เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อานิสงส์ขั้นต้นของการไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์คือจะทำให้ชีวิตของเราไม่ต้องตายด้วย ปืนผาหน้าไม้ คมหอกคมดาบ ไม่ตายด้วยเหตุกาณ์อันน่าสยดสยองหรือภัยพิบัติต่างๆ ทั้งยังสามารถตัดกรรมในเรื่องการฆ่าและยุติการจองเวรกับสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันมิอาจประมาณได้ทรงรักใคร่สรรพสัตว์ทั้งหลายประดุจลูกในอุทรของพระองค์เองเมื่อได้บรรลุอนุตตรสัมโพธิญาณสูงสุดแล้ว ก็ยังทรงมีพระทัยห่วงใยปรารถนาให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายได้หลุดพ้นออกจากบ่วงกรรมและระงับดับการจองเวรซึ่งกันและกัน
ในบรรดาบาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไปการเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นถือเป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุดแม้ว่าจะกระทำลงไปโดยไม่เจตนา ก็ยังต้องไปรับโทษ นับประสาอะไรกับการจงใจเจตนาฆ่าเขาให้ตาย โทษทัณฑ์นั้นจะยิ่งใหญ่หลวงและไม่อาจให้อภัยได้
ด้วยเหตุที่พระพุทธองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราทุกคนละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นโดยเด็ดขาด พระองค์จึงทรงบัญญัติศีลข้อ "ปาณาติบาต" คือห้ามการฆ่า เป็นข้อที่สำคัญอันดับหนึ่ง
ขอให้เราจงมาร่วมกันศึกษาพิจารณาพระพุทธวจนะว่าด้วยเรื่อง "อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์" เพื่อจักได้นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติและบำเพ็ญธรรมให้สูงขึ้นไป
ในพระสูตรของพระพุทธศาสนามหายานเล่าว่า
"สมัยหนึ่ง... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปเทศนาโปรดบรรดาเหล่าพญานาคทั้งหลาย พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสธรรมกถาวิสัชนาแสดงแก่พญานาคราชความว่า
"บุคคลใดหยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอกุศลมูลทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วยอานิสงส์ทั้ง 10 ประการอันได้แก่:
1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติโลกสวรรค์
อธิบายอานิสงส์ 10 ข้อ ของการไม่กินเนื้อสัตว์
1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรหมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
บุคคลผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไม่เบียดเบียนผู้ใด มีกิริยาสำรวม จรรยามารยาทเรียบร้อย ไม่กล่าวคำกระโชกด่าทอกับใครทั้งสิ้น บุคคลเช่นนี้เมื่อก้าวไปสู่แห่งหนใด ย่อมเป็นที่รักใคร่ มีแต่คนอยากเข้ามาใกล้ชิด
ในทางตรงกันข้าม หากเป็นคนที่สะสมไว้แต่อารมณ์ร้ายๆ แววตาเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งการ "ฆ่า" บุคคลเช่นนี้ไปถึงที่ไหน แม้ไม่ต้องถือมีดเข้ามาให้เห็นทุกคนก็อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล
มีตำนานชาดกโบราณเล่าว่า สมัยหนึ่งในอดีต นับย้อนไปเป็นเวลา 500 ชาติ ก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้ ในเวลานั้นพระองค์ออกบวชเป็นดาบสมีนามว่า "ขันติ" พำนักอยู่ในป่าลึกเพื่อบำเพ็ญธรรม
มีอยู่วันหนึ่ง เหล่านางสนมของท้าวเทวทัตผู้เป็นราชาได้พลัดหลงขณะที่ตามเสด็จพระพาสป่าทั้งหมดจึงพากันดั้นด้นไปจนกระทั่งพบพระดาบสกำลังเจริญภาวนาอยู่อย่างสงบ มีลักษณะอันสง่างดงาม แต่ทว่าใกล้ๆกันนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดมาห้อมล้อมอยู่โดยรอบ ในบรรดาสัตว์เหล่านั้นมีทั้ง เสือ สิงห์โต ซึ่งเป็นสัตว์ที่ดุร้าย แต่ช่างน่าประหลาดที่มันกลับดูเชื่องและอ่อนโยน มิได้ลุกขึ้นวิ่งไล่ทำร้ายแม้ กระต่าย กระรอก นก ซึ่งมาหากินอยู่ใกล้ๆ
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
จิตเมตตา คือ ความรู้สึกนึกคิดที่อยากให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้มีชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
เหตุฉะนี้คนที่มีความเมตตากรุณาอยู่ในใจ อย่าว่าแต่เห็นสัตว์ทั้งหลายต้องตายไปต่อหน้าเลยแค่เพียงเห็นเขาต้องประสบเคราะห์กรรมถูกเฆี่ยนตี ก็ย่อมจะไม่สบายใจ ดังนั้นผู้ปฏิบัติธรม ไม่เพียงแต่จักต้องไม่เข่นฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นให้ดับดิ้นเท่านั้น แม้แต่จะเอ่ยวาจาด่าทอให้ระคายหูก็จะไม่กระทำโดยเด็ดขาด
เมื่อจิตเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ค่อยๆถูกสะสมเพิ่มพูนจนเปี่ยมล้น ก็จะบังเกิดเป็นมหาเมตตาขึ้นในใจ มหาเมตตานี้จะเพิ่มพลังจิตขึ้นในตัว นับเป็นเหตุปัจจัยสำคัญอันจะนำพาให้ผู้บำเพ็ญสามารถสำเร็จธรรมบรรลุสู่ขั้น " พระโพธิสัตว์"
เจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์เป็นพระโอรสของพระเจ้าแผ่นดินไม่เคยประสบความทุกข์ความลำบากอย่างใดเลยก็จริงแต่น้ำพระทัยของพระองค์ก็ยังทรงหยั่งทราบถึงจิตใจของสัตว์เหล่าอื่น ด้วยความเห็นใจว่า "สัตว์ทั้งหลายย่อมปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าสรรพสัตว์นั้นๆจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน"
(จากหนังสือพุทธประวัติพระกอบภาพ สำหรับเยาวชน โดยท่านพุทธทาสภิกขุ)
บรรดานางสนมจึงได้พากันเข้าไปกราบนมัสการพร้อมกับทูลถามพระดาบสว่า "ท่านปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าลึกเช่นนี้ไม่กลัวสิงสาราสัตว์ที่ดุร้ายมาทำอันตรายหรอกหรือ?"
