เป็นด้วยบุญวาสนาครับ...ทำให้ผมได้มาพบและครอบครองพระเครื่องของท่านฯ และได้รับประสบการณ์จากกลิ่นผงในองค์พระท่านฯโดยมิรู้ตัวครับ..จนมาระลึกได้ก็ตอนหลังทราบข่าวดีสิ้นเวรสิ้นกรรมจากมะเร็งแล้วครับ....
ทุกวันนี้...ภาวนาพระคาถาปัจเจกโพธิ์ในทุกๆเช้าตอนขับรถเคลื่อนออกหน้าบ้านครับ.....รู้สึกปลอดภัย ใจเย็น และไม่โกธรเวลามีใครขับรถไม่ดี หรือปาดหน้าเราครับ...
หลวงพ่อปาน รุ่นรักษามะเร็ง(ตับ)
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย บุพนิมิต, 17 ธันวาคม 2009.
หน้า 5 ของ 7
-
-
-
แต่ทุกๆโรคที่เกิดขึ้นทุกวันนี้....ต้องแก้ด้วยใจครับ.....
ละกิเลส...ละความยากทั้งปวง...แล้วจะมีสติในการดูแลตัวเองให้มีความสุขในทุกๆวันครับคุณนัน...
ชีวิตเรา...มีแค่ 2 องค์ประกอบเท่านั้น คือกาย กับ ใจ....แค่นี้เอง...จริงๆ -
-
ละกิเลส ยากสุดๆ แต่ก็ต้องค่อยๆละ ไปเรื่อยๆ เด๋วก็ชินใช่หรือป่าวครับ
กว่าพี่เกรียงจะมาเช็คกระทู้นี้ นานทีเดียวเชียวครับ -
ช่วงนี้งานเยอะ...เลยแวะเพียงกระทู้พระบ้านเป็นหลักครับ...โชตดีที่กระทู้พระบ้านๆ...มีพี่หน่องเมตตาช่วยส่งเสริมอยู่ทุกวันครับ...
เรื่อง "จิต" กับ"ใจ" หากคิดว่ามันคือสิ่งเดียวกัน ก็จะง่ายที่จะเข้าใจ...
แต่หากแยกมันออกจากกัน...บางครั้ง...มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนักจากการแยก...
ผมมองมันแค่พื้นๆ...ดังนั้น...จิตกับใจ...ในความหมายของผม...คือสิ่งเดียวกันครับ....
หลักพื้นฐานที่สุดของสิ่งมีชีวิตตามหลักพุทธ...
จิต(ใจ) คือนาม ตัวตนของเรา
กาย คือรูป..เปรียบเหมือนที่อาศัยของจิต
กายที่จิตอาศัยอยู่...มีเกิดมีดับ...ไม่มีสิ้นสุด ไม่เสถียร...ไม่คงอยู่...
แต่จิตนั้นไซร้...ดำรงอยู่...ไม่มีดับสูญ...ตามกรรม...เปลี่ยนเพียงกายที่เป็นเรือน...
เมื่อกายเสื่อมสลาย..ตามกฏแห่งธรรมชาติ...จิตก็เปลี่ยนเรือน...ตามกรรม ตามวัฏสังสาร...
ดังนั้น...นิพพาน จึงเป็นที่สุดของจิต...เป็นสิ่งที่จิตบริสุทธิ์ ใฝ่ถึง...หรือต้องการไปให้ถึงเป็นเป้าหมายสุดท้าย ของผู้บำเพ็ญความดีต้องการ
ผมเอง...ไม่เคยใฝ่ฝันถึงนิพพานครับ...ไกลเกินเอื้อม...ลำพังแค่ดับ"ความอยาก"ให้ได้ทุกครั้งที่มันบังเกิดขึ้น..ก็นับว่าสุดยอดแล้วครับคุณนัน..ฮ่าๆๆๆ
เวลาเกิด"ความอยาก" ขึ้นในใจ...ลองใช้สติ จับจริต"ความอยาก" ของเราขณะนั้นดูซิครับ...เรียนรู้ความรู้สึก"อยาก" ต่างๆนาๆ หลายๆอารมณ์...ผมว่า จะทำให้เราเข้าใจและเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แบบบริสุทธิ์ได้ครับ...
