หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ / หลวงพ่อกัสสปมุนี อรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    หลวงปู่ผล ใช้น้ำมนต์ปราบปีศาจสุรา หลวงปู่ผล ธัมมโชติ วัดเทียนดัด อ.สามพราน จ.นครปฐม
    ***ทําบุญอายุครบ 93 ปี พ.ศ.2525 -->https://www.web-pra.com/shop/jeerasit/show/1327370
    หลวงปู่ผล วัดเทียนดัด เกจิผู้ปลุกศรัทธาท่ามกลางชาวคริสต์
    เกจิสักยันต์ทางคงกระพัน..."เต่า"คลานไหว้สังขารหน้าโลงศพ
    เมื่อเอ่ยถึงวัดเทียนดัด อ.สามพราน จ.นครปฐม นักเลงจริงยุคเก่าและนักเลงพระทุกยุคต้องยกนิ้วให้ พระครูอาทรพิทยคุณ หรือ"หลวงปู่ผล ธัมมโชติ"ยอดแห่งเกจิอาจารย์ในด้านเวทมนตร์-อาคมขลัง สหธรรมิกรุ่นเดียวกับ"หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม" แม้ชื่อเสียงจะไม่ขจรขจายเท่าหลวงพ่อเงิน แต่คนนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี แม้กระทั่งชานเมืองกรุงต่างหมายมุ่งที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของพระเครื่องของท่าน ซึ่งมีพุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งเรื่องคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม
    หลวงพ่อผลท่านมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ก่อนปี 2500 เรื่องวิทยาคมของท่านไม่เป็นรองใครในยุคนั้น ก่อนบวชก็ได้ศึกษาวิชาขอม และวิชาอาคมต่างๆจากโยมพ่อและอาจารย์หลายท่าน สมัยที่ยังหนุ่มๆท่านไปมาหาสู่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เพื่อสนทนาธรรมและแลกเปลี่ยนวิชาต่างๆ บางครั้งหลวงพ่อเงินไปเรียนวิชาเพิ่มเติมจากอาจารย์ใด ก็มักชวนหลวงพ่อผลไปด้วยเสมอ
    เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นผู้รู้ในวิชาโหราศาสตร์กับวิชาไสยศาสตร์มีวิชาอาคมขลังรูปหนึ่ง โดยสมัยที่กำลังเชี่ยวชาญวิชาได้เป็นหมอสักยันต์ทางอยู่ยงคงกระพัน มีลูกศิษย์มากมาย สักไปสักมาจนทางราชการขอร้องให้เลิกสัก ท่านจึงเลิกและหันมาทุ่มเทให้กับการพัฒนาวัด
    ในสมัยนั้นพวกเสือโจรเยอะมาก ได้มีกลุ่มเสือโจรระแวกบางกระทึก และวัดเทียนดัด ได้รวมกลุ่มกันเพื่อที่จะเข้าปล้น บ้านคหบดี แถววัดเทียนดัด แต่ยังไม่ทันปล้น ก็เกิดฝนตกหนัก พวกโจรกลุ่มนั้นได้เข้ามาหลบฝนในวัดเทียนดัด ขณะนั้นเอง พวกโจรกำลังประชุมเรื่องแผนปล้น หลวงพ่อผลก็เดินมาได้ยินพอดี จึงได้ขอร้องบอกให้พวกโจรกลุ่มนั้นให้เลิกปล้นกลับตัวเป็นคนดีซะเถอะ เพราะจะทำให้เขาเดือดร้อนมันเป็นบาปกรรม และให้ล้มเลิกความตั้งใจเสีย และหลวงพ่อก็ได้สอนธรรมให้กับพวกโจรกลุ่มนั้น จนพวกโจรกลุ่มนั้นได้กลับใจ
    วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านทำพิธีปลุกเสกล้วนแต่มีพุทธานุภาพสูง ใครได้ไว้กับตัวก็จะมีแต่สิริมงคลและแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ท่านเคยปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อผัน วัดเทียนดัด (พระพี่ชาย) ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกปี 2497 เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์มากและราคาสูง แถมหายากมาก
    หลวงปู่ผลได้สร้างพระสมเด็จองค์ใหญ่ที่สุดไว้ในวัดเทียนดัด รายการทีวี"ตามไปดู"ของ "หมอซ้ง"สมัยนั้น ได้เข้ามาถ่ายทำนำไปออกอากาศว่ามีพระสมเด็จที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยหลวงปู่ผลได้ทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวท่านเอง จึงทำให้พระสมเด็จองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์และมีอภินิหารต่างๆปรากฎให้เห็นบ่อยๆ
    จากประวัติของท่านที่บันทึกไว้ใน"หนังสือ อนุสรณ์ 101 ปี หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด" ท่านเกิดในตระกูล"แสงโสภา"ที่บ้านต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีพ.ศ.2433 (ปีขาล ปีเดียวกับหลวงพ่อเงิน) เป็นบุตรของนายใหญ่ ชาวอยุธยา และนางทองสุข ชาวนครปฐม ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา มีพี่น้องรวม 10 คน เป็นผู้ชาย 3 คน และผู้หญิง 7 คนคือ 1. นางใย 2. นางยวง 3. นางพวง 4. นายพัน 5. นางเป๋า 6. นางอิน 7. นางแดง 8. นางวิน 9. นายผัน แสงโสภา (หลวงปู่ปลัดผัน) 10. นายผล (หลวงปู่ผล)
    เยาว์วัยพออ่านเขียนหนังสือได้ เมื่ออายุครบเกณฑ์ก็ไปเป็นทหาร หลังปลดประจำการแล้วไดัอุปสมบทที่วัดเทียนดัด โดยมีพระอธิการแสง วัดนางสาว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคง วัดนางสาว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า"ธัมมโชติ" ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเทียนดัด ต่อมาได้ไปศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดมหาธาตุ โดยอาศัยพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี
    เมื่อสอบได้นักธรรมขั้นตรีแล้วก็ได้มาเป็นครูสอนปริยัติธรรมที่วัดเทียนดัด และวัดต่างๆหลายวัด เพราะสมัยนั้นหาครูผู้สอนยากมาก โดยได้ไปๆมาๆที่วัดระฆังเสมอ เพราะต้องการเรียนวิชาต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนวิปัสสนากรรมฐานที่ท่านสนใจอย่างมากและท่านมีความรู้ด้านนี้พอสมควร
    ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังได้เรียนวิชาถ่ายภาพ วิชาเขียนภาพ วิชาเครื่องยนต์ ตลอดจนวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์ คาถาจากอาจารย์ต่างๆ แล้วได้นำหลักการทำพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆังมาทำเป็นครั้งแรกช่วงปี พ.ศ.2471-2472 กับพระปลัดผัน พระพี่ชายของท่าน
    หลวงปู่ผลมีอุปนิสัยใจคอเยือกเย็น มีเมตตาธรรมแก่คนทั่วไป ท่านยังเป็นที่คุ้นเคยและเคารพนับถือของพระผู้ใหญ่หลายรูป นอกจากมีวิชาอาคมขลังแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่ตั้งใจบริหารวัดจนเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด มีอาคาร กุฏิ ศาลาบำเพ็ญกุศล เมรุ ถังน้ำบาดาลคอนกรีต ห้องสมุด โรงเรียนปริยัติธรรม อีกทั้งซ่อมอุโบสถและศาลาการเปรียญที่ชำรุดทรุดโทรม ศาลาเอนกประสงค์ ที่สำคัญ ท่านชอบบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือคนยากจน และผู้ประสบภัยต่างๆ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วมที่ไหน ท่านก็บริจาคเงินช่วยเหลือทันที
    ในปีพ.ศ. 2528 ท่านจัดพิธีหล่อรูปพระพุทธปางลีลา โดยไดัทูลเชิญ สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาทรงเป็นประธานเททองและยกช่อฟ้าอุโบสถ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2528 ต่อมาในปี พ.ศ.2530 ท่านได้เป็นประธานสร้างเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา และให้เป็นเจดีย์องค์สำคัญประจำจังหวัด เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา เจดีย์มีความสูง 38 เมตร กว้าง 12 เมตร ด้านข้าง 4 ด้าน กว้างด้านละ 4 เมตร องค์เจดีย์ปูโมเสกทั้งองค์ พื้นปูหินอ่อน รวมค่าก่อสร้าง 4,000,000 บาทเศษ ครั้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2532 เป็นวันกำหนดฤกษ์ยกฉัตรเจดีย์ ท่านอาพาธไม่สามารถมาได้ ทำได้เพียงการจับสายสิญจน์อยู่ที่กุฏิ โดยมอบให้พระเทพวรเวที รองเจ้าคณะภาค วัดไร่ขิง มาเป็นประธานแทน
    :- https://www.web-pra.com/shop/jeerasit/show/1327370
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2022
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    วิชาลึกลับจากชาวกะเหรี่ยง | EP.23 เรื่องเล่าประสบการณ์หลวงปู่หลิว

