เอ่อ คือว่า เอ่อ
พระท่านบอกว่า เวลาใครสอนธรรมะ ให้สังเกต อาการเกินภูมิ
ตัวเด่นๆ เลยที่ใช้ได้คือ " จุติจิต " ซึ่งจะเป็น ของที่เดียรถียเอาไว้หากิน
เพราะเวลาสำคัญผิด มักจะคิดว่าเห็นตัวนี้เสมอ
พระท่านว่า หากใครเห็น จุติจิต นี่มันเป็น อรหัตมรรค เห็นชัดก็ถือว่าจวนเจียน
รู้ว่า ความเห็นชัดในการเห็นจุติจิตดับไปพร้อมกับปัญญาและการเห็นด้วย ถือ
ว่าได้ผลที่ชื่นใจ
สมัยนี้ ไม่ใช่ สมัยพระท่านจะอมภูมิ ท่านมีอะไรท่านก็สอนออกมาหมด
ดังนั้น การที่จะก๊อปปี้ ก็ไม่ควรดื่มเกินวันละสองขวด
อยากบรรลุธรรมเข้ามา
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 13 ธันวาคม 2012.
หน้า 28 ของ 59
-
เหนียวแน่นในอัตตาจริงๆ -
เวลากล่าวธรรมะ อย่าไปกล่าวอะไรที่ สวนปฏิปทา จรณะสัมปัณโณ ของ
พระพุทธองค์สิคร้าบท่าน
พระพุทธองค์ ตรัสเสมอเลยเรื่อง อานิสงค์ใหญ่ ใหญ่เลยนะ ไม่ใช่คิด
เล็กคิดน้อย " อานิสงค์ใหญ่พึงหวังได้ " เคยสดับเป็นกับเขาไหมนี่ -
เข้าใจผิดไง คิดว่า เขาวัดกันที่ ก๊อตจักรพัน หรือว่าจะ อาบคอนบุรี ดี
พอเข้าใจผิด ไหลตามกระแสโลก เป็นขี้ลอยน้ำ ลอยไปตามขี้ปากชาว
บ้าน ปุถุชน มันก็ หยิบเอา ความคิดความเห็นชาวบ้านมาเป็นประเด็น
กล่าวแล้วเทห์ในหมู่ ปุถุชน คนไม่เคยสดับธรรมะ
ฮานาก้า ข้าทำโดยไม่หวัง โธ่ อ้ายเฮีย เอ้ย !!
ตรงนี้หากใครสงสัยว่า ทำไมเรียกเขาว่า " อ้ายเฮีย " ก็แค่ อ่านหัวกระทู้
แล้วตีลังกาซัมเมอร์ซอลอีกที ก็จะชัดว่า " เฮีย " ชัดๆ !!
******************
ปล.ปลิง อ้าย แปลว่า พี่ เฮีย ก็แปลว่า พี่ -
-
-
-
ถ้าไม่หวังอะไรเลย ก็ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องทำอะไรเลยสิ
หวังประโยชน์ ก็หวังให้เต็มที่ ทำในสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อสัตว์โลกที่สุดสิ
ไอ้แบบ เอ ข้าหวัง หรือ ข้าไม่หวังก็ไม่รู้ รู้แต่ไอ้การที่ข้าทำ มันทำให้ข้าดูดี มีธรรมะ อันนี้มันเลยกลายเป็นปุถุชนไป -
ก็ธรรมะ มันอยู่ในคำครูบาอาจารย์ที่ยกมาอยู่แล้ว
คุณจะมาใส่ใจอะไรโผ้ม... ผมมันเป็นแค่อากาศธาตุ อย่ามาใส่ตัวตนให้ผมมีตัวตน มันไม่ใช่เรื่อง...
คุณไม่ต้องสนใจหรอกนะ ว่าผมมันจะเลวชาติชั่วขนาดไหน
สนใจแค่ว่าธรรมะของครูบาอาจารย์ที่ผมยกให้คุณเอาไปคิด มันหมายความว่าอย่างไร แค่นั้นพอนะ -
-
-
คนหมดสงสัยแล้ว เขารู้ได้ด้วยตัวเอง เขาไม่ต้องไปเทียบอะไรกับปริยัติ!!! (แถมดันไม่ไปเทียบที่พระพุทธเจ้าแสดง ดันไปเทียบกับของพระอริยสาวก ซึ่งเคยเป็นพราหมณ์มาก่อนแสดง ไว้อีกนั่น)
อันนี้มันคือ ยังสงสัยอยู่ ก็เลยต้องไปหาสิ่งสนับสนุน มายืนยัน ให้หายสงสัย
เป็นแนวคิดแบบปุถุชนล้วนๆ!!!!! -
-
-
-
-
สดับแล้ว ฮานาก้า อาศัยได้ประโยชน์อย่าง เรื่อยเจื้อย ขี้ลอยน้ำเหรอครับ
ม่ายหรอก
ประโยคที่ผมยกเมื่อครู พระพุทธองค์จะใช้ตอนไหนทราบไหมครับ
พระพุทธองค์จะบอกกับ คนที่เจริญสติปัฏฐาน จนถึงขั้น เห็นโพชฌงค์
ได้แล้ว เสร็จแล้ว ก็กล่าวว่า " หากทำเนืองๆ "
เน้นอีกทีว่า " หากทำเนือง ตามเห็นเนืองๆ ทำให้มากๆ " พอจบวรรค
ทำให้มากๆ ก็จะกล่าวว่า " พึงหวังได้ "
ซึ่งก็แปลว่า
คนที่ทำชำนาญต่างหาก ที่ให้ หวัง
งง ไหมครับ
งง แน่นอน เพราะ คุณ ไม่เคยภาวนาไง เลยไม่รู้ว่า ประโยคไหน
ควรกล่าวตอนไหน
มาเจอคำ " หวัง " ได้แบบ ปุถุชนคนหนา ก็คืดว่า หวังแบบก๊อตจับมาพัน -
อเสวนา จ พาลานัง
คุณอย่ามายุ่งกับผม ผมไ่ม่สนทนากับคนเลวอย่างคุณ
ถึงจะหยิบธรรมะของครูบาอาจารย์มาอ้าง
ก็มาอ้างด้วยความเลว
ผมไม่ยุ่งด้วย -
-
เศษอาหาร ที่เท อันนี้ ประโยชน์มันเกิดอยู่แล้วครับ และ บางครั้งก็
เกิดโทษด้วย
เรื่อง โยนเศษอาหาร ตรงนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็น ศาสนาพุทธ
มันเป็นเรื่อง โลกๆ ที่ คนเขาทำกันอยู่แล้ว ขี้ออกมา ก็ยังมีสิ่งอาศัย
เป็นประโยชน์.......
เข้าใจไหมนี่ ว่า เรื่องแบบนี้ มันเป็น เรื่องโลกๆ โลกเขาทำกันอยู่แล้ว
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ อริยะ หรือ ไม่อริยะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ความ
เป็น ศาสนา
พูดง่ายๆ เทของทิ้ง ขี้เอาไว้เป็นกองๆ ของแบบนี้ เขาไม่ต้องสอนกันก็ได้ ทำเป็นกันทั้งนั้น
หน้า 28 ของ 59