พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ว่า
"มโนปุพพัง คมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน สำเร็จลงแล้วด้วยใจ"
ถ้าผมคิดดี ได้ก็สร้างบุญกุศลตลอดเวลา แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะผมยังมีกิเลสอยู่
แต่อยากทราบวิธีที่จะคิดดี คือทรงพรหมวิหาร4 ตลอดเวลาเลย ประมาณนี้
ที่ผมเคยทําคือตั้งอานาปานุสติ แล้วดูลมหายใจ แต่บางครั้ง สมาธิหลุด ไปตามกิเลสเลย
อยากคิดดีตลอดเวลาทําไงครับ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 15 พฤศจิกายน 2013.
หน้า 1 ของ 2
-
-
ตั้งกระทู้แบบนี้ ก้อเป็นคนคิดดีอยู่แล้ว การที่จะเป็นคนดีไม่มีกิเลสหลงเหลืออยุ่เช่นอริยะบุคคุลที่หลุดพ้นไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ คนเรามีกิเลสกันทุกคน ถ้ายังไม่จบกิจ บรรลุอริยะธรรม
การครองตนให้เป็นคนดี รักษาศิล ทำบุญกริยาวัตถุ10 ให้มั่น จนเกิดความเคยชินชำนาญ
ก้อเป็นคนดีแล้ว -
พยามเข้าล่ะกันครับ
ไม่ต้องถึงกับให้คิดดีตลอดเวลาหรอก ไม่มีใครทำได้หรอก
เอาแค่เมื่อคิดอกุศลให้รู้ตัว แล้วระลับ
และหากมีโอกาสช่วยเหลือเอื้อเฝื้อผู้อื่น
ก็ทำตามความเหมาะสม ให้ตามอัตภาพ
แค่นี้ก็พอครับ -
ขอโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ ขอฝากคำถามเพิ่มเติมด้วยครับ เวลาพูด ทำงาน มันชอบเผลอ ความคิดดีไม่ต่อเนื่อง มีเทคนิคแก้ไขยังไงบ้างครับ
-
หายใจเข้า..คิดดี หายใจออก..คิดดี ทำให้ได้ตลอดเวลาแค่นี้พอ..
-
ศีลครับ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ก็จะทรงความคิดดีเอาไว้ได้ ค่อย ๆ รักษาไปจนถึงกรรมบถ 10 ก็จะบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น สมาธิก็จะทรงด้วยครับ อนุโมทนา
-
อยากคิดดีตลอดเวลาต้องทำอย่างไร คำตอบคือต้องทำอย่างพระอริยะครับ
ต้องทำอย่างไร ต้องเริ่มจากการ ศึกษาเรียนรู้ ก่อนว่า อะไรคือ การคิดดี ความดีคืออะไร อะไรคือความไม่ดี ต้องมีปัญญาให้รอบรู้ลึกซึ้ง ที่กล่าวแบบนี้เพราะเรื่องบางเรื่อง คนที่ฉลาดๆอย่างเราๆยังไม่สามารถตอบได้เลยว่า เรื่องนั้นดีหรือไม่ดี เรื่องบางอย่างที่คิดว่าดี อาจจะไม่ได้ในอีกมุมมองหรืออีกด้านหนึ่งก็ได้ ดังนั้นต้องเริ่มด้วยการฝึกปัญญา รู้ทัน ก่อให้เกิดวิชา ทำลายความไม่รู้ทั้งหมดก่อน
เมื่อมีปัญญารู้แจ้งในความดีทั้งปวงแล้วจึงสามารถคิดดีและทำดีต่อไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัยครับ
ทีนี้การฝึกให้คิดดี สม่ำเสมอตลอดก็ต้องฝึกเรื่องสติและสมาธิ ให้ชำนาญเป็นรากฐานของจิต เพื่อใช้ควบคุมให้คิดดีเป็นปรกติครับ ตรงนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนให้มากๆต้องใช้เวลามากครับไม่ง่ายครับ แต่จะเห็นพัตนาการของจิต คือความคิดทั้งหลายจะเป็นความดิดดีเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆครับ จนในที่สุดคือมีแต่ความคิดดีล้วนๆ
เมื่อฝึกฝนต่อไปตามแนวทางของพระพุทธเจ้าก็จะพบจุดสูงสุดของความดีทั้งหลายคือ ความคิดที่ดีที่สุดจะเห็นว่า จิตที่ดีที่สุดคือต้องเป็นจิตที่ไม่ยึดติดในความดี คือต้องเป็นจิตที่สะอาดบริสุทธิ์นั่นเอง ตอนนั้นท่านก็จะคิดดีแบบใหม่ แบบพระอรหันต์ ที่ยิ่งกว่าการคิดดีแบบปุถุชนครับ มันเป็นไปตามลำดับขั้นของมันอย่างนั้นนั่นเองครับ สาธุ -
การไม่คิด หรือต้องการให้คิดในทางกุศล คือจิตต้องอยู่ในสมาธิทรงอารมณ์กุศลไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ขอแชร์ประสบการณ์ ที่ลองทำแล้วได้ผลคือ การสวดมนต์ในพุทธศาสนา บทใดก็ได้ กลับไปกลับมา สิบครั้ง ร้อยครั้ง หมื่นครั้ง ...