    100 เรื่องเล่า
    141,930 views Apr 15, 2022
    วิชาลึกลับจากชาวกะเหรี่ยง หลวงปู่หลิว ปัณณโก แห่งวัดไร่แตงทอง เกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าของตำนานนางพญาเต่าเรือน ที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักของนักนิยมพระเครื่อง วัตถุมงคล ท่านเล่าเรื่องเกี่ยวกับวิชาอาคม วิชาควายธนูที่ท่านได้ไปเรียนกับอาจารย์ชาวกะเหรี่ยง ในสมัยที่ท่านยังเป็นฆราวาส เพื่อมาปราบปรามโจรผู้ร้าย ที่ชุกชุม คอยปล้นวัวควายของชาวบ้าน

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญรับฟังได้เลยครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัย มาณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    lplewpannago.jpg
    ประวัติ หลวงปู่หลิว ปณฺณโก วัดไร่แตงทอง นครปฐม

    หลวงปู่หลิว ปณฺณโก "เทพเจ้าพญาเต่าเรือน"
    วัดไร่แตงทอง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

    หลวงปู่หลิว ปณฺณโก นับเป็นผู้ทรงอภิญญา และมีพุทธาคมสูงส่ง ท่านเป็นผู้ที่มีเมตตา พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ท่านพร้อมที่จะสร้าง พร้อมที่จะเสียสละ ให้กับบวรพุทธศาสนา ท่านไปอยู่ยังที่แห่งใดก็เปรียบเสมือนดวงประทีปของที่นั่น จนท่านได้ชื่อว่า พุทธบุตร ที่ทุกคนยกย่อง
    ในช่วงที่หลวงปู่หลิวยังมีชีวิตอยู่นั้น

    ท่านได้ใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่ท่านมี บูรณปฏิสังขรณ์ สร้างเสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัด เช่นโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ โดยมิได้หยุด
    หลวงปู่หลิว ปณฺณโก เคยตั้งปณิธานด้วยสัจจะ 2 ประการคือ

    1. ลดเลิกอบายมุขทุกชนิด
    2. เมื่อมีโอกาสจะสั่งสมบารมี ด้วยการสร้างเสนาสนะภายในวัด เช่นโบสถ์ วิหาร กุฏิ ศาลาการ เปรียญ จนกว่าชีวิตจะหาไม่

    ความ ปรารถนาอันแรงกล้าของหลวงปู่หลิวเป็นผลให้อำนาจบารมีของคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สถิตย์ทั่วจักรวาล ดลบันดาล ให้ท่านมี วาจาสิทธิ์ กับ ญาณทิพย์ มาขจัดปัดเป่าความทุกข์โศกของเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่ายากดีมีจนไม่ว่าใกล้ไกลที่ไหนท่านก็จะถามถึงทุกข์สุขของทุกคนท่านได้ ช่วยเหลือจนหมดสิ้น

    ปฐมวัย

    หลวงปู่หลิว ปณฺณโก มีนามเดิมว่า “หลิว” นามสกุล “แซ่ตั้ง” (นามถาวร) บิดามีนามว่า คุณพ่อเต่ง แซ่ตั้ง มารดามีนามว่า คุณแม่น้อย แซ่ตั้ง ท่านเกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2448 ขึ้น 11 ค่ำ เดือนอ้าย (ปีมะเส็ง) ที่หมู่บ้านหนองอ้อ ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีพี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกันทังหมด 9 คน คือ

    1. นายเหรียญ แซ่ตั้ง
    2. นางแอ๊ว ตู้นิ่ม
    3. หลวงปู่หลิว ปณฺณโก
    4. นายปลิว จุฬาเบา
    5. นางลั้น เตี้ยเนตร
    6. นางปั่น เหมือนจินดา
    7. นายหนู นามถาวร
    8. นายปู นามถาวร
    9. นางปุ่น นามใจ

    ครอบ ครัวของหลวงปู่หลิวอยู่ในชนบท ที่ห่างไกลความเจริญ บิดามารดามีอาชีพหลักคือ ทำนา ต่างคนต่างต้องช่วยกันทำมาหากินกันไปตามสภาวะ หลวงปู่หลิวในวัยเด็กมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกันอย่างสิ้น เชิงทนที่จะไปวิ่งเล่นตามประสาเด็กในวัยเดียวกันแต่หลวงปู่หลิวก??ับมองเห็น ความยากลำบากของบิดา มารดา และพี่ ๆ จึงได้ช่วยงานบิดา มารดา และพี่ ๆ อย่างขยันขันแข็ง ทำให้หลวงปู่หลิวเป็นที่รักใคร่ของบิดา มารดา ตลอดจนพี่ ๆ และน้อง ๆ เป็นอย่างยิ่ง ด้วยมีความขยันขันแข็ง ทำให้หลวงปู่หลิวได้เรียนรู้วิชาช่าง ควบคู่ไปกับการทำไร่ ทำนา เพราะบิดานั้นเป็นช่างไม้ฝีมือดีคนหนึ่ง เมื่อเติบใหญ่หลวงปู่หลิว จึงมีฝีมือทางช่างเป็นเลิศ จนเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านทั่วไป

    ในบาง ครั้งหลวงปู่หลิว ท่านต้องไปรับจ้างคนอื่นเพื่อให้ได้เงินมา ท่านต้องเดินทางไกลเพื่อไปทำงานบางครั้งไปกลับใช้ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ นานา บางครั้งทำให้ท่านถึงกับล้มป่วยไปเลยก็มี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลวงปู่หลิวมีความรู้เกี่ยวกับยาสมุนไพรมากมาย (เพราะหลวงปู่หลิวท่านมีลักษณะเด่นอยู่ในตัวคือ ท่านมี “ความจำ” เป็นเลิศ) นอกจากท่านจะเป็นช่างไม้ฝีมือดีแล้วท่านยังเป็นหมอยาประจำหมู่บ้านหนองอ้อ, ทุ่งเจริญ, บ้านเก่า และละแวกใกล้เคียงไปโดยปริยายใครมาขอตัวยากับท่าน ท่านก็ให้ไปทุกคน

    ครอบครัวโดนรังแก

    ในอดีตนั้นเขตภาคกลางโดย เฉพาะ เพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กล่าวกันว่าเป็นแดนเสือ ดงนักเลง มีโจรผู้ร้ายโด่งดังมากมาย คนหนุ่มทั้งหลายกลุ่ม หลายถิ่นต่างตั้งกล่มเป็นโจรผู้ร้ายปล้นจี้สร้างอำนาจอิทธิพลในพื้นที่ของตน คนบางกลุ่มก็ตั้งกลุ่มเพื่อปกป้องคุ้มครองถิ่นของตน ครอบครัวหลวงปู่หลิวเองก็ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มโจร ท่านได้พูดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า “โยมพ่อโยมแม่และพี่ชายเป็นคนซื่อ ใจรมาขโมยวัว ขโมยควายก็มิได้ต่อสู้ขัดขืน ทำให้พวกโจรได้ใจทำให้วัดควายและข้าวของที่พยายามหามาด้วยความยากลำบากต้อง สูญเสียไป อาตมาจึงเจ็บใจและแค้นใจ เป็นที่สุด แต่ทำอะไรมันไม่ได้”

    ใน บางครั้งโจรที่มาปล้นวัวควาย คุณพ่อเต่งและพี่ชายคนโดไม่เคยกล้า ที่จะเข้าขัดขวาง ขอเพียงแต่อย่าทำร้ายบุตรหลานก็เป็นพอ “ข้าวของเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้”

    หลวงปู่หลิวในช่วงนั้นก็ เป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ก็ทวีความโกรธแค้นมากขึ้น จึงคิดหาวิธีปราบโจรผู้ร้าย อย่างเด็ดขาดให้ได้ อันเป็นการช่วยตนเอง และชาวบ้านให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายต่อไป