ทำบ่อยๆ...ทำจนชิน...ก็ไม่ยากที่จะเกิดองค์ความรู้ในตัวเองครับคุณนัน.. -
สวัสดียามเช้าๆครับ ^ ^
-
มิได้เข้ามาเสียหลายวัน...มัวเพลินกับห้องพระเครื่อง อยู่อ่ะครับ....
ได้มีโอกาศพูดคุยกับเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง...ที่โทรเข้ามาขอคำชี้แนะในการปฏิบัติและดูแลตัวเองในช่วงที่รู้ว่า...เราเป็นมะเร็ง และต้องได้รับการรักษาจากหมอแผนปัจจุบัน....
แต่อย่างที่กล่าวไว้ในโพสต้นๆนะครับ...เจตนาจริงๆของผม คือต้องการให้ผู้ที่แสวงหาคำตอบเพื่อการอยู่รอดและต่อสู้กับมะเร็งได้รับรู้ ว่า...มีผู้ที่รักษามะเร็งขั้นวิกฤตรอดชีวิต อยู่จริง....ไม่เป็นเพียงผู้ถึงอ้างถึงในหนังสือสุขภาพ หรือหนังสือเกี่ยวกับมะเร็งอื่นๆที่มีขายอยู่ในท้องตลาด...
ข้อเท็จจริงที่อยากแจ้งให้รับรู้คือ...ผมได้พบและได้รู้จักกับผู้ป่วยมะเร็งชนิดหมอบอกให้ไปรอทำใจอยู่ที่บ้าน (หมอไม่รับรักษาต่อ) แต่ก็สามารถดูแลตัวเอง อยู่ร่วมกับมะเร็งมาได้ยืนยาว 10 กว่าปี...มีตัวตนอยู่จริงๆ...และไม่ใช่ผู้ที่ถูกเขียนถึงในหนังสือเกี่ยวกับมะเร็งที่เราเห็นในเนท หรือขายทั่วๆไป...
สิ่งเดียวที่ผมได้ทราบเหมือนๆกันคือ...ท่านล้วนยึดหลักธรรมชาติ หลักธรรม ในการดูแลตัวเองในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ครับ....
บางท่านก็เป็นวิทยากรรับเชิญ...ไปบรรยายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับมะเร็ง....
สำหรับผมในทุกวันนี้...มะเร็งไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เคยเข้าใจ...มีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง...ที่คร่าชีวิตเราได้ และน่ากลัวกว่ามะเร็งครับ...
สองสามวันก่อน...เด็กข้างบ้านวัย 15 ปี...
เกิดอาการปวดศรีษะเพราะเครียดเรื่องความรัก...หมดสติ ไม่หายใจไปเฉยๆ...
ตอนนี้นอนอยู่ในไอซียู...ยังไม่รู้สึกตัวเลย....
เด็กผู้ชาย วัยเรียน แข็งแรง...เพื่อนหลานสาว...นั่งรถไปโรงเรียนคันเดียวกันทุกวัน...
นี่เป็นตัวอย่างนึงครับ...ที่ร้ายกว่ามะเร็ง....และยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่รอด...
ดังนั้น...มะเร็ง...เป็นได้และหายได้จริงๆครับ...ไม่น่ากลัวเลย.... -
หลักสำคัญสามอย่างที่ผมยึด...คือ
1. อาหาร
2. ออกกำลังกาย
3. สวดมนต์ ทำสมาธิ...
ข้อสองกับข้อสาม...ทำไม่ยาก...ทำได้ทุกวัน...เลือกเอาครับ.....
สำหรับผม...เช้าวิ่งสบายๆ ออกกำลังกายพอหอบ...
ก่อนนอน...สวดมนต์ ทำสมาธิ ...มากบ้าง น้อยบ้าง...แต่สม่ำเสมอ....
สองข้อนี้...ทำง่ายที่สุด...แต่ประโยชน์มากกว่าข้อแรก..มากมายครับ....
ส่วนข้อแรก...
หัดกินผัก...กินผลไม้...
เพื่อนผมคนหนึ่ง เป็นเก๊าท์ แก่เกินวัย...ทรมานอยู่ทุกวัน แต่ยังไม่ตาย...
พอพูดเรื่องกินผักผลไม้...มันบอกเลย "ผมกินประจำ?????"
แต่พอผมถามกลับไป...
