น่าจะเกี่ยวกับฝันด้วย เอ่อพึ่งฝันว่าไปเข้าร่างใครก็ไม่รู้แถวยุโรปชื่อประเทศซีดาน มีด้วยเหรอ ชื่อแค่นักฟุตบอลไม่ใช่
ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 9 ธันวาคม 2018.
หน้า 138 ของ 356
-
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
-
มีวิธีเดียวฝีกสติสัมปชัญญะ ร่วมด้วยเท่านั้น และศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้า อภิสังขารมาร คือ ต้องละวางอย่างเดียว และเรียนรู้กฎไตรลักษณ์ของพระพุทธเจ้า การไม่ยึดในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับ ต้องหมั่นนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาโยนิโสบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดสติปัญญา อย่างเดียวเท่านั้น จึงจะเป็นการละวางอย่างแท้จริงได้ค่ะ ถึงแม้จะวางแต่ไม่รู้ว่าจะต้องวางทำไม คือ ไม่มีปัญญากำกับ สักพักก็เข้าอีหรอบเดิมค่ะ
สติสัมปชัญญะ สมาธิ ปัญญา ท่านจะต้องศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้าร่วมด้วย ไม่งั้นเอาไม่อยู่ค่ะ จะหลงอย่างมาก กรณีท่านเพราะรู้ไปหมด มารหลอกล่อด้วยอาจจะมีเทพบุตรมาร เรื่องมารล้วน ๆ เลยค่ะ วิบากกรรมก็เป็นขันธมารค่ะ -
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
คนไทยแต่ความคิดฝรั่ง เจ้าที่เลยไล่ไปอยู่ยุโรปว่างั้น คนไทยนี่ต้องยังไง
-
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
-
แต่ก็อีกแหละนะค่ะ ปลอบใจตนเองว่าโลกยังมีคนดีช่วยเหลือโลกอยู่มากอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่สื่อมาบอกกล่าวตักเตือนกัน ที่ตักเตือนก็ปราถนาดี ถ้าเชื่อกันก็ไม่เป็นไรมาก ถ้าไม่เชื่อกันก็ต้องรับกรรมไปตามเหตุของมันอยู่แล้วค่ะ เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากเหตุ ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ค่ะ -
ในอดีตชาติที่เรามาถึงขั้นนี้ได้ เราต้องเคยฝึกสมาธิและได้ฌานฤาษี หรือฌานรูปนาม กันมามากแล้วในอดีต
บุคคลที่คิดว่าตนเองรู้สรรพสิ่งได้ ก็เป็นการรับรู้จากสมาธิในการคิดรู้ หรือ การที่มีองค์เทพช่วยเหลือก็ได้
อย่าดูถูกความคิด หรือ จิตสำนึก
มนุษย์โลกต่างจากกายทิพย์ตรงมนุษย์มี "สมอง"
บางคนบอกว่าไม่เคยคิดอะไรเลย....แน่ใจแล้วหรือ!!!