พระดาบสจึงตรัสตอบว่า
"เมื่อภายในจิตของเรา ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวธุลีของความคิดที่จะไปเบียดเบียนทำลายชีวิตผู้อื่น เช่นนี้แล้วย่อมจะไม่เป็นที่หวาดกลัวหรือตื่นตระหนกต่อผู้ใด ฉะนั้นสัตว์ร้ายทั้งหลายย่อมไม่ทำอันตรายแก่เรา"
พระธรรมโอวาทบทนี้ ยังคงปรากฏเป็นจริงแม้ในกาลปัจจุบัน ดังปรากฏตัวอย่างที่..ประเทศไต้หวัน มีเด็กหญิงเล็กๆหนึ่ง ทุกวันยามเช้าตรู่เธอจะนำเอาเมล็ดข้าวไปหว่านให้นกกระจอกกินเป็นประจำ นานวันเข้า เมื่อพบหน้าบรรดานกกระจอกเหล่านั้นก็จะพากันโผบินเข้ามาหยอกเย้ากระโดดโลดเต้นและเกาะอยู่ตามตัวของเธอ นี่ก็เป็นเพราะแม่หนู่น้อยเป็นผู้ที่มีจิตเมตตาโดยแท้ การกระทำของเธอจึงเป็นการผูกบุญบารมีแห่งเมตตาไว้กับสัตว์ทั้งหลาย ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ และปราศจากสิ่งเคลือบแฝงใดๆ
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้
นอกเหนือจากความเห็นแก่ตัวในเรื่องปากท้องของตนทั้งกินดื่มเสพ อันเป็นเหตุให้คนเราต้อง เข่นฆ่า
ทำลายชีวิตผู้อื่นสาเหตุใหญ่ของการทำลายล้างซึ่งกันและกันอีกประการหนึ่ง ก็คือความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท จองเวรต่อกัน
คนที่มีอารมณ์โกรธเกลียดเครียดแค้น มักจะก้าวร้าวชอบดุด่าและทำร้ายผู้อื่น นานวันเข้าก็กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตหยาบกระด้าง ใจหิน ใจทมิฬ ใจด้านชาจนกระทั่งแม้ความตายของผู้อื่นก็เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าใส่ใจในที่สุดก็จะกลายเป็นพวกยักษ์มารอสูรที่มีรูปร่างภายนอกเป็นคนซึ่งสามารถเข่นฆ่าทำลายล้างได้แม้แต่พ่อแม่บังเกิดเกล้า พี่น้องตลอดจนห้ำหั่นวงศาคณาญาติและฆ่าลูกเต้าในไส้ของตน ดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม จะต้องตัดเอาอารมณ์โกรธเกลียดอาฆาตพยาบาท ออกไปให้หมดสิ้น อย่าให้หลงเหลือไม่เพียงแต่เราต้องรักทะนุถนอมชีวิตของตนเองเท่านั้นแต่เรายังจะต้องรักและทนุถนอมชีวิตของผู้อื่นอีกด้วย มิเช่นนั้นแล้วก็จะได้รับวิบากกรรม ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เลื้อยคลาน งูและสัตว์ประเภทดุร้ายทั้งหลาย
การที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้พุทธบริษัทถือศีล ข้อปาณาติบาตก็เพื่อให้หยุดการจองเวรโดยยุติการเข่นฆ่าเอาชีวิตผู้อื่นทั้งนี้เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่า หากบุคคลผู้ใด มีอารมณ์เครียดแค้นพยาบาทในชาตินี้ มันจะฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานจนติดตามไปถึงภพหน้าชาติหน้า ฉะนั้นถ้าหากชาตินี้ เราเข่นฆ่า กินเลือดกินเนื้อเขา
แน่นอน...ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติสืบต่อไปภายหน้า ก็จะถูกเจ้ากรรมนายเวรในอดีต ติดตามรังควานทวงหนี้ชีวิตทุกชาติๆไปเช่นนี้แล้ว ... บุคคลผู้นั้นจะสามารถปฏิบัติธรรมให้บรรลุถึงความมหลุดพ้นไปได้อย่างไร?
4. ปราศจากโรคภัยร้ายมาเบียดเบียน
ความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเราซึ่งมีสาเหตุมาจากการผันแปรของดินฟ้าอากาศหรือจากเรื่องอาหารการกินที่ผิดธรรมชาติความเจ็บป่วยจากสาเหตุทั้งสองนั้น อาจเยียวยารักษาให้หายได้ด้วยยา แต่โบราณกล่าวว่า "ถึงยาวิเศษแค่ไหนก็ไม่สามารถรักษาโรคกรรมได้"
โรคกรรมอันเกิดมาจากการเคยสร้างอกุศลกรรมร่วมกันมาในอดีต ที่สงผลให้คนเหล่านั้นต้องมาตายพร้อมมกันในชาติปัจจุบัน ได้แก่
-ตายด้วยโรคระบาดในคราวเดียวกันมากๆ เช่น กาฬโรค โรคเอดส์ ฯลฯ
-ประสบอุบัติเหตุตายหมู่พร้อมกัน
-ถูกฆ่าทำลายล้างเผ่าพันธ์ในสงคราม
เหล่านี้มีสาเหตุสำคัญ ก็คือ คนเหล่านั้นต่างเคยร่วมกันฆ่าสัตว์ตัดชีวิตร่วมเสพเลือดเนื้อผู้อื่น ร่วมส่งเสริมผู้อื่นให้ฆ่าให้กินให้เสพ ทั้งหมดเรียกว่า "กรรมหมู่"
จนกระทั่งมาเกิดในชาตินี้ ผลกรรมที่เคยกินเลือดกินเนื้อเขาในอดีต ถึงเวลาสุกงอม ก็ต้องชดใช้คืน หนี้เลือดชดใช้ด้วยเลือด หนี้ชีวิตใช้ด้วยชีวิต บางรายแม้ไม่ถึงตายก็ต้องพิการหรือไม่ก็เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ด้วยโรคประจำตัวไปหาหมอให้รักษาเยียวยาอย่างไรก็ไม่หายขาดต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต เรามักจะได้ยินหลายคนพูดว่า "เฮ้อ...เราช่างมีกรรมมากเสียจริงๆ ถึงต้องเจ็บป่วยเป็นประจำ"
คำพูดเช่นนี้จริงแท้ที่สุด เวรกรรมที่เป็นเหตุชักนำให้ผู้คนต้องประสบโรคภัยกลุ้มรุมทำร้าย ก็เนื่องมาจากในอดีตพวกเขาต่างเคยเบียดเบียน เข่นฆ่า ทำลายชีวิตผู้อื่นมากินมาเสพนั่นเอง
ได้พบเชื้อโรคต่างๆ มีมากที่สุดในเนื้อสัตว์ เช่น...
โรคมะเร็งต่างๆ, โรคอัมพาต, โรคอหิวาต์, วัณโรค...
โรคดีซ่าน, โรคตับ, โรคผิวหนัง...
โรคบวมตามต่อมต่างๆ, โรคปวดข้อกระดูก...
โรคปากและเท้าเปื่อย...
โรคจากเชื้อไวรัส, พยาธิตัวตืด...
พยาธิเส้นด้าย, พยาธิปากขอ...
โรคที่ร้ายที่สุดที่ทำให้มนุษย์ตาย
อย่างรวดเร็วนั้นคือ โรคไขมันหลอดเลือด
และโรคมะเร็ง ต่างๆ โรคเหล่านี้
ล้วนมาจากเชื้อโรคในเนื้อสัตว์ทั้งสิ้น...
