หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
หลวงตา
Sep 16, 2024
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ / พระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต 10 พระองค์
ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.
หน้า 93 ของ 105
-
-
ประวัติหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม
นามเดิม อ่อน กาญวิบูลย์
บิดา เมืองกลาง กาญวิบูลย์
มารดา บุญมา กาญวิบูลย์
เกิด ที่บ้านดอนเงิน ต. แชแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
วันอังคาร เดือน ๗ ปีขาล พ.ศ. ๒๔๔๕
ปัจจุบันนี้โลกเราต้องการคนดี โลกต้องการการให้อภัยเพราะนั่นเป็นทางแห่งความสันติสุข ต้องให้อภัย ทำใจให้กว้างขวาง จึงจะได้ชื่อว่า เชื่อฟังคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแท้จริง
ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เดิมชื่ออ่อน กาญวิบูลย์ เกิดวันอังคารขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีขาล พ.ศ. 2445 (ตามพ่อแม่ของท่านบอก) หรือเกิดวันอังคาร ขึ้น 5 ค่ำหรือ 12 ค่ำ (ตามปฏิทิน 100 ปี) ณ บ้านดอนเงิน ตำบลแซแล อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นบุตรของ นายภูมีใหญ่และนางบุญมา กาญวิบูลย์ ซึ่งมีลูกทั้งหมด 20 คน เลี้ยงจนเจริญเติบโตเพียง 10 คน ท่านเป็นคนที่ 8 ของผู้ที่ยังมีชีวิตรอดจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ท่านได้รู้จักทำงานช่วยเหลือพ่อแม่มาตั้งแต่อายุได้ 14 ปี พ่อภูมีใหญ่ได้บวชเป็นพระอยู่นานถึง 14 ปี ก่อนได้ลาสิกขาบทมาแต่งงาน ถึงขณะนี้อายุท่านจึงมากแล้ว ได้ทำหน้าที่ปกครองช่วยเจ้าฝ่ายศักดิ์ขวา ซึ่งเป็นปู่นั่นเอง อัญญาลุงเจ้าเมืองร้อยเอ็ดจึงได้ตั้งชื่อให้ว่าเมืองกลาง (ชื่อใหม่ของภูมีใหญ่) เป็นนักปราชญ์ จำพระปาติโมกข์วิชาคาถาอาคม เสียเคราะห์เสียเข็ญได้อย่างดี ทั้งกลางเมืองและนางบุญมา ต่างเป็นคนมีศีลธรรมประพฤติปฏิบัติ จดจำคำสอนจากพุทธศาสนามาสอน บุตรธิดา และหลานให้เข้าใจบุญบาปได้เป็นอันดี
หลวงปู่อ่อนท่านเกิดในท่ามกลางสภาพของธรรมชาติป่าดงอันอุดมสมบรูณ์ มีความอบอุ่นอยู่กับพ่อแม่ซึ่งมีฐานะไม่จนแต่ก็ไม่รวย จึงมีความเป็นอยู่พอมีความสุขตามสมควรจากอาชีพทำนาเลี้ยงโคฝูง ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ค้าขายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ อาชีพทำนาอาศัยฟ้าฝน ถ้าปีไหนฟ้าฝนดี ข้าวไม่เกิดโรคก็จะได้ผลผลิตเกิน 1,000 ถัง จากที่นา 8 ทุ่ง (แปลง) เป็นการผลิตเพื่อบริโภคกันทุกครัวเรือน มีวัวฝูงกว่า 200 ตัว กลางวันต้อนออกคอกปล่อยไปหากินเอง ตอนเย็นกลับเข้าคอกเอง ถ้าวัวไม่เข้าคอกเกิน 4-5 วัน จึงออกตามไล่ต้อนเข้าคอกสักทีหนึ่ง ถ้าวัวหายไปตามหาก็ลำบาก ป่าดงมันรกเสือและงูร้ายชุกชุม
หลวงปู่ได้เล่าถึงประวัติตนเองเมื่อครั้งช่วยพ่อแม่ทำงานด้วยความทุกข์ใหญ่ ว่าครั้งหนึ่งเดือนเมษายน วัวไม่กลับเข้าคอกจึงออกติดตาม ไม่ได้เตรียมน้ำดื่มไปด้วยกว่าจะเห็นฝูงวัวก็บ่าย 2 โมงเข้าไปแล้ว ตอไม้ตอหญ้าแพรกที่ไฟไหม้ก็แข็งเดินเท้าเปล่าไม่มีรองเท้าตอไม้ทิ่ม หิวน้ำก็หิว ก่อนเข้าหมู่บ้านหัวเข่าอ่อนล้มฮวบลงลุกขึ้นหาไม้เท้า ใช้สองมือยันไปจึงถึงบ้านได้ ครั้นถึงบ้านด้วยความกระหายน้ำอย่างมาก จึงรีบดื่มน้ำไป 12 กระบวยใหญ่ จุกน้ำเกือบตาย นี่คือทุกข์ใหญ่เพราะเลี้ยงวัวฝูงในครั้งนั้นท่านบอกว่ามีทุกข์อยู่หลายอย่าง เช่น ทุกข์เฮ็ดนา ทุกข์เลี้ยงหม่อน ทุกข์เลี้ยงวัวฝูง ทุกข์ฝึกแอบวัวใส่เกวียน แอบเป็นแล้วจึงขายได้
