หมอบกราบไม่ใช่สาระครับ สาระว่าผู้มีบารมีนั้นกลัวอะไรกับเรื่องจริง แค่กลัวความจริงก็เข้าไม่ถึงความจริงสักที ตัวผมไม่เห็นกลัวเลยความจริงก้คือความจริง คำถามนั้นนำมาสู่การวินิจฉัยที่ถูกต้อง
อยากบรรลุธรรมเข้ามา
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 13 ธันวาคม 2012.
หน้า 48 ของ 59
-
-
-
"ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน"
"ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญาตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน จึงพากันเล่าเรียนไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า "ข้อนี้เป็นอย่างไร? มีความหมายกี่นัย?" ดังนี้. ด้วยการทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว้ได้. ธรรมที่ยังไม่ปรากฎเธอก็ทำให้ปรากฎได้, ความสงสัยในธรรมหลายประการที่น่าสงสัยเธอก็บรรเทาลงได้" -
^การมีกัลยาณมิตรที่ดี่ย่อมเกื้อประโยชน์ต่อธรรม
หากคบโมฆะบุรุษเสี่ยงต่อการโดนยกยอในคุณธรรมจนหลงติดเพลิน
และที่น่าพิจารณาหากมีกำลังในสมาธิประกอบ ย่อมเป็นผลให้หลงผิดติดยึดยาวนาน -
-
ขอเป็นแรงใจให้สหายธรรมทุกท่านบรรลุโดยเร็ว
ทุกท่านในที่นี้สนทนาและแสดงธรรมกันได้อย่างฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว
โมทนาครับ -
ประเด็นคือ "Once ที่คุณโดนความกำหนัด หน่วงเนี่ยว บีบคั้น"
"จิตที่ปราศจากการรู้รสคุณชองศีล" มันก็ไม่มี ศีลคุ้นกันภัย มือ ไม้
และ ความคิด จึงไตร่ตรอง ตระเตรียม อุปกรณ์ อีกตั้งหลายขั้นตอน
กว่าจะ จุกกรู้ ออกมาได้
เนี่ยะ จิตผ่านไปตั้งหลายขระจิต ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ทุกขณะจิต
ที่ผ่านไป ล้วนแต่สะสมเวรกรรมเอาไว้ตกนรกรอไว้แล้ว ยังไม่นับรวม
ตอน นกกระจอกินน้ำ หรือ ความคับแค้นที่หมายรสในการเสพ การบด
ขยี้ ...ขยำ อะไร ไม่ใช่ตัวใครเลยนะ ตรงนั้น ยังถือว่าเป็น คนละกรรม
ไม่ใช่กามราคะ แต่เป็น ปฏิฆะพยาบาท เป็น เวรกรรมอีกชนิด เข้าร้อย
รัดรอส่งผลอีก
พอนกกระจอกกินน้ำเสร็จ หากตอนนั้น เกิดสงสัยขึ้นมาว่า เอ้ย เราล่วง
ศีลหรือเปล่า ตรงนี้แหละ เอา ธรรมะเข้ามาจับแล้ว เอาธรรมะเข้า
มาเทียบ ตรงนี้แหละ วิบัติเลย จากเดิม กิจของปุถุชนข้างต้นยังไม่
เท่าไหร่ แต่ พอมาระลึกธรรมะปั๊ป แล้ว ยังสงสัยอีก ตรงนี้จะเกิด
เวรกรรมเอา นรกเดิมคูณด้วยแสนคูณด้วยล้าน รอเสวยผล ตามมาอีก
[ ตรงนี้ หาเอาเรื่อง พระสุทิน ก็ได้ พอเอาธรรมมาจัปปั๊ป เกิด "วิปฏิสาร" เลย
แบบว่า นรกเรียกตัวด่วนกันเลยทีเดียว ]
ระหว่างที่เช็ดทำความสะอาดเนี่ยะ นรกมันก็ รออยู่แล้ว
*****************************************
ส่วนเรื่อง ทำเสร็จแล้ว เอ๋ เอามาถามในกระทู้ดีกว่า เผื่อคนจะเห็น
ว่าเรา เป็นคนรักในศีล เขาจะพึงชื่นชมเรา อีกทั้งเราก็จะได้ให้เขา
ได้เอาจิตมาทำอกุศล ตอบในเรื่องไม่เป็นเรื่อง นี่ก็นะ
โดยหลักการ เขาถือว่า ช่วยตัวเองซ้ำเป็นรอบที่สอง เดิมได้กรรม