วันนี้กินหรือยังล่ะ?...คำตอบคือ..ยัง? หุหุหุ
วันนี้กินผลไม้อะไรมาล่ะ...คำตอบคือ..ยังไม่ได้กิน
แต่สิ่งที่ผมทำคือ...ผมมีผลไม้ติดมือมากินที่ห้องทำงาน ทุกๆวัน....
เช้าขึ้นมาก...ผมกินน้ำมะพร้าวอ่อนก่อนทานมื้อเช้า 1 ชม.ทุกๆวัน....
ที่บ้าน...
งดกินเนื้อสัตว์ใหญ่...ไม่ซื้อเนื้อสัตว์ใหญ่เข้าบ้าน....
ไม่ซื้อ manufacturing food เข้าบ้าน...งดเด็ดขาด....
กินข้าวกล้องผสมข้าวขาวทุกๆวัน.....
มือเช้า มื้อเที่ยง...ทานข้าว
มื้อเย็นทานสลัด..หรือผักผลไม้เบาๆ...ไม่ทานเยอะ ไม่เน้นอิ่ม
และอีกหลายๆสิ่ง...เช่นน้ำเต้าหู้...ต้มถั่วเขียว...ข้าวโพดต้ม ถั่วต้ม....
น้ำตาล...เปลี่ยนเป็นนำตาลทรายแดงและน้ำตาลอ้อย...
น้ำใบบัวบก น้ำอาร์ซี...น้ำผลไม้คั้น....สลับสับเปลี่ยนในแต่ละวัน...
แกงส้ม..ผักรอบๆบ้าน....ตำรึง ชะอม กวางตุ้ง ผังบุ้ง มะรุม แค กระเจี๊ยบ สะเดา...
น้ำพริก นานาชนิด...ปลาทู ปลาสลิด ปลาทับทิม...
กินซ้ำๆ..วนไปวนมา...หารอบๆบ้าน....
ตรงนี้อาจยากสำหรับบางท่าน....
แต่ทั้งหมดนี้...คือหนทางต่อสู้ที่ผมเลือกใช้ในระยะเวลาหนึ่งปีกว่าๆ กับมะเร็งเพิ่อนรักครับ...
แล้วเราก็เลิกคบกัน...มันเป็นคนทิ้งผมไปเองครับ... -
ผมมีผู้ใหญ่ใกล้ตัวที่ต้องเผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้นะครับ....
แต่ปัญหาที่พบคือ....
ท่านตัดใจเลิกกินเนื้อกินหมูไม่ได้...เหตุผลคือ มันไม่อิ่ม ไม่อยู่ท้อง..อืมมม...ก็สุดแต่กรรมอ่ะครับ...
กินผักซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ...เบื่อ..กินไม่ลง...น้ำหนักลด แรงไม่มี...อืมมม...ก็สุดแต่กรรมเช่นกัน...
หมอบอกหกเดือน...เพียงสองเดือนท่านก็ทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว แล้วก็จากไปครับ...
ทำบุญต่อชะตา ถวายพระพุทธรูปให้วัด...ก็เป็นแบบที่เห็นครับ...
ของผม..ภรรยาก็บนไว้กับหลวงพ่อพระพุทธชินราช...พอหายป่วย...ก็พากันไปกราบหลวงพ่อที่พิษณุโลกครับ...แล้วก็แก้บนตามที่ตั้งใจไว้... -
อัพเดทข้อมูล....
ปี 2553 นี้...เป็นช่วง follow up 3 เดือนครั้ง....หลังจากผ่านผล MRI เมื่อประมาณธันวาคม 2552....
เมื่อวันอังคารที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา...เป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 1 ปีนี้...ที่ต้องไปพบหมอ...ฟังผล CT Scan....
ผมออกจากบ้านพระพุทธบาท...ตีหนึ่งครึ่ง....ถึงศิริราช ก็ราวๆตีสามกว่าๆ....
จอดรถ...จัดที่ทาง...นอนต่ออีกพัก...
เจ็ดโมงเช้า...ตื่น...เตรียมตัวพร้อม...ไปเข้าคิวยื่นเอกสารที่ตึก ปกส....