สมัยที่หลวงปู่อ่อนอายุ 11 ปี พ่อแม่ของท่านได้นำลูกชายคนนี้ ไปฝากให้อยู่วัดใกล้บ้านซึ่งสมภารมีความรู้ทางด้านภาษาลาว ภาษาขอม และภาษาไทย เป็นอย่างดี โดยหวังให้ลูกชายได้รับการศึกษา มีอนาคตสามารถเลี้ยงพึ่งพาตนเองได้ พออายุได้ 16 ปี พ่อของท่านได้อบรมว่าการบวชนี้เป็นบุญมาก ในที่สุดท่านก็ใคร่จะบวชจึงบอกเล่าและลาพ่อแม่ว่า ต้องการบวชเมื่อได้บวชแล้วจะไม่สึก พ่อแม่จึงนำท่านไปฝากให้เป็นศิษย์วัดกับท่านพระครูพิทักษ์คณานุการ วัดจอมศรี บ้านเมืองเก่า อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ต่อมาท่านก็ได้บรรพชา ให้เป็นสามเณรอ่อน ให้ศึกษาเล่าเรียนสวดมนต์ไหว้พระ การบวชเป็นสามเณรนี้ก็เพื่อจะได้ศึกษาเล่าเรียนให้มีความรู้มากขึ้น สามเณรอ่อนได้ศึกษาพระธรรมวินัยพอเป็นนิสัยเข้าใจถึงชีวิตสมณเพศเท่านั้น
ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรมและปฏิปทา
เด็กชายอ่อนได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 17 ปี (พ.ศ. 2462) สามเณรอ่อนได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมวินัย เมื่อเลิกจากเวลาเรียนแล้ว ก็ต้องเข้าไปรับใช้อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ ปัดกวาด ทำความสะอาด ล้างกระโถน รุ่งเช้าก็ออกบิณฑบาต ท่านมีฝีมือด้านการช่าง ได้ร่วมกับพระอาจารย์นำดินมาสร้างพระพุทธรูป แกะสลักไม้ทำบานประตูหน้าต่างที่สวยงามมาก ท่านมีมานะอดทน ขยัน หมั่นเพียร ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดจอมศรีกับท่านพระครูพิทักษ์คณานุการผู้เป็นอุปัชฌาย์ 3 ปี ท่านมีอายุ 19 ปี จึงเข้าอำลาอาจารย์ ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ท่านอุปัชฌาย์หาว่าอวดดีจึงขับออกจาก วัดจอมศรีไปพักอยู่ที่วัดดอนเงินไปลาโยมพ่อโยมแม่ แต่ไม่ได้รับอนุญาตอ้างว่าคิดถึง
เมื่อสามเณรอ่อนอายุครบ 20 ปี ในปี 2464 ได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุในคณะมหานิกาย ที่วัดบ้านปะโค ตำบลปะโค อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระครูจันทา (เจ้าอธิการ จันทา) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านดอนเงิน 1 พรรษา
ในปี 2465 ได้ขอลาโยมพ่อโยมแม่ออกธุดงค์กรรมฐานไปอยู่กับพระอาจารย์สุวรรณ วัดป่าอรัญญิกาวาส อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ตามความตั้งใจของท่านมาแต่เดิม คือ
1. ยึดมั่นต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการบริกรรมว่า พุทโธ
2. ถือผ้าบังสกุลเป็นวัตร
3. บิณฑบาตเป็นวัตร
4. ไม่รับอาหารที่ตามมาส่งภายหลัง รับเฉพาะที่ได้มาในบาตร
5. ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร
6. ฉันในบาตร คือมีภาชนะใบเดียวเป็นวัตร
7. อยู่ในป่าเป็นวัตร คือเที่ยวอยู่ตามร่มไม้บ้าง ในป่าธรรมดาบ้าง บนภูเขาบ้าง ในหุบเขาบ้าง ในถ้ำบ้าง ในเงื้อมผาบ้าง
8. ถือผ้าไตรจีวรเป็นวัตร คือมีผ้า 3 ผืน ได้แก่ ผ้าสังฆาฏิ ผ้าจีวร ผ้าสบง (รวมผ้าอาบน้ำฝนด้วย)
ในปี 2466 ได้ออกธุดงค์แสวงหาความสงบวิเวกปฏิบัติธรรม ได้ไปฝึกหัดเรียนพระกรรมฐานอยู่กับพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้ยอมมอบกายถวายชีวิตเป็นศิษย์ อยู่ที่วัดป่าบ้านค้อ อำเภอผือ จังหวัดอุดรธานี และได้ขอให้สวดญัตติแปรจากมหานิกายมาเป็นธรรมยุต พระอาจารย์ยังไม่ยินยอมให้ฝึกภาวนาไปอีก 1 ปี แล้วได้ขอให้ญัตติเป็นธรรมยุตอีก ท่านยินยอม แต่ต้องให้ท่องหนังสือนวโกวาทและพระปาติโมกข์ให้จบเสียก่อน หลวงปู่อ่อนจึงตั้งใจท่องนวโกวาท 4 วันจบ ท่องปาติโมกข์ 7 วันจบ จึงได้รับทำการญัตติเป็นธรรมยุต เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2467 ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 อายุได้ 23 ปี โดยมีพระครูชิโนวาทธำรง (พระมหาจูม พนธุโล : พระธรรมเจดีย์ในเวลาต่อมา) รักษาการตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลอุดร เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระครูอดิสัยคุณาธาร (คำ อรโก) เจ้าคณะจังหวัดเลย วัดศรีสะอาด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ แล้วกลับไปจำพรรษา ที่วัดป่าอรัญญิกาวาส อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
