ดีคะ ตุ๋ยก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณ คะรุทาด้วยคะ ส่วนตุ๋ยก็ฝึกตามกำลังที่ตัวเองทำได้ บางครั้งเวลาว่างมันมากไม่รู้จะทำอะไร อยู่อังกฤษมัน เหงาเวลาลูกไปโรงเรียน และต่างประเทศมันก็เงียบสงบอากาศ ณ เวลานี้ก็เริ่มเข้าหน้าหนาว แล้วแสงแดดไม่มีเลยอากาศจะคลึ้มตลอด 6 เดือน เหมาะมากสำหรับทำจิตสงบ ไม่ต้องมีแอร์ สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ก็ไม่มี คือเราจะไม่ผิดศิลเลย ความหนาวก็มีแต่อยู่ในบ้านไม่เป็นไร มีที่ทำความอุ่น แต่อากาศก็เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ไม่แพ้ประเทศไทย เหมือนกัน ตุ๋ยก็ตั้งใจจะฝึกสมาธิให้ใจใสๆ เพราะใกล้งานกฐินแล้วที่ไหนได้กับมาปว่ยเสียอีก เล่นแย่ไปเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะต้องสวดมนต์ทุกวัน ถ้าไม่สวดไม่ได้ มันไม่สบายใจเหมือนตัวเองขาดอะไร ไปสักอย่าง หลังจากนั้นก็นั่นสมาธิสัก นิดก็ยังดี หรือบางครั้งก็ไม่ได้นั่ง แต่อาศัยทำจิต สงบเวลาทำงานบ้านประจำวันคือรู้ลมหายใจเข้าออกกับคำภาวนาเอา ทำแบบเบาๆ สบายๆ ใจเย็นๆ แต่ก็ไม่ได้รู้ลมตลอด บางครั้งก็ลืม นึกได้ก็ทำต่อ คือให้จิตมันชินนั่นเองชีวิตคนเรามีแต่ ความยุ่งความเครียด ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะครอบครัวหรือ บุคคลรอบข้าง ที่คิดว่าเป็นความสุขแต่ไม่ใช่สุขอันแท้จริงสุขที่ปะปนไปด้วยทุกข์ ความสงบเท่านั้นคือความสุขอันแท้จริงที่เราแสวงหาได้ ในสมาธิ ตุ๋ยก็เพียนพยามยามไปตามกำลังบุญที่ตัวเองมีคะ:cool:
อยากทราบว่าในตัวคนมีเทพฯ คุ้มครองมีลักษณะแบบไหน
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nanthiya1, 11 สิงหาคม 2010.
หน้า 41 ของ 64
-
-
พอดีถ้าว่างๆ ก็ไปฟังเทศน์ กับพระอาจารย์หลายๆ องค์ ฟังแล้วก็คิดตาม มาฟังเทศน์ พระอาจารย์ สนองท่านอยู่ประจำที่วัด สังฆทาน ฟังแล้วก็ดีคะท่านเทศน์ทำจิตให้อยู่ เหนือบุญ เหนือบาป คือไม่เอาจิตไปข้องนั้นเอง คือปล่อยความรู้สึกให้ว่าง เอาไว้แล้วจิตเราจะเป็นสุข เพราะการปรุงแต่งมันมาจากจิตทั้งนั้นถ้าเราหยุดปรุงแต่งเสีย เราก็จะไม่เกิดอีก ฟังไปก็ใช้ปัญญา คิดตาม ก็รู้สึกดีขึ้นคะนึกอยู่ในใจว่าเดี๋ยวถ้านั่งสมาธิ จะทำจิตอย่างที่หลวงพ่อเทศน์คะ เพราะตุ๋ยอยากจะหนีการเกิดเหมือนกันคะ
-
จ๊ะเอ๋...คุณตุ๋ย คิดถึงจัง.. ไม่ได้มาตั้งหลายวัน คิดถึงชมัดเลยคะ..:p. อินเตอร์เน็ตเพิ่งจะเข้าได้เมื่อสักครู่นี่เอง ...
