมุห์ประเมษฐ์ เจ้าอาวาสวัดตลาดใหม่องค์ปัจจุบัน หลวงพ่อซำท่านจะประกอบพิธีการทำเบี้ยแก้วอาถรรพณ์ ท่านจะตั้งศาลเพียงตาบูชาบรมครู ก่อนที่ท่านจะลงมือสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ทุกครั้ง ท่านจะนำเบี้ย (หอยพู) ตามจำนวนกำลังวันที่สร้างมาใส่พานวางไว้พร้อมกับปรอทและชันโรงตั้งในพิธีตอนบวงสรวงอัญเชิญบรมครูให้มาสถิตประสิทธิ์ประสาทวิชาและเพื่อขออนุญาตในการประกอบพิธีสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ให้เกิดพลังความศักดิ์สิทธิ์ สำหรับชันโรงนั้นท่านจะใช้แต่ชันโรงที่มาทำรังอยู่ในต้นคูน เมื่อประกอบพิธีไหว้ครูเสร็จหลวงพ่อซำท่านจะหยิบเบี้ยขึ้นมาแล้วเทปรอทลงอุ้งมือจากนั้นหลวงพ่อจะบริกรรมคาถาเรียกแร่แปรธาตุ สักพักหนึ่งจึงเทปรอทลงในตัวเบี้ย จากนั้นก็นำชันโรงที่เตรียมไว้มาอุดปิดปากเบี้ย เพื่อป้องกันปรอทไหลออกจากตัวเบี้ย และได้นำแผ่นฟอยล์อะลูมิเนียมมาปิดทับชันโรงอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์และง่ายต่อการจดจำ ซึ่งเบี้ยแก้ที่มีลักษณะนี้เรียกได้ว่าเป็นเบี้ยแก้ที่หลวงพ่อซำท่านสร้างไว้ในยุคต้นๆ (เมื่อปีพ.ศ.2480-2485)
ตอนการสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์ของหลวงพ่อซำ ท่านจะสร้างเบี้ยแก้อาถรรพณ์เท่ากับกำลังวันดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนแรก เมื่อสร้างครบตามจำนวนหลวงพ่อท่านจะนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก เพื่อประจุพลังอาคมเข้าไปในตัวเบี้ยแก้อาถรรพณ์สำทับอีกชั้นหนึ่ง ท่านนั่งนานตลอดวันภายในพระอุโบสถ (ท่านนั่งปรกหลังจากฉันเพลแล้วไปจนถึงตอนทำวัตรเย็น) จึงถือว่าสำเร็จเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน
สำหรับพระคาถาที่หลวงพ่อท่านบริกรรมในการอุดชันโรงและปิดแผ่นฟอยล์นั้น ท่านมักจะใช้บทพระคาถามงคลนิมิต โดยบริกรรมพระคาถาว่า
"อะวิชา ปัจจะยา ปิดจะยา ปัจจะยา
อะวิชา ปัดจะยา ปัจจะยา ปิดจะยา
อะวิชา ปัจจะยา อุอะมะตัง พุทธังอัดธะอุด"
หลวงพ่อท่านเป็นพระเถราจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีอายุยืน ท่านเกิดวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2415 ถ้านับพระเกจิอาจารย์ที่สร้างเบี้ยแก้สายอ่างทองแล้วถือว่าท่านอาวุโสที่สุด ท่านมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2509 สิริอายุได้ 94 ปี พรรษาที่ 71
สำหรับประสบการณ์ที่เล่าโดยคุณบุญส่ง รอดเสียงล้ำ ได้เล่าให้ฟังว่า ลูกชายของแกได้ขับรถจักรยานยนต์แหกโค้งคว่ำได้รับบาดเจ็บ ขณะขับรถซึ่งเป็นถนนลูกรัง ปรากฏว่าบริเวณนั้นเป็นโค้งหักศอก เวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็น ด้วยความรีบเร่งขับรถด้วยความเร็วสูง ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำศีรษะฟาดพื้นถนน โดยที่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก ผมขาดเป็นกระจุก แต่ที่ศีรษะไม่เป็นอะไร ส่วนบริเวณหัวเข่ากลับเป็นแผลยาว 3 นิ้ว ผู้ประสบเหตุช่วยนำส่งสถานีอนามัยโรงช้าง ขณะที่เจ้าหน้าที่อนามัยกำลังทำการเย็บแผลที่หัวเข่าปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเย็บแผลได้ เข็มแทงไม่เข้า เข็มหักถึง 8 เล่ม คุณลุงคนหนึ่งจึงสงสัยว่าพ่อหนุ่มคนนี้คงจะมีของดี จึงเอ่ยปากว่ามีอะไรติดตัว ให้เอาออกเสียก่อน ปรากฏว่ามีเหรียญหลวงพ่อซำ ปี"06 และเบี้ยแก้อาถรรพณ์ของหลวงพ่อซำ จึงให้เอาออกเสียก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่อนามัยจึงสามารถทำการเย็บแผลได้