ในปี 2468 หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ได้ไปจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่กับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ที่วัดป่าอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ในปีนี้หลวงพ่อคำมี ผู้เป็นพี่ชายของหลวงปู่อ่อน บวชสังกัดมหานิกายมาขออยู่ปฏิบัติธรรมฝึกหัดภาวนากับท่านด้วย แต่ได้เกิดไข้ป่าอย่างแรง มรณภาพเมื่อเดือน 8 แรม 8 ค่ำ
ในปี 2469 ได้ธุดงค์ไปจำพรรษากับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล ที่เสนาสนะป่า ตำบลหัวตะพาน อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี ปี
2470 จำพรรษาที่ป่าช้าบ้านหัวงัว ตำบลไผ่ช้าง อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี
ปีถัดมา (2471-2472)ไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านสาวะถี ตำบลสาวะถี อำเภอพระลับ จังหวัดขอนแก่น (สมัยนั้น)
ถัดมาอีกปี 2473 ธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านพระคือ อำเภอพระลับ จังหวัดขอนแก่น ในปี 2474 หลวงปู่อ่อนได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกธรรม บ้านเหล่างา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
และในปี 2475 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ขณะดำรงตำแหน่งพระเทพเมธี เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา มีบัญชาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2475 ให้พระกรรมฐานที่มีอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ไปร่วมอบรมประชาชนร่วมกับทางราชการที่จังหวัดนครราชสีมา มีพระกรรมฐานไปชุมนุมกันจำนวนมาก เช่น พระอาจารย์สิงห์ พระอาจารย์มหาปิ่น พระอาจารย์อ่อน พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
ณ ปีนี้เอง พ.ต.ต. หลวงชาญนิยมเขต ได้ยกที่ดิน 80 ไร่ ถวายพระกรรมฐานที่มาชุมนุมเพื่อสร้างสำนักปฏิบัติธรรมอบรมศีลธรรมตั้งชื่อให้สถานที่แห่งนี้ว่า
วัดป่าสาลวัน ในครั้งนี้คณะพระกรรมฐาน ได้แยกย้ายกันออกอบรมศีลธรรมและสร้างวัดอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ได้ไปสร้างวัดป่าบ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว ชื่อวัดสว่างอารมณ์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริได้อยู่ปฏิบัติศาสนกิจ อยู่ที่วัดป่าสาลวันเป็นเวลา 12 ปี เท่ากับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
เมื่อปี 2488 พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ได้ออกจากวัดป่าสาลวันไปนมัสการ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบ้านหนองผือ ได้สร้างวัดที่บ้านหนองโคก อำเภอพรรณานิคม ให้เป็นคู่กับวัดป่าบ้านหนองผือ ทางที่จะไปนมัสการพระอาจารย์มั่น เพื่อให้ถูกกับอัธยาศัย ของพระอาจารย์มั่น ด้วยว่าให้พระผู้ให้ฝ่ายวิปัสสนาธุระสร้างวัดขึ้น ในรัศมีของวัดป่าบ้านหนองผือ จะได้ฝึกหัดพระที่มาศึกษาภาวนา เป็นการแบ่งเบาภาระของท่านเมื่อพระอาจารย์อ่อนได้สร้างวัดนี้แล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาหลายปีและได้เดินทางไปนมัสการพระอาจารย์มั่น เป็นประจำเพราะท่านอายุมาก
ในปี 2492 พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต อาพาธหนัก ได้รับการนำไปรักษาที่วัดสุทธาวาส สกลนคร และมรณภาพที่นี่
ในปี 2493 เมื่อพิธีถวายเพลิงศพพระอาจารย์มั่นผ่านไปแล้ว พระอาจารย์อ่อน ได้เที่ยวธุดงค์ไปถึงเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรี อยู่จำพรรษา 1 พรรษาแล้วกลับมาช่วยพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม สร้างกุฏิและหล่อพระประธานที่วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา ต่อมาพระอาจารย์สิงห์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระญาณวิศิษฏ์วิริยาจารย์ มาอีกหลายปีท่านมรณภาพ ทางคณะสงฆ์จึงได้ขอแต่งตั้งให้ อาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวันแทนท่านเจ้าคุณอยู่ประมาณ 1 ปี จึงลาออก เพราะเห็นว่าขัดต่อการออกรุกขมูลวิเวก