-
-
ไม่ยึดติดวิถีทาง ไม่เนื่องด้วยวิธีการ ไม่เน้นตามบุคคล เข้าใจส่วนขยายข้างๆของ สีลพัตตุ หวังผลโสดาได้ ไม่เกิน 7 ชาติก็คงสมดังประสงค์
นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพานะ ปัจจะโย โหตุ
ธรรมมะหลวงพ่อทุกรูปสอนได้ดีเยี่ยมแล้ว กอดไม้ซุงดีกว่ากอดไม้ซี่ เกาะเรือดีกว่าเกาะไม้ซุง ถึงฝั่งมัวเกาะเรือก็ไปต่อไม่ได้ -
-
-
โสดาบันอย่างกลาง ไม่เกิน 5 ชาติ มนุษย์ เทวดา พรหม สลับกันไป
โสดาบันอย่างละเอียด ไม่เกิน 3 ชาติ อาจจะมนุษย์ชาติหนึ่ง เทวดาชาติหนึ่ง
ถ้าอนาคามี กายดับ เข้า รูปพรหมสุทธาวาสอีกชาติแล้วรอนิพพาน
พุทธทํานาย เมื่อศาสนาครบ 5000 ปี อริยะจะหมดจากโลก แต่ไม่หม่หมดจากเทวโลกและพรหมโลกครับ มรรคผล นิพพาน ยังดําเนินอยู่
โสดาบัน ปิดอบายภูมิทั้งหมด แต่กงกรรมต้องชดใช้ยังคงอยู่ต่อไปแม้จะถึงอรหัตผลก็ต้องรับกรรม แต่กรรมใหม่และกรรมปัจจุบัน จะไม่เกิดเพราะสิ้นอวิชชา กรรมกรรมจะหมดสิ้นเชื้อก็ต้องนิพพาน
โสดาบัน สกทาคามี ยังครองเรือน มีวิถีเหมือนคนทั่วไป
พระอนาคามี จะไม่ครองเรือน
อรหันตร์จะต้องถือบวช ถ้าเป็นฆราวาส ต้องเสียชีวิตภายใน 7 วันหลังสําเร็จธรรม -
-
พาหิยะ
พาหิยะเป็นคนหนุ่ม แล่นเรือไปกลางมหาสมุทร เจอคลื่นลมแรง เรือแตก คนบนเรือ จมหายไปหมด พาหิยะเจอกระดานเลยเกาะลอยมา ในที่สุดมาถึงเมืองชื่อสุปปารกะ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยตามน้ำไปหมด จึงเอาไม้แห้งผูกปอมัดปกปิดร่างกาย แล้วหลับไปในเทวาลัย พอตื่นขึ้นมาก็เอาจานที่คนเขาใช้ใส่ของบูชา ไปขอข้าวชาวบ้าน
ชาวบ้านเห็นก็แตกตื่น นึกว่าเป็นพระอรหันต์ คือ กล้าสละทุกอย่าง ไม่นุ่งผ้า ความจริงเขาไม่คิดจะหลอกใคร แต่มีข้าวกิน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
พอคนมาเคารพบูชามากๆ เข้า ก็เผลอถามตัวเองว่า เอ..หรือเราจะเป็นพระอรหันต์จริงๆ แต่จิตสํานึกยังบอกว่าไม่ใช่หรอก เราไม่ใช่อรหันต์ พระก็ไม่ได้เป็นด้วย จึงคิดว่าจะทําอย่างไรดี ตอนนั้นข่าวของพระพุทธเจ้าแพร่ไปทั่ว พาหิยะตัดสินใจไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
คืนนั้นขณะที่พาหิยะเดินทางจากสุปปารกะ เดินทางอย่างไม่นึกถึงความเหน็ดเหนื่อย เมื่อพบพระพุทธเจ้า ก็ลงกราบแทบพระบาท แล้วขอให้แสดงธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่า “พาหิยะยังไม่ใช่เวลานะ เวลานี้เรากําลังบิณฑบาต” พาหิยะเป็นคนใจร้อน ก็ตอบว่า “พระองค์ผู้เจริญ ไม่มีใครที่ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฎนี้แล้วจะไม่ได้รับอาหาร แต่ที่ไม่รู้คือ ไม่รู้ว่าอันตรายจะเกิด กับชีวิตเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นขอพระองค์จงแสดงธรรม แก่ข้าพเจ้าเถิด” พระพุทธเจ้าตรัสอีกว่า “เวลานี้ไม่ใช่เวลา แสดงธรรม” พาหิยะโอดครวญบอกว่า “ข้าพระองค์เดินทาง มาโดยไม่ได้คิดถึงอันตรายของชีวิต เดินทางมาตลอดคืนไม่ได้พักเลย ไม่ได้หยุดยืน ไม่ได้นั่ง เพื่อฟังธรรมของพระองค์ ขอพระองค์แสดงธรรมเถิด เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ ข้าพระองค์ตลอดกาลนาน”
