เดี๋ยวสิ คุณสมถะ นอกจากคุณจะไม่แก้ ข้อสงสัย ที่ผมพูดไป
คุณยังยกกลอนมาด่าผม แล้ว ยังจะบอกว่า ผมคิดไปเองหรือ
ไม่เอาน่า สมถะ อย่าเล่นตลก ก็คำกลอนนั้นมันด่าเห็นๆ จะให้ผมเข้าใจว่า คำชมหรือ
ส่วน มารดลใจ ก็เพราะว่า คุณไม่พิจารณาธรรม แม้ผมกล่าวหลายครั้งแล้วว่า ข้อแย้งนั้นยกมาไม่ถูก คุณก็ไม่แก้ แต่คุณกลับบอกว่า นายขันธ์ไม่เข้าใจบ้าง นายขันธ์ชวนทะเลาะบ้าง
คุณสมถะ เรื่องแค่นี้คุณยังแยกไม่ออก คุณจะไปแยก กาย 18 กายทำไม
หลวงพ่อสด แยกกายมาจากต้นธาตุต้นธรรม
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย belives, 29 ตุลาคม 2010.
หน้า 13 ของ 15
-
-
ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของคุณ -
-
-
แต่ผมไม่มี แล้วจะให้รู้ได้ยังไง
ผมไม่ใช่ภูมิธรรมสูงเพราะความจดความจำ
แล้วมองคนอื่นต่ำไปหมดนี่ -
ใครไปมองใครต่ำ นอกจากรับความจริงกันไม่ได้ ก็เท่านั้น
เพราะว่า เวลามาโต้แย้งกัน มันพกอัตตามาไง ทีนี้เวลาแย้งไม่ได้ มันก็ว่า มึงดูถูกกู
ก็ไม่มีใครเขาดูถูก มีแต่ ผิด กับ ถูก มีเหตุมีผล ในข้ออรรถข้อธรรม ก็เท่านั้น
ใช่ไหม เตชพาโล -
พระอนาคามีท่านยังละมานะไม่ได้เลย
แล้วคุณละได้แล้วเหรอ -
การเจริญ มหาสติ ปัฎฐาน นี้จะทำให้เห็นนาม
ก็ว่า นามนั้น ได้แก่ สัญญา เวทนา วิญญาณ สังขาร
สัญญา นั้น เวลาเราระลึกเรื่องราวเก่าๆ ได้ ระลึกจำได้ว่า นั่นคือนี่ นี่คือนั่น
ก็ แม้แต่ ความใส ของแก้ว ความกลม ของแก้ว นี้เราก็จำหมายมั่นมัน
เวลา ธรรมจริงๆ ไม่มีหรอก ความใส ความกลม มันมีแต่ สภาพธรรม
นี่ เรายังไม่เข้าใจธรรม ที่แท้จริง จึงว่า ดวงจำ ดวงคิด
ก็ขอถามหน่อย ทำไมไม่มี ดวงเจ็บ ดวงปวด จะว่า ดวงเวทนา แล้ว ดวงปวดน้อย ปวดมาก นี้ มันใหญ่เท่ากันไหม เส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร
สมมติว่าเท่าฟองไข่แดง แล้วหากว่า มันไม่มีไก่เล่า
ตัณหา ผัสสะ อุปาทาน อายตนะ เป็นดวงไหม
ลองถามคำถามเหล่านี้ดู แล้ว หากว่า เราจะให้มันเป็นดวง แสดงว่า เราไม่ได้สังเกตุ อาการที่มันเกิดขึ้นจริงในปัจจุบันธรรม เพราะมันเกิดเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ณ ขณะที่มันเป็น
นั่นแหละ ที่เราต้องใช้ สติ มอง -
-
หาประโยชน์ไม่ได้ แล้วจะแสดงไปเพื่ออะไร -
การจะแสดงอะไรควรรู้จริงเห็นจริงเสียก่อน
มันจะไม่ได้เป็นมลทินแก่ตน และไม่นำพาผู้อื่นให้หลงทาง