ยื่นเอกสาร...ได้บัตรคิว...เดินไปทานข้าวโรงอาหาร...เป็นเรื่องประจำครับ...อีกนานกว่าจะผ่านตรงจุดนี้...ฮ่าๆๆๆ
กินข้าวสบายๆ...เดินไปดูหนังสือพระ...ได้"มงคลทิพย์"ติดมือมา...กลับมารอเรียกรับแฟ้มฯ...
แปดโมง...ได้แฟ้ม...ตรงไปเข้าคิวต่อที่ชั้นล่างรังษี...รับผล ct scan...จุดนี้ไม่ค่อยนาน...ประมาณ 4-5 คิวก็ได้รับผล...
ได้ผล ct แล้ว...เดินขึ้นชั้น 3 ไปยื่นแฟ้มที่ฝ่ายศัลยกรรม...รอเรียกเข้าพบหมอ...เป็นอีกจุดหนึ่ง...ที่ยาวๆๆๆๆๆ....
ผล ct อยู่ในมือแล้ว...นึกในใจ...จะอ่านก่อนดีมั๊ยว่ะ...
อืมมม...ลังเลใจ...คล้ายๆตอนมาฟังผล MRI เมื่อ 1 ปีที่แล้ว....ไม่กล้า...ไม่อยากรู้ก่อน...กลัวผลไม่ ok แล้วต้องมาฟังซ้ำจากปากหมออีก...ไม่เอาดีกว่า....วัดดวง...หุหุหุ...กลัว...แต่สู้โว๊ยยย....
ยื่นแฟ้มเสร็จฯ...พยาบาลบอก..."ไปทานข้าวก่อนได้นะ...อีกนานกว่าจะเรียก"...
เดินลงมาเตร่ชั้นล่าง...สั่งคาปูชิโนร้อน togo...เข้าห้องน้ำให้พร้อม (ห้องรังษีชั้นล่าง...ห้องน้ำสะอาดกว่าชั้น 3 ศัลยกรรมครับ)...
ดูโน้นดูนี่...จิบกาแฟร้อน...ฆ่าเวลา....เดินขึ้นไปรอชั้น 3 เก้าโมงกว่า...
สักพัก...ถูกเรียกจากด้านนอก...เข้าไปรอด้านในอีกรอบ...ส่งผล ct ติดหน้าอกอักษร "A" สีแดง...กลุ่มทางเดินอาหาร ในช่องท้อง ประมาณนี้ๆครับ...
เจอคุณลุง...ป่วยหลายๆโรค...คุยกันถูกคอ...
สอนผมเรื่องกรรมมัถฐาน...ท่านอน...
ให้สติเรื่องดู/ศึกษาพระเครื่องฯ...อิอิอิ...โดนใจครับ...ต้องกราบขอบพระคุณคุณลุงอย่างสูง...(ไม่ได้ถามชื่อ...อิอิอิ)
ขณะคุยกะคุณลุงอย่างเข้าได้เข้าเข็ม...แกกำลังจะถอดพระในคอให้ดู....พยาบาลเรียก...เข้าไปเตรียมพบหมอหน้าห้องตรวจ...
จำต้องอำลาคุณลุงด่วนในตอนนั้น...ฮ่าๆๆๆๆ
พบหมอ...ยิ้ม...ทักทาย....
หมอก็ถามเดิมๆ..."เป็นอย่างไรบ้าง...มีอาการอะไรผิดปกติมั๊ย"....
ผมก็ตอบหมอเหมือนๆที่เคยตอบ..."สบายดีครับ...แข็งแรงดีครับ...."
ไอ้คำว่า.."อาการผิดปกติ" เนี่ย....สำหรับคนที่เป็นมะเร็งตับ ก็คือ....
- ตาเหลือง
- ตัวเหลือง
- อาหารไม่ย่อย
- ท้องอืด
- ท้องปวม
- ท้องโต
- อ่อนเพลียง่าย...ฯลฯ ครับ...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผล...เป็นที่น่าชื่นใจ....
ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ามีเซลมะเร็ง หรือเชื้อมะเร็งอยู่ในตับ....คริคริคริ...โล่งอก ฮ่าๆๆๆๆๆ
ปีนี้ 3 เดือนเจอกัน...
ปีหน้านี้...4 เดือนล่ะกัน....หมอบอก
หากแน้วโน้มดี...ก็เพิ่มเป็น 5 และ 6 เดือนเจอกัน...
หมอเขียนใบนัดครั้งถัดไป....บ๊าย บาย หมอ....ไปเดินเรื่องนัด...