คุณตาหวล ระรวยรื่น บ้านอยู่ตลาดใหม่ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อซำ ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อปีพ.ศ.2490 ขณะนั้นยังมีโจรชุกชุมมาก ทางการจึงส่งเจ้าหน้าที่กองปราบฝีมือดีคือ ผู้กองยอดยิ่ง พร้อมด้วยหน่วยกองปราบมาตั้งกองอำนวยการที่วัดนางใน ตำบลศาลเจ้าโรงทอง ตอนนั้นเสือดำ เสื้อฝ้ายออกอาละวาดหนัก ออกจี้ปล้นไม่เว้นแต่ละวัน ในวันเกิดเหตุหน่วยกองปราบได้ออกตรวจจับโจรผู้ร้ายมาถึงวัดตลาดใหม่ช่วงตอนประมาณ 5 โมงเย็น ปรากฏมีกระยางฝูงใหญ่จับอยู่บนยอดมะขามยักษ์คลุมกุฏิหลวงพ่อซำ จึงด้อมๆ มองๆ ทำท่าจะยิงนก พอดีหลวงพ่อเห็นเข้าจึงขอบิณฑบาต แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้สนใจจึงยิงนก ปรากฏว่ายิงไม่ออก ต่างก็พากันมากราบขอขมาหลวงพ่อและกราบขอวัตถุมงคลติดตัว แต่หลวงพ่อบอกว่าท่านไม่ได้ออกของ
อีกเรื่องหนึ่งที่คุณตาหวลเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนั้นจอมพลป.พิบูลสงคราม ท่านได้ยินกิตติศัพท์และจริยวัตรของหลวงพ่อซำ จึงมีความเคารพศรัทธาเลื่อมใส ท่านได้มอบหมายให้นายทหารคนสนิทมานิมนต์หลวงพ่อไปกรุงเทพฯ เพื่อถวายภัตตาหารเพลที่บ้านของท่าน ในสมัยก่อนต้องอาศัยเดินทางทางเรือ วันนั้นหลวงพ่อเดินทางโดยเรือสำปั้นพร้อมกับลูกศิษย์ แต่ด้วยขณะนั้นเป็นช่วงฤดูแล้ง น้ำจึงแห้งขอดคลองวัดตลาดใหม่ ต้องใช้วิธีโยงเรือทั้งสองข้างเพื่อลากโยงเรือ จากวัดตลาดใหม่จะออกสู่แม่น้ำน้อยระยะทางประมาณ 6 ก.ม. ขณะที่เรืออยู่ระหว่างกลางทางบริเวณก่อนถึงวัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อได้เห็นคนกำลังจะยิงนกกระยาง ท่านนึกสงสารจึงอาราธนา ปรากฏว่าคนๆ นั้นยิงนกไม่ออกเช่นกัน
ขอขอบคุณ คุณสมชัย จงทวีทรัพย์ คุณบุญส่ง รอดเสียงล้ำ (ลุงส่งคานเรือ) คุณไพชยนต์ ดิษพงศ์ (ครูปู ร.ร.อนุบาลวัดนางใน) ที่กรุณาให้ข้อมูลและรูปถ่ายเพื่อเผยแพร่กิตติคุณของหลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ครับ
บทความโดย คุณแทน ท่าพระจันทร์
เบี้ยแก้หลวงพ่อซำ
จะหาที่แบบว่าเช่าจากคนพื้นที่นั้นยากเพราะเขาหวงกันมากขนาดผมเป็นคนวิเศษเอง จะหาแท้ๆสักตัวเหรอครับ หลวงพ่อนุ่ม หลวงพ่อคำ ยังจะพอมีให้เห็นมากกว่า เท่าที่ผมจำได้เคยได้แค่สองสามตัวและไปหลังไมค์หมดเรียบร้อย ตัวนี้ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นตัวแรกที่ลงกระทู้ครับ
ราคาสอบถาม เบี้ยท่านจะขนาดไม่ใหญ่เท่าไรน่ะครับ
สวยสมบูรณ์เดิมๆไม่ได้ใช้
ดูง่ายสบายตา ของเก๊ไกล้เคียงมากๆน่ะครับ ถ้าแยกชันความเก่าไม่ออกโดนสถานเดียวครับ
ประกันแท้ตลอดชีพ
มาเร็วเครมเร็ว ของหายากมากๆของแขวงเมืองวิเศษครับ
สุดท้ายท้ายสุดดดด
ขอเก็บไว้ทำประวัติท่านก่อนน้ะครับ
หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ..สมเด็จเกษไชโย พระเครื่องอ่างทอง หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ วัดเงินบางพรหม
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย benay, 14 กรกฎาคม 2008.