    เข้าป่าเรียนอาคม

    หลวง ปู่หลิว ได้ชวนหลานชายผู้เป็นลูกของพี่ชาย และหลานชายผู้เป็นลูกของพี่สาว หนีออกจากบ้านไปแสวงหาอาจารย์ผู้มีวิชาอาคม ในดงกระเหรี่ยง เพื่อขอเรียนวิชาไสยศาสตร์ เพื่อนำมาปราบโจรผู้ร้าย ที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแทบทุกวัน ซึ่งหลานชายทั้งสองก็เห็นด้วย บนเส้นทางอันเป็นป่าเขาดงดิบด้านชายแดนไทย-พม่า มีป่าไม้รกทึบ อากาศหนาวเย็นด้วยจิตใจอันแน่วแน่ เด็กหนุ่มทั้ง 3 จึงรีบเร่งเดินทางให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด

    ป่าดงดิบสมัยก่อนนอก จากจะรกทึบแล้ว ยังเต็มไปด้วยไข่ป่าอันน่าสะพรึงกลัว ในระหว่างการเดินทางหลานชายผู้ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายเกิดป่วยหนักด้วยโรคไข้ ป่า ยารักษาก็ไม่มีเพราะไม่ได้เตรียมมา หลวงปู่หลิวจึงหยุดพักการเดินทางเพื่อรักษาไข้ป่าไปตามมีตามเกิด หลานชายทนความหนาวเหน็บและพิษของไข้ป่าไม่ไหว จึงได้สิ้นใจตายไปต่อหน้าต่อตาของหลวงปู่หลิวผู้เป็นอา และหลานอีกคน

    ความ รู้สึกในเวลานั้นทำให้พาลโกรธโจรผู้ร้ายมากยิ่งขึ้น ทางหลานชายเมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องของตนต้องมาตายจากไปจึงเกิดขวัญเสียไม่ อยากเดินทางต่อไปตามที่ตั้งปณิธานเอาไว้ เพราะเกรงว่าหนทางข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก จึงเอ่ยปากชวนน้าชายกลับบ้าน แต่หลวงปู่หลิวได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่าจะไม่กลับแน่นอน ถ้าไม่สำเร็จวิชา

    หลังจากนั้นหลวงปู่หลิว ได้แยกทางกันกับหลานชายมุ่งหน้าสู่ดินแดนกระเหรี่ยง ด้วยจิตใจที่แน่วแน่ เมื่อไปถึงมีชาวกระเหรี่ยงที่พอพูดไทยได้บ้างก็เข้ามาสอบถาม หลวงปู่หลิวจึงได้บอก ความต้องการให้เขาฟัง

    หลวงปู่หลิวโชคดีได้พบ อาจารย์หม่งจอมขมังเวทย์ชาวกระเหรี่ยง จึงได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนวิชาอาคมด้วย ท่านใช้เวลาอยู่ในหมู่บ้านั้นนานร่วม 4 เดือน ถึงจะได้เริ่มเรียนวิชากับอาจารย์หม่ง อาจารย์ชาวกระเหรี่ยงให้ความเมตตาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้อย่างเต็มใจ ระหว่างอยู่กับอาจารย์ หลวงปู่หลิวมีความมานะบากบั่นช่วยงานทุกอย่าง จนเป็นที่รักใคร่ของทุกคน สำหรับวิชาที่ได้ร่ำเรียนในขณะนั้นคือวิชาฆ่าคนโดยเฉพาะ เพื่อไปแก้แค้นโจรที่ลักวัวควาย หลวงปู่หลิวอยู่กับอาจารย์ชาวกระเหรี่ยงได้ 3 ปี กว่าจนถึงวัย 21 ปี ก็ศึกษาวิชาอาคมได้อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเดินทางกลับผู้เป็นอาจารย์ได้กำชับอย่างเด็ดขาดว่าวิชาอาคมต่าง ๆ ที่ประสิทธิ์ประสาทให้ ห้ามใช้จนกว่าจะถูกผู้อื่นทำรังแกทำร้ายอย่างถึงที่สุด เพราะมันเป็นวิชาฆ่าคน ท่านก็รับคำและเดินทางกลับบ้านเกิดด้วยความมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาให้หมู่บ้าน ของตนจึงเดินทางกลับบ้าน เมื่อได้พบบิดา มารดาแล้ว หลวงปู่หลิวได้ลาท่านไปท่องเที่ยวอีกครั้ง

    ใช้ควายธนูปราบโจรขโมยวัว

    ใน ฤดูฝนปีถัดมา หลวงปู่หลิวได้กลับจากท่องเที่ยว มาช่วยบิดามารดาทำไร่นาที่บ้านเกิดอีกครั้ง วัวควายที่เคยเลี้ยงอย่างระมัดระวัง ก็ปล่อยให้มันกินหญ้าตามสบาย เขาทำมาหากินได้ไม่กี่เดือนมีเพื่อนฝูงที่สนิทคนหนึ่งแจ้งข่าวให้ทราบว่า โจรก๊กหนึ่งจะเข้าปล้นวัวควายเขาในเร็ว ๆ นี้ หนุ่มหลิวก็เตรียมรับมือทันที แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเตรียมตัวเช่นไร่ ทุกวันเขาทำตัวปกติมิได้อาทรร้อนใจกับเรื่องที่โจรจะเข้าปล้นกลางวันทำไร่ เลี้ยงควายไปตามเรื่อง ตกเย็นค่ำมืดกินข้าวกินปลาหากไม่มีเพื่อนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเขาก็เข้านอน แต่หัววัน

    อีกหลายสิบวันต่อมา คืนหนึ่งดึกสงัดเป็นวันข้างแรม ท้องทุ่งอันเวิ้งว้างมืดสนิทไร้แสงเดือน ท้องฟ้ามีแต่หมู่ดาวกลาดเกลื่นระยิบระยับไปทั่ว แต่ที่บ้านของหนุ่มหลิว มันเงียบแต่ไม่สงัด ร่างตะคุ่มหลายสายพากันเคลื่อนไหวเข้าใกล้เรือนที่มืดมืดของเขา ร่างเหล่านั้นมุ่งไปที่คอกวัวควายส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคุมเชิงระวังภัยให้กับเพื่อน

    ทันใดนั้น กลุ่มโจรที่เข้าไปเปิดคอกถึงกับตะโกนร้องอย่างตกใจ ระคนด้วยความหวาดกลัวแล้วแตกกระเจิงออกคนละทิศละทาง เสียงโวยวายร้องบอกให้เพื่อนหลบหนีดังขึ้นสลับร้องโหยหวนเจ็บปวด

    เช้า ตรู่ของวันใหม่ ท่านเอาวัวควายออกเลี้ยงตามปกติที่ไร่ แม้ว่ารอบบ้านจะมีร่องรอยเท้าคนย่ำอย่าสับสนและมีรอยเลือดกองเป็นหย่อม ๆ และกระเซ็นไปทั่ว เขาไม่ยี่หระวางเฉย เพียงแต่ก้มลงหยิบสิ่งหนึ่งที่หน้าคอกสัตว์ มันคือ รูปปั้นควายดินเหนียว ซึ่งเลอะไปด้วยเลือดเต็มเขาและหัวของมัน หรือว่าสิ่งนี้ คือ ”ควายธนู” ทำการขับไล่เหล่าโจรร้าย ไม่มีใครรู้นอกจากหนุ่มหลิวเพียงคนเดียว

    ข่าว การใช้ควายธนุขับไล่โจรก๊กนั้นแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านและลือกันต่าง ๆ นานาว่าท่านเป็นผู้มีของดี ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายมีมิจฉาชีพคิดอยากลองของ ด้วยการซุ้มรุมทำร้ายด้วยอาวุธนานาชนิด แต่มีด ปืนผาหน้าไม้ที่รุมกระหน่ำไม่สามารถทำอันตรายท่านได้แม้แต่น้อย แถมการที่ท่านสู้แบบไม่ถอยทำให้คนร้ายวิ่งหนีกันหัวซุกหัวซุน จากชัยชนะหลายครั้ง หลายหนต่อการรุกรานในรูปแบบต่างๆ สร้างความพอใจให้กับคนในหมู่บ้านบางรายถึงกับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ แต่ก็มีชาวบ้านบางพวกกับมองว่าท่านเป็นนักเลงหัวไม้

