หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ /พระวังคีสเถระ l ผู้รับจ้างดีดกระโหลก

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    (cont.)
    หลวงปู่สีใบ้หวย
    ตามที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าข้าพเจ้ามาหาหลวงปู่สี เพราะได้ทราบจากเพื่อนว่าหลวงปปู่ให้หวยแม่น และให้ง่าย ๆ ไม่ยาก จึงลองมาดู ในวันแรกที่มาหาหลังจากที่คุยกับหลวงปู่อยู่สักพักหนึ่ง หลวงปู่สีท่านก็ได้หยิบกล้วยน้ำว้าจำนวน 3 ลูกห่อกระดาษส่งมาให้ พร้อมทั้งบอกว่า เอ้าเอาไปข้างล่าง ซึ่งข้าพเจ้าก็ทราบแล้วว่าท่านให้หวย แต่ก็แกล้งบอกหลวงปู่สีไปว่า ทำไมหรือครับผมไม่รู้ หลวงปู่ท่านคงรำคาญ เลยบอกว่า " หวยข้างล่าง 35 " ข้าพเจ้ารู้ท้นทีว่าเลขท้ายสองตัว 35 และงวดนั้นก็ออกตามที่หลวงปู่บอกตรง ๆ เลย พองวดที่สองข้าพเจ้าไปหาหลวงปู่ท่านก็พูดดว่า "ส้วมกลม ๆ สองส้วมอยู่ข้างล่าง" ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดออกทันทีว่า 00 หรือ 20 และหวยงวดนั้นก็ออก 00 ตรงตามที่คิด หลวงปู่ท่านจะบอกปัญหา ๆ ให้ฟังง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมากให้ลึกซึ้ง อย่างเช่น งวดสุดท้ายก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านบอกว่าข้างล่าง " ควายสามตัวต้อนเข้าคอก" ซึ่งใคร ๆ ที่ไปหาก็คิดได้ว่า 34 หรือ 43 และหวยก็ออก 34 ปรากฏว่างวดนั้นถูกกันมากมาย และเป็นการให้หวยครั้งสุดท้ายของหลวงปู่ การไปขอหวยหลวงปู่ ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรเลย ขึ้นไปกราบท่านเสร็จก็ถามท่านได้เลยว่า "หลวงปู่ปัญหางวดนี้มาหรือยัง" ท่านก็จะบอกให้ทันที และแยกให้รู้ด้วยว่าเป็นข้างล่างหรือข้างบน ท่านมักจะบอกอยู่เสมอ ๆ ว่าไม่ใช่ปัญหาของท่านหรอก "ผีมันทำให้ดู" แต่มีสิ่งที่เรา ๆ จะถามและคำพูดที่หลวงปู่ท่านไม่ชอบอยู่หลายอย่าง คนที่ขึ้นไปหาท่านจะโดนดุทันที เมื่อถามท่านดังนี้
    1 อย่าไปถามว่าหลวงปู่มียุงกัดไหม ท่านจะบอกว่าไม่มียุงมันก็มาถามให้มียุงแล้วท่านก็จะทำท่านั่งตบยุงให้ดู ทันทีทั้งที่ก่อนหน้านั้นท่านไปเคยตบยุงเลยสักนิดเดียว
    2 ห้ามพูดคำว่าฝันดี ฝันว่าอย่างนั้นฝันว่าอย่างนี้ ให้หลวงปู่ท่านฟัง เพราะหากไปพูดแล้วหลวงปู่จะดุ แล้วพูดว่า "มึงฝันดี แล้วมาหากูทำไม" นอกจากทั้งสองเรื่องนี้ที่ท่านไม่ชอบแล้ว เวลาที่หลวงปู่ท่านฉันอาหารอยู่ ท่านไม่ชอบให้ใครไปสูบบุหรี่บริเวณใกล้เคียง ท่านจะบอกว่าเหม็น หากใครสูบท่านจะเลิกฉันทันที อาหารที่หลวงปู่ชอบฉันคือ "บะหมี่เหลืองแห้งหมู" กับงบน้ำอ้อย พอคนรู้ว่าหลวงปู่ชอบ ก็นำมาถวายให้ท่านฉันเป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่ท่านจะฉันเพล ท่านเปิดปิ่นโตอาหารออกมาดู ปรากฏว่ามีแต่บะหมี่เหลืองแห้งทั้งนั้น ท่านเกาหัวแล้วหันมาบอกข้าพเจ้าพร้อมทั้งพูดว่า " อีกหยัง อีหยังก็บะหมี่ทั้งนั้น" ท่านคงจะเบื่อ เพราะต้องฉันทุกวันทุกมื้อเลย

    เอกซ์เรย์หลวงปู่สีไม่ติด
    ในคราวที่หลวงปู่สีท่านล้มป่วย คณะศิษย์ได้นำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลกองบิน 4 แพทย์ได้นำหลวงปู่สี เข้าเครื่องเอกซ์เรย์ แต่เมื่อล้างฟิล์มเอกซ์เรย์ออกมาแล้ว ปรากฏว่าฉายร่างหลวงปู่สีไม่ติด สร้างความประหลาดใจให้แกแพทย์ที่ทำการรักษาท่านเป็นอย่างมาก ท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ(หลวงพ่อสมบูรณ์) ต้องเดินมาบอกหลวงปู่สีว่า หมอเขาจะรักษาหลวงปู่ให้หาย หลวงปู่สีไปแกล้งเขาทำไม หลวงปู่ตอบว่า ท่านไม่ใช่คนธรรมดานี่จะได้ถ่ายติด แล้วก็บอกให้นำ ท่านไปเข้าฉายใหม่ ปรากฏว่าครั้งหลังถ่ายติด และในการฉีดยาทุก ๆ ครั้ง หมอต้องขออนุญาตหลวงปู่ทุกครั้ง หากไม่ขออนุญาตก็จะฉีดยาไม่เข้า หมอที่โรงพยาบาลกองบิน 4 และโรงพยาบาลจังหวัดชัยนาท เจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อย ๆ ครั้ง

    ยังไม่ไปจนกว่าโบสถ์จะเสร็จ

    คนที่ใกล้ชิดหลวงปู่ มักจะได้ยินท่านพูดคนเดียวเสมอ ๆ ว่า "ยังไม่ไป ให้โบสถ์เสร็จเรียบร้อยก่อนถึงจะไป" ท่านพูดแบบนี้บ่อย ๆ ครั้ง เคยถามท่าน ท่านตอบว่า "เขาจะรับไปอยู่ด้วย(หมายถึงตาย)แต่ท่านขอผลัดให้โบสถ์เสียก่อน" ซึ่งเมื่อสร้างโบสถ์วัดเขาถ้ำบุญนาคเสร็จและทำการปิดทองฝังลูกนิมิตได้ไม่ นาน หลวงปู่สีท่านก็มรณภาพ ตามที่ท่านได้พูดไว้

    หลวงปู่สีย่นระยะทางได้ (ภาคสอง)
    ในการออกธุดงค์ของหลวงปู่นั้น หลายชายของท่านคนหนึ่ง เคยติดตามไปด้วย ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี โดยค้างคืนที่พระพุทธบาท รุ่งเช้าพอฉันอาหารเช้าเสร็จเรียนร้อยแล้ว ปรากฏว่ามาถึงตาคลีเป็นเวลาฉันอาหารเพลพอดี ซึ่งระยะทางจากพระพุทธบาทมาถึงตาคลีให้เดินเก่งอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะเดินถึงได้ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน แต่หลวงปู่ท่านพาเดินได้

    อุจจาระหลวงปู่สีเป็นขี้ผึ้ง
    ในช่วงปลายปี 2519 หลวงปู่สีท่านป่วย คณะศิษย์ได้พาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดชัยนาทระหว่างที่ท่านรักษา ตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านไดด้พูดกับลูกศิษย์ว่า " กูจะให้ของดีมึงเอาไว้ใช้ " แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าท่านจะให้ของสิ่งใด ในวันต่อมาหลวงปู่สีท่านมีอาการท้องผูกอย่างแรง ท่านจึงบอกให้พระรักษ์สวนทวารท่าน เพื่ออุจจาระออกมา พระรักษ์จึงทำการสวนตามที่ท่านบอก เมื่ออุจจาระออกมาแล้วปรากฏว่าแทนที่จะมีกลิ่นเหม็นเหมือนของคนทั่วไป แต่กลับมีกลิ่นคล้ายกับสีผึ้ง พระรักษ์ได้ลองใช้มือบี้ดูต่อหน้าคนหลาย ๆ คน ปรากฏว่าเป็นสีผึ้ง ทางวัดจึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ เมื่อท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ( หลวงพ่อสมบูรณ์) ท่านจะทำสีผึ้งครั้งใด ท่านก็จะเอาสีผึ้งส่วนนี้มาผสมด้วยทุกครั้ง ผลปรากฏว่ามีอานุภาพมากมาย จึงเป็นที่ต้องการกันมาก ปัจจุบันทางวัดหมดไปนานแล้ว คงเหลืออยู่ไว้เพียงที่ผสมไว้เท่านั้น

    คำบอกเล่าจาก นาย เพชร ปล้องทอง(ลุงแตง) อายุ 73 ปี บ้านอยู่แถววัดเขาถ้ำบุญนาค มีศักดิ์เป็นเหลนหลวงปู่สี ถ่ายทอดประสบการณ์ในสมัยที่หลวงปู่สีท่านยังอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2023
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    (cont.)
    พญานาคในถ้ำหน้าวัดเขาถ้ำบุญนาค

    ในสมัยแรกที่พระมหาสมบูรณ์ท่านนิมนต์หลวงปู่สีมาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ก่อนที่จะมีกุฏิหลังเล็กที่หน้าปากถ้ำหน้าวัด หลวงปู่สีท่านจะจำวัดอยู่บนก้อนหินที่ในถ้ำ มีอยู่คราหนึ่งหลวงปู่สีท่านไม่สบาย ลุงแตงเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นมีอยู่ 3คน ที่มานอนเฝ้าหลวงปู่คือ ลุงแตง ทิดสว่าง และลุงขุ่ย นอนกับหลวงปู่ในถ้ำ ช่วงพลบค่ำหลวงปู่ท่านมาสะกิดให้ลุงทั้ง 3 คน ขึ้นมานอนบนก้อนหิน หลวงปู่บอกว่า " เดี๋ยวเขาจะมาคุยกับหลวงปู่" ในถ้ำแห่งนี้จะมีถ้ำเล็ก ๆ ซอยย่อยออกไปอยู่มากมายหลังจากที่หลวงปู่สีท่านบอกได้ซักพักก็มีตัวอะไรไม่ แน่ใจ เลื้อยออกมาจากถ้ำเล็กที่ปิดไว้ ลำตัวขนาดเท่าลำต้นตาลสีดำ บริเวณหัวมีหงอนสีแดง ยาวเท่าไหร่ไม่รุ้เพราะมืด เลื้อยมาชูคอตรงหน้าหลวงปู่สี และหลวงปู่ท่านก็พูดด้วยแต่พูดอะไรกันไม่รู้ สักพักก็เลื้อยออกไปจากถ้ำ ทั้ง ๆ ที่ถ้ำนั้นทำการปิดไว้อยู่ พอสอบถามหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า"เขาเป็นผู้รักษาถ้ำนี้และมาขอให้ช่วยรักษาถ้ำนี้ไว้อย่าให้ใคร มาทำลาย" และก็มักจะมีปรากฏการณ์แปลกเกิดขึ้นคือ บริเวณถ้ำหน้าวัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกองภูเขาเล็กที่โรงปูนฯตาคลี จะต้องทำการระเบิดเป็นเศษหิน ไว้สำหรับบดทำปูนซีเมนต์ และเป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนจะทำการระเบิดหิน จะต้องมีการเปิดหวอเตือนภัยให้ชาวบ้านละแวกนั้นให้ทราบ เพื่อที่จะไม่เข้ามาเพราะอาจทำให้เกิดลูกหลงจากแรงระเบิดได้ และนับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่ทุกครั้งจะทำการระเบิดบริเวณใกล้ ๆ ปากถ้ำ คนวางแนวระเบิดแล้วและกำลังจะกดสัญญาณหวอเตือนให้ดัง ระเบิดจะติดก่อนหรือไม่ก็ด้านไปในทุกที