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
ทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกนี้ ทั้งคนและสัตว์ต่างล้วนอยากให้ตนมีอายุยืนยาว แต่ทว่าความมีอายุยืนนานนั้น มิใช่เพียงแต่คิดอยากจะได้ .. ก็ได้ เพราะถ้าหากในอดีต ท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบนิยมยินดีในการบริโภคเนื้อสัตว์ ตลอดจนฆ่าและส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การที่จะหวังให้ตนมีชีวิตที่ราบรื่นเป็นสุขและอายุยืนยาวนั้น ... ย่อมเป็นไปไม่ได้!
ขอยกตัวอย่างให้เห็น...ที่จังหวัดเกาสง ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไต้หวัน มีแม่ค้าขายเนื้อเป็ด เนื้อไก่ คนหนึ่งเลี้ยงชีพด้วยการเชือดคอเป็ด คอไก่ ขายทุกวัน ต่อมาก็ล้มป่วยเป็นมะเร็งที่คอ อายุไม่ทันถึง 30 ก็ตาย!
อีกรายหนึ่ง ...เป็นพ่อค้าขายเนื้อ จนมีฐานะร่ำรวยต่อมาได้ซื้อบ้านตึก 3 ชั้น หวังจะได้อยู่อย่างเป็นสุข แต่ก็กลับมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน จนในที่สุดเขาต้องพบจุดจบด้วยการผูกคอตายในบ้านหลังนั้น
อีกตัวอย่าง..ที่จังหวัด ถังซาน ประเทศไต้หวัน สามีภรรยาคู่หนึ่งค้าขาย เป็ด ไก่ ลูกชายของเขาพออายุได้ 12 ขวบก็ป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบ ต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดถึง 3 ครั้งอยู่ต่อมาไม่นานก็ป่วยเป็นโรคไตพิการ ไม่สามารถรักษาได้สุดท้ายก็ตาย!
ส่วนเรื่องราวของบุคคลผู้ที่มีจิตเมตตา ชอบช่วยเหลือชีวิตสัตว์จนอานิสงส์ผลบุญทำให้มีอายุยืนยาวก็มีอยู่มากมายจะขอตัวอย่างสักสองตัวอย่าง
.มีสามเณรรูปหนึ่งอายุ 8 ขวบ เพิ่งจะบวชได้ไม่กี่เดือนวันหนึ่งท่านเจ้าอาวาสผู้เป็นอาจารย์ได้เข้าญาณสมาธิ จึงล่วงรู้ว่าอายุขัยของสามเณรน้อยมีเหลืออยู่เพียง 7 วันเท่านั้น
ด้วยความเวทนาสงสารลูกศิษย์ตัวน้อยๆ ท่านจึงคิดว่าหากสามเณรจะต้องตาย อย่างน้อยก็ให้ได้ไปตายที่บ้านเกิดจะดีกว่า พิจารณาเช่นนี้แล้วพระอาจารย์จึงเรียกเณรน้อยลูกศิษย์เข้ามาสั่งเสียว่า
"เจ้าจากบ้านมาก็หลายเดือนแล้ว โยมพ่อโยมแม่คงคิดถึงมาก อาจารย์อนุญาตให้เจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านได้ 10 วันแล้ว...ค่อยกลับมา"
สามเณรน้อยจึงกราบนมัสการลา แล้วรีบเดินทางกลับบ้านเกิด ระหว่างทางเจอกับพายุลมแรง ฝนตกหนักจนทำให้เณรน้อยต้องหยุดพัก
ขณะหลบฝน เณรน้อยได้มองเห็นรังมดรังหนึ่งกำลังถูกสายน้ำไหลเข้าท่วม บรรดาฝูงมดต่างวิ่งพล่านหาทางเอาชีวิตรอด สามเณรน้อยเห็นเช่นนั้นก็เกิดจิตเมตตารู้สึกสงสารจึงหากิ่งไม้แห้งที่อยู่ใกล้มาพยายามขูดพื้นดินรอบรังมดให้เป็นร่องถ่ายเทให้น้ำฝนที่กำลังจะท่วมไหลไปทางอื่น การกระทำดังกล่าวได้ช่วยให้มดทั้งหมดรอดตายจากภัยพิบัติ
เมื่อพายุสงบฝนหยุดตก สามเณน้อยก็เดินทางต่อไปจนถึงบ้าน และพักอยู่กับโยมบิดาโยมมารดา เวลาล่วงไปจนใกล้จะครบ 10 วัน เณรน้อยจึงเดินทางกลับวัด
ครั้นท่านเจ้าอาวาสผู้เป็นอาจารย์ ได้พบหน้าเณรน้อยลูกศิษย์ก็ให้รู้สึกดีใจ ระคนกับประหลาดใจยิ่งนัก ในเย็นวันนั้นท่านจึงเข้าญาณตรวจดู จึงได้ทราบเหตุการณ์ที่ลูกศิษย์สร้างกุศลใหญ่ โดยการช่วยเหลือชีวิตมดทั้งรังให้รอดตาย
ครั้นเมื่อสามเณรน้อยเติบใหญ่มีอายุครบบวช จึงได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุท่านอยู่ศึกษาปฏิบัติบำเพ็ญจิตภาวนาจนสามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และออกเผยแผ่พระธรรมฉุดช่วยเวไนยสัตว์ตราบจนกระทั่งละสังขารจากโลกไป รวมสิริอายุของท่านได้ 80 ปี
อีกตัวอย่าง ที่จังหวัดราชบุรี ตรงนั้นก็มีคลองดำเนินสะดวก ผู้บำเพ็ญของเราเล่าให้ฟัง มีผู้ชายคนหนึ่งเขาอยากจะกินตะพาบน้ำ คนต่างจังหวัด มักจะเอาไปผัดเผ็ด เขาก็เลยจับตะพาบน้ำมาไว้ที่บ้านแล้วก็เอากะละมังครอบไว้เขาก็เตรียมออกไปซื้อเครื่องแกงเพื่อเอามาผัดเผ็ด เขาก็มีลูกสาวน่ารักมาก กำลังเดินเตอะแตะเลย ประมาณ 3-4 ขวบ ลูกสาวเห็นว่ากะละมังมันเขยื้อนได้ก็เลยไปเปิดดู เห็นว่าเป็นตะพาบน้ำ เด็กเขาก็สนุก ขี่หลังตะพาบน้ำเล่น ผู้ชายคนนี้กลับมาบ้านก็แปลกใจว่าทำไมบ้านเงียบลูกสาวตัวเองก็ไม่อยู่ ก็นึกว่าลูกสาวไปเล่นบ้านเพื่อน ด้วยความที่อยากกินตะพาบน้ำมาก จึงมัวแต่หาว่าตะพาบน้ำหายไปไหน ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ก็ต้องลงน้ำ เขาก็ตามไปที่คลองเห็นพายน้ำกำลังผุดๆอยู่ แสดงว่ามันลงน้ำไปแน่ๆ เขาคว้าฉมวกได้ก็แทงลงไปในน้ำ แทงเสร็จเขาก็งัดฉมวกเพราะกลัวว่าตะพาบน้ำจะหลุดจากฉมวก พอเขายกฉมวกขึ้นมาเท่านั้นเขาก็ร้องไม่เป็นเสียง เพราะที่ยกขึ้นมาไม่ใช่ตะพาบน้ำแต่เป็นสูกสาวของเขา