จะพบว่าจิตจะค่อยๆ นิ่งขึ้น โดยเฉพาะ บทสรรเสริญพุทธคุณ จิตจะคลายความกังวล ความกลัวต่าง ๆ
เมื่อถอนจิตออกมา อาจจะต้องพบเรื่องราว หรือ ได้เห็นสิ่งที่ก่อกิเลส ชัดเจน
ก็เลี่ยงที่จะไม่ ดู ไม่ฟัง หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ให้เพียงสักแต่ว่าเห็น แต่ไม่ได้ดู
ได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง พูดง่ายๆ ว่าเราไม่เอาจิตไปเกาะกับสิ่งที่เป็นอกุศลทั้งหลายทั้งสิ้น
พยายามอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ จะเห็นภาวะจิต
และกระแสอกุศลที่กำลังก่อตัวขึ้นได้เร็วและเท่าทัน -
ถ้ามือถือ ใฃ้ระบบ android ใช้โปรแกรม Mindfulness Bell https://play.google.com/store/apps/details?id=com.googlecode.mindbell&hl=th ตั้งเตือน ทุก 5 นาที 10 นาที แนะนำให้ตั้งแบบสั่น กันเราเผลอ เวลาเราพูดคุย หรือทำงาน โปรแกรมจะเตือนให้หันกลับมาอยู่กับลมหายใจ หรือพรหมวิหาร ก็ช่วยได้ดีระดับหนึ่งสำหรับผู้เริ่มต้นภาวนา ขอโมทนาครับ
-
ทำจิตให้เกิดสมาธิก่อน..เขาจะทรงอารณ์กุศลธรรม ได้เท่าที่กำลังจิตจะพึงทำได้ตั้งสัมมาทิฏฐิให้ได้ ใช้เป็นฐานของจิตไปเลยครับ สาธุ
-
อยากคิดดีตลอดเวลา ต้องมีความเพียร เพียรอย่างสม่ำเสมอ
ความเพียรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ มี ๔ อย่าง คือ
๑. เพียรละ บาปที่เกิดขึ้นแล้ว
๒. เพียรระวัง บาปใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น
๓. เพียรรักษา กุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
๔. เพียรเจริญ ในกุศลกรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ถ้ามีความเพียร และตั้งใจฝึกฝนดังนี้แล้ว ก็ถือว่าใช้ได้นะ -
-
ส่วนตัวจะแนะนำว่า.การที่เราตั้งใจจะคิดให้ดีอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ.
.แต่ว่ามันจะเป็นการปิดกลั้นตัวเราเองครับนั่นก็คือจะปิดกลั้นใจได้ครับ.
.ให้ลองเปลี่ยนการคิดดีๆอย่างนี้มาเป็นการสร้างสติทางธรรม
จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันด้วยวิธีใดๆก่อน
ก็ได้ครับขอให้อยู่ที่ฐานกาย...เพื่อเข้าไปคอยควบคุมความคิด ณ ตรงจุดนี้
เพื่อให้คลายใจออกจากความคิด ออกจากอารมย์.ออกจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมก่อนครับ.
..ความคิดถ้าเค้าจะเกิดเราต้องไม่ให้เค้าเกิดครับ.
ต้องมีกำลังสติทางธรรมตัวนี้เค้าไปควบคุม..
ความคิดตัวนี้ก่อน.เพื่อไม่ให้จิตเกิด.จิตเป็นธาตุรู้เราปล่อยให้เค้ารับรู้ได้
แต่ว่าไม่ปล่อยให้เค้าเกิด(คือมีความคิดเข้าไปร่วมปรุงแต่ง หรืออาการจิตกระเพื่อม)
.พอปล่อยให้เค้ารับรู้ตามความจริงในสภาวะปัจจุบัน
จะเกิดปัญญาทางธรรมขึ้นมาได้..พอเกิดปัญญาทางธรรมขึ้นมา
ต่อไปเราก็ใช้สติตัวนี้กับปัญญาทางธรรมให้ทำหน้าที่แทนความคิด..
เพราะปัญญาทางธรรมนี้จะทำให้รู้ว่า
เรื่องอะไรควรหรือไม่ควร อะไรเป็นกุศลหรืออกุศล.