    มีพระพุทธรูปในสระน้ำ
    หลังจากที่หลวงปู่สีท่านย้ายจากในถ้ำมาอยู่ที่กุฏิหลังเล็กหน้าปากถ้ำ ตรงบริเวณด้านหน้ากุฏิหลังนี้จะมีสระน้ำลึกอยู่ มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่สี ท่านมองไปที่สระน้ำและบอกกับพระอาจารย์สมบูรณ์ว่า ใต้สระน้ำนี้มีพระพุทธรูปเก่าอยู่สององค์ ปีหน้าน้ำในสระจะแห้งให้เด็กในวัดไปงมขึ้นมานะ หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปี น้ำในสระก็แห้งจริงตามที่หลวงปู่สีท่านได้กล่าวไว้ พระอาจารย์สมบูรณ์ท่านจึงให้เด็กวัดลงไปงมหาพระตามที่หลวงปู่ได้เคยบอกไว้ และปรากฏว่าพบพระพุทธรูปโบราณจริง ๆ ตามที่หลวงปู่สีท่านบอกไว้ทุกประการ

    แสนครั้งยังไม่เท่าหนึ่ง(เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคณะชลบุรีกับหลวงปู่สี)

    สืบเนื่องจากคณะชาวชลบุรีเกิดความ ศรัทธาหลวงปู่ที่หลวงปู่ได้ไปโปรดที่จังหวัดชลบุรี(อ่านได้ตอน ปาฏิหารย์แยกกายโปรดโยม) จึงตามมาหาหลวงปู่ถึงวัด ครั้นพอถึงเวลาฉันเพลแล้ว ชาวชลบุรีก็นำอาหารที่เตรียมมาถวายเพล ท่านก็ลุกขึ้นมานั่งยอง ๆ ฉันอาหาร โดยมีแมวและสุนัขนั่งล้อมหน้าล้อมหลัง ชาวจังหวัดชลบุรีกลุ่มนั้น เมื่อได้เห็นอากัปกิริยาของหลวงปู่เช่นนั้น คือนั่งไม่สำรวม ก็ไม่ศรัทธา จึงได้พากันเดินทางต่อไปยังวัดท่าซุง เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พวกเขาได้เล่าให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำฟังถึงหลวงปู่สีว่า “เป็นพระที่ไม่น่านับถือ” แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านกลับตอบไปว่า “กราบฉันแสนครั้งยังไม่เท่าได้กราบหลวงปู่สีครั้งเดียว” ต่อมาภายหลังชาวชลบุรีกลุ่มนี้ก็กลับกลายมาเป็นศิษย์ที่นับถือหลวงปู่สีมาก ที่สุดกลุ่มหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ และได้สร้างพระถวายหลวงปู่สีอยู่หลายรุ่นครับ

    ถอดข้อความส่วนหนึ่งมาจากหนังสือ สู่แสงธรรม โดย พล.อ.ต. มนูญ ชมภูทีป (อยากอ่านเต็ม ๆ ซื้อได้ที่วัดท่าซุงและซอยสายลมครับ)

    เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ข้าพเจ้าได้เข้าเรียนเสนาธิการทหารอากาศ แต่ในวันหยุดก็ได้เดินทางกลับบ้านที่กองบิน ๔ ตาคลี นครสวรรค์ ทุกครั้งและก็ได้ไปแวะเยี่ยมหลวงปู่สี ที่กำลังอาพาธหนักอยู่เสมอ ๆ ในบางครั้งที่เจอคุณหมอโอ๊ต ซึ่งเป็นนายแพทย์ของกองบิน ๔ (ชื่อจริงข้าพเจ้าต้องขออภัยที่จำไม่ได้เพราะเรียกกันแต่หมอโอ๊ตจนติดปาก) มาคอยให้การเยียวยารักษาอยู่ และด้วยเหตุนี้จึงได้รู้และเห็นกับตาว่า คราวใดก็ตามหากหลวงปู่สีไม่ยอมให้หมอฉีดยาแต่หมอจะฉีดให้ได้ เข็มฉีดยาก็จะต้องหักทุกครั้งไปเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง หมอโอ๊ตเองก็หนักใจเพราะไม่สามารถรักษาได้ตามกระบวนการแพทย์ และครั้งเมื่อหลวงปู่สีมีอาการหนักมาก ท่านเจ้าอาวาสก็คลานเข้าไปสอบถามว่า “ หากหลวงปู่สีมรณภาพ จะให้ทางวัดจัดพิธีศพของหลวงปู่สีอย่างไร” ซึ่งหลวงปู่สีก็ได้ตอบให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินกันอย่างทั่วถึงว่า”หากข้ามรณ ภาพเมื่อใด ท่านฤๅษีลิงดำจะมาเป็นผู้จัดการศพของข้าเอง ขอทุกคนอย่าได้เป็นห่วง”
    ต่อ จากนั้นมาอีกไม่กี่วัน ข้าพเจ้าก็ได้รับทราบจาก พ.อ.อ. สัมฤทธิ์ กลั่นดี ว่าหลวงปู่สีได้มรณภาพ เมื่อเวลาประมาณตีสามและหลวงพ่อก็ได้มาถึงวัดเมื่อเวลาประมาณตีห้า โดยมิได้รับการติดต่อจากผู้ใดทั้งสิ้น (ข้าพเจ้าต้องขออภัยอีกครั้ง ที่จำวันมรณภาพของหลวงปู่สีไม่ได้) และเมื่อหลวงพ่อมาถึงวัด ก็ได้สั่งการและอำนวยการให้เก็บศพหลวงปู่สีไว้ในโลงแก้ว ในสภาพเสมือนหนึ่งหลวงปู่สีนอนหลับสนิทมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งคือร่างของหลวงปู่สีไม่เน่าเปื่อย อีกทั้งเล็บมือเล็บเท้าและผมก็งอกยาวออกมาเช่นบุคคลธรรมดาที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งทางวัดก็จะต้องเปิดโลงแก้วทุก ๆ ๑๕ วันเพื่อปลงผมและตัดเล็บมือและเท้าให้หลวงปู่สีตลอดมา
    เรื่อง ที่ข้าพเจ้าได้เล่ามานี้จะเห็นได้ว่าทั้งหลวงปู่สีและหลวงพ่อจะต้องได้ญาณ และติดต่อกันได้ทางจิตมาโดยตลอด ซึ่งในทันทีที่หลวงปู่สีสิ้นลม หลวงพ่อก็รับทราบและเดินทางมาจัดการได้ในทันที