อีกตัวอย่าง มีอาเสี่ยคนหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เขามีอาชีพขายหมูหัน เขาไปซื้อลูกหมูไปผ่าแล้วก็เอาไม้เสียบจากก้นจนทะลุปาก เขาทำกิจการหมูหันจนร่ำรวย มีรถเบนซ์ขับ ภรรยาเขาก็แต่งตัวดี มีทองเพชรเต็มตัว เขามีลูกชายหนึ่งคน วันหนึ่งเขาก็พาครอบครัวไปเที่ยว เขาเป็นคนขับ ภรรยานั่งข้างๆ ลูกนั่งอยู่เบาะหลังคนขับ ขับรถไปปรากฎว่า รถคันหน้าเบรกกะทันหัน รถของเขาก็เบรกกะทันหันรถคันหนังก็เบรกตาม แต่เผอิญรถคันหลังเป็นรถบรรทุกเหล็กเส้น บังเอิญมีเหล็กเส้นเส้นหนึ่งทะลุผ่านกระจกด้านหลัง ขณะที่เขาเบรกลูกชายของเขาก็คว่ำหน้าก้นชี้ขึ้น เหล็กเส้นก็เสียบก้นจนทะลุออกปากตายคาที่ เหมือนกับที่เขาทำหมูหันไม่มีผิด
จากเรื่องราวที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของบรรดาผู้ซึ่งต้องประสบเคราะห์กรรม อันสืบเนื่องมาจากผลของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ในหลักธรรมคัมภีร์ว่าด้วยเรื่อง " กฎแห่งกรรม" ได้กล่าวถึงผู้ที่ชอบกินเลือดกินเนื้อและเข่นฆ่าเอาชีวิตผู้อื่นว่า บุคคลเหล่านี้เมื่อตายแล้ว อันดับแรกดวงวิญญาณจะต้องไปรับโทษในนรกอย่างแสนทุกข์ทรมานต่อมาต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกฆ่าตาย เป็นเช่นนี้ไปจนกว่าจะชดใช้หนี้ชีวิตที่ฆ่าผู้อื่นให้หมด จากนั้นจึงจะได้มาเกิดเป็นคน แต่ก็จะมีอายุสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบาปกรรมมากน้อยตามที่ตัวได้สร้างไว้
นี่คือ...ผลกรรมของการฆ่า!
เราทุกคนก็ทราบกันดีแล้วว่า ถ้าหากร่างกายมีแต่โรคภัยเบียดเบียน เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นประจำสุขภาพอ่อนแอทรุดโทรม บุคคลผู้นั้นจะคิดอ่านทำการสิ่งใดก็จะพบแต่อุปสรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิดจะฝึกฝนปฏิบัติธรรมก็จะยิ่งยากลำบากขึ้นไปอีก บางคนคิดจะนั่งสมาธิฟังเทศน์ฟังธรรมอ่านไปได้เพียงครึ่งหน้าก็ง่วงเหงาหาวนอนเสียแล้ว
ตรงกันข้าม...ถ้าหากร่างกายของเราแข็งแรงสุขภาพสมบูรณ์ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนรังควานเราคิดกระทำสิ่งใด ก็ย่อมจะสำเร็จสมประสงค์โดยง่าย ไม่ว่าจะศึกษาหลักธรรมคัมภีร์ ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญสมาธิภาวนา ก็จะราบรื่นรุดหน้า บันดาลให้เกิดปัญญาญาณ รู้ผิดชอบชั่วดีมีสติสำนึกระลึกได้ตลอดเวลา
ฉะนั้นจึงใคร่ขอฝากเตือนท่านทั้งหลายว่า ถ้าอยากจะเป็นผู้ที่มีอายุมั่นขวัญยืน สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ก็จงงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์และหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ปลดปล่อยช่วยเหลือชีวิตสัตว์ทั้งหลายเป็นประจำ
6.ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
วัชรเทพทั้ง 8 พระองค์ คือ เทพเจ้าผู้พิทักษ์ธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อบุคคลใดมีจิตมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณงามความดีมีใจศรัทธาศึกษาปฏิบัติธรรมรักษาศีลกินเจ วัชรเทพทั้ง 8 พระองค์ก็จะมีบัญชาให้เหล่าเทพบริวารทั้งหลายลงมาพิทักษ์รักษาปกป้องคุ้มครองบุคคลนั้นๆ มิให้ภูติผีปีศาจ ยักษ์ มาร อสูรร้ายมารังควาน แต่หากเมื่อใดก็ตามที่บุคคลนั้นมีจิตใจรวนเรไม่มั่นคงในการปฏิบัติธรรม บรรดาทวยเทพผู้ปกปักษ์รักษาก็จะพากันผละหนีไป ซึ่งเหล่ามารร้ายจะถือเป็นโอกาสเข้าจู่โจมทำอันตรายทันที
ฉะนั้นขอให้ผู้ที่ตั้งใจจะปฏิบัติธรรม พึงมีความรอบคอบระมัดระวัง และหมั่นคอยสำรวจตรวจตราจิตของตนอยู่เสมอๆ ในปัจจุบันแม้ความเจริญในทางวัตถุจะรุดหน้าไปมาก แต่ยังมีสาธุชนจำนวนไม่น้อยหันมามุ่งมั่นฝึกฝนปฏิบัติธรรมเริ่มถือศีลกินเจนับเป็นนิมิตรหมายแห่งความเป็นผู้มีเมตตาจิต ถึงแม้ว่าด้วยตาเนื้อของปุถุชนคนธรรมดาจะมองไม่เห็นบรรดา เทพ พรหมทั้งหลายที่คอยเฝ้าพิทักษ์คุ้มครองพวกเขาอยู่ แต่เมื่อถึงคราววิกฤติตกอยู่ในที่คับขัน ต้องประจัญหน้ากับเภพภัยใหญ่หลวงสำหรับผู้ที่ประกอบแต่คุณงามความดีสร้างบุญสร้างกุศล ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมไม่เสื่อมคลาย เหล่าเทพ พรหม ทั้งหลายเหล่านั้นก็จะพลิกผันเหตุการณ์ร้ายให้กลับกลายเป็นดี สามารถแคล้วคลาดรอดพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงได้ในที่สุด
7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิงที่ดีงามเป็นสิริมงคล
คนทั่วๆไปหากมีเรื่องราวรบกวนจิตใจให้วิตกกังวลว้าวุ่นเมื่อถึงยามพักผ่อนแม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักปานใดพอล้มตัวลงนอนก็ไม่สามารถจะหลับตาลงได้ หรือก็เพียงแค่หลับๆตื่นๆ และท้ายที่สุดเคล้มหลับไป ก็จะฝันร้ายตลอดคืนสาเหตุทั้งหมดมีมูลเหตุเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวันคนที่ทุกวันๆ เอาแต่สร้างกรรมชั่ว ประพฤติตนมิชอบเมื่อยามหลับก็จะฝันเห็นแต่สิ่งเลวร้าย น่าเกลียดน่ากลัว