หน้า 351 ของ 702
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ประวัติหลวงปู่คำ พระครูวิตถารสมณกิจ
วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อ วัดพายทองสำหรับใครเป็นผู้สร้างนั้นไม่ปรากฏหลักฐานเป็นที่ยืนยันแน่นอน ด้วยอายุการสร้างที่ยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุ ทั้งเจริญรุ่งเรืองหรือเสือมโทรมเป็นบางขณะจากลำดับเจ้าอาวาสหลายต่อหลายองค์จากอดีตจวบจนปัจจุบันนั้น ดูเหมือนหลวงปู่คำ
ปญฺญาสาโร ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการพระเครื่อง เนื่องจากท่านเป็นอีกหนึ่งพระคณาจารย์ดังของ จ.อ่างทอง วัตถุมงคลที่สร้างและปลุกเสกเอาไว ้มีมากมายหลายชนิดทั้ง พระสมเด็จ เหรียญ พระเนื้อว่านผสมผงยา ผ้ายันต ์ตะกรุด รูปถ่าย ที่ได้รับความนิยมสูงพร้อมทั้งมากล้นประสบการณ์คือ เบี้ยแก้
หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำนามเดิมคือ คำ นามสกุล ทรัพย์ประเสริฐ เป็นบุตรของพ่อเส็งแม่ไท เกิดเมื่อวันพฤหัสบด ีเดือน 10 ปีฉล ูปีพ.ศ.2432 ณ ปากคลองวัดโพธ ิ์ครั้นเมื่ออายุครบได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์โดยมีพระพระญาณไตรโลก (อาจ) วัดศาลาปูน เป็นพระอุปัชฒาย ์พระครูวินญานุโยก แห่งวัดกษัตราธิราชพร้อมทั้งพระอุปัชฌาย์จั่น วัดทำนบ เป็นพระกรรมวาจาจารย ์และอนุสาวนาจารย์ตามลำดับ ได้ศึกษาพระเวทย์วิทยาคมพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆ จากสมุดข่อย ที่พบในโพรงต้นโพธิ์ภายในวัดจนเชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งยวดอีกทั้งยังแลกเปลี่ยน
วิชากับอีกหลายพระคณาจารย์ ไม่ว่าจะเป็น ล.พ.พริ้ง วัดบางปะกอก, ล.พ.จง วัดหน้าต่างนอก, ล.พ.พักวัดโบสถ์และท่านเจ้าคุณสุธรรมธีรคุณ วัดสระเกศ เนื่องจากมีอายุใกล้เคียงกันแม้ว่าบางองค์จะอาวุโสมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงพ่อพักวัดโบสถ์จะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆซึ่งจะเห็นว่าเบี้ยแก้ของท่านทั้งสองจะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก หลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2503รวมสิริอายุ 72 ปี 52 พรรษา
เบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ การสร้างวัตถุมลประเภทเบี้ยแก้ของท่านนั้น เริ่มสร้าง มาตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ.2493พุทธคุณของเบี้ยแก้สำนักนี้ก็เหมือนกับเบี้ยแก้สำนักอื่นๆ คือป้องกันคุณไสยยาสั่งแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดีพร้อมทั้งแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรี และเป้นมหาอุตม์ด้วย เป็นต้น
พระอุปัชฌาย์ คำ หรือนามตามสมณศักดิ์ ..พระครูวิตถารสมณกิจ นามสมณศักดิ์ของท่านได้รับพระราชทานโดยล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๖
พระครูวิตถารสมณกิจ (อ่านว่า - วิด-ตะ-ถา-ระ-สะ-มะ-นะ-กิด) มีความหมายว่า พระผู้ทำกิจในวิชชาโดยบริบูรณ์