ในปี 2496 ท่านได้มาสร้างวัดป่าบ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ตามคำบัญชาของท่านเจ้าคุณ พระธรรมเจดีย์ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ สิ้นเงินหลายล้านบาท
ครั้งปี 2518 หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เริ่มอาพาธด้วยโรคกระเพาะอาหาร ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดหลายครั้ง อาการพอทรงตัวอยู่ได้ ร่างกายทรุดโทรม แต่ท่านก็ยังปฏิบัติกิจด้วยความอุตสาหะ สงเคราะห์พุทธบริษัท ปฏิบัติธรรมตลอดมิได้เว้น วันที่ 23 พฤษภาคม 2524 อาการอาพาธทรุดหนัก จึงได้นำเข้ารักษาที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรธานี (24 พ.ค.) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ (25 พ.ค.) โรงพยาบาลรามาธิบดี (26 พ.ค.) อาการไม่ดีขึ้น ครั้นวันที่ 27 พฤษภาคม 2524 คืนวันพุธ เวลา 04.00 น. ท่านก็ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ท่ามกลางนายแพทย์และคณะศิษย์ที่ติดตาม สิริรวมอายุได้ 80 ปี เป็นสามเณร 3 พรรษา เป็นพระ 58 พรรษา
ข้อมูลอ้างอิงจาก : dharma-gateway.com
:- https://www.web-pra.com/amulet/พระอาจารย์อ่อน-วัดป่านิโครธาราม/history
-
สตรีขี้เมา .. !! เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
หลวงตา
Sep 20, 2024 -
๑๕๔.สมบัติพญางูผี ลี้ลับป่าสาละวิน
thamnu onprasert
Sep 14, 2024
เรื่องราวอาถรรพ์ลี้ลับสมบัติมรณะพญางูผี ที่นายฮ้อยหนุ่มส่างอุ่นเปิงได้พบเจอ -
ผจญภัยในลาว
หลวงตา
Jun 9, 2021
ผจญภัยในลาว หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญญวิเวก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เรื่่องราวการเที่ยวธุดงค์กรรมฐานและการผจญภัยนานาประการ ในดินแดนประเทศลาว สมรภูมิสำคัญที่พระนักปฏิบัติ ใช้ในการกระทำความเพียรขั้นอุกฤต -
พระใหม่กับกุฏิไม้โลงผี | หลอนonline ณ แดนสนธยา EP.11
ดินแดนสนธยา
1,103,035 views Dec 8, 2023 -
๒๗๙.ผีโพงเมืองมาง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Jul 22, 2023
เรื่องราวของผีโพงตนหนึ่ง แห่งดงเมืองมาง ซึ่งเคยทำกรรมปรามาส ลบหลู่ใส่ร้ายพระผู้ทรงศีลทรงธรรม. -
๒๘๐.ดอยผีคราง เมืองแวน ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Aug 1, 2023
พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย เดินทางไปพบสิ่งลี้ลับบนดอยเมืองแวน -
๑๔๘ .ป่าช้างดุ ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Aug 7, 2020
พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย เดินทางผ่านป่าช้างที่ดุร้าย.. -
๑๒๖.พิศวง..ป่าดงเสือ ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Apr 9, 2020
พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย พบเรื่องน่าพิศวงในป่าเขตเมืองโต๋น..รัฐฉาน.. -
ราชาเจ้าเล่ห์ (นิทานธรรม)
หลวงตา
Oct 5, 2024
-
หลวงปู่แหวน ผจญสัตว์ประหลาด
หลวงตา
Jun 2, 2021 -
๒๓๒.ตาทิพย์..พาทุกข์ ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Dec 16, 2021
พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทยช่วยแก้ไขอาถรรพ์ของน้ำมันตาทิพย์ให้เจ้าส่างสามเณรที่เมืองปางซาง. -
พราหมณ์ขโมยดวง ขโมยโชคของคนอื่น
เผือก สีขาว
Oct 11, 2024
-
หลวงพ่อเคน ธุดงค์เดี่ยวบนภูเขาควาย
ปู่ดอน station
Oct 8, 2024
หลวงพ่อเคน พระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าบ้านหนองหว้า อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ท่านคือพระธุดงค์กรรมฐานที่เด็ดเดี่ยวมาก ในสมัยออกธุดงค์ใหม่ๆนั้น ท่านได้ธุดงค์เดี่ยวขึ้นไปภาวนาอยู่บนภูเขาควายแห่งประเทศลาว ซึ่งเป็นภูเขาในตำนาน อันเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับมากมาย.. -
ประวัติหลวงปู่เคน เขมาสโย