พอเค้ารู้ว่าเรื่องอกุศลนั้นๆไม่ดี เรื่องความคิดนั้นๆก็ไม่ดี.
ปัญญาตัวนี้ก็จะหาเหตุผลจนทำให้จิตยอมรับในเรื่องนั้นๆได้
ถ้ายอมรับได้แล้ว.
.ความคิดฝ่ายอกุศลในเรื่องนั้นๆก็จะไม่ผุดขึ้นมาอีกครับ..
ไม่งั้นเด่วความคิดอกุศลเรื่องนั้นๆแม้ว่าด้วยความตั้งใจของเราที่คิดดี.
พอเวลาผ่านไปอีกซักระยะพอเราเผลอมันจะผุดขึ้นมาได้อีกครับ -
ขออนุญาตขยายความเข้าใจตรงนี้สักเล็กน้อยนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง
(คำว่า มีสติ คือ กลับมาระลึกได้ คำว่า มีสัมปชัญญะ คือ รู้ตัวทั่วพร้อม หมายความว่า นอกจากต้องฝึกสติให้กลับมาระลึกได้ ได้เร็วขึ้น ไวขึ้น บ่อยขึ้นแล้ว การรู้ตัวหรือการมีสัมปชัญญะ ต้องให้มีความชัดเจนด้วย อย่าเพียงแค่รู้แวบ ๆ เบลอ ๆ แล้วผ่านไป ต้องฝึกให้การกลับมารู้สึกตัวมีความชัดเจน สติสัมปชัญญะถ้ามีกำลัง การระงับยับยั้งชั่งใจจึงได้ผล ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา กำลังทั้ง ๕ นี้ทิ้งไม่ได้ ควรฝึกให้เข้มแข็งเข้าไว้ ทาน ศีล ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา ค่อย ๆ ต่อยอดเรียนรู้ไป)
การฝึกทวนกระแส ไม่คิดตามความเคยชินนั่นแหละคือการฝึกสมถะ ซึ่งถ้าควบคุมได้จริง แยกออกได้จริง มันก็จะเริ่มรู้ว่า ลักษณะของจิตที่เกิดและไม่เกิดเป็นอย่างไร มีจุดให้สังเกต สติจะตามรู้เอง เห็นจุดที่ควรจะดู จะรู้ จะละ จะควบคุม ความหลงเป็นอย่างไร ในเบื้องต้นตรงนี้ จะพอเริ่มเห็นแนวทางบ้างแล้ว ฝึกสัมปชัญญะตามให้มาก ๆ ด้วย มีสติก็ต้องมีปัญญา รู้จักระงับยับยั้งชั่งใจให้มาก อะไรเป็นกิเลส ตัณหา อุปาทาน ต้องอ่านตัวเองให้ออกเสมอ ๆ คลายความเห็นผิดออกไป
**ครูบาอาจารย์ท่านเคยเมตตาสอนไว้ว่า เรื่องของจิตก็เป็นเหมือนภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องหนึ่ง มีรักโลภโกรธหลงปัญญาญาณการตรัสรู้อยู่ในนั้นครบหมด ครั้นเมื่อพ้นกิจธุระไปแล้ว ก็คือ ภาพยนตร์นั้นได้ฉายจบเรื่องไปแล้ว ท่านไม่พูดว่ามีอะไรต่อไปหลังจากนั้นอีก
ขออนุโมทนาในความตั้งใจดีครับ
สาธุ.. -
ขอบคุณที่ช่วยขยายความครับ /\
-
ไอ้คิดไม่ดีนี่ มันคือไร ประมาณไหน วันๆๆคิดไร อยากรู้อะ แบบไหนคือไม่ดี
-
ความคิดในจิตเรา นี่มันเป็นขันธ์ ไหม?
มันอยู่ภายใต้การควบคุมของเราได้โดยสิ้นเชิงไหม?
แล้วการจะไปบังคับมัน อยากให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการ นี่มันจะทำให้เกิดทุกข์ไหม? -
ถ้าอยากจะทำได้ตลอดเวลา ก็ต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา เป้นฐานกำลังไว้คอยหนุน
จะได้แยกแยะสิ่งที่ไม่ดี แล้วเลือกคิดแต่สิ่งดีๆแทน
ถ้าในภาษาทางโลกง่ายๆเขาว่า.."ให้มองโลกและคนอื่นในแง่ดี (ซึ่งเปนสิ่งที่ทำได้ลำบาก)" แต่ถ้าทำได้เหมือนชนะใจตัวเอง -
ธรรมดาของจิต มีสภาพเกาะ...
ดังนั้น ใช้อนุสติ10 ให้จิตเกาะ -
หน้า 1 ของ 2