ยกตัวอย่าง...ที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มีนักพรตรูปหนึ่งนามว่า "กวง ฮั่ว ฝ่า ซือ" ในสมัยที่ท่านยังอยู่ในวัยหนุ่มได้รับราชการเป็นทหารมีตำแหน่ง อาหารที่รับประทานทุกๆ มือจะต้องเพรียบพร้อมไปด้วย เนื้อวัว เนื้อหมู เ นื้อเป็ด เนื้อไก่ มิเคยขาด บางคราวในแต่ละมื้อท่านกินเนื้อถึงมื้อละ 2 ชั่งหรือเกือบ 2 กิโล ฉะนั้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เป็ด ไก่ หมู วัว จำนวนนับพันตัวต้องตายไปเป็นอาหารอันโอชะ ตราบจนกระทั่ง ถึงปีหมินกั๋วที่ 42 ตรงกับปี พ.ศ. 2495 ท่านได้หันมาศึกษาหลักธรรม พอรู้ถึงเหตุต้นผลกรรม จึงเริ่มฝึกหัดกินเจถือศีล งดเว้นเนื้อสัตว์ เพื่อลบล้างเวรกรรมที่เคยเบียดเบียนชีวิตสัตว์มามากมายให้เบาบางลง เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงเวลาครบเกษียณอายุราชการ หลังจากปลดเกษียณแล้ว ในปีหมินกั๋วที่ 63 ตรงกับปี พ.ศ. 2516 สองวันก่อนหน้าที่จะถึงวันสารทขนมจ่าง วันที่ 5 เดือน 5 เทศกาลตวนอู่ ท่านได้เข้าไปไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนาตามปกติ สักครู่ใหญ่
...ก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังระงมไปทั่วบริเวณเสียงนั้นไม่ต่างไปจากเสียงร้องของเป็ดไก่วัวควายแต่อย่างใด เมื่อนักพรตผู้ชราหันหลังไปดูก็ปรากฏภาพ เป็ด ไก่ หมู วัว นับพันๆ ตัว พากันแยกเป็น 3 ทาง มีความยาวถึง 2 ลี้ พวกมันวิ่งไล่ติดตามท่านอย่างไม่ยอมลดละ
ท่านนักพรตเหนื่อยแทบจะขาดใจและสะดุ้งตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจจึงลุกพรวดพราดขึ้น เพราะไม่ระวังท่านจึงหกล้มขมำเป็นเหตุให้ขาซ้ายหักพับไปได้รับความเจ็บปวดอย่างยิ่งสุดท้ายก็กลายเป็นคนขาพิการ แต่เนื่องด้วยท่านเป็นผู้เข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างถ่องแท้ ท่านจึงก้มหน้ารับผลกรรมในสิ่งที่ท่านได้กระทำมา ด้วยจิตใจที่มั่นคง
อีกเรื่องหนึ่ง ...ที่จังหวัด ผิงตง บนเกาะไต้หวัน เจ้าสำนักสถานธรรมแห่งหนึ่ง แซ่ "หวง" นางได้เล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่เกิดขึ้นให้ข้าพเจ้าผู้บรรยายฟังว่า
ราว 40-50 ปีที่แล้ว เป็นสมัยที่เกาะไต้หวันกำลังอยู่ในระยะฟื้นฟูใหม่ๆ ยุคนั้นความเป็นอยู่ทุกอย่างลำบากมากขาดแคลนข้าวของอุปโภคบริโภค ตัวของนางเองทุกๆเช้าจะต้องออกไปขุดหอยทากตามพื้นดินมาทำอาหารกิน เป็นเช่นนี้อยู่นาน...จนกระทั่งต่อมานางได้รับวิถีอนุตตรธรรมและตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมเรื่อยมา
นางเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะปฏิญาณกินเจตลอดชีวิตนางมักจะฝันร้ายอยู่เสมอ และเรื่องที่ฝันเห็นเป็นประจำก็คือ มีกองทหารกองใหญ่ทุกคนมือถือหอกถือดาบวิ่งไล่ตามมุ่งจะเอาชีวิตนางให้ได้ และน่าแปลกเหลือเกินที่เสื้อเกาะของนายทหารเหล่านั้น มีสีสรรและลวดลายเหมือนเปลือกหอยทากไม่มีผิด นางฝันร้ายเช่นนี้แทบทุกคืนจนกระทั่งต่อมา นางได้เข้าชั้นศึกษาธรรมและทำพิธีขอขมากรรมพร้อมทั้งตั้งปณิธานกินเจตลอดชีวิต นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝันร้ายดังกล่าวก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับนางอีกเลย
ฉะนั้น ในหลักธรรมคำสอนจึงบ่งบอกเอาไว้ว่า
"ผู้ที่ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต งดบริโภคเลือดเนื้อของผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ย่อมไม่เกิดฝันร้าย จะหลับและตื่นอย่างเป็นสุข"
บางครั้งผู้ที่ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรม ก็มักจะมีโอกาสนิมิตรฝันเห็นพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตลอดจนดอกบัวทิพย์ในแดนสุขาวดี ทั้งหมดนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นศิริมงคลแก่ตนเอง
ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ผู้ที่มีจิตใจดีงาม ไม่เคยแม้แต่จะคิดร้ายต่อผู้อื่น เมื่อถึงเวลานอนก็จะหลับสนิทโดยง่าย ยามตื่นก็ไม่งัวเงีย อารมณ์จะปลอดโปร่งแจ่มใส ชีวิตมีอิสระ จิตใจย่อมเบิกบานเป็นสุขไปตลอด
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
คัมภีร์แห่งสัจจธรรม ได้กล่าวว่า "สรรพสัตว์ทั้งหลายกับข้านั้นเป็น "หนึ่ง" เดียวกัน ไม่แตกต่างกัน แต่เป็นเพราะความหลงผิดไม่รู้เท่าทัน จึงทำให้ยึดเอากายสังขารรูปลักษณ์ภายนอกมาทำให้เกิดเป็นความแตกต่าง"
ผู้มีญาณปัญญาเห็นแจ้งในธรรม ย่อมตระหนักรู้ดีว่าท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายและแม้แต่จะขัดแจงไม่ลงรอยกันในความคิดเห็นของหมู่ชน ผู้ปฏิบัติธรรมที่แทั้จริงจะต้องปราศจากจิตที่เคืองแค้นคิดอาฆาตผู้อื่นโดยสิ้นเชิง
ปมแห่งเวรกรรมนั้นต้องรีบแก้ไขคลายออก จิตต้องไม่ผูกความแค้น ใจต้องไม่อาฆาต กรรมเวรทั้งหลายควรให้สลายไปด้วยการอโหสิกรรม อย่าผูกไว้ ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน
ฉะนั้นจากเหตุผลดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ต้องไม่เพียงแต่ไม่คิดโกรธเกลียด ไม่เข่นฆ่าไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นไม่ว่าคนหรือสัตว์ แต่ยังจะต้องมีจิตเมตตากรุณา คิดสงสารต่อผู้ที่หลงผิดประพฤติมิชอบ พร้อมทั้งเพียรพยายามหาวิธีฉุดช่วยเขาให้กลับเข้าสู่เส้นทางแห่งความถูกต้องดีงาม หากปฏิบัติได้เช่นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่มีเวรกรรมหนี้แค้นต่อกัน กลับจะเป็นการผูกบุญสัมพันธ์อันดีต่อกันอีกด้วย ทั้งนี้เพราะการจะสำเร็จธรรมถึงขั้น "พุทธะ" ได้นั้นจักต้องผูกบุญสัมพันธ์อันดีกับสรรพสัตว์เป็นฐานบารมีก่อน
ดังนั้น พระโพธิสัตว์กวนอิม ผู้เปี่ยมด้วยมหาเมตตามหาการุณย์ต่อเวไนยสัตว์ทั้งหลาย จึงทรงตรัสเทศนาสั่งสอนเน้นหนักให้สาธุชนที่มุ่งมั่นปฏิบัติธรรม ต้องเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ อันเป็นการเจริญรอยตามปฏิปทาที่พระองค์ท่านและบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้บำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่างให้พวกเรายึดถือปฏิบัติมาจวบจนทุกวันนี้
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสเห่งพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
ตามกฎแห่งกรรม ผู้ที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบเสพเลือดเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย เมื่อตายไปวิญญาณจะต้องล่วงลงสู่อบายภูมิทั้ง 3 ได้แก่
1.นรกภูมิ 10 ขุมซึ่งแต่ละขุมแต่ละแดนเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาณอันแสนสาหัสต่างๆนานา
2.เปรตภูมิ เป็นแดนที่เหล่าวิญญาณบาปต้องได้รับทุกข์ทรมานอยู่กับความหิวโหยตลอดเวลา เพราะเมื่อยามใดที่อาหารเข้าปาก ก็จะลุกไหม้กลายเป็นไฟ ไม่สามารถกลืนลงคอได้เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาตราบเท่าที่จะหมดสิ้นบาปกรรมที่ทำไว้
3.เดรัจฉานภูมิ เมื่อวิญญาณบาปชดใช้หนี้เวรบาปกรรม พ้นจากขุมนรกและภพภูมิเปรตแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกเขาฆ่าตายชาติแล้วชาติเล่า จนกว่าจะครบตามจำนวนที่ตนได้เคยเบียดเบียน ทำลายชีวิตผู้อื่น
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่สุคติโลกสวรรค์
ในมหายานสูตรมีเรื่องเล่าว่า สมัยหนึ่งพระโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้ายผู้ทรงเป็นเลิศในทางฤทธิ์แห่งองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะกำลังเจริญสมาธิภาวะนาอยู่ ณ ริมฝั่งมหาคงคานที ได้ทรงพบเห็นเหล่าภูติเปรตมากมาย
ขณะนั้นผีเปรตตนหนึ่ง ได้เข้ามาหมอบกราบนมัสการพร้อมกับทูลถามท่านว่า "เหตุใดข้าพระองค์ จึงต้องถูกเหล่าสุนัขปีศาจมารุมกัดกินเนื้อ ต่อเมื่อเนื้อถูกแทะกินจนหมดแล้วแค่ลมพัดโชยมากระทบเนื้อกายของข้าพระองค์ก็กลับงอกสมบูรณ์เป็นปกติดังเดิม และแล้วก็จะถูกเหล่าสุนัขปีศาจ กรู่กันเข้ามากัดกินกันต่อไปอีกเป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วน
ข้าพระองค์ได้ทำกรรมอันใดไว้ จึงเป็นเหตุให้ต้องมารับโทษอันแสนจะทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จักจบสิ้นเช่นนี้...พระเจ้าข้า..."
พระโมคคัลลานะพุทธสาวกจึงตรัสชี้แจงแก่เปรตตนนั้นว่า "วิบากกรรมที่เจ้าได้รับอยู่ในขณะนี้ ก็เนื่องด้วยในอดีตเมื่อครั้งที่เจ้าเป็นมนุษย์ ได้ถูกมิจฉาทิฐิความหลงผิดความไม่รู้จริงเข้าครอบงำจึงชอบเข่นฆ่าชีวิตสัตว์แล้วนำไปสังเวยฟ้าดิน ถวายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การกระทำเช่นนี้นับเป็นบาปอย่างมหันต์ อกุศลกรรมดังกล่าวเป็นเหตุทำให้เจ้าต้องมารับโทษทัณฑ์อันแสนสาหัส ดังที่เป็นอยู่นี้"
เราลองมาพิจารณาดูเถิดว่า การที่ต้องไปรับวิบากกรรมเช่นนั้น มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน แต่ถ้าหากยามมีชีวิตเรารู้จักหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ปลดปล่อยชีวิตสัตว์ให้รอดตาย ด้วยการกินเจรักษาศีลไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เราก็ย่อมจะห่างไกลจากทุคติภพ ไม่ต้องไปรับโทษทัณฑ์อันน่าสะพรึงกลัวในชาติหน้า
ฉะนั้นสาธุชนผู้ที่งดเว้นเนื้อสัตว์ ตั้งใจถือศีลกินเจเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง จิตญาณจะละจากสังขารอาศัยเหตุปัจจัยแห่งกุศลกรรมความดีที่สร้างสมไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ย่อมเป็นเหตุปัจจัยดลบันดาลให้เหล่าทวยเทพเทวา พากันมาแซ่ซ้องรอรับขึ้นสู่แดนบรมสุขเบื้องบน
สมดังพระพุทธวจนะ ที่ว่า...
"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ปลูกพืชพรรณใดไว้ ย่อมต้องได้รับผลอย่างนั้น"
นี่คือ หลักสัจจธรรมที่เที่ยงแท้แน่นอน
อานิสงส์ 10 ประการของการไม่กินเนื้อสัตว์
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย bangsaennitting, 24 กันยายน 2011.