เสร็จ...ขับรถกลับบ้าน....แวะไป ฟิวเจอร์ปาร์ค...ซื้อของตามใบสั่งภรรยา....
สบายใจ...กล้าขึ้นเยอะ...ความกลัวมะเร็งที่ยังคงติดค้างในใจอยู่บ้าง...หายไปเกือบสิ้น....
วันหนึ่ง...จะไม่มีความกลัวหรือกังวลหลงเหลือในใจอีกแม้แต่นิดเดียว...
เอาใจช่วยคนที่ต้องต่อสู้กับมะเร็งทุกๆคนครับ...
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ... -
ดีใจด้วยครับ
ท่านบุพนิมิต -
บทสวดชะยันโต พุทธชัยมงคลคาถา กับการรักษามะเร็งตับ
ในช่วงปีกว่าๆที่ผ่านมา (5 ก.ย 51 จนถึง 14 ธ.ค. 52) ผมต้องเข้า-ออก รพ.ศิริราชเป็นว่าเล่น ไปทำ x-ray CT Scan, ไปพบหมอเพื่อฟังผล, ไปนอน admit เพื่อให้ครีโมฯ เฉลี่ยแล้ว ต้องไปทุกเดือน (ครั้งถัดจากนี้ไปคืออีกสามเดือน...ฮ่าๆๆๆ ค่อยยังชั่ว)
ผมมีเรื่องเล่าโดยเฉพาะตอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเพื่อให้ครีโมฯ (TACE) TACE คือวิธีการเปิดเส้นเลือดใหญ่ที่โคนขาหนีบ แล้วใส่สายสวนเส้นเลือดเพื่อเข้าไปยังก้อนมะเร็งที่อยู่ภายในตับ ใช้เวลาในการทำประมาณ 1-2 ชั่วโมง นอนบนเตียงเล็กๆขนาดพอดีตัว ขยับไม่ได้ ไม่ได้วางยาสลบ ปิดตา และคอยฟังคำสั่งจากหมอและพยาบาล
พอผมรู้ว่าต้องขึ้นเตียงผ่าตัด ผมฟิตร่างกายโดยการออกวิ่งทุกเช้า สวดมนต์ทำสมาธิก่อนนอนทุกคืน ได้ผลครับ ร่างกายโอเค ไม่ปวดหลัง เมื่อยก้นแต่พอทนได้ แต่ด้านจิตใจ...ไม่โอเคครับ สวดมนต์ได้ไม่ตลอด ใจวอกแวก บทไหนก็ไม่นิ่ง ฟุ้งซ่านมาก แล้วยิ่งตอนจบ หมอเดินน้ำยาครีโมฯ เฉียดนรกเลย สุดบรรยาย ขนาดเราฟิตขนาดนี้...ยังไม่อยากกลับไปซ้ำอีกเลย แล้วคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงจะขนาดไหนเนี่ย ขึ้นอยู่กับใจล้วนๆเลย
เข็มแรกผ่านไป...กลับมาฟิตใหม่ เพื่อรอรับเข็มที่สอง วิ่งทุกเช้า วันละประมาณ 1 กม. (วิ่งๆเดินๆนะครับ...ไม่วิ่งแบบหมาหอบ ฮ่ะๆๆๆ) สวดมนต์ทำสมาธิเหมือนเดิม เรื่องอาหารก็เป็นปัจจัยหนึ่งนะครับ แต่จะไม่พูดถึงในที่นี้
อีกประมาณ 6-8 สัปดาห์ผ่านมา ครีโมฯเข็มที่ 2 มาถึง...ร่างกายฟิตเปี๊ยะ ไม่ปวดไม่เมื่อย เมื่อยก้นเล็กน้อย แต่สมาธิแจ่มครับ...สวดได้ตั้งแต่ต้นจนจบบทแผ่เมตตา บทอุทิศส่วนกุศล เวลาเหลือ...จะสวดบทไหนต่อดี พระพุทธคุณ(อิติปิ โส), พาหุง-มหากา, ยังไม่ได้ความรู้สึก ลองวนที่บทชะยันโตเห็นพระชอบใช้ตอนพรมน้ำมนต์...แจ่มอ่ะ ได้ฟิลลิ่งครับ รู้สึกกำลังใจดีสุดๆ ฮ่ะๆๆๆ ชะยันโต กับการภาวนะในใจ (มะเร็งร้ายจงหายไปๆๆๆๆ) แจ่มมาก
ได้ผลเกินคาดครับ...หมอรังษีที่ให้ครีโมฯแจ้งว่า ยกเลิกการเดินยา เพราะกลุ่มจุดเล็กปลายตับซีกซ้ายดังกล่าว ทดสอบแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ไม่ใช่เซลมะเร็ง ทีมเจ้าหน้าที่คนหนึ่งแซวว่า นึกว่ามานอนเจาะเล่นๆ ฮ่ะๆๆๆ ดีใจสุดๆเหมือนกัน แต่ครั้งนี้นะซี่ ที่หมอฝ่ายศัลยกรรมเข้ามา Motivate ให้ตัดตับซีกขวาออก..ชีวิตแทบสิ้นหวัง