ความจริงพระพุทธเจ้าเห็นว่า พาหิยะพอได้พบพระองค์แล้วเกิดปีติมาก คนที่กําลังมีปีติล้นเหลืออย่างนี้ ฟังธรรมก็ไม่บรรลุ เพราะตื่นเต้น มันไปอยู่ที่ดีใจเสียหมด ท่านจึงชะลอไว้ด้วย การตรัสห้าม พอพาหิยะทูลขอเป็นครั้งที่สาม พระองค์เลยแสดงธรรมดังนี้
“พาหิยะ จงสําเหนียกว่าจงสักแต่ว่าเห็นในสิ่งที่ ได้เห็น จงสักแต่ว่าได้ยินในสิ่งที่ได้ยิน จงสักแต่ว่ารู้ในสิ่งที่ได้รู้ (ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย - มุตเต มุตะ มัตตัง) จงสักแต่ว่า รู้ในสิ่งที่ได้รู้ (รู้ทางใจ - วิญญาเต มุตะ มัตตัง)”
พอพระพุทธเจ้าตรัสจบพาหิยะก็บรรลุเป็นพระอรหันต์เลย พระพุทธเจ้าตรัสยกย่องว่า พาหิยะเป็นพระสาวกที่ตรัสรู้ได้เร็วกว่าสาวกทั้งหลาย พอพาหิยะได้บรรลุเป็นอรหันต์แล้ว จึงขอบวชกับพระพุทธเจ้า พระองค์จึงให้ไปหาเครื่องบริขาร สําหรับบวช เมื่อทูลลาไป ก็ถูกวัวขวิดตายก่อนจะได้บวช เพราะวัวที่มาขวิดเป็นยักษิณีแปลงร่างมา มาขวิดตายด้วยความแค้น มีเวรต่อกันมาจองเวรไว้
เรื่องมีอยู่ว่า
ในอดีตชาติ มีลูกชายเศรษฐี 4 คน พาหญิงโสเภณี ไปเที่ยว ก็มีความสุขกับหญิงคนนั้นไปทั้งวัน พอตกเย็น ก็กลับซุบซิบกันว่าน่าจะฆ่าหล่อนเสีย แย่งเอาเงิน 1,000 กหาปณะ และเครื่องประดับ ฝ่ายโสเภณีตอนที่ถูกฆ่าก็เลยผูกอาฆาตไว้ว่า ชาติต่อไปขอให้เป็นยักษิณี สามารถฆ่าคนพวกนี้ได้ เวรที่ผูกไว้นี่แหละพานางมาเกิดเป็นยักษิณี ตามฆ่าผู้ชาย 4 คนนี้มาหลายร้อยชาติ 1 ใน 4 คนนี้ก็คือ พาหิยะ ซึ่งเมื่อตอนที่ฆ่าโสเภณีตาย ก็ไปตกนรกอยู่นานมาก พอใช้กรรมเสร็จ ก็ยังมาถูกยักษิณีฆ่าตายอีกหลายร้อยชาติ จ่ายหนี้เวรเสร็จแล้ว จึงจะได้กลับมารับบุญที่เคยบําเพ็ญมา มาเกิดเป็นพาหิยะได้ฟังธรรมต่อในชาตินี้ แล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ทั้งนี้ทั้งนั้นการสําเร็จอรหัตผลจะต้องเสียชีวิตภายใน 7 วันถ้าครองเพศฆราวาสจริงแท้ประการใดก็ไม่ปรากฎพุทธพจน์แน่ชัด เพียงแค่ยกตัวอย่างพระอสิติสาวก พาหิยะ และ เป็นการเล่าบอกปากต่อปากเท่านั้น -
อืมร์..คุณตุ๋ยไม่สบายเหรอคะ เป็นหวัดใช่ไหมคะ .... อากาศกำลังเปลี่ยนนะ ดูแลตนเองด้วยนะคะ .....ที่กรุงเทพเห็นว่าน้ำท่วม แต่ที่บ้านศิลามณี เมื่อวานมีแต่ลม แรงน่าดู เหมือนหน้าหนาวเลย... อ้อลืมบอกไป ศิลามณีส่งไปให้แล้วนะคะ ของน่าจะถึงแล้วเพราะส่งแบบEMS
-
-
ขอเปลี่ยนแนวจากธรรมมะเป็นเทพมั้งเนอะ
ทายสิครับว่าท่านผู้นี้คือใคร ใครตอบได้เก่งมากครับ ใกล้ตัว
-
คําใบ้ที่ 2 ดูภาพ
คําใบ้ที่ 3 ค่อเลยนะ ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่อินทร์ ไม่ใช่พระ ไม่ใช่เณร ไม่ใช่ชาย ไม่ใช่หญิง
อย่าตอบว่า พระศิวะ พระพิฆเณศ พระนารายณ์ พระอุมาเทวี พระลักษมี พระสุรัสวดี นะครับ
-
ศิลามณี ไม่เก่งนะคะ เลยตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบเลยคะ .... มือถือดาบหัวพญานาค
มีผ้าโพกศรีษะด้วย ..... น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพญานาคมังคะ ไม่ทราบว่าท่านคือใครกัน... -
ท้าวมหาพรหมชินะบัญจะระ ใช่ไหมคะ
-
-
ศิลามณี..... เคยเห็นที่บ้านครูบาอาจารย์คะ..เป็นรูปปั้นองค์ใหญ่เท่าคนเลย .. ใช่ซี่...ทำไมจะไม่ใช่ละคะ .... แต่ ศิลามณี เล่าไม่ได้เพราะไม่ทราบประวัติท่านนี่คะ.. คุณอาภากร นะแหละกรุณาเล่ามาเลยคะ. ....
-
ศิลามณี มีเหรียณท่านด้วยละ ครูบาอาจารย์ท่านให้มา
หน้า 41 ของ 64