หน้า 1 ของ 2
-
-
เปิดโปงเบื้องหน้า เบื้องหลัง อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ระดับโลก
เปิดโปงเบื้องหน้า เบื้องหลัง อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ระดับโลก
และยิ่งใหญ่ เป็นอันดับหนึ่งของโลกที่แหกตาผู้บริโภคมานานปี
เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงในสถานที่สกปรกสุดโสโครกเต็มไปด้วยเชื้อโรค
มากมายเกินกว่าคำบรรยาย และ สุดแสนสลดหดหู่ ทรมาร
เพื่อนเหล่าสรรพสัตว์
อยากให้เพื่อน ๆ ได้ดู สถานที่จริง การผลิต สุดแสนสกปรก เต็มไปด้วย
เชื้อโรค มากมาย และ แสนอนาถ สลดหดหู่ต่อเพื่อน ร่วมโลก
จากเวปลิงค์ ข้างล่าง จากการแอบถ่าย โดยสมาคมพิทักษ์ ปกป้อง
คุ้มครองสัตว์ ไทยเรา ?? ข้อเท็จจริง หฤโหดไม่แพ้กัน
สุดโสโครก หดหู่ แต่สร้างภาพ เนื้อสัตว์ ต้นเหตุสำคัญของ โรคมะเร็งยอดฮิตที่ผลาญคร่าชีวิตผู้คน ทั่วโลกปีละกว่า ร้อยล้าน คน นอกจาก โรคหัวใจ ไขมันอุดตัน และ โรคเบาหวาน ข้อมูล ล่าสุด จาก ม แพทย์ HARWARD MEDICS U.S.A ได้พบหลักฐาน ว่า เนื้อสัตว์ + เลือดสัตว์ เป็นหนึ่งต้นเหตุสำคัญ ของ โรคเบาหวานในมนุษย์
http://youtu.be/be32pueAclUไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ผมเลิกกินเนื้อสัตว์เพราะคลิปนี<WBR>้ครับ อยากให้ดูและวัดใจตัวเองว่า
ยังมีความเมตตามากพอที่จะเห็<WBR>นเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า
http://www.jozho.net/index.<WBR>php?mo=5&qid=666547
http://www.peta.org/issues/<WBR>animals-used-for-food/photos.<WBR>aspxไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ลองดูที่ตัณหาดีกว่าครับ ตัณหาคือกิเลส คุณอยากหรือไม่อยาก ก็เป็นกิเลสที่คุณยังวางไม่ได้ ความสำคัญของอาหาร คือการติดใจในรสชาติของอาหารนั้นต่างหาก เมื่อติดใจในรสชาติแล้วก็อยากรับประทานอีก มิว่าจะเป็นอะไรก็ตาม พิจารณาดูตัวเองว่าคุณทานอาหารเพื่อความอร่อยหรือเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายให้ดำเนินอยู่ต่อไป พิจารณาว่าเนื้อสกปรกนั้นถูก แต่ผักก็สกปรก ร่างกายเราก็สกปรกด้วย ร่างกายของเรานี่แหล่ะถังส้วมโดยแท้
-
ผมเป็นคนหนึ่งที่กินเจทุกวันติดต่อกันมาเป็นเวลา 12 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นอานิสงส์ของการกินเจก็ดี หรือหลักการอะไรก็ดี มีหลายๆข้อที่ผมคิดว่ามันยังแตกคำถามออกมาได้อีกผมไม่ขอกล่าวในที่นี้ แต่ผมก็ยังกินเรื่อยๆ มา จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมลองตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่า คุณเชื่อหรือไม่ว่า คำถามของผมทั้งหมดมันจบลงที่การปฏิบัติแค่เพียง 15 วัน และผมยังบอกกับตัวเองว่า ตลอดเวลา 12 ปีที่ผ่านมานั่นเทียบไม่ได้เลยกับการปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพียงแค่วันเดียว หรือเสี้ยวหนึ่งก็เทียบไม่ติด ผมจึงตัดสินใจเลิกกินเจ คำว่าเลิกนี้คือเลิกเข้าใจคำว่า เจ คือสำหรับผมแล้วในโลกใบนี้ไม่มีอาหารเจ คนเราไปกำหนดสิ่งที่เรามองเห็นหรือรู้ว่าอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์นั่นเป็นอาหารเจ สำหรับผมแล้วมันไม่มีคำว่าเจ เจมันเกิดจากคนเอาใจไปเกาะมันเฉยๆ ที่จริงแล้วมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยอยุ่ทุกทีทุกแห่ง ในน้ำก็มี ผมว่าสำคัญอยู่ที่การปล่อยวาง และเจตนาของเรามากกว่าที่จะเป็นการสร้างกรรม ชีวิตผมจึงเปลี่ยนไป คำว่าเจ ไม่มีสำหรับผมอีกต่อไป แต่ผมก็ยังกินอาหารที่หลายๆคนเรียกว่าเจ บางครั้ง และก็กินปรกติ โดยที่ผมละเว้นในกฏที่ว่า ไม่สั่งเขาฆ่า ไม่เจาะจง และไม่สงสัย ทุกวันนี้ผมไม่มีคำถามอีกแล้ว นอกจากว่าจะทำอย่างไรที่จะให้การปฏิบ้ติธรรมก้าวหน้าขึ้นไป ในกรรมฐานที่ผมปฏิบ้ติอยุ่ ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะเรื่องความเมตตาสงสาร ซึ่งมีอยู่ใน พรหมวิหาร 4 แต่เราต้องเข้าใจจริงๆซึ่งเป็นความเห็นตรง และเป็นสัมมาทิฐิ
"ทางอันประเสริฐนะมีอยู่แล้ว เพียงแต่คนเรานะมองไม่เห็น เอาใจที่มีทิฐิของเราไปเกี่ยวข้อง แล้วเข้าใจว่านี้คือสิ่งที่ถูกต้อง เพราะมันเหมาะกับทิฐิของเรา โดยที่ไม่มีความเห็นถูกอยู่ในนั้น กรรมฐานทั้ง 40 กองนะทำไปเถิดผลก็จะเกิดขึ้นเอง การอ่านแต่ตำราสิ่งที่ได้คือสัญญา แต่การปฏิบ้ติสมาธิสิ่งที่ได้คือ ปัญญา"
จิตสุดท้ายก่อนตายเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะไปที่ไหน นอกเสียจากทำอนันตริยกรรมและก็ฆ่าตัวตายทรงกำลังญาณขนาดไหนก็ลงนรก นอกนั้นขึ้นอยู่กับวาระจิตสุดท้าย ทำความผิดบาปมาเยอะสุดท้ายคิดถึงบุญจิตเกาะพระรัตนะตรัยได้ก็ไปรับผลบุญก่อนตามกำลังของจิต ส่วนกรรมนั้นยังมีอยู่ไม่หายไป ทำความดีทำบุญมาเยอะวาระสุดท้ายจิตไปเกาะสิ่งที่เป็นอกุศล ก็ต้องรับกรรมก่อนเป็นแน่ ส่วนบุญนั้นรอไปก่อนยังไม่หายไปไหน นี่คือสิ่งที่ผมได้จากการปฏิบ้ติ