มานะ คือ สังโยชน์
แม้แต่พระอริยะ ขั้นอนาคามี ลงมาจึงถึงคนพาล
ก็มีมานะ หมดนั่นแหละ
แล้วจะมาแยกอะไร ระหว่าง มานะ ของปุถุชน กับพระอริยะ
มานะก็อันเดียวกันนั่นล่ะ
สติ อันเดียวกันมั้ย
สมาธิ อันเดียวกันมั้ย -
ธรรมมีโทษหรือ เตชพาโล
รู้จักคำว่า อกาลิโก ไหม -
สมาธิ สติ ของพระอรหันต์เหมือน ปุถุชนไหม เตชพาโล -
ตัวคุณ น่ะ กิเลสเต็มหัวใจ
สิ่งที่แสดงออกมา ก็มาจากกิเลสบงการทั้งนั้น
ก็ กิเลส มัน หลอกว่าเป็นธรรม น่ะไม่ว่า
มีสติหน่อย -
ต่างกันที่จิตบริสุทธิ์หรือเปล่าแค่นั้นแหละ -
ปุถุชนก็มี ขณิกสมาธิ อุปจาระสมาธิ อัปปนาสมาธิ ได้
พระอรหันต์ท่านก็มีเหมือนกัน หรือว่าท่านมีมากกว่านี้
ปุถุชนก็มี สัมมาสติ ได้
พระอรหันท่านก็มี หรือ ว่าท่านมีมากกว่านี้ -
ช่างทองผู้ชำนาญ กับ ช่างทองฝึกหัด เหมือนกันไหม เตชพาโล
พระศาสดา สอนให้ เจริญ สมาธิ เจริญ สติ เจริญปัญญา
พระเสขะ คือ ผู้ศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ยิ่งขึ้นไป
ปุถุชน ยังเป็นคนมืด ไม่รู้หนทางที่ชัดเจน จะว่า มี สมาธิ มีสติ เหมือนกับ พระอริยหรือ
จะบอกว่า เหมือนกัน ได้หรือ เตชพาโล -
ก็มีเหมือนกันมันจะต่างกันตรงไหน
สัมมาสติ ก็มีเหมือนกันมันจะต่างกันตรงไหน
เรื่องช่างทองมันคนละเรื่อง
จะไปลากมาทำไม
พระอรหันต์ที่ไม่ใช่ช่างทองก็มีเยอะแยะนี่ -
มาทีไรก็มาเถียงกันนะ แทนที่จะเก็บเกี่ยวความรู้จากสิ่งต่างๆ ผมมองง่ายนะไม่ชอบมองยาก ถ้ามันไม่ดีจริงคงไม่มีคนมานับถือมากมายหรอกเดี้ยวก็หายไปเอง แสดงว่าจะต้องมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ภายในปริศนานั้นๆ ไม่ต่างเท่าไหร่กับคำสอนของพระศาสดาใช่ว่าจะตีความได้ตรงตามนั้นซะที่ไหน บางคนยังหลงละเมอไปไกลลิปตาเลยก็มี แล้วมันแปลกยังไง ในเมื่อวิธีการทำให้คนเข้าใจโดยอาศัยคำสอนพระศาสดาเป็นแกนแล้วใช้ปัญญาที่สร้างไว้แต่ละระดับสมาธิที่สร้างไว้แต่ละระดับสติแต่ละระดับมาขัดเกลาจิต แน่นอนที่ต่างกันคือสมมุติบัญญัติทั้งหลาย เพราะมีสมมุติบัญญัติมากมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดผู้คน แล้วซ่อนความจริงบางประการให้ผู้คนได้ค้นหา จะเถียงกันไปก็ไม่เจอสิ่งใด อย่ายึดติดในตำรา อย่ายึดติดบัญญัติ เพราะมานะทั้งหลายก็มาจากทิฐิและความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆนั่นแหละ
หน้า 13 ของ 15