ครั้งที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก (ทองหล่อ ปทุมานนท์ ปธ.๘) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๕ อดีจเจ้าคณะเขตดุสิต และอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นศิษย์แต่ครั้งบรรพชาเป็นสามเณร กล่าวว่า พระครู-วิด-ตะ-ถาน-สะ-มะ-นะ-กิด นั้นคนทั่วไปอ่านไม่ถุก ที่ถูกต้องอ่านว่า วิด-ตะ-ถา-ระ ฯ ซึ่งมีความหมายดังกล่าวแล้ว ในหลวงรัชกาลที ๖ ทรงพระราชทานนามเอง ด้วยทรงทราบในจริยวัตรอันงดงามของท่าน
พระครูวิตถารสมณกิจ หรือพระอุปัชฌาย์ คำ เป็นพระรัตตัญญู คือมีพรรษายุกาลมาก เป็นพระที่สมถะ ใจดี ไม่สะสมเงินทอง ท่านมรณะภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพ ฯ ด้วยโรคลมปัจจบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ภายหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว ได้มีการสำรวจทรัพย์สินในกุฏิของท่าน ปรากฏว่า ไม่พบปัจจัยและทรัพย์สินมีค่าใด ๆ เลย ท่านบริสุทธิ์โดยแท้...สุปฏิปันโน สาวกสังโฆ..ฯลฯ ผูสมควรแก่การกราบไหว้ ฯ
วัดโพธิ์ปล้ำ แต่เดิมมีสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมมาก ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก ท่านระลึกถึงพระคุณของพระอุปัชฌาย์ จึงได้ชักชวนญาติโยมไปร่วมบูรณะวัดโพธิ์ปล้ำ ทั้งวัด เริ่มตั้งแต่..โบสถ์ ซ่อมใหม่ทั้งหลัง รวมถึงทำกำแพงแก้ว สร้างศาลาการเปรียญใหม่ ๑ หลัง สร้างหมู่กุฏิและหอสวดมนต์ใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น ..วัดโพธิ์คำธรรมาราม เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอุปัชฌาย์ ซึ่งมีนามว่า .คำ..
พระเครื่องของหลวงพ่อคำประสบการณ์นั้นมากมายสุดพรรณา ทั้งมหาอุตม์หยุดลูกปืน แคล้วคลาด คนวิเศษและไกล้เคียงเท่าที่ผมสอบถามมา เจอกันมามากต่อมากครับ
ภาพถ่ายขาวดำ
หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ
ปี 2491
ประสบการณ์แคล้วคลาด มหาอุตม์ คงกระพัน เจอกันมามากครับ
สภาพสวยขนาดห้อยคอเลี่ยมเก่า
นานๆจะเจอแบบทันท่านครับ ส่วนมากภาพแบบนี้ที่เห็นๆกันจะเสริมมาในภายหลังครับ
ราคา สอบถาม หายากมากครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระนักธรรม
หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
ประสบการณ์มากด้านการศึกษาครับ
สภาพสวย
...ราคา 550 บาท
ปิดให้พี่<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พราหมณ์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5006659", true); </SCRIPT> ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอนเงินแล้วจะแจ้งทางPM นะครับ -
แหวนงู สารพัดกัน
หลวงพ่ออ่อน วัดเขียน อ่างทอง ของนิยมสายท่านครับ
วงนี้ย่อมหน่อย ใส่นิ้วนางได้ครับ