    หลวงพ่อนัดพบหลวงปู่สีทางจิต
    ถอดข้อความส่วนหนึ่งมาจากหนังสือ สู่แสงธรรม โดย พล.อ.ต. มนูญ ชมภูทีป (อยากอ่านเต็ม ๆ ซื้อได้ที่วัดท่าซุงและซอยสายลมครับ)
    เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๔ ในวันหนึ่งหลวงพ่อได้มาแสดงธรรมะออกอากาศที่สถานีวิทยุกระจายเสียง ๐๔ ตาคลี จ.นครสวรรค์ เหมือนเช่นเคย และหลังจากที่หลวงพ่อได้แสดงธรรมะออกอากาศเสร็จก็ได้มานั่งพักผ่อนสนทนากับ ข้าพเจ้าและพ.อ.อ. กริช บำรุงพงษ์ ที่ห้องรับแขก ข้าพเจ้าจึงได้ฉวยโอกาสเล่าถึงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สีให้ หลวงพ่อฟัง พอสรุปใจความสั้น ๆ ได้ดังนี้
    “ มีพ่อค้าชาวตาคลี กลุ่มหนึ่งได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่แหวนที่ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อหลวงปู่แหวนทราบว่าเป็นพ่อค้ามาจากตาคลี ก็หัวเราะพูดว่า” ท่านมีอาจารย์อยู่องค์หนึ่งอายุมากแล้วชื่อหลวงปู่สี ขณะนี้อยู่ที่ตาคลีค้นหาให้ดี เพราะท่านเก่งมากดังนั้นเมื่อผู้คนนั้นกลับมา ก็พยายามติดตามค้นหาในที่สุดก็ได้พบว่าหลวงปู่สี พำนักอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค มีอายุชราภาพมากแล้วถึง ๑๒๑ ปี อภินิหารหลวงปู่สี ขณะนั้นเป็นที่ร่ำลือกันมากคือ ไม่มีใครถ่ายรูปหลวงปู่สีติด หากไม่ขออนุญาตท่านเสียก่อน และชานหมากของหลวงปู่สีหากผู้ใดได้ไว้แล้วพกติดตัวไปก็จะเป็นสิริมงคล และป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้
    ข้าพเจ้าได้เล่าให้หลวงพ่อฟังต่อไปว่า “ กิตติศัพท์ของหลวงปู่สีดังกล่าว เมื่อได้รับฟังมาผมก็มิได้สนใจนักจนกระทั่งวันหนึ่งผมได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ที่ป่าหลังกองร้อยทหารสารวัตร(ในขณะนั้นข้าพเจ้าเป็นผู้บังคับกองร้อยทหาร สารวัตร และเป็นนายทหารรักษาความปลอดภัยกองบิน ๔ ด้วย) ผมจึงชวนเรือโทสังวร สมหวัง รองผู้บังคับกองร้อย และเรืออากาศ ครรชิต บัวอำไพ นายทหารสารวัตรซึ่งได้นั่งปรึกษางานอยู่กับผมลงไปดู ก็เป็นจ่าอากาศสารวัตร ๒ คน คนหนึ่งกำลังถือปืนตั้งท่าจะยิงไก่นัดต่อไป อีกคนหนึ่งยืนดู จึงตะโกนสั่งให้หยุดยิงและสอบถามว่าทำไมจึงขัดคำสั่งผู้บังคับกองร้อยฯ (ข้าพเจ้าได้เคยสั่งให้ยิงปืนได้เฉพาะในสถานที่ที่จัดไว้ให้ยิง และยิงได้เฉพาะวัน, เวลาที่ทางกองร้อยฯกำหนด) ซึ่งทั้งสองคนก็ยอมรับผิด และอธิบายสาเหตุให้ฟังว่าจ่าประสิทธิ์ไปได้ชานหมากจากหลวงปู่สีมาเล่าให้จ่า ชิตฟังถึงอภินิหารต่าง ๆ จ่าชิตได้ฟังก็ไม่เชื่อก็เกิดการพนันกันขึ้น โดยจ่าประสิทธิ์ไปขอซื้อไก่ในกองบิน๔ มาแล้วให้จ่าชิตยิง หากจ่าชิตยิงไก่ตาย จ่าชิตก็ได้ไก่ไปแต่ถ้าหากจ่าชิตยิงไก่ไม่ตายก็ต้องจ่ายเงินให้จ่าประสิทธิ์ แล้วให้จ่าประสิทธิ์เอาไก่ไป การยิงสัญญากันไว้ว่าจะยิง ๖ นัด ขณะนี้จ่าชิตยิงไปแล้ว ๓ นัด ยังไม่ถูกไก่ และยังมีสิทธิ์ยิงได้อีก ๓ นัด ผมจึงให้เรืออากาศโท สังวร และเรืออากาศตรีครรชิต ซึ่งเป็นมือปืน P.P.C.เหรียญเงินทั้งสองคน ยิงไก่คนละนัดก็ไม่ถูกอีก ผมจึงให้คนโทรศัพท์ไปเรียกพ.อ.อ. ชลอ ผาสุกมือปืนP.P.C. เหรียญทองมายิงในนัดสุดท้ายซึ่งก็ไม่ถูกไก่อีก (ในตอนนั้น พ.อ.อ. ชลอ ผาสุก โมโหมากขอให้เอาเหรียญบาทไปตั้งที่ตอไม้ทั้ง ๓ เหรียญ ก็ยิงถูกเหรียญกระเด็นไปทั้ง ๓ เหรียญแต่ยิงไก่ตัวใหญ่โต ซึ่งมัดติดกับต้นไม้ไม่ถูก) ผมจึงให้จ่าประสิทธิ์พาไปหาหลวงปู่สีในวันนั้น และพอไปกราบหลวงปู่สี หลวงปู่ก็กล่าวตำหนิว่าพวกผมทำให้ท่านเจ็บปากไปหมด เพราะชานหมากไปผูกติดกับคอไก่ท่านก็จะต้องคุ้มครองให้ไก่และเมื่อเอาปืนไป ยิงไก่ ลูกปืนมันไม่ถูกไก่แต่วันมาถูกปากท่านทุกนัด ผมและพรรคพวกที่ไปจึงต้องกราบขอขมาหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตา มอบชานหมากมาให้แต่ขอสัจจะว่า อย่าได้นำชานหมากของท่านไปทดลองที่ไหนอีก”
    หลวงพ่อได้นั่งฟังข้าพเจ้า เล่าถึงหลวงปู่สีด้วยความสงบ พอข้าพเจ้าเล่าจบหลวงพ่อก็พูดว่า “คุณมนูญ ฉันบอกหลวงปู่สีเมื่อตะกี้นี้แล้วว่า ฉันจะไปหาหลวงปู่ดีใจมาก จะคอยต้อนรับอยู่ที่กุฏิ ไปเราไปกันได้เลย”
    ข้าพเจ้าและพ.อ.อ. กริช ได้ฟังก็งงมาก เพราะหลวงพ่อก็นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ลุกไปโทรศัพท์ และโทรศัพท์ที่กุฏิหลวงปู่สีก็ไม่มี หลวงพ่อจะบอกกับหลวงปู่สีได้อย่างไร แต่เมื่อเป็นเจตจำนงของหลวงพ่อเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็จำต้องขับรถพาหลวงพ่อไป
    เมื่อไปถึงกุฏิหลวงปู่สี(ตั้งอยู่หน้าถ้ำวัดเขาบุญนาค) ข้าพเจ้าก็ยิ่งฉงนสนเท่ห์ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลวงปู่สีซึ่งตามปกติท่าจะนุ่งสบงอยู่ตัวเดียว บัดนี้ท่านแต่งชุดใหญ่ครบเยี่ยงพระภิกษุสงฆ์ที่พร้อมจะเข้าพิธีในโบสถ์ มีเสื่ออย่างดีปูได้เรียบร้อยพร้อมด้วยชุดน้ำชา และ หมากพลู อีกทั้งมีพระภิกษุสงฆ์ในวัดอีก ๒-๓ รูป รวมทั้งเจ้าอาวาสมานั่งคอยต้อนรับหลวงพ่ออยู่กันพร้อมหน้า
    ในขณะที่หลวงพ่อนั่งคุยกับหลวงปู่สี ข้าพเจ้าก็ได้แอบไปสอบถามท่านมหาองค์หนึ่ง ซึ่งใกล้ชิดกับหลวงปู่สีว่า “หลวง ปู่สีทราบได้อย่างไรว่า หลวงพ่อจะมา” ท่านมหาองค์นั้นก็ตอบว่า “อาตมาก็ไม่ทราบเห็นหลวงปู่นอนจำวัดอยู่ตามปกติ จู่ ๆ ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาแล้วสั่งให้อาตมาคุมกวาดลานวัดและเช็ดกุฏิแล้วให้เตรียม น้ำชา หมากพลูโดยเร่งด่วน ท่านบอกว่า ประเดี๋ยวจะมีพระผู้ใหญ่ระดับสูงมากมาหา พร้อมกันนั้นหลวงปู่ก็เข้าไปนุ่งห่มจีวรใหม่เอี่ยม รอหลวงพ่อดังที่โยมเห็นนี้แหละ
    เรื่อง ที่ข้าพเจ้าและพรรคพวกได้ประสบในครั้งนี้ไม่มีผู้ใดจะพิสูจน์หรือหาเหตุผลใด ๆ ได้เลย นอกจากจะคิดกันไปว่า หลวงพ่อได้นัดพบกับหลวงปู่สีทางจิตเท่านั้น หรือท่านผู้อ่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2023
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    (cont.)
    อานุภาพวัตถุมงคล ของหลวงปู่สี
    เวลาที่มีคนขอวัตถุมงคล หรือ ขอให้ท่านเสกของอะไรให้ ท่านมักจะตอบว่า "ของขลังไม่มี หนังสือไม่เคยเรียน เสกไม่เป็น บ่รู้จักหรอก" อยู่เป็นประจำ มีอยู่คราหนึ่ง นายเรียน นุ่มดี ผู้บัญชาการเรือนจำประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องการมากราบหลวงปปู่สี และขอให้ท่านเสกของให้ เพื่อที่จะนำไปสร้างพระ ได้มาหาข้าพเจ้า เพื่อให้ช่วยพามาวัดเขาถ้ำบุญนาค เมื่อข้าพเจ้าาพามาพบหลวงปู่สีแล้ว หลังจากท่กราบท่านเรียนร้อย นายเรียน นุ่มดี ก็แจ้งวัตถุประสงค์ให้หลวงปู่สีท่านทราบทันที หลวงปู่ตอบว่า "เสกไม่เป็น ของขลังไม่รู้จัก ไม่เคยเรียนหนังสือ" และนั่งเฉยไม่ยอมเสกให้ ข้าพเจ้าและพระรักษ์(พระที่คอยรับใช้หลวงปู่) ต้องช่วยกันขอร้องเป็นเวลานาน โดยบอกว่าหลวงปู่เสกให้เขาหน่อยเถอะ เขาอุตส่าห์มากันไกล ๆ หลวงปู่จึงบอกว่า "ส่งลังมาใกล้ ๆ จะเสกให้ พอยื่นลังมาอยู่ข้าง ๆ ท่าน ท่านก็ก้มลงเป่าทันทีโดยไม่ต้องมีการบริกรรมคาถาใด ๆ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วบอกว่าเสร็จแล้วรับกลับไปได้ นายเรียน นุ่มดีและผู้ติดตามมาด้วยถึงกับหน้าเสีย แต่จำเป็นต้องรับกล่องนั้นกลับไปแบบเสียมิได้ ภายหลังจากนายเรียน นุ่มดี กลับไปอยุธยาไปได้ 2-3 วัน นายเรียน นุ่มดีก็กลับมาหา หลวงปู่สีใหม่อีกครั้ง แต่ในคราวนี้ นายเรียน นุ่มดี ได้มาขออนุญาตหลวงปู่สร้าง เหรียญรุ่น"จตุรพิธพรชัย" และเหรียญรุ่น"พรหมวิหารธรรม"
    นายเรียน นุ่มดี ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อคราที่แล้วเห็นหลวงปู่เสกของในกล่องให้แบบไม่ค่อยจะเต็มใจ เล่นเป่าให้แค่ครั้งเดียว จึงไม่ค่อยศรัทธา ครั้นเมื่อถึงอยุธยาแล้วก็ให้ลูกน้องจัดการยิงทันที แต่ยิงยังไงก็ยิงไม่ถูกลังกระดาษ(หมายเหตุ ผงพุทธคุณในกล่องกระดาษนี้ ได้นำมาสร้างชุดพระเนื้อผงพิธีจตุรพิธพรชัย) จึงได้มีความนับถือหลวงปู่สีเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา ท่านฟัง หลวงปู่ดู่ท่านจึงให้นายเรียน นุ่มดี มาขออนุญาตหลวงปู่สี สร้างเหรียญขึ้นอีก 2 รุ่น เหตุการณ์แบบนี้ก็คล้าย ๆ เฉกเช่นกับเมื่อครั้งที่ นายแพทย์ วิเชยร ตระกูลสิน และจอ. นริศ ไชยมงคล ครั้งที่สร้างเหรียญขวัญถุงรุ่นแรกขึ้น ได้นำเหรียญขวัญถุงทั้งหมดใส่ถาด เพื่อให้หลวงปู่ทำการเสกให้ นั่งรอกันอยู่ตั้งนานหลวงปู่สีท่านก็ไม่ยอมเสกให้สักที จนผู้สร้างได้ขอร้องให้ท่านเสกให้เพราะจะได้นำลงไปจำหน่ายให้บูชา หลวงปู่สีท่านจึงใช้มือลงไปคน ๆ เหรียญในถาด 3 รอบ แล้วก้ม ลงเป่า 3 ครั้ง แล้วบอกกับผู้สร้างว่าเสร็จแล้วเอาไปได้ ผู้จัดสร้างถึงกับนิ่งอึ้งกันหมด แต่ปรากฏว่า เหรียญขวัญถุงรุ่นนี้กับปรากฏอภินิหารมากมาย คนถูกยิงด้วยลูกซองเต็มอกแต่ไม่เข้า รถชนกระเด็นไปเป็นวาไม่ปรากฏว่ามีอาการแต่อย่างใดให้ระคายผิว

    ถ้าจะพูดถึงวัตถุมงคลของหลวงปู่สี อันดับต้นที่คนนึกถึงคือ ชานหมาก ของหลวงปู่สี นั่นเป็นเพราะยุคแรกที่ท่านมาอยู่วัดเขาถ้ำบุญนาคนั้น ตอนนั้นท่านไม่อนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลใด ๆ ใครมาขอของดีท่านก็จะให้แต่ชานหมาก ดังนั้นชานหมากถือเป็นวัตถุมงคลอันดับต้น ๆ ที่มีคนอยากได้มากที่สุด และก็ดูยากที่สุดด้วยครับ

    เรื่องอานุภาพชานหมาก (มีอยู่หลายเรื่องเลยครับ)

    เรื่องมีอยู่ว่า มีชาวไร่ทำอาชีพปลูกข้าวโพดอยู่ท่านหนึ่ง ได้รับแจกชานหมากจากหลวงปู่สี ต่อมมาชาวไร่ผู้นั้นเกิดทำชานหมากของหลวงปู่สีหายในขณะที่ทำการเก็บหักข้าวโพดกับพวกอยู่ในไร่ พอทราบว่าชานหมากที่พกประจำติดตัวหาย ก็ออกค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเพราะดงข้าวโพดนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่เนื่องด้วยจิตที่มีศรัทธามั่นคงต่อหลวงปู่สีด้วยความจริงใจ พอตกกลางคืนก็ฝันว่าหลวงปู่สีมาเข้าฝันบอกว่า หากอยากได้ชานหมากคืนก็ให้เผาไร่ข้าวโพดที่หักเก็บฝักแล้วเสีย แล้วเจ้าก็จะพบชานหมากของข้าที่เจ้าทำหายในไร่ พอตอนรุ่งเช้า ชาวไร่คนนั้นก็ทำการจุดไฟเผาไร่ข้าวโพดที่ตนได้ทำการหักฝักหมดแล้วทันที ไฟได้ลุกไหม้ต้นข้าวโพดในไร่อย่างรวดเร็ว และเมื่อต้นข้าวโพดถูกไฟไหม้หมดราบเรียบ มองในไร่จึงเห็นได้ชัดว่ายังมีต้นข้าวโพดอีก ๒-๓ ต้นยังยืนอยู่ตามปกติ ไฟไม่ไหม้เป็นที่น่าอัศจรรย์ในยิ่งนัก เพราะ ข้าวโพดสองสามต้นยังยืนอยู่ได้อย่างไร ใบและกิ่งก้านที่แห้งไฟไม่สามารถเผาผลาญได้ จึงเดินตรงเข้าดู ก็พบชานหมากขอหลวงปู่สีที่ตนทำตกหายอยู่ที่พื้นดินในระหว่างต้นข้าวโพด ที่ไม่ยอมไหม้ไฟสองสามต้นนั้น ก็ดีใจมากทรุดตัวลงกับพื้นเก็บชานหมากขึ้นมาแล้วยกมือไหว้ระลึกนึกถึงหลวงปู่ที่มาเข้าฝันตนทำให้ได้ของรักของหวงกลับคืนมาได้ ต่อจากนั้นก็นำไปเลี่ยมแขวนไว้กับคอตราบเท่าทุกวันนี้