เท่าไหร่ ก็คูณอีก 500 ไปได้เลย เพราะ คิดซ้ำ
คิดซ้ำไม่พอ ยัง โลภ หวังได้การชม หวังได้ความเข้าใจ หวังได้รับ
การยกย่องว่า กล้า ว่าเปิดเผย ว่ารักในศีล นี่ก็เป็น เวรกรรมคนละ
ชนิด สร้างกรรมอีกชนิดเข้าไปอีก
แล้ว ตอนนี้ โดนเพื่อนเขายกวาทะ แทนที่จะ ทำความเข้าใจให้แยบ
คาย ก็ยังอุตสาห์ดิ้นรน แบบนักกฏหมาย ชวนตีความว่า ไม่ผิด
" การถามไม่ผิด "
ก็ใคร เขาจับประเด็นเรื่อง การถาม หละคร้าบท่าน เขาเอาตรง วาระจิต
ที่คุณซ่องเสพ "ยินดี กับ ยินร้าย"
มียินดี หรือ ยินร้าย แค่นี้ ก็เพียงพอจะ ยกความเป็นพวก ทุศีล ได้แล้ว
**********************
คนเรา ถ้าไม่ยินดี ตอนนั้น มันก็ไม่ จึ๊กๆ หรอก
และ
คนเรา หากไม่ยินร้าย มันก็ไม่เอามาถามในกระทู้ หรอก -
ผมเข้าใจคุณละครับในคำถามนี้ หากพูดแบบนี้ในคำถามดังกล่าวครับ ขออภัยที่เข้าใจผิด :'( -
-
-
-
-
มันจะต่างอะไรกับการเราอยากได้เสื้อสักตัวในห้าง เราอยากเราก็ซื้อมาก็สำเร็จความใคร่แล้วไม่ใช่เหรอ กามเหมือนกัน แต่ทำไมดูมันต่างกันล่ะ
-
ท่าน newamazing มีอารมขันไม่น้อย มิน่า
กามราคะถึงตัดยังไม่ได้(เ้หอะๆ)
โมทนาธรรมครับ -
-
-
บารมีธรรมสั่งสมมามากน้อยต่างกัน ความรู้เข้าใจในธรรมจึงแตกต่าง
ผู้ที่เริ่มบำเพ็ญใหม่ๆ หากคิดจะเทียบชั้นกับ ผู้ที่มีตบะสูงกว่าย่อมเทียบไม่ติด...
ทางที่ชาญฉลาดคือน้อมรับคำแนะนำและอ่อนน้อมต่อผู้มีตบะธรรมสูงกว่า
ประโยชน์จะมีมากกว่ามาประชันความรู้ที่ต้องหาบทสรุปอย่างไม่รู้จบ
โมทนาธรรมครับ -
-
เวลา คุณไปซื้อเสื้อผ้า คุณ เอากามกิเลส ละเลง เลือกซื้อเหรอครับ
นี่ถ้าจะ ยังไม่เข้าใจเรื่อง " ยินดี ยินร้าย " ทีเป็น นัยยะปฏิบัติ เลยนะนี่
เชื่อไหมว่า
หากผมให้คุณกล่าวว่า
"เวลาคุณจะใส่เสื้อผ้า คุณมีจิตปราศจากยินดี ยินร้าย หรือไม่ ?"
คุณอาจจะด่าผมกลับมาว่า เฮ้ย แล้วมึงจะไม่ให้กูใส่เสื้อผ้า หรือไง
อะไรประมาณนั้น
คือ คนมันยังเข้าใจ การพิจารณา ยินดี ยินร้าย ไม่ถูก ก็เลยคิด
ได้อย่างเดียวว่า การไม่มี คือ ไม่เกิดการ ขยับ เขยื้อน ไม่เกิด
การกระทำ อะไรทำนองนั้น
แต่ถ้าเข้าใจถูกปั๊ป
คุณคร้าบ การเลือกเสื้อผ้ามาใส่ กับ การจุกกรู้ๆ เนี่ยะ มันล่วงกาม
เหมือนกันคร้าบ ไม่ใช่ไปเห็นว่าต่างกัน ศีลมันขาดเหมือนกันนั่นแหละ
ฮะเอ่อ.....งง ! -
เอางี้ เดี๋ยว จขกท จะ งง เป็น ไก่ตาแตก ว่า ผมพุดอะไร
เอาเรื่องง่ายๆ ที่คุณ น่าจะตอบได้ก็แล้วกัน
ในการฝึกสมาธินั้น จะมี ขั้นตอนหนึ่ง กล่าวไว้ว่า หากต้องการได้
ลำดับฌาณที่สูงขึ้น ท่านบอกให้ " หน่ายปิติ "
ไหนๆ คุณ ลองแจกแจง อธิบาย " การหน่ายปิติ " ที่ทำให้ได้ ฌาณ ขั้นสูง
ขึ้นหน่อยจิ
อธิบายได้ละก้อ จะ ยกประโยชน์ให้ว่า เข้าใจเรื่อง ยินดี ยินร้าย ขณะเสพฌาณ
**********
ถ้าตอบแบบ อัตนัย ไม่ได้ ยาก
จะ ลดทอนสติปัญญามาตอบแบบ ปรนัยก็ได้นะ
หน่ายปิติ คือ ?
[ ] สภาวะที่เกิด ปิติ ยุบยั๊บ ดูแทบไม่ทัน
[ ] สภาวะที่ ไม่เกิด ปิติ เลย ฮิววววส์
หน้า 48 ของ 59