หลวงพ่ออ่อนผมเคยเล่าไปแล้วนะครับว่าท่านเป็นสหธรรมมิคกับหลวงพ่อทรง หลวงพ่อท่านก็สนิทสนมกับหลวงพ่ออ่อนมากครับ ไปมาหาสู่กันบ่อย หลวงพ่ออ่อนท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่ง ที่มีอาคมขลังยิ่งนัก ลูกศิษย์ลูกหาท่านมากมายครับ ทั้งทหารตำรวจ ข้าราชบริพาร และเจ้านายชั้นสูงเสด็จมาบ่อยครับเป็นภายใน ของที่ท่านทำได้ขลังยิ่งนักและเป็นที่นิยมมากคือ หุ่นพยนต์ เบี้ยแก้ ตระกรุด (เล่นยาก) และแหวนงูนี้หละครับเล่นง่ายเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่นิยมมาก คอยจะเล่นมั่วสำนักกัน ระวังให้ดีครับ ของท่านจริงๆดูง่ายครับ และพุทธคุณนี่หายห่วงทั้งคงกระพัน กันเขี้ยวงาสารพัด กันงู (อันนี้หลวงพ่อเสียนท่านบอกให้ฟัง) และคนอื่นๆที่เป็นสิษย์ท่านต่างก็ให้ความนิยมครับ พบน้อยครับส่วนมากพบรุ่นหลังๆครับ หลวงพี่วัดไผ่แหลมท่านเคยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่ออ่อนท่านจะพกแหวนท่านเองผูกติดกับสายผูกรัดปะคตเอวตลอด เพราะก่อนที่หลวงพี่เขาจะไปอยู่วัดไผ่แหลมท่านอยู่ที่วัดเขียนมาก่อนครับ
..... 750 บาท พร้อมส่งครับ
ปิดให้พี่ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->romegat ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
เหรียญ รุ่นแรก ปี 2500 :cool:
หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง
เจ้าตำรับเบี้ยสายอ่างทองอีกท่านหนึ่งที่หลายๆท่านตามเก็บ รวมทั้งเหรียญรุ่นแรกด้วยครับเนื่องจากความหายากพอดู
หลวงพ่อโปร่งวัดท่าช้างครับ ท่านนี้เก่งมากครับด้านเบี้ยแก้ด้วยครับเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำ แต่หลวงพ่อโปร่งท่านอายุน้อยกว่า หลวงพ่อโปร่งท่านเป็นพระหมอยารักษาคนบ้าคนถูกคุณไสย มีอยู่ครั้งหนึ่งคนบ้าที่มาให้ท่านรักษาเกิดคลุ้มคลั่ง คว้ามีดล็อคคอหลวงพ่อแล้วปาดคอหลวงพ่อเลยครับ แต่ท่านไม่เป้นไรเลยและท่านก็ไม่โกรธคนบ้าคนนั้นด้วย(เจ้าอาวาสวัดท่าช้างองค์ปัจจุบันท่านเล่าให้ฟังครับ)หลวงพ่อโปร่งท่านเป็นที่นับถือของคนละแวกวัดเป็นอย่างมากเพราะเขาได้รู้เห็นมาโดยตลอดว่าท่านเป็นอย่างไร แต่คนไม่นำประวัติท่านมาเผยแพร่มากนักเลยและก็ไม่มีคนเชียร์ท่านด้วย พาลทำให้คนนอกไม่รู้จักท่านไป จริงๆแล้วท่านเก่งแบบไม่ธรรมดา และหลังจากท่านมรณะภาพ ท่านก็ไม่เน่าเปื่อยครับ สังขารท่านยังอยู่ที่วัดจนปัจจุบันครับ ประสบการณ์ที่เขาพบกันก็คงกระพัน แคล้วคลาดเด่นชัดมากๆครับ เป็นพระคณาจารย์สายอ่างทองที่เก่งมากองค์หนึ่ง
เหรียญนี้สวยนะครับ หายากอยู่ครับสวยๆ ส่วนมากใช้กันเลี่ยนเลยเหรียญนี้อายุ 50 กว่าปีนะครับสวยๆคงยากอยู่;aa50 พุทธคุณหายห่วงครับ ท่านนี้
ราคาสอบถามครับ พร้อมส่ง เหรียญเดียวครับ_heart+love_สวยๆหายากครับต่อไปสภาพไหนก็ต้องเช่ากันครับ
<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET style="WIDTH: 422px; HEIGHT: 273px" class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET><!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET> -
แหวนงูใหญ่ แบบหล่อ พบน้อยมาก
หลวงพ่ออ่อน วัดเขียน