    ส่วนอีกราย เป็นสตรีวัยกลางคนอยู่ที่สมุทรปราการ ได้ชานหมากของหลวงปู่สี เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ อยู่มาวันหนึ่งระหว่างเดินทางกลับบ้านตอนพลบค่ำ ในระหว่างที่เดินอยู่ในซอยเปลี่ยว ตนมีความรู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังมา ๓ คน ตนจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อหนีให้ห่างจากชายสามคนที่เดินตามมานั้น แต่ก็ได้ยินเสียงเท้าของผู้ตามมานั้นอย่างกระชั้นชิด ตนจึงได้วิ่งหนีด้วยความกลัว แต่คนทั้งสามก็ยังวิ่งตามมาอีกอย่างไม่ลดละจนในที่สุดตนรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดวิ่งทันทีแล้วหันหน้าไปดูชายทั้งสามที่วิ่งตามมานั้นหยุดชะงักเช่นกัน เมื่อเห็นหน้าตนหันมาดูด้วยอาการหวาดกลัวและร้องเสียงดังพร้อมกันแล้วคนร้ายทั้งสามต่างวิ่งโกยกลับหลังหนีไปอย่างอัศจรรย์ ทั้งที่ความจริงแล้วใบหน้าของสตรีวัยกลางคนผู้นั้นจัดว่าเป็นหญิงที่มีความงามเลยทีเดียว เป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายทั้งสามจะตื่นกลัวตกใจจนวิ่งหนีจากไปเช่นนี้
    ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของชานหมากของหวงปู่สีนั้นยังมีอีกมาก ลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ล้วนมีไว้ประจำติดตัวทุกคน ท่านจะห่อด้วยเศษจีวรของท่านและสั่งห้ามไม่ให้แกะออกเป็นอันขาด และห้ามลองด้วย

    ผ้าจีวรศักดิ์สิทธิ์
    ชาวตาคลีศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ แม้แต่เศษจีวรเก่า ๆ ของหลวงปู่สียังช่วยให้ข้ารอดตาย “ ครับคนที่กล่าวคำนี้เป็นชาวบ้านในอำเภอตาคลี ได้ไปทำงานที่เสี่ยงอันตราย คือ อาชีพเก็บเศษทองแดงปลอกกระสุนปืน ในสนามซ้อมรบที่จังหวัดสระบุรี ในวันที่จะเกิดเหตุ ได้เข้าไปหาเศษทองเหลืองทองแดงเพลิน ไม่ได้ยินเสียงประกาศให้รีบออกจากเขตซ้อมยิง ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสนาม ได้ให้สัญญาซ้อมยิงได้ ก่อนหน้านั้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่จะได้ยินเสียงกระสุนปืนดังขึ้นน เขามีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครมาผลักให้เขาล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างแรง ขณะที่ร่างของเขาล้มลงก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจนแสบแก้วหู จนเสียงปืนสงบลง เขาจึงทราบว่าหากเขาไม่ล้มลงตัวเขาเองจะต้องเป็นเป้ากระสุนอย่างแน่นอน พอเหตุการณ์อันน่าขนพองสยองเกล้าผ่านพ้นไป เขาจึงหันไปดูรอบ ๆ บริเวณนั้นก็ไม่ปรากฏผู้ใดที่มาผลักเขาให้ล้มลงในบริเวณ ณ ที่แห่งนั้น ในขณะนั้นมีเขาอยู่เพียงคนเดียว ทำให้เขานึกถึงหลวงปู่สีที่เคยเข้าไปกราบและขอเศษผ้าจีวรเก่า ๆ ที่วางอยู่ข้างตัวท่านมา ๑ ชิ้น ขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็นำพกติดตัวไว้เป็นประจำ เวลาจะไปไหนมาไหนเขาจะหยิบขึ้นมายกบูชาขึ้นเหนือหัวก่อนที่จะใส่กระเป๋าติดตัวออกจากบ้าน สุดท้ายก่อนจากกันวันนั้นชาวบ้านตาคลีผู้นั้นยังกล่าวส่งท้ายว่า “ ผมรอดตายหลายครั้งแล้วครับก็ด้วยอานุภาพของเศษจีวรเก่า ๆ ของหลวงปู่สี”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2023
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    (cont.)
    รถทับไก่
    ปกติหลวงปู่นั้นท่านเป็นผู้มีเมตตาต่อสัตว์มาก ท่านมักจะให้ข้าวให้น้ำแก่สัตว์ทั้งหลายกินอยู่เสมอ บางคราวท่านเห็นว่ามันจะไปได้รับอันตราย ท่านคว้าเอาผ้าเช็ดน้ำหมากของท่านมาผูกคอ สวมคอมันบ้าง ทั้งสุนัข แมว ไก่ ซึ่งสัตว์เลี้ยงของท่านนั้น ได้ถูกผู้ใจบาปหยาบช้าคิดทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีตัวใดได้รับอันตราย ไม่ว่าจากอาวุธชนิดใด มีดปืน ระเบิด ยิงออกบ้าง ไม่ออกบ้าง สุดแต่วิบากของสัตว์เหล่านั้นในเวลานั้น ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง มีนายทหารท่านหนึ่งขับรถของตนเดินทางไปเพื่อกราบหลวงปู่ท่านครั้นเมื่อไปถึง ได้เห็นหลวงปู่นั่งยอง ๆ อยู่ในกุฏิ เปลือยกายท่อนบน กุฏิของท่านมีแต่สุนัข แมว แถมเป็นโรคเรื้อนด้วย ก็เกิดความรังเกียจ ไม่เลื่อมใส ก็เลยไม่ยอมเข้าไปกราบ เดินมาขึ้นรถกลับแต่ในขณะนั้นมีไก่ซึ่งหลวงปู่เลี้ยงไว้ได้เดินเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถพอดี นายทหารผู้นั้นไม่เห็นจึงขับรถออกไปทำให้ล้อรถทับไก่เต็มที่ ผู้คนที่อยู่ในวัดต่างร้องขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้นายทหารผู้นั้นต้องหยุดรถลงมาดูคิดว่าคงเละแน่ แต่ผลกลับปรากฏว่าไก่ตัวนั้นไม่เป็นอะไรเลย หลังจากถูกทับแล้วมันขยับปีกมาสักชั่วอึดใจแล้วก็เดินจากไป คุ้ยเขี่ยหาอาหารกินของมันตามปกติ เท่านั้นแหละนายทหารผู้นั้นถึงกับตะลึงงัน รีบถอยรถกลับไปกราบนัสการหลวงปู่ทันที พร้อมทั้งขอของดีไว้ใช้ติดตัว ทราบว่าได้ไปหลายอย่างทีเดียว

    ไก่กับระเบิด
    ภายหลังนายทหารผู้นั้นกลับไป ได้มีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนเดินทางมากรายหลวงปู่อีก เพื่อขอเครื่องมงคล ในระยะนั้นหลวงปู่ยังไม่อนุญาตให้สร้างเครื่องมงคล ท่านจึงคายชานหมากให้ไปกันทุกคน มีทหารผู้หนึ่งซึ่งได้ชานหมากไปด้วย ก็คิดลองดีว่าจะแน่สักแค่ไหน เลยเอาไปแขวนคอไก่ พอไก่เดินออกไปได้ระยะพอสมควร ก็สั่งเพื่อน ๆ หมอบ พร้อมทั้งโยนระเบิดสังหารเข้าใส่ไก่ตัวนั้นทันที ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ไก่มันตกใจก็บินขึ้นและตัวมันก็เจอระเบิดเข้าเต็มที่ ขนหลุดปลิวว่อนไปหมด แต่พอมันหล่นลงพื้นก็มีอาการซวนเซเล็กน้อย ชั่วครู่ก็ออกหากินได้ต่อไป ไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีแม้แต่บาดแผล นายทหารผู้เป็นนายได้ทราบเรื่องก็มีความเชื่อมั่นในองค์หลวงปู่ยิ่งขึ้น แต่ก็โกรธมากเช่นกันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไปทำการทดลองในลักษณะนั้นน ผลที่สุดก็สั่งกักบริเวณทหารผู้นั้นไปเสีย 15 วัน

    อานุภาพผ้าเช็ดน้ำหมาก
    หลวงปู่นั้นไม่ว่าท่านจะหยิบจะจับอะไรล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปทั้งสิ้น แม้แต่ผ้าที่ท่านใช้เช็ดปาก เช็ดน้ำหมากก็ตามที ท่านมักฉีกเอาไปผูกคอสุนัขบ้าง แมวบ้าง ด้วยความเมตตาที่มันถูกรังแกบ่อย ๆ
    ครั้งหนึ่งมีสุนัขบ้านใกล้ ๆ วัดหลงเข้ามาคลุกคลีกับท่าน ท่านจึงเอาผ้าเช็ดน้ำหมากฉีกผูกคอมันไปต่อมาสุนัขตัวนั้นไปรบกวนสัตว์อื่นเช่น เป็ด ไก่ จนกระทั่งเจ้าของสัตว์ปีกเหล่านั้นเหลือจะทน จึงได้ใช้ปืนลูกซองยิงมัน แต่ปรากฏว่าด้วยอานุภาพผ้าเช็ดน้ำหมากยิงถูกแต่ไม่เข้า สุนัขตัวนั้นวิ่งกลับไปยังบ้านเจ้าของ ของมัน ผู้เห็นเหตุการณ์นำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้เจ้าของบ้านฟัง ก็เลยเกิดการถอดผ้าผืนนั้นเก็บไว้บูชาเสียเอง
    ภายหลังเมื่อสุนัขตัวนั้นเข้าไปในวัดอีก หลวงปู่ท่านก็ได้เมตตาผูกให้มันใหม่ และจากเหตุนี้เองทำให้ผ้าเช็ดน้ำหมากของหลวงปู่เป็นที่ต้องการของชาวบ้านหลาย ๆ คน จึงมีเหตุให้ผ้าเช็ดน้ำหมากของท่านอันตรธานไปบ่อย ๆ แต่ใช่ว่าหลวงปู่จะหลงลืม เปล่าเลย ท่านจำของท่านได้ว่าท่านมีของท่านกี่ผืน จนกระทั่งท่านบ่นว่า เอาไปทำไมกัน แต่ก็ห้ามศรัทธาของชาวบ้านไม่ได้ หลวงปุ่ท่านเป็นผู้มีเมตตาธรรมมสูงอยู่แล้ว ท่านก็เลยปล่อยเลยตามเลย ต่อมาอย่าว่าแต่ผ้าเช็ดน้ำหมากหลวงปู่ แม้แต่ผ้าเช็ดกุฏิหลวงปู่ ก็มีผู้ศรัทธาหลวงปู่นำเก็บไปไว้บูชา และต่างถือว่าล้วนเป็นของศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น