    ในที่สุดหลวงปู่ หลิวก็ปราบโจรลงอย่างราบคาบ จนโจรหลายคนต้องมากราบขออโหสิ และบางคนก็มาขอเป็นศิษย์ นับแต่นั้นมาชาวบ้านก็มีแต่ความสงบสุข ไม่ต้องหวาดผวาโจรผู้ร้าย บรรดาโจรผู้ร้ายหลายคนก็ได้กลับตัวกลับใจ ทำมาหากินด้วยความสุจริต อย่างชาวบ้านทั่วไป หลวงปู่หลิวได้กล่าวถึงพวกโจรขโมยวัวควายที่พ่ายแพ้ตนว่า “คนเราถ้าอยากจะชนะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล ก็ต้องเอาด้วยคาถา แต่เมื่อเขายอมรับผิด ยอมกลับตัวกลับใจ เราก็ควรให้อภัยแก่ผู้สำนึกผิดเป็นการให้ที่ประเสริฐและได้กุศลด้วย”

    ชีวิตที่ยังไม่เปิดเผย

    ภาย หลังที่หลวงปู่หลิวได้ปราบโจรเป็นที่เรียบร้อย และชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุขแล้ว หลวงปู่หลิวก็ได้กลับมาทำไร่ ทำนาตามปกติ ตอนนี้ท่านได้แยกตัวออกมาทำงานของตัวเอง ท่านทำหลายอย่าง เผาถ่านท่านก็เคยทำ เก็บเห็นเผาะขายก็เคย รับจ้างทำไร่ก็เคย ตอนที่ท่านทำไร่นี่แหละ ท่านไปเจอแม่ม่ายคนหนึ่งชื่อ ”นางหยด” เกิดชอบพอกันขึ้นมา ก็เลยอยู่กินด้วยกัน และมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งคือ นายกาย นามถาวร ซึ่งเป็นวิถีชีวิตชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่มีความรักเอื้ออาทรต่อกัน

    สู่โลกธรรม

    เมื่อหลวงปู่หลิวได้ ใช้ชีวิตอยู่กับนางหยด ระยะหนึ่งแล้ว ได้สัมผัสกับกระแสแห่งความวุ่นวายในสังคมมนุษย์ ความโลภ โกรธ หลง อวิชชา ตัณหา ราคะต่าง ๆ หลวงปู่หลิวเริ่มจับตามองความเป็นไปต่าง ๆ ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายในสังคมทีละน้อย ๆ และความรู้สึกนั้นได้เพิ่มพูนมากขึ้น

    จนกระทั่งหลวงปู่หลิวมีอายุได้ 27 ปี ได้เกิดความเบื่อหน่ายสุดขีด ในการแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกันตามสภาวะแห่งกิเลสตัณหา ราคะของชีวิตฆราวาส ซึ่งไม่ถูกกับนิสัยที่แท้จริงของตน คือรักความสงบชอบความสันโดษเรียบง่าย จิตใจของหลวงปู่เริ่มเองเอียงไปทางธรรมะธัมโม อยากจะเข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา หลวงปู่หลิวจึงได้ขออนุญาตบิดา มารดา เพื่ออกบวชแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง ท่านทั้งสองก็เห็นดีเห็นงาม ด้วยความปลาบปลื้มเป็นล้นด้น ที่ลูกชายจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

    หลวงปู่หลิว ได้เข้าบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาพระอุโบสถ วัดโบสถ์ ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี (ประมาณเดือน 7 ก่อนเข้าพรรษา พ.ศ. 2475 ปีวอก) โดยมีหลวงพ่อโพธาภิรมย์ แห่งวัดบำรุงเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีพระอาจารย์ห่อ วัดโบสถ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาจากพระอุปัชฌาย์ว่า “ปณฺณโก” อ่านว่า ปัน-นะ-โก

    เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่หลิว ปณฺณโก ได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดหนองอ้อ ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน เพื่อเล่าเรียนทางพระปริยัติธรรมและปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานควบคู่กันไปทั้ง ยังความสะดวกสบายกว่าที่อื่น ๆ เพราะมีญาติพี่น้องให้ความอุปัฏฐากอย่างใกล้ชิด

    ในพรรษาแรกนั้น หลวงปู่หลิวได้มีโอกาสใช้วิชาช่างช่วยท่านเจ้าอาวาสสร้างศาลาการเปรียญหลังหนึ่งซึ่งใหญ่มากจนสำเร็จ

    ต่อ มาอีก 4 เดือนท่านได้ช่วยปรับพื้นศาลาเสร็จอีก และยังได้สร้างกี่กระตุก (ที่ทอผ้า) อีก 50 ชุด เพื่อถวายให้กับวัดหนองอ้อ จึงนับได้ว่าหลวงปู่หลิวไม่เคยหยุดนิ่ง ท่านมีพรสวรรค์ทางเชิงช่างเป็นเลิศ จนเป็นที่ยอมรับของครูบาอาจารย์ และญาติโยม ชาวบ้าน เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งภายหลังจะเห็นได้ว่า การก่อสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัดล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของหลวงปู่หลิวทั้งสิ้น

    เรียนอาคมเพิ่มบารมี

    หลัง จากเสร็จสิ้นภาระกิจในการก่อสร้างแล้วท่านได้ไปโปรดอารย์ชาวกระเหรี่ยง สร้างความปลาบปลื้มแก่อาจารยืหัวหน้าเผ่าและชาวบ้าน ที่หลวงปู่เป็นศิษย์กตัญญู ในคราวนี้หลวงปู่หลิวยังได้รับการถ่ายทอดคาถามหามนต์ มหาเวทย์ของชาวมอญ อันเป็นเคล็ดวิชาที่อาจารย์ชาวกระเหรี่ยงเคยบวชเรียนอยู่หลายพรรษา

    จาก นั้นหลวงปู่หลิวได้วกลงใต้ ไปกราบหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อแดงได้ขึ้นกัมมัฏฐานให้ และสอนวิชาทำสมาธิ เข้าญาณสมาบัติ สอนอักขระเลขยันต์ต่างๆ ตลอดจนการเขียนลบผงอิทธิเจ....ปัทถมัง....ตรีนิสิงเห....ฯลฯ

    จากนั้นไปกราบพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช พ่อท่านคล้ายได้เมตตาสอนเคล็ดวิชาต่างๆ ให้ด้วยความปราณี

    ใน ช่วงนี้เองหลวงปู่หลิวได้พบกับอาจารย์อุ่ม เสือสมิง "จอมขมังเวทย์ชาวใต้" หลวงปู่หลิวได้ธุดงค์มาถึงตลาดห้วยมุด นครศรีธรรมราช ได้พบชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่กำยำ สักยันต์เต็มตัว....รู้ในภายหลังว่าชื่ออาจารย์อุ่ม เป็นอาจารย์สักยันต์ด้วยนำมันเสือ ได้เข้ามายกมือไหว้ ขอให้ช่วยเป่ากระหม่อมให้หน่อย หลวงปู่หลิวมองด้วยสายตาก็รู้ว่า ชายผู้นี้มีวิชาอาคมต้องการจะมาลองดี จึงบอกไปว่า"ของๆโยมดีอยู่แล้ว" แต่อาจารย์อุ่มกลับไม่ยอม ดักหน้าดักหลัง หลวงปู่ทนรำคาญไม่ไหวจึงเป่ามนต์ไปที่ศีรษะ ทันทีที่ต้องมนต์ใบหน้าของอาจารย์อุ่มเปลียนไปทันที ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากคำราม คล้ายเสียงเสือ ชู 2 แขนกางมือจะตะปบใส่ หลวงปู่หลิวใช้มือขว้าคว้าศีรษะกดหัวลงกับพื้น ปากก็ตะโกนว่า "เสือ..เสือ...ใครไม่เคยเห็นเสือมาดูทางนี้"