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมักจะเริ่มต้นด้วยคำว่า "ทิฐิ" เสมอ
พิจารณากันดูดีดีค่ะ....ทิฐิ ตัวนี้มันเห็นยากมาก มันเป็นจุดเริ่มต้นของ การไหว...ก็คือ ก่อนตัวเจตนา ตัวนี้เป็นเหตุของทั้งปวง แล้วจึงตามด้วยเจตสิกทั้งหลาย
การยกระดับปัญญา ต้องเริ่มจากจิตสำนึกเท่านั้น...จึงจะเข้าไปหาปัญญาญาณอย่างแท้จริงได้
บางคนคิดว่าจนเองหมดกิเลสแล้ว อย่าลืมว่าเป็นหินทับหญ้าหรือเปล่า? -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
อาการคิดไม่หยุดถ้าเป็นเรื่องธรรมะบทใดบทหนึ่งไม่สามารถหยุดคิดได้..นั่นเป็นวิปัสนูกิเลส...แต่ถ้าคิดเรื่อยเปื่อยเรื่องทั่วๆไปไม่หยุด..นั่นเป็นความคิดฟุ้งซ่าน...ถ้าจะให้ดีขึ้นต้องคิดคำภาวนา...เช่นคำว่าพุทโธก็ให้คิดเร็วๆ..ยิ่งความคิดมันฟุ้งยิ่งให้นึกคิดพุทโธเร็วๆถี่ๆ.. -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
“…แต่ก่อนนี้เคยพูดถึงสิ่งแวดล้อมขั้นประเทศ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นโลก ก็เป็นความรับผิดชอบที่เรามี ความจริงต้องพูดถึงขั้นโลก เพราะประเทศไทยนี้ก็เติบโตขึ้นมา จะมีหน้ามีตาในโลกว่าเป็นประเทศที่มั่นคง เป็นประเทศที่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ เราจึงต้องมีความรับผิดชอบในโลกมากขึ้น…”
.
พระราชดำรัส
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันจันทร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๒
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เรื่อง "ศีลธรรมคุ้มกันภัย เหนือกว่าวัตถุมงคลใดๆ"
(คติธรรม หลวงพ่อจง พุทธสโร)
ขอให้รักษาตัว รักษาใจไว้ให้จงดี ศีลธรรมอย่าลืม หากหมั่นบูชาพระ รำลึกถึงพระ และหมั่นศรัทธาปฏิบัติพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เป็นนิตย์แล้ว ยากนักจะมีโพยภัยเหล่าใดเบียดเบียนบีฑาราวี ขอให้ท่องไว้ในใจเสมอว่า เวรย่อมมีขึ้นเฉพาะเมื่อได้มีการก่อเวร มีหนี้ก็หนีไม่พ้น จะต้องชดใช้เขาในเวลาหนึ่ง คนเราไม่ทำบาปพึงไว้ใจได้ว่า ต้องไม่มีบาปใดติดตามสนองปองผลาญ จงหมั่นแจกจ่ายเมตตา อย่าให้ขาดสาย คงต้องได้กุศลแรงกว่ากุศลอื่นใดหลายเท่านัก..
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
**บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน**
..วันนี้อาตมาจะเทศน์ เรื่อง “บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน” คำว่าบุญ แปลแบบไทยๆ ว่าความดี ความสะอาดแห่งจิต เวลาให้ของแก่พระสงฆ์เรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนาเรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี แต่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในธรรมะเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ 3 ซึ่งประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา เคยมีคนถามอาตมาว่าเกิดมาเป็นคนยากจนไร้ทรัพย์จะทำบุญอย่างไร อาตมาก็ตอบเขาไปว่าการทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทอง ก็สามารถที่จะร่วมทำบุญได้ แถมยังประหยัดอีกด้วยนั่นคือ การรักษาศีลและการเจริญภาวนา ซึ่ง 2 อย่างนี้จะได้อานิสงส์ผลบุญมากกว่าการให้ทานเสียอีก เพียงแต่ญาติโยมมองข้ามกันไป โยมมักจะคิดทำบุญแต่การให้เท่านั้นเพราะว่ามันง่ายดี แต่การรักษาศีลและภาวนา ต้องเสียสละเวลาในการปฏิบัติ จึงรู้สึกว่าทำยากกว่า การทำบุญทุกอย่าง โยมต้องเข้าใจด้วยว่า เพียงแต่เราตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำบุญเท่านั้น โยมก็ได้กุศลแล้ว แต่บุญที่ได้รับยังเป็นส่วนน้อย ถ้าอยากได้บุญเต็มที่ต้องทำบุญให้ครบ 3 อย่าง..