วัดป่าบ้านหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน สกลนคร
ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านมีชาติกำเนิดในสกุล “นิ่งแนน” ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับ วันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ณ บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นบุตรของคุณพ่อไพ คุณแม่บับ ท่านเกิดได้ไม่นานแม่ก็เสียชีวิต น้าสาวเลยเอาท่านไปเลี้ยงเป็นลูก แล้วเปลี่ยนนามสกุลเป็น “ฤกษ์งาม”
ในสมัยเด็ก ๆ องค์ท่าน มีจิตใจในทางเมตตา ใฝ่ใจใคร่รู้ในทางธรรมมาก และมีจิตเมตตา สงสารในสัตว์เล็ก สัตว์น้อย และมีชีวิตที่ไม่โลดโผนมากนัก ผิดกับวัยรุ่นวัยหนุ่ม ที่คะนองตามแบบหนุ่มบ้านนอกลูกทุ่งโดยทั่วไป ด้วยใจที่ใฝ่ในทางธรรม จึงออกปากขอโยมพ่อ โยมแม่ ขอออกบวช ก็เป็นที่น่ายินดีกับทุกคนที่ได้รับฟังเวลานั้น ช่วงนั้นเป็นเดือน ๑๑ เป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าว พอตอนเย็น ท่านกับเพื่อน ๆ ที่พร้อมจะบวชด้วยกันทั้ง ๔ คน ก็มาฝึกขานนาคกับหลวงปู่หอม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ที่วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง
ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๓ ปี ณ สิมกลางน้ำ วัดป่าบ้านหนองดินดำ(ภายหลังเปลี่ยนเป็น วัดป่าคามวาสี) ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล โดยมีพระอธิการพุฒ ยโส (ภายหลังได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูพุทธิวาคม) เป็นอุปัชฌาย์ หลวงปู่นนท์ โกวิโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่หอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระอาจารย์เคน ได้รับฉายาว่า "เขมาสโย" แปลว่า "ผู้ยินดีอาศัยในธรรม" ในการบวชครั้งนั้นได้มีการเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทพร้อมกัน ๔ นาค คือ
๑.นาคเคน ฤกษ์งาม หรือท่านพระอาจารย์เคน เขมาสโย
๒.นาคประสาร รำไพ หรือท่านพระอาจารย์ประสาร ปัญญาพโล
๓.นาคสมัย โสภาจาร หรือท่านพระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก
๔.นาคชาลี โคตรสมบูรณ์ บวชเป็นสามเณร เพราะอายุยังไม่ถึง ต่อมาได้ลาสิกขาบท
หลังจากท่านบวชแล้วก็ติดตามหลวงปู่นนท์ โกวิโท เที่ยวไปธุดงค์ที่ จ.นครพนม ได้ไปศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่บุญมา มหายโส ที่วัดอรัญญิกาวาส อ.เมือง จ.นครพนม อยู่พักหนึ่ง
ภายหลังหลวงพ่อวัน อุตตโม แห่งวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ได้ฝากให้ท่านไปอยู่จำพรรษากับหลวงปู่คำ ยสกุลปุตโต เพื่อให้ท่านสอนวิปัสสนากรรมฐานในเบื้องต้นให้ ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่คำ มีอายุ ๖๐ ปี ที่วัดศรีจำปาชนบท บ้านพังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร เป็นพรรษแรก คือปี พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่คำ ให้อาตมาฝึกนั่งสมาธิเจริญคำภาวนาว่า “พุทโธ” ด้วยการให้พิจารณาการหายใจเข้าหายใจออกอย่างสม่ำเสมอ และให้มีสติกำหนดรู้อยู่ในการหายใจ ฝึกอยู่ได้หนึ่งพรรษาจิตยังหยาบอยู่ จึงต้องตั้งสติอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ
จากนั้นจึงไปศึกษาธรรมอยู่กับท่านพระอาจารย์จันทร์ ไปอยู่บ้านนาเหมือง จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์จันทร์ ได้สอนการอ่านตัวธรรมที่จารอยู่ในใบลานต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการฝึกจิตเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนจิตใจสงบดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านเหมือนเมื่อก่อน จึงทำให้หูตาสว่างไสวไปอีกขั้นหนึ่ง คือมองอะไรก็เป็นธรรมดา จิตใจไม่ว้าวุ่นเป็นสมาธิดี ท่านพระอาจารย์เคนอยู่อบรมธรรมกับพระอาจารย์จันทร์อยู่ ๓ พรรษา คือปี พ.ศ.๒๔๙๕ ถึงปี พ.ศ.๒๔๙๗ จากนั้นก็ไปจำพรรษาที่วัดโนนแสนคำ บ้านทุ่งคำ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ณ ที่นี้ ก็เป็นสัปปายะดี คือเป็นสถานที่ดี มีความสงบสงัด เป็นที่ถูกใจ เหมาะแก่การภาวนาปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ท่านอยู่จำพรรษาที่นี่ ๑ พรรษ คือปี พ.ศ.๒๔๙๘