    .............ชาวบ้าน ร้านตลาดแตกตื่น พากันวิ่งมาดูพระธุดงค์มือซ้ายแบกกลด และเครื่องอัฏฐบริขารพะรุงพะรัง มือขวากดศีรษะชายร่างใหญ่ หมอบดิ้นไปมาคล้ายเสือ หลวงปู่จึงถามว่า "ยอมไหม" เสืออาจารย์อุ่มจึงพูดขึ้นว่า" ยอม ...ยอมแล้ว...ยอมแล้วขอรับ ปล่อยมือเถิดครับ หัวผมจะแตกอยู่แล้ว" พอหลวงปู่หลิวเอามือออก อาจารย์อุ่มก็คลานไปกราบแทบเท้าขอขมาลาโทษ ไม่นึกว่าพระธุดงค์หนุ่มรูปนี้จะมีวิชาเกินตัว ปากก็พร่ำว่า "ผมยอมแล้ว" และยังพูดต่อไปอีกว่า "ขนาดพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน ยังไม่กล้าจับหัวผมเลย" พร้อมทั้งยกมือไหว้นิมนต์ให้ไปเยี่ยมสำนัก หลวงปู่หลิวทำใจดีสู้เสือ

    ที่ สำนักของอาจารย์อุ่ม เลี้ยงผี เลี้ยงกุมารทอง เดินเพ่นพ่านไปหมด หลวงปู่หลิวจึงสะกดไว้ด้วยเวทย์มนต์ของอาจารย์ชาวกระหรี่ยง อาจารย์อุ่มได้นำคัมภีร์โบราณต่างๆ มาอวด พร้อมทั้งถวายเหล็กสักยันต์ เครื่องรางของขลังต่างๆ พร้อมทั้งแม่พิมพ์พระเครื่อง แต่หลวงปู่หลิวไม่ยอมรับ คงรับไว้แต่แม่พิมพ์พระขนาดเขื่อง เป็นรูปพระพุทธปางมารวิชัยนั่งบัว มีประภามณฑล ข้างๆ มีฉัตร คิดว่าจะนำแม่พิมพ์นี้ไปกดพระแจกแก่ศิษย์และผู้มีจิตศรัทธา หลวงปู่ให้ชื่อพระพิมพ์นี้ว่า "พระประตูชัย" หลวงปุ่สร้างเป็นพระเนื้อดินเผา ใต้บานมีตะกรุด 1 ดอก

    จากนั้นท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่ออุ้ม จ.นครสวรรค์

    การสร้างเสนาสนะและบูรณปฏิสังขรณ์

    พ.ศ.2482 ได้บูรณะ วัดท่าเสา จ.สุพรรณบุรี ท่านได้สร้างกุฏิขึ้น 3 หลัง และพระอุโบสถอีก 1 หลัง

    พ.ศ.2484 ท่านไดไปจำพรรษา ณ วัดสนามแย้ จ.กาญจนบุรี ท่านได้บูรณะสิ่งต่างๆ มากมายไม่ว่า กุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ และโบสถ์ จนมีความเจริยรุ่งเรือง จนเป้นที่รู้จักันดีของประชาชนทั่วไป อุดมการณ์แห่งการสร้างสรรคืพัฒนาของหลวงปู่หลิวสืฐสานการดำเนินการต่อเนื่อง ในวัดสนามแย้แห่งนี้ เป้นเวลายาวนานถึง 36 ปี ท่านเห็นว่าการทำงานของท่านสมควรแก่เวลาแล้ว ควรกระจายไปสู่ถิ่นอื่นบ้าง

    พ.ศ.2520 สร้างวัดไทรทอง ที่ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ให้เวลาก่อสร้าง 5 ปีจึงแล้วเสร็จ

    พ.ศ.2525 สร้างวัดไร่แตงทอง ที่ ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง เมื่อวันที่ 7 มิถนายน พ.ศ.2535

    กลับมาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง

    เมื่อ หลวงปู่หลิวได้พัฒนาวัดไร่แตงทอง จนเป็นที่เจริยรุ่งเรืองแล้ว ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง แล้วได้ย้ายกลับมาจำพรรษยังวัดหนองอ้อ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี อันเป็นวัดบ้านเกิด อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2540 ท่านกลับมาจำพรรษาในฐานะพระลูกวัดองค์หนึ่งเท่านั้น ท่านใช้เวลาสร้างกุฏิหลังใหม่ด้วยเวลาเพียง 5 เดือนเศษ

    สิ้นแล้วหลวงปู่หลิว

    เริ่มเข้ากลางปี พ.ศ.2543 หลังจากพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นเสาร์5 เป็นต้นมา หลวงปู่หลิวเริ่มอาพาธด้วยโรคชรา

    ปรัช ญฐาอันลึกซึ้งของหลวงปู่หลิว ขณะที่ท่านอาพาธ ก็คือไม่ยินดียินร้ายกับการจะอยู่หรือการจะไป ร่างกายของคนเราเป็นของผสม เมื่อถึงคราวแตกดับก็ต้องแตกดับ

    หลวงปู่หลิวเคยปรารภกับลูกหลานว่า เกิดที่หนองอ้อก็อยากตายที่หนองอ้อ และหากว่าถึงเวลาที่ท่านต้องจากไปก็อย่าได้หน่วงเหนี่ยวท่านไว้ เพราะวัฏสงสารเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์

    ในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ.2543 เวลา 20.35 น. หลวงปู่หลิวได้ละสังขารอย่างสงบท่ามกลางลูกหลานที่คอยมาดูใจเป็นครั้งสุด ท้าย ที่กุฏิของท่าน วัดหนองอ้อ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี รวมอายุ95 ปี 74 พรรษา

    ที่มา http://www.itti-patihan.com/
    http://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=848.0
    :- http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=33512

    :- https://uauction3.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=434&qid=55837
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2022
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ธุดงค์ป่าแดนลาว หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

    thamnu onprasert
    75,526 views Apr 21, 2022
    เรื่องราวลึกลับน่าพิศวงของป่าดงเมืองลาวในอดีต ที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระสุปฏิปันโนแห่งแดนอีสาน ท่านได้เดินธุดงค์ไปพบเห็น เมื่อประมาณ ๗๐ปีเศษที่ผ่านพ้นมา..
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    อุบาสกอภิญญาแห่งรามอินทรา// ปู่ดอน station

    อุบาสกอภิญญาแห่งรามอินทรา ตอน 2 ทดสอบอิทธิฤทธิ์ต่างๆ// ปู่ดอน station

    เรื่องราวแห่งอุบาสกหนุ่มผู้มีวาสนาและบารมี แม้ไม่มีครูบาอาจารย์ก็สามารถทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้นได้โดยไม่ยากเย็น ด้วยความเป็นผู้มีนิสัยชอบพิสูจน์ แกจึงได้ใช้อภิญญาที่เกิดขึ้นนี้พิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้า และแล้วแกก็ได้พบกับเรื่องราวลี้ลับมากมาย..

    ปู่ดอน station
    15,386 views Apr 21, 2022
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    บารมีปาฏิหาริย์ หลวงปู่วรพรตวิธาน

    5,870 views Apr 15, 2022
    หลวงปู่วรพรตวิธาน วัดจุมพล จ.ขอนแก่น นี่คืออริยสงฆ์ของแดนอีสานบรมครูใหญ่ หลวงปู่พระครูวรพรตวิธาน วัดจุมพล บ้านก้านเหลือง อำเภอแวงน้อย ขอนแก่น พระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน มรณภาพเมื่ออายุได้ 101 ปี ปัจจุบันสังขารท่านไม่เน่าไม่เปื่อย

    :- http://lankapra.lnwshop.com/category/35/วัตถุมงคลทุกชนิด/ลป-วรพรต-วัดจุมพล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2022
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    หลวงปู่บุญทันใช้อภิญญาสกัดกั้นชาวบ้านมิให้ทำบาป// ปู่ดอน station

    ปู่ดอน station
    21,902 views Feb 22, 2022
    หลวงปู่บุญทัน ฐิตปัญโญ พระอริยสงฆ์แห่งวัดป่าประดู่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ท่านคือพระอภิญญาศิษย์หลวงปู่มั่นที่เคยเกิดสัญญาวิปลาสเหาะมาหาหลวงปู่มั่น เพราะเข้าใจผิดคิดว่าตนหมดกิเลสแล้ว จนหลวงปู่ตื้อต้องได้ตะโกนร้องเตือน..