อีกหกสัปดาห์ถัดมา...ให้ครีโมฯเข็มที่สามซ้ำที่จุดเดิมเมื่อครั้งที่สองที่ฝ่ายรังษียกเลิกการเดินยา เนื่องจากมีความเห็นแย้งกันระหว่างฝ่ายรังษีและฝ่ายศัลยกรรม ฝ่ายรังษีจึงจำเป็นต้องเจาะไปที่จุดเดิมอีกรอบ และคราวนี้..เหมือนเดิมครับ ร่างกายฟิตเปี๊ยะ จิตใจ(สมาธิ)แจ่มครับ สุดยอด พอขึ้นนอนบนเตียงผ่าตัด ผมก็เริ่มสวดมนต์จนถึงแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล แล้วก็...สวดชะยันโต พร้อมภาวนา (มะเร็งร้ายจงหายไปๆๆๆๆ) อะไรจะเหลือเชื่อปานนั้นครับ..หมอฝ่ายรังษี confirmed 100% เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวไม่ใช่เซลมะเร็ง เย้....ถึงเจ็บก็คุ้ม แต่หมอฝ่ายศัลยกรรมก็ยังไม่หายสงสัย แล้วตั้งสมมุติฐาน 3 อย่างว่า
1. อาจไม่ใช่เซลมะเร็งจริงๆ
2. เป็นเซลมะเร็งที่ตายแล้ว จากผลการให้ยาครั้งแรก
3. เป็นเซลมะเร็งที่มีเส้นเลือดอวัยวะส่วนอื่นหล่อเลี้ยงอยู่
ไม่รู้ล่ะ...ผมดีใจไว้ก่อน ว่าการสวดมนต์ภาวนาได้ผล อิอิอิ....
อีกเกือบสองเดือนผ่านมา 14 ก.ย. 52 ให้ครีโมฯเข็มที่ 4 ครั้งนี้เพราะผลจาก CT Scan ก่อนหน้าพบว่า ก้อนขนาด 6 ซม. ลดลงไปเหลือประมาณ 3.2 ซม. และปรากฏเซลมะเร็งหลงเหลืออยู่ภายในก้อนขนาด 3.2 ซม.นั้น จึงจำต้องให้ครีโมฯต่อ แล้วก็เหมือนเดิมครับ...พอขึ้นนอนบนเตียงผ่าตัด ผมก็สวดมนต์จนจบ แล้วก็สวดวนชะยันโต และภาวนา (มะเร็งร้ายจงหายไปๆๆๆ) เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่รอดครับ โดนยาแต่โชคดีตรงที่ว่า..คุณหมอสั่งยาไป 1 โดส แต่ใช้จริงครึ้งโดส การเดินยาไม่ปวดมากเท่าครั้งแรก แต่ใช้เวลานานกว่า พยาบาลแจ้งให้ทราบว่า คุณหมอค่อยๆเดินยาเพราะบริเวณที่ให้คือจุดเล็กๆขนาด 0.5 ซม. ที่ตับด้านซ้ายด้วยพร้อมกันทีเดียว สุดๆ...แต่พอทน
และจนมาถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ธ.ค. 52) ข่าวดีก็เป็นของผม ผลการ x-ray MRI (2 ธ.ค. 52) ไม่พบเนื่อร้ายหลงเหลือในตับผมอีกแล้ว ถึงแม้จะมีหลายๆปัจจัยที่ทำให้ผลการรักษาหายได้ แต่ที่ช่วยให้ผมทนต่อการนอนบนเตียงผ่าตัดได้นานเกือบสองชั่วโมงทุกครั้ง คือบทสวด ชะยันโตครับ
ขออนุโมทนาบุญสำหรับบทความที่แด่ผู้อ่านทุกท่านครับ
-----------------------------------------------------------------------
นำกลับมารวมในกระทู้นี้ครับ...เป็นสิ่งหนึ่ง...ที่ช่วยให้ใจผมสงบ นิ่ง...และไม่กลัวมะเร็ง... -
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน ดีใจด้วยนะครับ
-
ปีหน้าหากมี trip เยี่ยมลูกค้าแถวนครปฐม...จะหาเวลาแวะไปคารวะทักทายครับพี่....