อ่างทอง นิยมมากสายท่านครับ
มีประสบการณ์มากด้านกันสัตว์มีพิษ และเป็นคงกระพันด้วยครับ
หลวงพ่ออ่อนผมเคยเล่าไปแล้วนะครับว่าท่านเป็นสหธรรมมิคกับหลวงพ่อทรง หลวงพ่อท่านก็สนิทสนมกับหลวงพ่ออ่อนมากครับ ไปมาหาสู่กันบ่อย หลวงพ่ออ่อนท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่ง ที่มีอาคมขลัง ลูกศิษย์ลูกหาท่านมากมายครับ ทั้งทหารตำรวจ ข้าราชบริพาร และเจ้านายชั้นสูงเสด็จมาบ่อยครับเป็นภายใน ของที่ท่านทำได้ขลังยิ่งนักและเป็นที่นิยมมากคือ หุ่นพยนต์ เบี้ยแก้ ตระกรุด (เล่นยาก) และแหวนงูนี้หละครับเล่นง่ายเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่นิยมมากแต่หายากนะครับ คอยจะเล่นมั่วสำนักกัน ระวังให้ดีครับ ของท่านจริงๆดูง่ายครับ และพุทธคุณนี่หายห่วงทั้งคงกระพัน กันเขี้ยวงาสารพัด กันงู (อันนี้หลวงพ่อเสียนท่านบอกให้ฟังด้วย) และคนอื่นๆที่เป็นสิษย์ท่านต่างก็ให้ความนิยมครับ แหวนนี้เป็นยุคต้นๆ พบน้อยครับมากหลวงพี่วัดไผ่แหลมท่านเคยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่ออ่อนท่านจะพกแหวนท่านเองผูกติดกับสายผูกรัดปะคตเอวตลอด เพราะก่อนที่หลวงพี่เขาจะไปอยู่วัดไผ่แหลมท่านอยู่ที่วัดเขียนมาก่อนครับ
.. บาท พร้อมส่งสภาพสวยมากๆครับเดิมๆ
ขนาด สองเซน<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET> -
พระผงรูปเหมือนเนื้อกระดาษสา
ฝังข้าวเปลือกพิรอด ผสมดินสระวัดมอญ
พระผงรูปเหมือพิมพ์นี้ เนื้อออกเหลืองครับ มีเนื้อหยาบ กระดาษที่ฝังนี้เป็นกระดาษสา ที่หลวงพ่อเสก ลงยันต์ แล้วแช่น้ำให้ยุ่ย เนื้อพระที่มีกระดาษปนนี้ มีทั้งเนื้อเหลืองและขาวครับพบน้อยกว่าทั่วไปมากและคนส่วนใหญ่แยกไม่ออกครับ ผมก้เคยให้เช่าไปหลายองค์ครับ มีน้อยมากครับ
950 บาทครับ ....พร้อมส่งครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สมเด็จปรกโพธิ์ พลิกแผ่นดิน
หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
พระสมเด็จปรกโพธิ์ พลิกแผ่นดิน พิมนี้พุทธคุณกลับร้ายกลายเป็นดีตามเคล็ด นิยมมากพอสมควร เพราะหาเนื้อที่ทันท่านยาก เพราะมีชุดหลังๆที่ไม่ทันท่านด้วย แต่เนื้อขาวแข็งๆ ไม่ค่อยมีแพร่หลายนักครับพิมพ์นี้ เป็นของวัดสร้างเอง บล็อคแม่พิมพ์ทำลายแล้วครับที่สำคัญผงต่างๆหลวงพ่อท่านทำเอง ดอกไม้ท่านก็เด็ดเอง กดพิมพ์บางองค์ท่านก็มากดด้วยครับ
รับประกันแท้ทัน ตลอดชีพครับ
เนื้อจัดมากครับ มีเกษา 850 บาท พร้อมส่ง
ปิดให้พี่ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ผาแดง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5029196", true); </SCRIPT> ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
จะเอาองค์นั้นน่ะครับป๋า ส่งมาเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวชำระหนี้สินให้ทีเดียวเลยครับ อิอิหุหุ (deejai) -
-
-
-
-
-
จารย์เบ็น สมเด็จหลวงพ่อเต่า หน้า 317 ตามไปดูแล้วไม่เห็นมีเลย
-
รับทราบครับพี่ ขอบคุณครับ -
-
หน้า 351 ของ 702