     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่บุญทัน ฐิตปัญโญ

    วัดป่าประดู่
    อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

    S__78733316-733x1024.jpg
    หลวงปู่บุญทัน ฐิตปัญโญ วัดป่าประดู่
    หลวงปู่บุญทัน ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แห่งกองทัพธรรม

    หลวงปู่บุญทัน ท่านคือพระผู้มีประวัติโลดโผน มีความอัศจรรย์ทางจิตอยู่มาก

    หลวงปู่บุญทัน ท่านใช้เวลาศึกษาวิชาอาคมมาก่อนถึง ๗ ปี เต็มๆ นับได้ว่าอันวิชาเร้นลับสามารถแสดงฤทธิ์ให้เห็นได้นั้น มีความชํานาญอย่างยิ่งยวด

    กอปรด้วยยุคนั้น ชาวบ้านยังให้ความสําคัญในวิชานี้มาก ทั้งยังเชื่อถือเรื่องคุณไสยมากมายนัก

    หลวงปู่บุญทัน ฐิตปัญโญ เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๖ ปีจอ

    ณ บ้านค้อ หมู่ ๘ ตําบลหัวช้าง อําเภออุทุมพรพิสัย (อดีต อําเภอสําโรงใหญ่) จังหวัดศรีสะเกษ

    บิดาชื่อ นายกันยา แสนหมื่น มารดาชื่อ นางคํา แสนหมื่น อาชีพรับจ้างและทํานา

    ชีวิตแต่เยาว์วัยของหลวงปู่บุญทัน มีแต่ความทุกข์ยากลําบากอย่างแสนเข็ญ มีความเศร้าโหดร้ายอาภัพอับจน ต้องต่อสู้กับชีวิต และวิบากกรรมอย่างสุดลําเค็ญ

    หลังจากชีวิตผ่านความวิปโยคมาได้ ๑๖ ปี บิดาได้นําไปบวชเณร ณ วัดเจียงอีศรีมงคล โดย หลวงปู่สังข์ทอง เป็นพระอุปัชฌาย์

    สมัยเป็นเณรบุญทัน ท่านก็ได้ช่วยเหลือผู้คนญาติโยม ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมาโดยตลอด

    แต่หลังจากบวชเณรไม่นาน ก็ต้องลาสึกไปช่วยงานทํานาของบิดาและน้อง ๆ

    เมื่ออายุได้ ๒๒ ปีเต็มบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพนค้อ อําเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ.๒๔๗๕

    โดย ท่านพระครูเกษตรศีลาจารย์ (สังข์ทอง) เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระฝ่ายมหานิกายในตอนแรก ๆ

    บวชแล้วก็ได้ออกเดินธุดงค์ มุ่งสู่สํานักต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ทั้งในประเทศไทย เขมร ลาว พม่า เป็นต้น

    หลวงปู่บุญทัน เคยอยู่ศึกษากับลูกศิษย์ของ สําเร็จลุน แห่งนครจําปาศักดิ์ ซึ่งสามารถเดินบนน้ํา เดินกลางอากาศหายตัวได้ทุกอย่าง

    -ສົມເດັດລຸນ.jpg
    หลวงปู่สมเด็จลุน (สำเร็จลุน) วัดเวินไซ ສົມເດັດລຸນ ວັດເວີນໄຊ
    ชีวิตที่โลดโผนฝึกฝนอยู่กับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้น ท่านมา ทราบเอาภายหลังว่า

    “โอ… หลงทางเสียเวลาไปตั้ง ๗ ปี ดีที่หันมาพบหนทาง…”

    ต่อมา ท่านเดินธุดงค์มาพบกับพระสหธรรมิกเก่าแก่ คือ หลวงปู่บุญมี แห่งวัดทุ่งสว่าง จังหวัดหนองคาย และยังได้พบกับ ท่านพระอาจารย์กู่ ธัมมทินโน ผู้เป็นลูกศิษย์อันลือเลื่องของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    จึงเกิดศรัทธาในข้อวัตร และ ได้ทําการแปรญัตติใหม่เพื่อเป็นการเข้าสู่หมู่ท้องโดยใจเคารพ

    การแปรญัตติเป็นคณะธรรมยุตนั้น ท่านได้เดินทางมายังวัดสว่างชัยศรี อําเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์

    โดยมี ท่านพระครูปฏิภาณธรรมคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ (ได้รับฉายาว่า “ฐิตปัญโญ ภิกขุ

    หลังจากแปรญัตติแล้ว ท่านได้อยู่จําพรรษา วัดสว่างชัยศรี โดยสังกัดวัดนี้มาโดยตลอด

    ครั้นออกพรรษา ท่านก็ได้มุ่งสู่ราวป่าเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ ร่วมกับพระสหธรรมิก เพื่อมุ่งหวังว่าจะได้กราบและถวายตัว เป็นศิษย์กับหลวงปู่มั่น

    แล้วในที่สุด ท่านหลวงปู่บุญทัน ก็สามารถติดตามมาจนพบ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ เมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้พบกับ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ด้วย

    ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหนทางของพระธุดงคกรรมฐาน และผู้ปฏิบัติหวังทางพ้นทุกข์ คือพระ นิพพาน

    ผู้ปฏิบัติ หลวงปู่บุญทันท่าน สอนไว้ว่า

    “อย่าส่งจิตออกนอก ตัวตน ไม่มี มีแต่ผู้รู้อยู่เฉพาะหน้าเท่านั้น”

    จิตเป็นตัวรู้เรื่องทุกข์ เรื่องสุข รู้ดี รู้ชั่ว ก่อนรู้อะไรต่างๆ โดยละเอียดนั้น จะต้องทําจิตตั้งมั่นดีแข็งแรงเสียก่อน

    สมถภาวนานี้ ต้องแข็งจริงๆ มีความสงบจริงๆ แน่วแน่… มั่นคงตรงดีจริงๆ จากนั้นจึงดําเนินจิตเข้าสู่วิปัสสนา

    มันจะยากตอนแรกๆ จะงุนงงสงสัยก็ตอนแรก ๆ มันอยากจะพูด อยากจะถาม คันปากคันคอก็ตอนแรกๆนี้เอง ต่อไปขนาดเขี่ยมันก็ยังไม่ว่า ให้พูดมันก็เฉยเสีย สงบระงับดับฟุ้งซ่านได้หมด

    ทําจริงๆ เถิดจะพบกับของจริง ธรรมะแท้อยู่ที่ตัวบุคคล พระพุทธเจ้าทรงดําเนินมาแล้ว ท่านปูทางแห่งนิโรธธรรมอย่างแท้จริง จึงเป็นหนทางแห่งความดับทุกข์ ขั้นสูงไงล่ะ….”

    ชีวิตอันผาดโผนของหลวงปู่บุญทันได้รุดหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนสุดท้ายแห่งความตาย ตายเป็นการดับทุกอย่างลงอย่าง สิ้นเชิง

    แต่หลวงปู่บุญทันท่านดับได้ ด้วยสติปัญญา นับได้ว่าเหนือกว่า บุคคลธรรมดาๆ มากนัก ไป

    ท่านละโลกอันเป็นสังขารนี้ไปแล้ว พร้อมกับธรรมะข้อปฏิบัติ หวังความพ้นทุกข์ใจ
    :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่บุญทัน-ฐิตปัญโญ/
    more :- https://www.web-pra.com/shop/jeerasit/show/1031045
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ภูเหล็ก..ภูผี เรื่องราวลึกลับของพระธุดงค์

    thamnu onprasert
    179,917 views Apr 14, 2022

    เรื่องราวลึกลับน่าพิศวงของแดนป่าภูเหล็กเทือกเขาภูพาน รุกขเทวดา หมู่บ้านผีบังบด ผีปอบและเปรตที่น่าสงสารตนหนึ่ง ซึ่งพระธุดงค์ได้ไปพบเจอ!

     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ลึกลับวิญญาณกรรม หลวงตาเฟื่อง

    thamnu onprasert
    77,869 views Apr 26, 2022
    เรื่องราวลึกลับน่าพิศวง เมื่อแพทย์หญิงได้พบกับวิญญาณกรรมของพระภิกษุชราที่น่าสงสารรูปหนึ่ง มาขอส่วนบุญจากเธอ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2022
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    หลวงปู่ผล ธัมมโชติ ผู้มีวาจาสิทธิ์ปราบจรเข้สองหัว

    หลวงตา
    37,649 views Apr 26, 2022
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2022
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    กรรมของผู้หมายเอาชีวิตหลวงตามหาบัว

    หลวงตา
    11,314 views Apr 29, 2022
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ลับแล แดนนรก ตอน ๑

    ปีพศ.๒๕๑๒ เศรษฐีชาวสวนเขตธนบุรี ไม่มีศรัทธาในการทำบุญสร้างกุศลเลย วันหนึ่งเขาหลงเข้าไปในเมืองลับแลแดนนรก และได้พบเห็นกฎแห่งกรรมอันน่ากลัวของตน..