..ทาน คือ การให้ ถ้ามีเงินทองมากก็ทำมาก มีเงินน้อยก็ทำน้อยตามกำลังตนถ้าไม่มีเงินทองใช้แรงกายก็ให้เป็นทานได้
..ศีล พวกท่านทั้งหลายสังเกตหรือไม่ว่า เวลาที่ญาติโยมจะมาทำบุญ ทำไมพระท่านถึงให้พวกญาติโยมรับศีลก่อน เพราะท่านต้องการที่จะทำให้ผู้ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ เมื่อทำบุญขณะนั้นก็จะได้รับผลเต็มกำลัง จริงอยู่ที่บางคนไม่อาจถือศีลได้ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะหน้าที่การงาน ทำให้ต้องผิดศีล แต่เราก็สามารถที่จะถือศีลได้ในขณะที่เรานอนในเวลากลางคืน และถือได้ครบทั้ง 5 ข้อด้วย เพียงแต่เราอาราธนารับศีลทั้ง 5 ด้วยตนเองที่หน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญที่ง่ายมากได้รับผลเต็มกำลัง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จิตใจเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา แต่ถ้าเกิดเราต้องตายในขณะนั้นก็ส่งผลให้เราไปสู่สุคติทันที
..ภาวนา หรือ การสวดมนต์ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า การภาวนาสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามาก แต่ความจริงแล้วการสวดมนต์ภาวนา มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์ภาวนา เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ การสวดมนต์ภาวนาด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ และใช้สติพิจารณาเกิดเป็นปัญญา เป็นความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ภาวนา ทำให้บรรลุไปสู่พระนิพพาน
“ หัวใจของการทำบุญทุกครั้ง ” ขอให้ญาติโยมจงแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทุกครั้งตามนี้
“ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง 20 ชั้น พรหมโลก 6 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ” บุญที่ทำไปจะส่งผลให้ได้รับบุญในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้ากันหรอกนะจ๊ะ ...ขอเจริญพร
สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
22."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
**โลกธรรม๘**
๒๒.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ธรรมะก่อนนอน...
ราตรีสวัสดิ์...
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
สักเพลงตอนเช้า..สวัสดีวันเสาร์..
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เมื่อคืนนี้ได้รับคำตอบรับจากเบื้องบนแล้ว..เรื่องอะไรนั้นทุกท่านอย่ารู้เลย...ดูแลตัวเองดูแลใจตนให้ดีก็แล้วกัน..
22.."จงสบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
พรหมวิหาร4.เป็นที่อยู่ของใจ
**อุเบกขา**... เป็นที่สุด
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
" เจตนาของผู้ทาน ทานแก้รำคาญก็ไม่ได้บุญมากทำตามธรรมเนียมของชาวโลกก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อตอบแทนก็ไม่ได้บุญมากทำเกรงว่าถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีผู้ทำแล้วลงมือทำก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อเห็นแก่หน้าผู้รับก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่ออวดชาวโลกก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อให้ได้อานิสงส์มนุษย์สมบัติก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อให้ได้สวรรค์สมบัติก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อให้ได้พรหมสมบัติก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อพระนิพพานสิ่งเดียว...นั่นแหละจึงได้อานิสงส์มากชั้นที่หนึ่ง ในจำนวนที่ว่ามานี้..."
โอวาทธรรม..
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา" -
" เจตนาของผู้ทาน ทานแก้รำคาญก็ไม่ได้บุญมากทำตามธรรมเนียมของชาวโลกก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อตอบแทนก็ไม่ได้บุญมากทำเกรงว่าถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีผู้ทำแล้วลงมือทำก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อเห็นแก่หน้าผู้รับก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่ออวดชาวโลกก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อให้ได้อานิสงส์มนุษย์สมบัติก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อให้ได้สวรรค์สมบัติก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อให้ได้พรหมสมบัติก็ไม่ได้บุญมากทำเพื่อพระนิพพานสิ่งเดียว...นั่นแหละจึงได้อานิสงส์มากชั้นที่หนึ่ง ในจำนวนที่ว่ามานี้..."
โอวาทธรรม..
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
หน้า 138 ของ 356