จากนั้นจึงมาอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่หอม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ที่วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ๔ พรรษา คือ ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒ จากนั้นท่านทราบข่าวว่าหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นลูกศิษย์รูปหนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระที่มีปฏิปทาที่น่าเลื่อมใส จึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาอบรมธรรมอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี อีก ๑ พรรษา คือปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงปู่อ่อน ได้อบรมสั่งสอนในเรื่องทางการฝึกจิต ความเจริญทางจิตใจนั้น เราจะปล่อยไปเองตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะใจจะไหลลงต่ำ ไม่ดีงาม เราต้องรู้จักควบคุมบังคับ ฝืนไม่ให้อาหารในทางเสื่อม ไม่อย่างนั้นจิตใจจะไม่เจริญก้าวหน้า ท่านสอนให้ยึดคำบริกรรม “พุทโธ” เป็นหลัก เพราะไม่มีคำบริกรรมอย่างใดจะดีเท่าการสรรเสริญพระพุทธเจ้า
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อบรมเรื่องการอยู่ป่าเป็นวัตร เมื่อไปอยู่ป่าแล้ว อย่าไปยึดป่า อย่ามีอุปาทานในป่า เรามีนี่เพื่อทำปัญญาให้เกิด ถ้ายังไม่มีปัญญา ก็จะเห็นว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น เป็นปฏิปักษ์กับเรา เป็นข้าศึกกับเรา ถ้าปัญญาดีแล้ว รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น ไม่ใช่ข้าศึก แต่เป็นสภาวะที่ให้ความรู้ความเห็นแก่เราอย่างแจ้งชัด เมื่อสามารถกลับความเห็นอย่างนี้ แสดงว่าปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อท่านพระอาจารย์เคน รับการอบรมจากหลวงปู่อ่อนแล้ว ก็ได้กราบลา แล้วธุดงค์ไปที่ดงหม้อทอง แล้วไปอยู่ตามเขาตามถ้ำต่าง ๆ ที่ อ.บ้านผือ
สมัยนั้นยังมีป่าไม้ให้ร่มเย็น สมัยที่องค์ท่านออกเดินธุดงค์ ไม่ต้องกล่าวถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง เรียกว่า มีแต่ป่ากับป่า ท่านเล่าว่าสิงสาราสัตว์ อย่างเสือ กวาง เก้ง แม้ช้างป่า มากมายจริง ๆ แต่ก็ไม่ทำให้องค์ท่านท้อในการเดินทางเข้าหาพ่อแม่ครูอาจารย์ การไปอยู่ ณ ที่ใด ก็ได้พิจารณายึดเอาคำสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ท่านได้แนะนำให้ไปปฏิบัติตามครรลองของพระพุทธศาสนา การบิณฑบาตในสมัยนั้นก็ได้แต่ข้าวเหนียว ไม่มีกับข้าว อดบ้างอิ่มบ้างก็อดทนอดกลั้น แม้จะพบความยากลำบาก ก็ไม่กังวลกับสิ่งใดใด
ท่านพระอาจารย์เคน เขมาสโย ได้ธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว ขึ้นไปธุดงค์อยู่รุกขมูลตามร่มไม้ เพิงหิน โถงถ้ำที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ที่ภูเขาควายนี้เป็นที่มีอาถรรพณ์ และศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยภูตผีวิญญาณร้าย พระธุดงค์มากมายเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เป็นจำนวนมาก ท่านเล่าว่า ที่ภูเขาควายนี้เป็นภูเขาที่สูงมากของฝั่งลาว สูงกว่าดอยสุเทพเสียอีก เป็นภูเขาที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะเป็นป่าทึบดงดิบหนา มีสัตว์ป่ามากมาย เช่นช้าง เสือ หมี งู และสัตว์มีพิษอื่น ๆ อยู่มาก ที่สำคัญอากาศบนยอดเขาภูเขาควายหนาวเย็นมาก ถ้ามองรอบตัวจะไม่เห็นอะไรเลย เพราะป่ามันทึบมาก