ด้วยความเคารพครับ... -
-
นับจากโพสแรกจนถึงวันนี้....เกือบสองปีแล้ว....
ปี ๒๕๕๓....พบหมอสามเดือนครั้ง.....
ปี ๒๕๕๔....(ปีนี้) พบหมอสี่เดือนครั้ง......
๒๐ ก.ค. ที่ผ่านมา...เป็นการพบครั้งที่สองของปีนี้.....อีกสี่เดือนเจอหมอใหม่...ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ครั้งถัดไปจะเป็นปลายปีครับ...ประมาณ ๙ พฤศจิกายน...นานๆเจอหมอที...อดตื่นเต้นไม่ได้....อิอิอิ....
ภาระ หน้าที่ในการต้องไปพบหมอเป็นประจำ...ถึงแม้จะเสียเวลา 2 วันต่อครั้ง...และใช้เวลาทั้งวันเพื่อที่จะรอพบหมอเพียง 2-3 นาที...แต่มันคุ้มค่ามากเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตที่เหมือนฝันร้ายที่รอดพ้น มาได้.....
มีน้องท่านหนึ่งถามผมว่า...หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายในชีวิตมาได้...พี่คิิดจะทำอะไรบ้าง...ไปเที่ยวไกลๆมั๊ย?
คำ ตอบที่ผมมีอยู่ในใจเพียงคำตอบเดียวคือ...ผมขออยู่กับครอบครัว ไม่มีอะไรสำคัญที่สุดหรือสิ่งใดสำคัญที่สุดกับผมอีกแล้ว....นอกจากครอบครัว ....(ลูก ๒ เมีย ๑ ...และคนที่อยู่รอบๆตัวผม)....
วันที่ผมไม่มีทางเลือกให้กับชีวิต...เงินมากมายเท่าไหร่...ก็มิอาจแก้ปัญหาให้ผมได้....
ชีวิตที่เหลืออยู่...ไม่ได้แลกมาด้วยเงิน...
แต่แลกมาด้วยใจที่ไม่ยอมตาย...
แลกมาด้วยความหวังและกำลังใจของภรรยา....
แลกมาด้วยกำลังใจจากพี่ๆน้องๆญาติและเพื่อนๆทุกคนที่รู้ข่าว....
และอีกหลายคน หลายปัจจัยที่เมตตาเรา.....
ชีวิตง่ายขึ้น...
ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว....
เรื่องงาน...
หรือสิ่งแวดล้อมอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเรา.....
ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใจได้นาน....
ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น...เพราะมันเป็นแค่สิ่งเล็กๆน้อยๆ เมื่อเทียบกับวิกฤติที่เราเคยเจอ....ฮ่าๆๆๆๆๆ
และด้วยความเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งบนโลกใบนี้....
ยอมรับครับว่า...ไปหาหมอแต่ละครั้ง...ยังคงตื่นเต้นและตัดความกังวลใจไม่เคยได้สักที....
แต่ยังดีที่ใจยังมั่นคงกับความเชื่อที่ว่า...หากเราไม่ยอมที่จะตาย อะไรก็มาทำร้ายเรามิได้....
กรูแข็งแรง...กรูไม่กลัวมึง ไอ้มะเร็ง....ฮ่าๆๆๆ -
ประโยคนี้มันทะลวงเข้าไปที่กลางใจผมเลยยยยทีเดียว...
" ชีวิตที่เหลืออยู่...ไม่ได้แลกมาด้วยเงิน แต่แลกมาด้วยใจที่ไม่ยอมตาย"
หน้า 5 ของ 7