    ธูปศักดิ์สิทธิ์
    อิทธิปาฏิหารย์ และความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สีเป็นที่เลื่องลือไม่เฉพาะแต่เมื่อครั้งที่หลวงปู่ท่านยังไม่มรณภาพเท่านั้น แม้แต่ท่านจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ความศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิ์อาจความมหัศจรรย์ต่าง ๆ ของท่านก็ยังเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานไม่สิ้นสุดแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ก็ยังไปกราบไหว้ร่างของหลวงปู่ ที่ทางวัดได้ลงไว้ในโลงแก้วตลอดมาอย่างไม่ขาด ความศรัทธาขงลูกศิษย์หลวงปู่ เมื่อกราบแล้วก็เอาตลับมาบรรจุขี้ธูปในกระถางธูปหน้าแท่นบูชานำกลับบ้านไปด้วย อยู่มาวันหนึ่งลูกศิษย์หลวงปู่ได้นำขี้ธูปไปใส่ตลับเลี่ยมสวมคอไว้ด้วยความมั่นคงต่อหลวงปู่ ปรากฏ่าขี้ธูปของหลวงปู่เกิดปาฏิหารย์มีอานุภาพในเรื่องโชคลาภ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดจากอันตรายเป็นเยี่ยม
    ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ ต่างกล่าวกันเป็นเสียงเดียวกันว่า ของทุกอย่างของหลวงปู่ ไม่ว่าจะเป็นอะไรเช่น น้ำล้างเท้า ผ้าเช็ดพื้น ผ้าเช็ดปาก น้ำหมาก ชานหมาก ล้วนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น แม้กระทั่งอุจจาระ ปัสสาวะของหลวงปู่ล้วนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
    สมดังวาจา
    เมื่อปี 2519 ทางวัดโพธิ์ทอง อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างโรงปูนซีเมนต์ของบริษัทชลประทานซีเมนต์ ต้องการหารายได้จำนวนหนึ่งเพื่อก่อสร้างถาวรวัตถุภายในวัด จึงพร้อมใจกันมาขอบารมีหลวงปู่เพื่อขออนุญาตหล่อรูปเหมือนขนาด 3 นิ้วของท่านขึ้นจะได้เป็นกราบไหว้บูชาของญาติโยมต่อไป ขณะที่บรรดาลูกศิษย์พากันมาถึงวัดของท่าน ก็ปรากฏว่าหลวงปู่อาพาธอยู่ที่โรงพยาบาล พวกเขาจึงได้พากันขออนุญาตกับทางเจ้าอาวาสคือ ท่านพระครูนิวัฐปริยัติคุณ และคณะกรรมการวัด ต่อมาข่าววิทยุท้องถิ่นก็ได้เสนอข่าวว่าวัดโพธิ์ทองจะทำการหล่อรูปเหมือนหลวงปู่สีขนาด 3 นิ้วเพื่อออกให้ประชาชนบูชา พระภิกษุรักษ์ ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่ที่โรงพยาบาลเล่าว่า “ หลวงปู่ท่านถึงกับลุกขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อท่านได้ยินข่าวจากวิทยุ” แล้วถามขึ้นว่า “ใครเอารูปข้าไปหล่อ” พระภิกษุรักษ์ก็ตอบท่านไปว่า “วัดโพธิ์ทองครับหลวงปู่ มาขอกับเจ้าอาวาสแล้ว” หลวงปู่บอกไปว่า “ มันไม่เคารพข้า หล่อรูปข้าไปถ้าไม่เอามาให้ข้าก็จำหน่ายไม่ออก” การหล่อรูปหลวงปู่คราวนั้นทั้งหมดประมาณ 1000 องค์ ทางวัดโพธิ์ทองนำไปออกให้บูชา ปรากฏว่าไม่มีใครเช่าบูชากันเลย มีเพียงแจกให้ผู้ที่มาช่วยเหลือในงานวัดไปเพียง 8 องค์เท่านั้น ในที่สุดทางวัดโพธิ์ทองต้องนำมามมอบให้หลวงปู่ 800 องค์ เก็บไว้ที่วัดโพธิ์ทอง 192 องค์ ปรากฏว่าส่วนที่มาถวายหลวงปู่สีมีญาติโยมมาเช่าบูชากันไปเกือบหมดแล้ว แต่ที่วัดโพธิ์ทองกลับไม่มีคนไปบูชา นับว่าวาจาของท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ

    ประสบการณ์อันเลื่องลือของเหรียญพญานาคปี 18

    เหรียญรุ่นนี้ได้สร้างประสบการณ์มามากมายแม้แต่ระเบิดที่ใช้ในการระเบิดภูเขาก็ทำอันตรายไม่ได้ เรื่องมีอยู่ว่า ปี 18 ทางโรงปูนซีเมนต์ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ได้ขออนุญาตหลวงปู่สีจัดสร้างเหรียญหลังพญานาค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโรงปูนซีเมนต์ เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นมาจำนวนไม่มากนัก แจกเฉพาะเจ้าหน้าที่และพนักงานที่ร่วมทำบุญสมทบทุนในการสร้างถนนเข้าวัด สร้างศาลา พนักงานโรงปูนซีเมนต์ตาคลีทุกคน เมื่อได้รับเหรียญจากหลวงปู่ต่างก็นำมาแขวนคอติดตัวกันไว้ด้วยความศรัทธา รัก หวงแหนอย่างสุดชีวิต ต่อมาพนักงานโรงปูน กลุ่มหนึ่งเกิดเผลอเข้าไปในเขตระเบิดหินซึ่งเป็นอันตราย ฉับพลันนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว เศษหิน ก้อนหิน ปลิวกระจาย พร้อมกับร่างของกลุ่มพนักงานที่เผลอล่วงเข้าเขตระเบิด พอสิ้นเสียงระเบิดก็ปรากฏว่า หลายคนมีลักษณะเหมือนกันคือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดกระรุ่งกะริ่ง เนื้อตัวมอมแมม แต่ทุกคนที่ถูกระเบิดต่างก็แปลกใจที่นอกจากร่างกายถลอกเขียวช้ำ เสื้อผ้าขาดวิ่น ตามตัวไม่ปรากฏบาดแผลใด ๆ เลย ปกติดแล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ดังนี้จะต้องได้ยินเสียงร้องครวญคราง บางรายก็ถึงกับพิการ หรือไม่ก็ตาย แต่ปรากฏการณ์ในครั้งนี้ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ด้วยทุกคนมีเหรียญรุ่นพญานาค ปี 18 ที่ได้รับมาจากหลวงปู่สี ห้อยคอไว้ทุกคน นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกมากมายจากปืน มีด รถมอเตอร์ไซค์คว่ำ รถยนต์ชนกัน ล้วนแคล้วคลาดปลอดภัย
    เผาไม่ไหม้
    ที่อำเภอตาคลี ได้มีเด็กคนหนึ่งที่พ่อแม่นับถือ หลวงปู่สี มากเป็นพิเศษ จึงได้นำเหรียญรูปหล่อเหมือนของท่านมาให้ห้อยคอ ซึ่งต่อมาเด็กคนนี้เป็นหัดแล้วเกิดตายลง พ่อแม่จึงจัดการเผาศพเด็ก ปรากฏว่าหมดถ่านไป สองกระสอบ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าศพจะไหม้ จึงได้ลองเขี่ยดูตามตัวพบเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ผูกเชือกร่มห้อยคอเด็กอยู่ จึงได้แกะออกดูด้วยความแปลกใจ เพราะแม้แต่เชือกร่มที่ห้อยเหรียญยังไม่ละลาย พอเอาเหรียญออก เติมถ่านใส่ไปอีกเพียงสองกระสอบ ศพเด็กก็มอดไหม้เป็นจุณไป

    ประสบการณ์อภินิหารเหรียญปี 19(หน้าแก่)
    ในเรื่องความศรัทธาในหลวงปู่สี พนักงานและเจ้าหน้าที่รุ่นเก่าของบริษัทไทยอเมริกันเท็กซ์ไทล์จำกัด ที่ตั้งอยู่ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เกิดขึ้นมากมายหลายเรื่องด้วยกัน เช่น คนงานแผนกโรงซ่อม ชื่อ นายวิง ไวยสุนีย์ ในช่วงที่บริษัทหยุดงานนายวิงได้เดินทางกลับบ้านที่สระบุรี ต่อมามีเรื่องกับพวกวัยรุ่นในหมู่บ้านเกิดการต่อสู้กันขึ้นสักพักก็เลิกลา กันไป ต่างคนต่างแยกกันไป
    ส่วนนายวิง ได้เดินทางจะไปขึ้นรถ หนึ่งในกลุ่มที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันนั้น ได้สะกดตามนายวิงที่ท่ารถ และได้ชักปืนขึ้นมาหมายจะยิงนายวิง ในขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและอย่างที่ไม่มีใครคาดว่าอะไร จะเกิดขึ้น ก็ได้ยินเสียงปืนสับไกดังขึ้น “ แชะ แชะ แชะ “ เสียงปืนดังขึ้นถึง 3 ครั้ง แต่ปรากฏว่ากระสุนด้านทั้งสามนัด เสียงคนในที่เกิดเหตุ เห็นเหตุการณ์ร้องดังขึ้น นายวิงจึงหันไปตามเสียงปืนดัง
    เมื่อเห็นเป็นคู่อริของตนยืนถือปืนจ้องมายังตน ในฉับพลันนั้นนายวิงจึงชักมีดสั้นออกจากเอวแทงสวนไปที่ราวนมของวัยรุ่นที่ สะกดตามมายิงตน พอชักมีดออกจากใต้ราวนมของวัยรุ่นร่างสูงใหญ่คนนั้น สักอึดใจร่างอันสูงใหญ่ของวัยรุ่นมือปืนก็ค่อยทรุดลงขาดใจตายทันที ปรากฏว่ามีดที่นายวิงแทงสวนออกนั้นเผอิญแม่นยำอย่างจับวาง ตรงเข้าตัดขั้วหัวใจของวัยรุ่นผู้นั้น
    ต่อจากนั้นพอหายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวิงก็เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทำการต่อสู้คดีที่ฆ่าวัยรุ่นมือปืนตายต่อมาคดีที่นายวิงต่อสู้ได้รับความ เป็นธรรมจากผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ที่นายวิงทำไปเพราะเป็นการป้องกันตัว ด้วยถูกคนร้ายลอบทำร้ายตนด้วยอาวุธปืนก่อนแต่ด้วยอำนาจบารมี ฤทธิ์อำนาจของหลวงปู่สี ที่ทำให้ปืนคนร้ายด้านไม่สามารถ กระทำตามความปราถนาของคนร้ายนั้น
    พระเครื่องที่ติดตัวนายวิงนั้นมีแต่เหรียญหน้าแก่ปี 19 เท่านั้นที่ติดตัวเพียงเหรียญเดียว ซึ่งได้บูชามาจากวัดเขาถ้ำบุญนาคเท่านั้น

    ประสบการณ์อภินิหารเหรียญสองอาจารย์ปี 19
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปี 49 ซึ่งลงในหนังสือพิมพ์เดือนเมษายน(ไม่แน่ใจลงในหนังสือพิมพ์ไหน ระหว่าง ไทยรัฐ กับ บ้านเมือง ซึ่งผมจะหาหลักฐานมายืนยันอีกครั้งนึง) เรื่องมีอยู่ว่า มีวัยรุ่นซึ่งเป็นคนนครสวรรค์ได้ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วถูกคู่อริขี่รถมอเตอร์ ไซค์ใช้ปืนไล่ยิง ซึ่งเจ้าตัวได้ถูกลูกกระสุนเจาะเข้าที่ลำตัวสองนัดแต่ไม่เข้า ซึ่งเจ้าตัวได้ห้อยเหรียญสองอาจารย์ ปี19 ของหลวงปู่สีเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น

    ปล. ข่าวที่ลงจะเป็นคอลัมเล็กด้านหลังไม่ใช่ลงหน้าหนึ่งครับ

    ประสบการณ์อภินิหารเหรียญอายุยืนครึ่งองค์ปี 17

    ตะลึง..! เหรียญหลวงปู่สีก่ออภินิหารปืน 11 มม. ยิงไม่เข้า

    เรื่องนี้ต้องขอขอบคุณ คุณ เด็กบางแค มากครับ ที่แจ้งข่าว และต้องขอบคุณ คุณ พรหลวงปู่สี แห่งเว็บ ยูอะมูเล็ต และเจ้าของเรื่องครับ
    (เพื่อความเป็นจริงของเนื้อหาผมจะก็อปข้อความพร้อมภาพมาทั้งหมดครับ)

    ปีเสือดุจริง..ศิษย์หลวงปู่สีโดนยิง 6 นัด 11 มม. ไม่เป็นไร.อายุยืนสมชื่อ..หยุดกระสุนอีกครั้ง เกิดเหตุการณ์ ประมาณ ตี 1 กว่าๆ วันที่ 3 มกราคม 2553 นายประเดิม ฅรุทหอมและแฟนสาว ได้ถูกวัยรุ่นเขม่นและก็ตามยิง ด้วยปืน 11 มม.นายประเดิม เล่าว่าถูกไล่ยิง ประมาณ 5- 6 นัด แต่โดนรถแค่นัดเดียว แคล้วคลาดสุดๆ เพราะในรถนั้นมีกันถึง 3 คน แฟนสาวเป็นผู้ขับรถ(เสื้อตัวที่โดนยิง รูโบ๋เลย ลูกกระสุนฝังไม่มิดหัวหมอเขี่ยออก)คดี นี้อยู่ที่ สถานีตำรวจ อำเภอ ตาคลี และตามจับผู้ยิงอยู่ และเหรียญรุ่นนี้ ตำรวจตาคลีตามเก็บอยู่ ประสบการณ์ประจักษ์นัก เหรียญหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค รุ่นอายุยืนครึ่งองค์ ช่วยรอดตายปีเสือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2023
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    (cont.)
    ประสบการณ์อภินิหารพระชุดวัดโพธิ์ปี 17