    ลับแลแดนนรก ตอน ๒ (จบ)

    ตาเคลิ้ม เศรษฐีชาวสวนให้สัญญากับพญายมในเมืองลับแลแดนนรกว่า จะสร้างวัดทำบุญ แต่ครั้นอยู่มา ๆ ก็ไม่ได้สร้างเสียที เพราะมัวประมาททำให้เสียสัจจะ จนในที่สุด ก็สิ้นชีวิตลง เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ปรากฏว่า เกิดไฟไหม้บ้าน สมบัติพัสฐานวอดวายหมดสิ้น ลูกเต้าแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศคนละทาง น่าเวทนา...
    52,143 views Apr 29, 2022
    thamnu onprasert
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2022
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    เกิดเป็นสุนัข ด้วยสาเหตุใด??? : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ @พุทธะ Channel

    พุทธะ Channel
    122,310 views Sep 12, 2021
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ประวัติหลวงปู่ยิ้ม จนฺทโชติ
    หลวงปู่ยิ้ม จนฺทโชติ



    1359528843.jpg





    หลวงปู่ยิ้ม จนฺทโชติ (2387-2453) วัดหนองบัว พระอมตเถราจารย์แห่งจังหวัดกาญจนบุรี ผู้มีกิตติคุณทางวิปัสสนาธุระและคาถาอาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว (วัดศรีอุปลาราม) ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่มีผู้เคารพเลื่อมใสมาก ท่านได้เป็นอาจารย์สอนด้านวิปัสสนาและคาถาอาคมให้แก่พระเถระหลายรูป อาทิ พระโสภณสมาจารย์ (เหรียญ) วัดศรีอุปลาราม, พระเทพมงคลรังษี (ดี) วัดเทวสังฆาราม, พระกาญจนวัตรวิบูลย์ (สอน) วัดทุ่งลาดหญ้า, พระโสภณสมณกิจ (หัง) วัดเหนือ, พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ) วัดเสด็จ และหนึ่งในศิษย์ฆราวาสคนสำคัญของท่าน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์พระยิ้มได้สร้างพระและเครื่องรางไว้หลายชนิด อาทิ ตระกรุดโลกธาตุ พระปิดตา มีดหมอ เชือกคาดเอว เป็นต้น

    ชาติภูมิ
    หลวงปู่ยิ้ม เป็นชาววังด้ง จ.กาญจนบุรี เกิดปีมะโรง เดือนห้า วันอังคาร พ.ศ. 2387 เป็นบุตร นายยิ่ง นางเปี่ยม บิดามารดาประกอบอาชีพค้าไม้ไผ่ล่องไปขายที่ปากอ่าวแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวัยเด็กท่านมีอุปนิสัยใจคอเป็นคนเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ เป็นนักเลง พูดจริงทำจริง เด็กรุ่นเดียวกันหรือแก่กว่ายอมยกให้เป็นลูกพี่ ท่านได้เป็นกำลังช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพค้าไม้ไผ่ล่องไปขายทางปากอ่าว จนคุ้นเคยกับชาวแม่กลองเป็นอันดี

    อุปสมบทและการศึกษา
    ครั้นได้อายุครบบวช ได้อุปสมบทที่วัดทุ่งสมอ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี โดยมี พระอาจารย์กลีบ วัดหนองบัว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง วัดเหนือ และพระอาจารย์อินทร์ วัดทุ่งสมอ เป็นพระคู่สวด ได้รับฉายาว่า จนฺทโชติ เมื่อบวชเรียนแล้วเรียนอักษรขอมภาษาบาลี มงคลทีปนี มูลกัจจายน์ พระมาลัย พระเจ้า 10 ชาติ ท่องสูตรสนธิจนช่ำชอง สามารถท่องจำพระปาฏิโมกข์สวดได้แต่พรรษาที่ 2 ด้วยท่านชอบวิชาความรู้ จึงได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์แดงพระคู่สวดว่า เมืองบางช้าง (สมุทรสงคราม) มีพระอาจารย์เก่ง ๆ หลายวัด วิชาแขนงต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน ท่านจึงได้มุ่งมาทางเมืองบางช้าง ซึ่งท่านมีความคุ้นเคยอยู่ตั้งแต่สมัยที่ติดตามครอบครัวล่องแพไม้ไผ่ไปขาย

    วัดแรกที่ท่านเข้าไปศึกษา คือ วัดบางนางลี่น้อย อำเภออัมพวา มีพระพระปลัดทิม อุปัชฌาย์เก่าแก่ของวัด เรียนทางน้ำมนต์โภคทรัพย์ ยุคนั้นเชื่อว่าใครได้อาบน้ำมนต์วัดนี้ คนจนก็จะรวย ถ้าเป็นขุนนางก็จะได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ พระปลัดทิมมีวิชาทำผงทางเมตตามหานิยม และวิชาโหราศาสตร์ ฤกษ์ล่าง ฤกษ์บนต่างๆ ปัจจุบันวัดนี้ได้ถูกน้ำเซาะตลิ่งจมหายไปในแม่น้ำแม่กลองแล้ว วัดต่อมาคือ วัดลิงโจน ต่อมาเรียกว่า วัดปากสมุทรสุดคงคา คืออยู่ปากอ่าวแม่กลอง กับพระพ่วง ท่านมีวิชาทำธงกันอสุนีบาตสายฟ้า และพายุคลื่นลม ชาวเรือทะเลนับถือมาก วิชาหวายลงอักขระของท่าน ทำเป็นรูปวงกลม ว่ากันว่าเวลาขาดน้ำจืด เอาหวายโยนลงทะเลแล้วตักน้ำ ภายในวงหวายจะได้น้ำจืดทันที ลูกอมหมากทุย ก็ลือชื่อ พระรูปนี้สำเร็จจินดามณีมนต์เรียกปลาเรียกเนื้อได้แบบพระสังข์ทอง อาจารย์ต่อมาคือ พระกลัด วัดบางพรม อัมพวา เรียนทางมหาอุด ผ้าเช็ดหน้าทาง มหานิยม เชือกคาดเอวถักเป็นรูปกระดูกงู กันเขี้ยวงาและทางคงกระพันชาตรี ท่านองค์นี้ย่นหนทางได้ ข้ามแม่น้ำลำคลองไม่ต้องใช้เรือแพ และ พระแจ้ง วัดประดู่ อัมพวา เรียนทางแพทย์แผนโบราณ มีดหมอปราบภูติผีปีศาจ ทางมหาประสาน เชือกคาดชื่อตะขาบไฟหรือไส้หนุมาน มีดตะกรุดคู่อยู่หัวเชือก จากนั้นท่านยังได้ไปศึกษาอยู่กับพระอาจารย์ในถ้ำพุพระ (ถ้ำขุนแผน)เมืองกาญจนบุรี พระอาจารย์องค์นี้มีอายุร้อยกว่าปี ชำนาญอภิญญามีอิทธิคุณถึงล่องหนหายตัวได้ ตามประวัติบันทึกของพระโสภณสมาจารย์กล่าวว่า "พระยิ้มชอบทางรุกขมูลธุดงค์วัตร ออกพรรษาแล้วเข้าป่าเจริญสมาธิในป่าลึก ท่านรู้จักภาษา นก กา สัตว์ป่าทุกชนิด จิตกล้าเข้าทุกที จะทำเครื่องรางชนิดใดก็ขลังไปทุกอย่าง"