เวลาขึ้นเขาไปต้องค่อย ๆ มีสติเหยียบก้อนหินขึ้นไปทีละก้อนอย่างเชื่องช้า เพราะหินบางก้อนลื่นมาก เขาก็สูงชันมาก กลัวจะพลาดตกลงไป ทั้งบนบ่าก็แบกกลด แบกบาตรอัฐบริขารหนักมาก ท่านนึกถึงตนเองสมัยนั้นก็น่าสงสารตนเองยิ่งนัก แต่เราเป็นพระที่ขึ้นชื่อว่าเสียสละในทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยปลงได้ เพราะถือว่าครูบาอาจารย์ก็เคยลำบากมาก่อนแล้ว ท่านจึงได้ดีมีอรรถมีธรรม ครูบาอาจารย์ที่เคยมาเยือนที่ภูเขาควายแห่งนี้ในสมัยก่อน ได้แก่ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่เครื่อง ธัมมธโร หลวงปู่ขาว อนาลโย และพระอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ก็เคยมาเยือนที่ภูเขาควายเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วทั้งนั้น
เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา ท่านพระอาจารย์เคน ได้เห็นตาผ้าขาว กำลังกวาดใบไม้อยู่บนพลาญหิน จึงรู้สึกดีใจว่าบนยอดภูเขาควายนี้ ก็มีผู้มาบำเพ็ญสมณธรรมเช่นกัน ท่านจึงรีบเดินตรงเข้าไปหาหวังพูดคุยเจรจาด้วย เพราะไม่ได้พูดคุยกับใครมานานแล้ว แต่พอไปถึงที่นั้นกลับไม่พบใคร มีแต่ความว่างเปล่า หรือจะเป็นเทพเทวดาอารักษ์รักษาป่าก็เกินจะคาดเดาได้ คืนนั้นท่านพระอาจารย์เคน พักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำที่ท่านไปอยู่ก็มีโครงกระดูก ไม่ทราบเป็นของพระธุดงค์หรือของโยมชาวบ้านที่มาล่าสัตว์ คงจะมาพักแล้วโดนงูกันตายก็เป็นได้ เพราะมีสิ่งของบางอย่างวางทิ้งไว้เช่นกาน้ำ การมาอยู่ที่ภูเขาควายก็ได้ความสงบสงัด ความวิเวกดี ได้ความก้าวหน้าในสมาธิตามลำดับ ท่านได้เที่ยวไปที่ต่าง ๆ ในเขตฝั่งลาวอยู่ถึง ๒ พรรษา คือปี พ.ศ.๒๕๐๔ ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๕
ในช่วงนั้นเกิดความไม่สงบของบ้านเมืองในประเทศลาว ชาวบ้านจึงให้ความเห็นให้ท่านเดินทางกลับมาฝั่งไทยจะดีกว่า ท่านธุดงค์ข้ามมาทางบึงกาฬ-ปากคาด-โซ่พิสัย เรื่อยมาทางคำตะกล้า-บ้านม่วง ผ่านวานรนิวาส จนมาถึงสว่างแดนดิน ท่านพระอาจารย์เคน เขมสโย ได้มาวิเวกมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่บ้านหนองหว้าครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ บริเวณด้านหลังกุฏิไม้(หลังเก่า)ขององค์ท่าน ท่านว่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยมาปักกลดอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนแถบนี้เป็นป่ารกชัฏ แล้วก็ยังมีเสืออยู่ แต่ปัจจุบันก็เป็นอย่างที่เห็น กลายเป็นไร่นาของชาวบ้านหมดแล้ว สมัยที่ท่านพระอาจารย์เคน มาวิเวกอยู่ที่นี่ครั้งแรก มีชายรูปร่างสูงใหญ่ เป็นคนโบราณ ตัวดำทมึน เดินเข้ามาหา บอกว่าตามมาดูแลรักษา มิให้เกิดอันตรายใดใดทั้งสิ้น ขอให้ปฏิบัติธรรมไปด้วยความสบายใจ เขาบอกว่าเขาตามมาจากฝั่งลาว จะมาขออยู่ด้วยตลอดไป ท่านพระอาจารย์เคน ก็ไม่ได้ว่าอะไร
จากนั้นท่านพระอาจารย์เคน ได้เข้าไปศึกษาอบรมธรรมอยู่กับท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ที่ถ้ำพวง ภูผาเหล็ก อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์วัน เป็นพระที่มีเมตตาธรรมมาก เป็นพระปฏิบัติดีเคร่งครัดพระธรรมวินัยรูปหนึ่ง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านพระอาจารย์วัน นับเป็นอาจารย์ใหญ่ของท่านพระอาจารย์เคน ที่ท่านมีแต่ให้มาตลอด ข้อธรรมที่ไม่รู้ ท่านก็สอนให้รู้โดยไม่ปิดบังแต่อย่างใด ท่านสอนให้พิจารณษสังขารร่างกายนั้นเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ อย่าไปยึดติดในสิ่งที่อยู่นอกกาย เช่น เนื้อหนังมังสาที่สวยงาม ล้วนแต่เป็นอนิจจังเป็นของไม่เที่ยงแท้ทั้งนั้น
ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านได้มากลับมาอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี มีโยมอุบาสกคนหนึ่งชื่อ “จันทร์เรียน” ได้มาฝึกขานนาคด้วย มีท่านพระอาจารย์เคน และท่านพระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก ช่วยกันสอนการออกเสียงอักขระ การขานนาคให้กับท่านจันทร์เรียน ท่านพระอาจารย์เคน จึงถือได้ว่าเป็นพระอาจารย์ และเมื่อครั้งท่านอาจารย์จันทร์เรียน อุปสมบทที่วัดโพธิสมภรณ์ ท่านพระอาจารย์เคน ก็ได้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร แห่งวัดถ้ำสหาย อีกด้วย