    พระปิดตาข้าวมัดต้ม บางท่านเรียกว่า ปิดตาคลุกฝุ่น หรือ ปิดตานะปัดตลอด สาเหตุที่ชื่อนี้เพราะมีเด็กวัดได้รับพระปิดตารุ่นนี้ไปคนละองค์ วันหนึ่งเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น ชกตีกันล้มลุกคลุกคลานฝุ่นตลบไปหมด และอีกเรื่อง มีการแข่งขันฟุตบอลปรากฏว่า ป้องกันประตูได้ทุกรูปแบบ เพราะผู้รักษาประตุได้อมพระปิตารุ่นนี้ไว้ในปาก รุ่นนี้หนักไปในทางแคล้วคลาดเป็นเลิศ
    ส่วนรุ่นอื่น ๆ เช่นพระปิดตาใบโพธิ์นะมิประสบการณ์ที่ร่ำลือกันมากคือเมตตามหานิยมและเป็็นม หาลาภอีกด้วย หรือพระปิดตาหลังอะนะอะก็เช่นกัน
    พระชุดนี้ต้องยอมรับว่าเด่นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ค้าขาย แม้ระทั่งด้านคงกระพันชาตรี มีเรื่องมาเล่ากันตลอด

    อานุภาพชานหมาก(ต่อ)
    คุณ ณัฐพันธ์ เหลืองบำรุงรักษ์ ถ่ายทอดประสบการณ์ประสบในสมัยที่หลวงปู่สีท่านยังมีชีวิตอยู่(จากหนังสือ ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ ฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ปกแข็ง)
    หลวงปู่สีให้ชานหมากของวิเศษ
    ในราวปี 2513 ข้าพเจ้าได้ทราบจากเพื่อนว่า มีพระเป็นหลวงปู่แก่ ๆ มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ข้าพเจ้าจึงชวนเพื่อน ๆ ไปหา จุดประสงค์ที่มาหามิใช่ที่จะต้องการเครื่องรางของขลังแต่ประการใด แต่เพราะต้องการจะมาหาเลขเด็ด เพราะเพื่อนบอกว่าท่านบอกหวยได้แม่นยำมาก ในวันแรกที่มาหาท่านก็ไม่ได้แจกอะไรให้ แต่บอกใบ้หวยให้ ซึ่งหวยก็ออกตามที่ท่านบอก นับตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็จะไปหาหลวงปู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าเห็นหลวงปู่มีอารมณ์ดี ข้าพเจ้าจึงถามหลวงปู่ว่ามีของดีอะไรบ้าง ผมอยากได้เอาไว้ป้องกันตัว หลวงปู่ท่านขณะนั้นกำลังกินหมากอยู่ก็คายชานหมากออกมาใส่ผ้าเหลืองที่ท่าน ใช้เป็นผ้าขี้ริ้ว แล้วผูกส่งให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้งบอกว่า " ห้ามแก้ออกนะ หากใครเขาอยากยิงมึง มึงก็แหกตูดให้มันยิงเลย สามวันสามคืนก็ยิงไม่ถูกดอก" ข้าพเจ้ารับมาแบบไม่ค่อยเชื่อถือเมื่อกลับถึงบ้าน แล้วก็นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ถึงเรื่องนี้ ขณะนั้นมีพ่อค้าวัวและควาย เป็นชาวปาทานอยู่ในตาคลีนนั่งฟังอยู่ด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาอยากลองยิงดู ข้าพเจ้ามอบชานหมากของหลวงปู่ให้เขาไป เขานำไปคล้องคอไก่แล้วยิงปืนรีวอลเวอร์ขนาด 0.38 ระยะห่างประมาณ 1วาเศษเท่านั้น เขายิงหมดไปหกนัดไม่เคยถูกไก่เลย สักนัดเดียว ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนที่ยิงปืนได้แม่นยำคนหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าจึงเชื่อถือในชานหมากของหลวงปู่
    หลังจากที่ชาวปาทานยิงไก่ได้ประมาณสัก 1 อาทิตย์ ได้มีนายทหารอากาศกองบิน ๔ ตาคลี ชื่อ เรืออากาศโท ครรชิต บัวอำไพ ( ปัจจุบันยศนาวาอากาศเอก ) ได้มาคุยกับข้าพเจ้าเรื่องชานหมากของหลวงปู่ ในลักษณะที่ท่านไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ที่จะยิงไม่ถูก ข้าพเจ้าาจึงมอบชานหมากที่มีอยู่ให้ไป 1 ก้อนเพื่อให้ไปทดลอง เที่ยงวันรุ่งขึ้นเรืออากาศโทครรชิต ได้มาหาข้าพเจ้าที่บ้านพร้อมกับเพื่อนนายทหารอากาศอีก 5-6คน โดยขอให้ข้าพเจ้าช่วยพาไปวัดหน่อยต้องการจะได้ชานหมากอีก พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า เมื่อได้รับชานหมากไปจากข้าพเจ้าแล้วจึงได้นำไปทดลอง โดยนำไปคล้องคอเป็ดแล้วยิง แต่ยิงเท่าไหร่าก็ยิงไม่ถูก ใช้ปืนถึง 4 กระบอก และคนยิงก็เป็นมือปืนของกองบินทั้งนั้น ครั้นนำเป็ดออก เอาก้อนหินไปวางแทน ยิงก้อนหินกระเด็นเลย แต่ยิงเป็ดยิงเท่าไหร่ก็ไม่ถูกเป็นที่มหัศจรรย์ใจมากจึงพาเพื่อนทหารที่อยู่ ในเหตุการณ์ มาหาข้าพเจ้า เพื่อให้ช่วยพาไปพบหลวงปู่ซึ่งข้าพเจ้าก็พาไปพบและก็ได้ชานหมากกันมาทุกคน ส่วนก้อนที่นำไปทดลองยิงเป็ดนั้น เรืออากาศโทครรชิตได้นำไปเลี่ยมทองคล้องคออยู่จนทุกวันนี้ หลังจากนั้นมาทหารอากาศกองบิน 4 ตาคลี ต่างก็หลั่งไหลมาฝากตัว ทำให้หลวงปู่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปและใคร ๆ ก็อยากได้ชานหมากและวัตถุมงคลของหลวงปู่ ทำให้หลวงปู่ต้องเคี้ยวหมากแจกทั้งวัน

    แขวนพระหลวงปู่ เผาไม่ไหม้
    มีรายหนึ่งเป็นเด็กกรุงเทพฯ บ้านอยู่แถวเขตยานนาวา เด็กเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำตายทางพ่อแม่ของเด็กได้จัดการเผาศพตามประเพณี ปรากฏว่าเผาศพไม่ไหม้ คนเผาปิดเตาเผาในเมรุถึง 2 ครั้งก็ยังไม่ไหม้ คนเผาจึงลองสำรวจดูตามร่างกายเด็กพบว่า เด็กแขวนพระเหรียญอยู่ที่ตัว จึงได้นำเหรียญออกจากคอเด็ก ปรากฏว่าเผาได้จนเป็นเถ้าถ่าน เหรียญที่เด็กคนนี้คล้องแขวนไว้ คือเหรียญรุ่นแรกปี 14 ด้วยบุญของเด็กไม่สามารถต้านกฏของกรรมได้ แต่เหรียญหลวงปู่สีนี้มีฤทธิ์คุ้มครองตัวเด็กไม่ให้ไหม้ได้

    แขวนพระหลวงปู่ ถูกมีดฟันไม่เข้า
    ได้รับข้อมูลนี้มาจากคุณนันท์ธิ ผู้จัดการร้าน singer ในตาคลีผู้เป็นบิดาของคุณป๋อง ตาคลี (เซียนพระสายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ) เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนตอนที่ลูกชายยังเรียนหนังสืออยู่ ปวช.สาขาช่างกล ที่กรุงเทพ ตนได้ให้เหรียญของหลวงปู่สีแก่ลูกชายไว้แขวนป้องกันตัว มีอยู่วันหนึ่งคุณป๋องได้นั่งรถเมล์ไปเรียนในเวลาตามปกติ ขณะยืนอยู่บนรถเมล์บริเวณกลางคันของรถ ได้มีนักศึกษาต่างสถาบันขึ้นรถมาทางด้านหลังพร้อมถือมีดดาบยาวประมาณศอกเดิน ตรงเข้ามาที่ด้านหลังคุณป๋อง แล้วง้างดาบฟันที่ด้านหลังอย่างแรง ด้วยความแรงและความคมของคมดาบทำให้เป้สะพายหนังสือยืนส์อย่างหนาและเสื้อ ช็อปขาดจนคมมีดกินเข้าไปถึงเนื้อแผ่นหลัง แต่สัญชาตญาณเหนืออื่นใดคุณป๋องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดได้ทันจึงไม่โดนฟันซ้ำอีก พอหายตกใจและปลอดภัยแล้วก็นึกได้ว่าถูกฟันเข้าที่ด้านหลังอย่างแรง ใจก็นึกไปว่าคงต้องมีบาดแผลลึกฉกรร และเลือดออกมากเป็นแน่ แต่พอหันหลังก้มไปดูตรงบริเวณที่ถูกฟัน ปรากฏว่า ไม่มีเลือดออกและแผลเป็นเส้นแดงคล้ายถูกแมวข่วนเท่านั้น เหรียญที่คุณป๋อง ตาคลี คล้องแขวนไว้ในเวลานั้น คือเหรียญขวัญถุง มั่งมี ศรีสุข ปี 2519

    แขวนพระหลวงปู่ เมตตามหานิยม
    มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของนำเข้า ของกรมศุลกากรท่านหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งขณะที่นั่งทำงานอยู่นั้นได้มีเอกสารด่วนพิเศษส่งมาถึง พร้อมทั้งมีคำสั่งแจ้งว่า " ให้ทำการย้ายงานในตำแหน่ง" เพื่อไปทำในที่ที่ไกล เหนื่อยยและลำบากกว่างานที่ทำในปัจจุบันมาก ด้วยคำสั่งนี้เป็นนโยบายลงมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ จำเป็นต้องทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงมีความกังวลในใจเพราะไม่อยากย้ายหน้าที่การงานที่ทำอยู่ จิตได้นึกอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่สีให้ช่วยและผลก็เป็นตามคำอธิษฐาน ช่วงบ่ายมีเอกสารด่วนมาอีกฉบับส่งมาถึงเจ้าหน้าที่ท่านนี้ พร้อมระบุในเอกสารว่า " ขอยกเลิกการโยกย้ายตำแหน่งให้ทำงานตามปกติ" นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งเจ้าหน้าที่ท่านนี้พบในประสบการณ์ สอบถามถึงวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่แขวนในเวลานั้นคือ พระสมเด็จพิมพ์ฐานติ่ง ปี 2514

    ปฐมบทความศักสิทธิ์จีวรห่อชานหมากหลวงปู่สี

    จีวรห่อชาน หมากของหลวงปู่สี ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุมงคล หรือปฐมบทแห่งความศักดิ์สิทธิ์จนกระทั่งเป็นที่รู้จักกันจนถึงปัจจุบันนี้ จีวรห่อชานหมากของหลวงปู่สีนี้มีหลายลักษณะครับ ทั้งเล็กและใหญ่ อีกทั้งหายากครับ ประสบการณ์เป็นที่เลื่องลือกันมากมาย โดยเฉพาะเรื่องยิงไม่ออก ส่วนด้านลาภ ด้านเมตตามหานิยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เรียกว่าครอบจักรวาลก็ได้ครับ
    จีวร ห่อชานหมากของหลวงปู่สี ทำไมเป็นที่ต้องการของอีกหลายคนและทำให้ท่านดังมาจนถึงปัจจุบันนี้สาเหตุปฐม บทของชานหมากของท่านที่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีอยู่ว่า
    มี อยู่วันหนึ่งในยุคที่อำเภอตาคลี มีพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งซึ่งกำลังมีชื่อเสียงมาก มีผู้ไปกราบท่านเพื่อขอของดีกันมากมายไม่เว้นแต่ละวัน นั่นก็คือ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดเขาถ้ำบุญนาค ซึ่งมีคณะลูกศิษย์ของหลวงปู่สีคณะหนึ่ง ได้มากราบหลวงปู่หลักจากไปกราบหลวงพ่อพรหมมาแล้ว ก็มาตั้งกลุ่มสนทนาในวัดจากเสียงที่ค่อย ๆ ก็เริ่มดังขึ้น ซึ่งเรื่องที่กำลังพูดกันนั้นก็คือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล ของหลวงพ่อพรหม และพระอาจารย์อื่น ๆ อีกหลายรูป มีลูกศิษย์คนหนึ่งได้รับราชการอยู่ที่กองบินตาคลีได้อยู่ในวงสนทนานั้นด้วย หลวงปู่ท่านได้ยินก็รำคาญที่ส่งเสียงดังไม่เกรงใจกัน ท่านก็ออกมาบอกกับคณะนั้นว่า “ ไอ้ที่พวกเจ้าพูดถึงกันอยู่นั่นนะ สู้ชานหมากข้าไม่ได้ “ พอพูดเสร็จหลวงปู่ก็คายชานหมากแล้วฉีกชายจีวรเก่า ๆ ที่ทำเป็นผ้าเช็ดมือมาห่อแล้วผูกโยนไปให้ลูกศิษย์คำหนึ่ง ลูกศิษย์ที่รับราชการอยู่กองบินตาคลีจึงได้ลองยิงด้วยปืนพก 11 มม. ปรากฏว่ายิงไม่ออก แต่พอยกปืนแล้วยิงขึ้นฟ้าก็ยิงออกลองทำอย่างนี้อยู่สามครั้งจึงแน่ใจ ตั้งแต่นั้นมาหัวบันไดที่กุฏิท่านอยู่ไม่แห้งครับ เพราะมีผู้มารอชานหมากจากท่าน จนชนิดที่ว่า เคี้ยวหมากไม่ทันแจก กระโถนของท่านสะอาดทุกวันเนื่องจากมีคนเอาผ้าไปซับน้ำหมากของท่าน จนภายหลังทางวัดได้นำน้ำหมากและชานหมากของท่านไปผสมกับผงวิเศษของท่านทำเป็น พระเครื่องมาให้บูชากัน
    สินค้าที่เกี่ยวข้อง ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลี

    spd_20200917103206_b.jpg

    เหรียญหลวงปู่สี รุ่น มหาลาภ ออกวัดเขาถ้ำบุญนาค ปี 18 เนื้อทองแดง
    ฿19800.00


    spd_9298fecaf8_b.jpg

    เหรียญ ลป.สี พิมพ์หน้าแก่ ออกปี19 วัดเขาถ้ำบุญนาค เนื้อทองแดง
    ฿20000.00 ฿18,750

    ขอบพระคุณที่มา :- https://www.amuletfocus.com/products_detail/view/6844189
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    หลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์วัดสะพานสูง นนทบุรี

    thamnu onprasert
    Feb 18, 2023
    เรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับของหลวงปู่ที่ชาววัดสะพานสูง ปากเกร็ด นนทบุรีเล่าสืบต่อกันมากว่าร้อยปีแล้ว แต่ความศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
    :--> http://www.rittamahawed.com/article/5/ประวัติหลวงปู่เอี่ยม-วัดสะพานสูง-จ-นนทบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2023
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    เรื่องเล่าจากพระป่า รวมตอน1-5 (ฟังกันยาวๆ)

    New official Channel
    189,741 views Jan 31, 2023
    คลิปนี้ปลักกลดขอรวมตอนเรื่องเล่าจากพระป่า ตอนที่1-5มาให้ท่านได้รับฟังกันยาวๆครับ
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    หลวงปู่ลี แห่งภูผาแดง เล่าถึงเรื่องราวของ “บักงาลาก” พญาช้างโพธิสัตว์

    ปู่ดอน station
    Jan 17, 2023

    เรื่องราวของพญาช้างเผือกโพธิสัตว์ ที่อยู่ ณ ภูหลวง จังหวัดเลย ซึ่งองค์หลวงปู่ลี กุสลธโรได้ธุดงค์ไปพบเจอมา มันเป็นช้างที่รู้ภาษาคน ไม่ทำร้ายคน มีคุณธรรมประจำใจ มุ่งบำเพ็ญบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต..
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    ๒๖๗.ดงช้างฮ้าย ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    105,240 views Feb 21, 2023
    เรื่องราวของชายหนุ่มผู้กตัญญู ซึ่งรอดชีวิตจากดงช้างร้ายอย่างปาฏิหาริย์เพราะพระธุดงค์มาช่วยไว้.

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2023
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    หลวงปู่ตื้อ พบชีปะขาว

    หลวงตา
    Oct 28, 2022
    หลวงปู่ตื้อ พบชีปะขาว หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอริยเจ้าผู้มีปฏิปทาประดุจเสือโคร่ง วัดอรัญญวิเวก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    อาจารยยอด : หลวงปู่มี เขมธมฺโม วัดมารวิชัย [พระ] new

    อาจารย์ยอด
    Nov 27, 2018
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    lpboonmeekhemadhammo.jpg
    ประวัติหลวงปู่มี เขมธัมโม (พระครูเกษมคณาภิบาล) วัดมารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ยอดเกจิอาจารย์แห่งกรุงเก่า

    หลวงพ่อมี เขมธัมโม – พระครูเกษมคณาภิบาล หรือ หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พระเกจิชื่อดังที่ชาวบ้านเมืองกรุงเก่า ให้ความเลื่อมใสศรัทธา

    มีนามเดิม บุญมี ธนสนธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2454 ตรงกับวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปีกุน ที่หมู่บ้านขนมจีน ข้างวัดมารวิชัยตอนใต้ บิดา–มารดา ชื่อ นายโหมดและ นางพุฒ ธนสนธิ์
    วัยเด็กเป็นเด็กที่อ่อนแอและขี้โรค ไม่ช่างพูดและไม่เล่นหัวเหมือนกับเด็กโดยทั่วไป มีคุณสมบัติพิเศษ เป็นเด็กที่มีใจบุญสุนทาน ชอบติดตามบิดามารดาเข้าวัด

    -เขมธัมโม.jpg

    อายุ 12 ปี ขอบิดามารดาติดตามพระ พี่ชายมาอยู่ด้วยทันที (ภายหลังพระพี่ชาย ลาสิกขา ได้เป็นแพทย์ประจำตำบล ชาวบ้านเรียกท่านว่า “หมอแบน”) ตอนแรกบรรดาญาติผู้ใหญ่ไม่มีผู้ใดยอม ด้วยเกรงจะเป็นภาระให้กับพระพี่ชายที่เพิ่งอุปสมบทใหม่
    แต่สุดท้าย ครอบครัวก็ยินยอมให้ไปอยู่กับพระแบนที่วัดมารวิชัย

    มีใจฝักใฝ่จะบรรพชาเป็นสามเณรมานานแล้ว แต่ติดขัดที่มีภาระช่วยบิดา–มารดา ทำไร่ไถนา จึงต้องคอยให้มีอายุครบบวชเสียก่อน จึงจะได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ

    ดังนั้น เมื่ออายุ 21 ปี อายุครบเกณฑ์ทหารต้องถูกคัดเลือกเข้าประจำการเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ ท่านจึงตั้งใจไว้ว่าถ้าไม่ถูกทหารจะบวชทดแทนคุณพ่อแม่ทันที

    ในที่สุด สมความปรารถนาที่ตั้งใจไว้ เมื่อท่านจับได้สลากใบดำไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร จึงเข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมา วัดมารวิชัย วันที่ 14 ก.ค.2475 โดยมีพระครูอดุลวุฒิกร หรือหลวงพ่อพิน จันทโชโต วัดช่างเหล็ก จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเขียน โชติสโร วัดบ้านพร้าวนอก จ.ปทุมธานี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อเกลี้ยง อินทโชติ วัดมารวิชัย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา เขมธัมโม แปลว่า ผู้มีธรรมะอันเกษม

    ศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ

    ด้านวิทยาคม ศึกษาพุทธาคมกับหลวงพ่อเขียน วัดบ้านพร้าวนอก ผู้มีศักดิ์เป็นหลวงน้าแท้ๆ โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการเล่นแร่แปรธาตุ และการสร้างวัตถุมงคลเนื้อเมฆพัด นอกจากนี้ยังได้ศึกษาวิทยาคม และกัมมัฏฐานจากพระอาจารย์ผู้เรืองนามอีกหลายรูป

    กล่าวได้ว่า หลวงพ่อมีอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อจงมากที่สุด และนานเกือบ 30 ปี โดยท่านได้เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างวัดหน้าต่างนอก และวัดมารวิชัย ทั้งยังได้ร่วมงานกับหลวงพ่อจงอย่างใกล้ชิดอยู่บ่อยครั้ง และอุปัฏฐากดูแลหลวงพ่อจง ตราบจนหลวงพ่อจงท่านสิ้นลมหายใจ

    ภายหลังเมื่อท่านอายุมากขึ้นแล้ว เข้าศึกษาหาความรู้ในโรงเรียนพระสังฆาธิการส่วนภูมิภาค จ.พระนครศรีอยุธยา จนสำเร็จการศึกษารุ่นที่ 1 ปี พ.ศ.2513

    หลวงพ่อมีนำความรู้ด้านพระปริยัติธรรมสอนพระภิกษุ–สามเณรภายในวัดแต่ยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส จากนั้นเป็นครูพระปริยัติธรรมเอง ระหว่างเข้าพรรษาตลอด 3 เดือน

    ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2481 เป็นเจ้าอาวาสวัดมารวิชัย พ.ศ.2493 เป็นเจ้าคณะตำบลบางนมโค และพระอุปัชฌาย์

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2507 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูเกษมคณาภิบาล

    พ.ศ.2510 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

    ด้านสาธารณประโยชน์ สมทบทุนกับทางราชการสร้างโรงเรียน 2 แห่งคือ โรงเรียนวัดมารวิชัยและโรงเรียนจุฬาราษฎร์วิทยา เมื่อปี พ.ศ.2509 และสร้างสถานีอนามัย กับสำนักงานผดุงครรภ์ประจำตำบลบางนมโค

    วันที่ 26 ม.ค.2543 มรณภาพอย่างสงบ
    :-
    https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/amulets/news_3047476

     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    อัศจรรย์บุญ ปล่อยกุ้ง ปูปลา

    thamnu onprasert
    Feb 27, 2023

    เรื่องผลบุญของผู้ช่วยเหลือให้ทานชีวิตแก่กุ้ง ปู ปลา ว่ามีอานิสงส์อันน่าอัศจรรย์ ที่เล่าขานสืบต่อกันมา.
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    หลวงพ่อหิน - พระเกจิแห่งทะเลตะวันออก

    หลวงตา
    Feb 27, 2023

    หลวงพ่อหิน - พระเกจิแห่งทะเลตะวันออก
    หลวงพ่อหิน ถาวโร วัดหนองสนม อ.เมือง จ.ระยอง
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    หลวงปู่หิน-ถาวโร-วัดหนองสนม.jpg
    ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่หิน ถาวโร
    วัดหนองสนม
    อ.เมือง จ.ระยอง
    พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ (หลวงปู่หิน ถาวโร) วัดหนองสนม พระเกจิคณาจารย์ยุคเก่า วิทยาคมที่เข้มขลังแห่งภาคตะวันออก จ.ระยอง

    ◉ ชาติภูมิ
    พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ หลวงปู่หิน วัดหนองสนม นามเดิมชื่อ หิน หอมหวาน” เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๔ ตรงกับขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ที่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง บิดาชื่อ “นายปล่อง” และมารดาชื่อ “นางทบ หอมหวาน” มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๕ คน หลวงปู่หิน เป็นบุตรคนที่ ๓
    ในช่วงเยาว์วัย ด.ช.หิน อายุ ๑๒-๑๓ ปี ได้ไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระภิกษุที่วัดทับ พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดา ประกอบอาชีพทำนา

    ครั้นอายุครบ ๑๘ ปี นายหินได้เข้ารับราชการทหาร อยู่ประจำการในกรมกองนานถึง ๕ ปี พออายุ ๒๒ ปี นายหินได้ออกจากราชการทหาร กลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพเช่นเดิม

    ◉ อุปสมบท
    เมื่ออายุได้ ๒๔ ปี นายหิน ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดจันทอุดม (วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมี พระครูสงฆ์ วัดจันทอุดม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดแอ่ว วัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ได้รับฉายาว่า “ถาวโร

    พระหิน ได้อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขระสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนมเรื่อยมา จนถึง พ.ศ.๒๔๕๔ พรรษาที่ ๘ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาสวดนาค

    ในปี พ.ศ.๒๔๖๖ ได้เป็นพระวินัยธรรม ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง
    ในปี พ.ศ.๒๔๖๘ ได้เป็นเจ้าคณะตำบลเนินพระ
    ในปี พ.ศ.๒๔๗๐ ท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเนินพระ
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม “พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับ
    หลวงปู่หิน เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีเถระประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม

    หลวงปู่หิน เป็นพระผู้ทรงธุดงคคุณ ชอบจาริกไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี และคาถาอาคมขลัง

    นอกจากนี้ หลวงปู่หิน ยังแตกฉานในภาษาบาลี ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาใน หลวงปู่หิน จนกระทั่ง วัดหนองสนม เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

    ◉ มรณภาพ
    เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ท่านได้ละสังขารไปอย่างสงบ ณ กุฏิเจ้าอาวาสวัดหนองสนม อันเป็นกุฏิที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษา จนถึงวาระสุดท้าย สิริอายุ ๘๐ พรรษา ๕๖ มีสัทธิวิหาริก (ลูกศิษย์ที่ท่านบวช) รวมทั้งสิ้น ๑,๕๓๘ รูป

    ◉ ด้านวัตถุมงคล
    สำหรับวัตถุมงคล ของ หลวงปู่หิน นั้นท่านสร้างหลายแบบด้วยกัน ทั้ง รูปหล่อ มี ๒ รุ่น เหรียญมี ๓ รุ่น ผ้ายันต์ขาวแดง อันโด่งดัง และ ผ้ายันต์พัดโบก ทางด้านค้าขาย ท่านก็มี แต่วัตถุมงคลของท่าน นั้นทำน้อยมาก และ ปัจจุบัน หาพบเจอได้ยากยิ่ง

    แรก-หลวงปู่หิน-ถาวโร-วัดหนองสนม-1024x768.jpg
    เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่หิน ถาวโร วัดหนองสนม
    สอง-หลวงปู่หิน-ถาวโร-วัดหนองสนม-1024x730.jpg
    เหรียญ รุ่นสอง หลวงปู่หิน ถาวโร วัดหนองสนม
    -หลวงปู่หิน-ถาวโร-วัดหนองสนม2-1024x726.jpg
    รูปถ่าย หลวงปู่หิน ถาวโร วัดหนองสนม
    -รุ่นสอง-หลวงปู่หิน-วัดหนองสนม.jpg
    รูปหล่อ รุ่นสอง หลวงปู่หิน วัดหนองสนม
    มีพระรูปหนึ่งที่ หลวงปู่ทิม มักเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า มีวัดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “วัดหนองสน” มี “ท่านพ่อหิน” เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าว่า…หลวงพ่อหิน เป็นพระที่หลวงพ่อสังข์เฒ่า บวชให้ โดยมี หลวงพ่อแอ่ววัดป่าประดู่เป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาว่า “ถาวโร” หลังจากที่บวชแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดทับมาประมาณ พ.ศ.๒๔๔๙
    หลวงพ่อหิน ท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จาก หลวงพ่อสังข์เฒ่า เนื่องจากอุปนิสัยของหลวงพ่อหินนั้นท่านเป็นคนดื้อและแข็งกร้าว เป็นคนอยากลองดี โดยเหตุที่พระอุปัชฌาย์ ของท่านเป็นพระที่ดุมาก มีระเบียบวินัยจัด ใครทำผิดวินัยแล้ว หลวงพ่อสังข์เฒ่า จะต่อว่าและดุด่าทีนที คนไหนที่ท่านดุด่าแล้วไม่รู้จักจำ ท่านจะไล่ออกจากนอกวัดทันทีแต่หลวงพ่อหินท่านไม่กลัวหลวงวพ่อสังข์เฒ่า ดุก็ดุไปถ้าท่านไม่ทำผิดวินัยซะอย่าง

    เวลาวัดมีงานท่านก็ออกมาช่วยอะไรที่ไม่ดี ท่านก็ทำให้ดีขึ้น คาถาอาคมที่ตนเองเล่าเรียนมา ถ้าไม่รู้ท่านจะรีบถาม “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” ทันทีจึงทำให้หลวงพ่อสังข์เฒ่าท่านรักหลวงพ่อหินมาก และก็ได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้หลวงพ่อหินจนหมด
    หลวงปู่ทิม ได้เล่าว่า หลวงพ่อหินมีวิชาคงกระพันสูง สามารถปลุกเสกผ้าและหมากพลูให้เป็นสัตว์ต่างๆ ได้สมัยที่ท่านไปกราบหลวงพ่อหินที่วัดหนองสนม ได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเคยเอ่ยถามหลวงพ่อหินว่า “เรื่องคาถาอาคมนั้นมีจริงหรือไม่? และท่านพ่อมีความเชื่อในด้านคาถาที่เกี่ยวกับเสกของให้เป็นสัตว์นั้นเป็นจริงหรือ?

    หลวงพ่อหิน ได้ฟังเช่นนั้นท่านก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม สักพักหนึ่งท่านก็กวักมือทำเป็นเรียกตัวอะไรให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นลูกหนูตัวหนึ่ง ซึ่งท่านเอามือเคาะที่พื้นเบาๆ ลูกหนูตัวนั้นก็วิ่งไปที่มือของท่านหลวงปู่ทิมเห็นเช่นนั้นก็มองดู สักพักหนึ่งปรากฏว่าลูกหนูที่อยู่ในมือหลวงพ่อหินกลายเป็นเส้นด้ายขดหนึ่ง


     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    (ต่อ)
    ท่านมองหลวงปู่ทิมและพูดว่า “คาถาอาคมที่เราถืออยู่ทุกวันนี้ ถ้าคิดว่าเป็นจริงมันก็จริง แต่คนที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ ต้องฝึกจิตมาเป็นอย่างดี” ซึ่งครั้งหนึ่ง “หลวงปู่ทิม” ก็เคยเสกผ้าให้เป็น “กระต่าย” กระโดดโลดเต้นให้ลูกศิษย์เห็นต่อหน้า “หลวงปู่แก้ว” มาแล้ว ซึ่งผมและโยมสาย แก้วสว่าง ก็อยู่ในเกตุการณ์วันนั้นด้วย

    หลวงพ่อหิน ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก เหรียญของท่านเยี่ยมยอดในด้านคงกระพัน ส่วนรูปหล่อของท่านก็หนักไปในด้านคงกระพันเช่นกัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันหรอกที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” แสดงถึงว่า ถ้าใครคล้องเหรียญหรือรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน

    อีกวิชาหนึ่งที่ “หลวงปู่ทิม” เคยไปเรียนกับ “หลวงพ่อหิน” นั้นคือวิชาทำสีผึ้งเมตตา และหลังจากนั้นหลวงปู่ฯ ก็ได้ศึกษาเพิ่มเติมในสมุดโบราณที่จารึกโดย “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” สีผึ้งของหลวงปู่ทิม ท่านทำได้ขลังและวิเศษมาก ผมเองทุกวันนี้ก็ใช้ติดตัวอยู่เสมอ เรื่องเมตตาไม่ต้องถามถึง เพราะตนเองใช้แล้วรู้สึกดี จึงใส่ตลับห้อยคอไว้ แต่ก็ได้ถูกเพื่อนๆ ที่รักใคร่พากันขอแบ่งไปนิดแบ่งไปหน่อยจนเวลานี้แทบจะไม่มีเหลืออีกเลยก็สมบัติผลัดกันชม จึงไม่คิดอะไรตัวเองตอนนี้ก็อายุมากขึ้นทุกวัน เรื่องเสน่ห์เห็นทีจำเป็นจะต้อง “หยุด” เสียทีถ้าไม่หยุดอนาคตคงจะไม่เหลืออะไรเป็นแน่ เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ปวดหัวเต็มทนอยู่แล้ว เรียนผูกไม่ได้เรียนแก้ ก็เป็นเช่นนี้แหละ ผมพึ่งคิดได้ว่าคำพูดที่หลวงพ่อนิด วัดทับมา เคยพูดกับผมอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า “ถ้าเอ็งมัวแต่เรียนเรื่องเสน่ห์ สักวันหนึ่งเอ็งจะรู้ว่า “นรก” มันมีจริงผ้ายันต์พัดโบกหลวงพ่อหิน วัดหนองสนม “โบกขาว ยันต์ตรี โบกสี เอโหเอหา เลื่องลือฤาชา มหาเสน่ห์!!!” หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม

    ท่านเป็นลูกศิษย์คนสำคัญที่ได้เรียนวิชามาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า สุดยอดพระคณาจารย์ยุคเก่าต้นสายวิชาแห่งภาคตะวันออก หลวงพ่อหิน ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบและหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    โดยหลวงปู่ทิม ท่านได้ไปต่อวิชากับท่านและได้กล่าวยกย่องหลวงปู่หินอยู่เสมอ นอกจากนี้ท่านยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อนิด วัดทับมาและหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

    ผ้ายันต์พัดโบกเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดวัตถุมงคลที่หายากที่สุดของท่าน ทำจากผ้ายันต์แดงและผ้ายันต์ขาวลงจารอักขระเย็บติดกัน ขึ้นชื่อที่สุดทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ ค้าขาย สุดยอดหายาก ผ้ายันต์พัดโบก หรือ เรียกกันว่า ผ้ายันต์โบกสาว หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ระยอง ด้านสีแดงใช้โบกเรียกสาว เรื่องเมตตามหาเสน่ห์ร่ำลือกันว่า เด็ดขาดนัก ด้านสีขาวเป็นคงกระพัน เหนียวสุดๆ

    ถ้าใช้ด้านยันต์แดง ให้เขียนชื่อผู้หญิงที่เรารักเราชอบต่อตรงคำว่าชื่อ (เป็นภาษาขอม) ประสบการณ์เรื่องผ้ายันต์ของท่านเป็นที่ร่ำลือกันในระยอง

    แม้กระทั่งหลวงพ่ออี๋ ผู้สร้างปลัดขิกอันโด่งดัง ก็ยังพายเรือมาหาท่านที่วัด เพื่อถามหลวงปู่หินว่า เหรียญที่ท่าน(หลวงพ่ออี๋) สร้างใช้ได้หรือยัง?

    ปัจจุบันเป็นผ้ายันต์ที่หายาก คนระยองหวงแหนกันมาก ผ้ายันต์พัดโบกสาวสร้างขึ้นหลายครั้งมีแบบจารด้วยดินสอก็มี
    จารด้วยปากปาหมึกซึมหรือคนรุ่นเก่าเรียกปากกาคอแร้งก็มี ของปลอมระบาดกลาดเกลื่อนต้องดูกันให้ดี นอกจากจำเรื่องลายมือ ความเก่าเป็นธรรมชาติของผ้าและหมึกแล้ว ยังมีจุดดูอีกหลายประการ เช่าหาควรดูดีๆ

    ตัวจริงโบกเรียกสาวได้จริง เห็นผลกันมาหลายราย ร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันแทบจะเป็นเครี่องรางมหาเสน่ห์ระดับตำนานของระยองเลยทีเดียว

    พระเครื่องของหลวงปู่หิน เด่นเรื่องด้านแคล้วคลาด คงกะพัน เหนียว เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย มีประสบการณ์ให้เห็นบ่อยครั้ง แต่เชื่อหรือไม่ว่าพระเครื่องของหลวงปู่หิน ด้านเมตตา ค้าขาย เจริญในหน้าที่การงานก็ไม่ได้เป็นรองใคร ทำการงานจะรู้สึกราบรื่นดีไปหมด
    ขอบพระคุณที่มา :-- https://www.108prageji.com/หลวงปู่หิน-ถาวโร/
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084
    เงากรรมของมัคนายกเปรต [ เล่าเรื่องโดย ยังทรงสองศิริ ]

    Yang song channel วันนี้มีเรื่องมาเล่า
    Sep 3, 2022
    เรื่องเล่าเรื่องราวหลอนๆ สยองๆ ฟังกันเพลินๆ ตอนทำงานดึกๆ ฟังแล้วให้รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หรือฟังก่อนนอน
    ยังมีเรื่องเล่า อีกมากมาย ที่จะมาลงในช่อง yang shong cannel วันนี้มีเรื่องมาเล่า ฝากกดติดตาม ให้ด้วยนะครับ #ปอบผีฟ้า # เปรต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2023
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,148
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,084

แชร์หน้านี้

Loading...