    สานุศิษย์ของพระยิ้ม
    ส่วนเมืองสมุทรสงคราม มี

    • 1. พระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ) วัดเสด็จ อดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เล่ากันว่าได้รับความชมเชยจากท่านว่านั่งไส้เทียนขาดเร็วกว่าท่านด้วย พระราชมงคลฯ เป็นศิษย์ของพระจุ้ย วัดบางเกาะ อัมพวา ไปเรียนวิชาลูกอมแล้วท่านคิดสินสอดไหม 5 สี เป็นปัญจศีล 5 เพิ่มขึ้น พระราชมงคลวุฒาจารย์ อายุยืนถึง 100 ปี มีคนเคารพนับถือมาก
    • 2. พระอธิการแช่ม โสฬส วัดจุฬามณี อัมพวา ท่านเป็นศิษย์ของ พระคง วัดบางกะพ้อม เป็นอาจารย์รุกขมูล ไปพบพระยิ้ม กลางป่าเขตเมืองกาญจนบุรี สอบนั่งเพ่งไส้เทียนขาดได้ จึงได้วิชา พระอธิการแช่มเก่งทางสร้างตะกรุดใบลาน และตะกรุดหนังลูกวัวตายท้องกลม
    • 3. พระครูสกลวิสุทธิ์ (เหมือน รัตนสุวรรณ) วัดกลางเหนือ อำเภอบางคนที อายุยืนถึง 97 ปี ท่านเป็นศิษย์พระกลัดวัดบางพรม สอบไล่ได้ลูกอมมา พระองค์นี้ทางเมตตามหานิยม ผงอิธะเจ มหาราช ปถมัง เก่งมาก ผ้าเช็ดหน้า ธงค้าขาย ก็มีชื่อเสียง นอกจากที่กล่าวมานี้ยังมีอีกหลายรูป
    มรณภาพ
    หลวงปู่ยิ้ม จนฺทโชติ ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ. 2453 สิริอายุได้ 66 ปี เมื่อท่านได้ถึงมรณภาพแล้ว ตำรับตำราต่าง ๆ ของท่านก็เป็นมรดกตกทอดมาถึงเจ้าคุณพระโสภณสมาจาร (เหรียญ)วัดหนองบัว และสานุศิษย์ที่สืบทอดวิชาก็ได้สร้างเครื่องรางเจริญรอยตามแบบท่านสืบมาจนปัจจุบัน
    :- http://rlocal.kru.ac.th/index.php/th/2013-12-12-07-49-34/230-2014-05-12-03-10-30
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    lpboonyorkhantigo.jpg
    อาจารย์ยอด : ไสยเวทย์พันปี หลวงปู่บุญยอ ขันติโก [พระ]

    อาจารย์ยอด
    64,656 views May 3, 2022
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    มีนามเดิมว่า บุญยอ จันทะวัง ตามสูติบัตรเกิดวันที่ 13 ต.ค.2473 ญาติ ผู้ใกล้ชิดระบุแจ้งเกิดช้า 4 ปี ชาว บ.นาหนาด ต.ฝั่งแดง (ในขณะนั้น) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม บิดา-มารดา ชื่อนายชาย เป็นชาวลาว และนางจอม จันทะวัง เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 12 คน
    วัยเยาว์เป็นเด็กฉลาด มีปฏิภาณท่องจำได้รวดเร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน หลังจบ ป.4 ช่วยบุพการีทำนา ตามพ่อแม่ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด ก่อนย้อนมา อ.ธาตุพนม
    ขณะอายุ 16-17 ปี ติดตามนายฮ้อยไล่ต้อนวัวควายซื้อขายไกลถึง จ.อุบลราชธานี ต่อมาได้พบกับพ่อขาว หมอธรรมพื้นบ้าน สอนคาถาบารมี 30 ทัศให้ ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

    bud05p1-5.jpg

    อายุ 29 ปี บรรพชา วันที่ 21 เม.ย.2502 ที่วัดพระพุทธบาท ต.พุ่มแก อ.นาแก โดยมี พระครูนาครธรรมนิเทศ เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลังบรรพชาได้ 2 วัน อุปสมบทวันที่ 23 เม.ย.2502 ที่พัทธสีมาวัดพระพุทธบาท มี พระครูนาครธรรมนิเทศ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการถ้วน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระซ้อน สุปัญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    เดิมทีพ่อแม่ให้บวชทดแทนคุณ 15 วัน พระที่สอนปริยัติธรรมทักท้วงอย่าเพิ่งสึก ให้ศึกษาพระธรรมวินัย และสอบนักธรรมชั้นตรีก่อน
    ขณะที่หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พระเกจิชื่อดังภาคอีสาน วัดธาตุมหาชัย เปิดสอนปริยัติธรรมและสอนกัมมัฏฐาน ที่สำนักเรียนวัดดังกล่าว หลวงปู่บุญยอ จึงมีโอกาสรู้จักกัน
    bud06p1-5.jpg

    หลังอุปสมบท จำพรรษาที่วัดพระ พุทธบาท บ.หนองหอย ร่ำเรียนจนจบ นักธรรมตรี ชาวบ้านจึงนิมนต์กลับมา จำพรรษาที่วัดเทพนัดดา ใน พ.ศ.2502 กระทั่งวันที่ 1 มิ.ย.2518 จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส พัฒนาเสนาสนะถาวรวัตถุสืบเรื่อยมา
    เดือน ธ.ค.2564 มีดำริให้ทางวัดจัดสร้างวัตถุมงคล เป็นเหรียญเสมา 8 รอบ มหาบารมี หลวงปู่บุญยอ ขันติโก เพื่อสมทบทุนจัดสร้างกุฏิสงฆ์หลังใหม่

    bud07p1-5.jpg จัดสร้างเป็นหลายเนื้อด้วยกัน อาทิ เนื้อทองคำลงยา 3 สี (ตามจองไม่เกิน 9 เหรียญ), เนื้อเงินหน้ากากทองคำ ซุ้มทองคำลงยา 2 สี 9 เหรียญ, เนื้อเงินราชาวดี เนื้อเงินลงยา 3 สีซุ้มแดงกนกน้ำเงิน เนื้อเหล็กเปียกธาตุพนม (ลุ้นพิเศษ) เนื้อเหล็กไหลชีปะขาว (เหล็กไหลเงินยวง) (ลุ้นพิเศษ) เนื้อเหล็กไหลสุริยันต์จันทรา (ลุ้นพิเศษ) ชนิดละ 99 เหรียญ และรายการลุ้นโชค 12 เนื้อ

    bud09p1-5.jpg bud10p1-3.jpg ลักษณะเป็นเหรียญรูปทรงเสมา หูเชื่อม ด้านหน้า ขอบเหรียญมีรูปลายกนกที่อ่อนช้อยสวยงาม ปีสองข้างเป็นซุ้ม ใต้หูเชื่อมสลักอักขระยันต์ 3 ตัว ตรงกลางเหรียญมีรูปเหมือนหน้าตรงในอิริยาบถนั่งสมาธิ
    ด้านหลัง ขอบเหรียญมีเส้นสันนูนหนา ขอบเหรียญส่วนในบุ๋มแลดูมีมิติ ตรงกลางเหรียญสลักอักขระยันต์อิติปิโส 8 ทิศ ถัดลงมาสลักตัวหนังสือ 4 บรรทัดอ่านว่า ที่ระลึกฉลองอายุครบ ๘ รอบ พระครูโสภิศพุทธิคุณ(ยอ) วัดเทพนัดดา จ.นครพนม ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๕

    bud11p1-2.jpg bud14p1.jpg

    รุ่นนี้ จะมีพิธีพุทธาภิเษกปลายเดือน ก.พ.2565 มีพระเกจิคณาจารย์นั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
    สนใจสอบถามได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดเทพนัดดา โทร. 09-4912-5185 หรือที่เฟซบุ๊ก หลวงปู่บุญยอ ขันติโก
    ชนะ วสุรักคะ
    :- https://www.khaosod.co.th/newspaper/newspaper-inside-pages/news_6877793
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52,951
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,081
    ๒๔๕. นาคา..กตัญญู ตอน ๑ ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    เรื่องราวลึกลับน่าพิศวง เมื่อหญิงชาวเมืองสู้บ้านติดกับแม่น้ำคงได้ไปขอพรต่อเทพนาคา แล้วต่อมาอีก ๙ เดือนปรากฏว่า เธอได้คลอดลูกออกมาเป็นงู และงูลูกชาย ของเธอนั้นมีเชื้อสายของนาคา..

    ๒๔๖. นาคา..กตัญญู ตอน ๒ (จบ) ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    เจ้านาคาลูกแม่ปอนเฮิง ลงไปอยู่ในแดนบาดาลนาน ๙ วันก็คิดถึงแม่พ่อและน้องสาว จึงกลับมาเยี่ยมในตอนกลางคืน แต่ปรากฏว่า กาลเวลาในโลกมนุษย์ได้ผ่านพ้นไปนานถึง ๙ ปีแล้ว..
    thamnu onprasert
    62,899 views May 5, 2022
     

แชร์หน้านี้

Loading...