จากนั้นท่านพระอาจารย์เคน ได้กลับไปวิเวกอยู่ที่ป่าช้า บ้านหนองหว้าอีกครั้งนึง แล้วจึงได้อยู่โปรดญาติโยม จนได้สร้างเป็นวัดป่าหนองหว้า ได้อยู่จำพรรษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๖ หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านไปจำพรรษาที่วัดถ้ำสหายกับหลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร เนื่องจากหลวงปู่เคนท่านอาพาธ หลวงพ่อจันทร์เรียนเลยอาราธนานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วย ท่านเล่าว่าสมัยอยู่วัดป่านิโครธาราม ญาติโยมเอาหลวงพ่อจันทร์เรียนไปฝากท่านให้สอนขานนาคเนื่องจากหลวงปู่อ่อน ญาณสิริไม่อยู่ เพราะหลวงปู่อ่อนไปทำธุระที่กรุงเทพ ฯ ที่แรกท่านว่าจะไม่รับ รอหลวงปู่อ่อนกลับมาค่อยเอามาฝากหลวงปู่อ่อนใหม่ ญาติโยมไม่ยอม จำเป็นท่านเลยรับไว้ และก็สอนขานนาคให้ หลวงพ่อจันทร์เรียน นึกถึงบุญคุณครูบาอาจารย์สมัยหลวงปู่เคน ท่านเคยสอนนาค และอยู่อบรมธรรมด้วยกันมาเสมอ
หลวงปู่เคน เขมาสโย มีเพื่อนสหธรรมิกที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก คือ
๑.หลวงปู่ประสาร ปัญญาพโล วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
๒.หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก วัดป่าโนนแสงทอง ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
๓.หลวงปู่เกิ่ง วิทิโต วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ท่านมรณภาพแล้ว วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖
หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง อารมณ์ดี เยือกเย็นเสมอ พร้อมให้การสังเคราะห์ต่อศรัทธาญาติโยม ท่านมีอัธยาศัยเป็นพระที่ไม่ค่อยเก่งในการปฏิสัณฐานกับศรัทธาญาติโยมมากนัก เรียกว่าไม่ค่อยพูด นอกเสียจากว่านาน ๆ ครั้งองค์ท่านก็มีเมตตาสอนให้ข้อคิดคติธรรมบ้าง ในลักษณะคำสอนสั้น ๆ แต่ก็ถึงใจกับลูกศิษย์ลูกหา เมื่อได้น้อมใจที่พยายามเข้าใจในธรรมที่องค์ท่านเมตตาสอน ทั้งผิวพรรณขององค์ท่านก็สดใส ขาวผ่อง สมกับความเป็นพระอริยเจ้าผู้มีคุณธรรมขั้นสูง หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร ศิษย์ผู้มีความผูกพันกับหลวงปู่เคน เคยกล่าวไว้ว่า "พระผู้เฒ่าไม่ต้องห่วงแล้ว ท่านสบายแล้ว”
หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จยุพราชสว่างแดนดิน เนื่องจากลื่นหกล้มที่กุฏิ ในช่วงก่อนวันคล้ายวันเกิดในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ซึ่งทำให้สะโพกท่านหัก ภายหลังจึงได้นำตัวท่านส่งไปโรงพยาบาลสกลนคร และได้ละสังขารลงด้วยสาเหตุไตวาย เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๔๕ นาฬิกา ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา สิริรวมอายุ ๘๖ ปี ๗ วัน พรรษา ๖๓
Cr:ท่องถิ่นธรรม พระกรรมฐาน
-
๓๐๕.ลี้ลับเวียงเจียงลม ผีขุดปู ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Jun 1, 2024
เรื่องราวลี้ลับของผีเร่ร่อนหาขุดปูตอนกลางดึก ที่เวียงเจียงลม ซึ่งพระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย เดินธุดงค์ไปพบเจอ. -
๑๕๔.โปรดงู..หงอนแดง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Aug 30, 2020
พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย โปรดงูหงอนแดงที่ลำห้วยลี้ลับ เขตเมืองมีดรัฐฉานเหนือ -
๑๔๖ .กรรมเก่า..คนเผาวัด ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Jul 25, 2020
เรื่องราวกฏแห่งกรรมที่ให้ผลแก่ผู้กระทำอย่างเผ็ดร้อน แสนสาหัส.. -
๑๗๐. โปรดเวมานิกเปรต ธุดงค์ป่ารัฐฉาน
thamnu onprasert
Nov 20, 2020
เปรตบางตน กลางคืนรับวิบากกรรมทุกข์ทรมาน พอกลางวันได้รับความสุข..สลับกัน เรียกเปรตนั้นว่า เวมานิกเปรต!
หน้า 93 ของ 105