ผมเขียนจากประสบการณ์การปฏิบ้ติธรรมของผม ถึงแม้ไม่รู้ว่าผมทำไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ผมสบายใจที่ได้หายใจพร้อมๆกับ "พุธโธ" อยู่เสมอๆ
สาธุ -
แล้วแต่จิต กับการมองกิเลส ละกิเลส นะคะ จิตดวงเดียวที่เที่ยวเก็บอะไรต่ออะไรมาเองแหละค่ะ ปรุงจนกระทั่งเชื่อไปอีกว่ามีหลายดวง คนพูดคนนี้ก็โง่มากค่ะ
อย่างไรก็ตามขอถามผู้รู้ว่า กินเจ ห้ามอะไร เพราะอะไรบ้าง อยากทราบค่ะ
เช่นทำไมห้ามอาหารที่ทำจากน้ำนมสัตว์ เราอยู่เมืองนมเนย ก็กินเจนะคะ
ขอบคุณค่ะ -
เป็นความรู้ที่ไม่น่ามองข้าม
英雄傳說 on Facebook | Facebook -
เป็นความรู้ที่ไม่น่ามองข้าม
-
เทศนา ธรรม มีสาระ ที่น่าสนใจ
ขอยกคำสอนเทศนาธรรม บางตอน ของ
หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร แห่งวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง มา ณ ที่นี้
หลวงพ่อเคยสอนผม หลังจากผมเรียนท่านว่า
“ครูบาอาจารย์บางท่านสอนว่า พระอริยเจ้าท่านฉันอาหารไม่ได้สนใจแล้วว่าอันนี้ผักหรือเนื้อ
คือมองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ และฉันเพียงเพื่อให้ธาตุขันธ์ดำรงอยู่ได้
แต่หลวงพ่อไม่ฉันเนื้อสัตว์ อย่างนี้จะไม่เป็นการขัดกันหรือครับ”
หลวงพ่อก็ตอบว่า “ก็ถูกของเขาที่ว่า มองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔
แต่อันนั้นก็ต้องระวังว่า กิเลสความอยากกินเนื้อมันก็มีแอบแฝงไว้เหมือนกัน
สำหรับบางคนที่เอามาใช้เป็นข้ออ้าง
สำหรับหลวงพ่อเอง เราไม่ฉันก็เพราะสงสารสัตว์เขาน่ะ
พูดกันตรงๆ แบบคนเดินดินธรรมดาๆ นี่แหละ คิดดูซิ เอาเลือดเอาเนื้อของเขามากิน
อย่างหมู หรือวัว ควาย ทุบหัวเขาแล้วยังมาแทงคอเขาซ้ำอีก
มันทารุณเหลือเกิน เป็ดไก่ ก็เหมือนกัน เชือดคอแล้วก็ปล่อยให้มันดิ้นพรวดพราด
เลือดนี้ไหลพุ่งทะลักออกมา เจ็บปวดแค่ไหนเอ็งน่าจะรู้ดี และถ้าเป็นเอ็งโดนบ้างแล้วจะรู้สึกอย่างไร
ก็ขนาดเราถูกมีดบาด แผลนิดหนึ่งยังว่าเจ็บๆ แล้วนั่นเอ็งว่าสัตว์เขาจะเจ็บแค่ไหนล่ะ
หรืออย่างกะปิ น้ำปลา กะปิหนึ่งกระปุก ใช้กุ้งกี่ตัว น้ำปลาหนึ่งขวด
ทำจากปลาเล็กกี่ตัว นับไม่ถ้วนเลย
คนเราในช่วงเกิด แก่ เจ็บ ตายในหนึ่งชีวิตนี้น่ะ ต้องอาศัยเลือดเนื้อของสัตว์อื่นไปตั้งเท่าไร
ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย ถือว่าเป็นหนทางหนึ่งที่งดการเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก
แล้วเราก็หมั่นแผ่เมตตาบารมีอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์โลกไป ให้เขาอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
แค่นี้แหละไม่ยากอะไรไม่ใช่หรือ”
แต่พระองค์ก็อนุญาตให้พระไม่ฉันเนื้อด้วยรังเกียจในเนื้อสัตว์ด้วยสาเหตุหลายประการไม่ใช่หรือ
หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปว่าอะไรใครเขา เราดูแต่ตัวเรา ปรารถนาเอาเมตตาเป็นสัจจะบารมี
พร้อมด้วยสติ สัมปชัญญะ และความเพียรไม่ท้อถอย เราก็พ้นทุกข์ได้เช่นกัน”
และท่านให้ธรรมะเพิ่มเติมอีกว่า “คนเรามันก็แค่หาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
กินดีแค่ไหนก็ขี้ออกมาสกปรกเหมือนกัน เข้าแล้วก็ออกอยู่อย่างนี้ แล้วจะเอาอะไรนักหนา
ทำไมต้องไปเอาเลือดเนื้อของเขามาบำรุงบำเรอตน
หลวงพ่อเองก็กินผักกินหญ้าไปวันหนึ่งๆ ก็พออยู่ได้แล้ว”
--------------------------------------------------------------------------
ความเห็นจาก พระอาจารย์
อาตมามั่นใจว่าหากชาวพุทธปฏิบัติศีลข้อ ๑ อย่างเคร่งครัด ก็ไม่มีเนื้อสัตว์กินแล้ว
เพราะไม่มีใครฆ่ามาขาย หรือฆ่ามากิน ยิ่งอาชีพที่ชาวพุทธที่พระพุทธเจ้าห้ามอีก
เป็นมิจฉาอาชีพ(อาชีพที่ผิดเป็นบาป) ๕ ประการ คือ
๑.การค้าขายอาวุธ
๒.การค้าขายสัตว์เป็น
๓.การค้าขายเนื้อสัตว์
๔.การค้าขายยาพิษ
๕.การค้าขายสิ่งเสพติด มอมเมา
อนุโมทนาสาธุกับโยมที่มีความเห็นที่ถูกต้องใน
เรื่องนี้ ธรรมรักษา
พอสรุปได้ในตัว นอกจากสุขภาพ ที่ดีกว่า ยังทำให้ศีล มั่นคง เว้นจากการฆ่า สังหาร
เว้นบริโภคเนื้อสัคว์ เพื่อเมตตาธรรม ต่อสรรพสัตว์ เืพื่อนร่วมโลก
คลิป เลิกกินเนื้อสัตว์กันเถอะ
ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?
สาระน่าอ่าน และพิจารณา
โดยท่านพุทธทาสภิกขุ
แสดงกระทู้ - ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์? โดยท่านพุทธทาสภิกขุ • ลานธรรมจักร
<FORM class="live_1946783516400_131325686911214 commentable_item autoexpand_mode" method=post action=/ajax/ufi/modify.php data-live='{"seq":0}' rel="async"> · <LABEL class=uiUfiLikeIcon title="Like this item"></LABEL>
-
<LABEL class="mts commentBtn stat_elem hidden_elem optimistic_submit uiButton uiButtonConfirm" for=u575153_6></LABEL>
<SCRIPT type=text/javascript>/*<![CDATA[*/function si_cj(m){setTimeout(function(){new Image().src="http:\/\/error.facebook.com\/common\/scribe_endpoint.php?c=si_clickjacking&t=265"+"&m="+m;},5000);}if(top!=self && !false){try{if(parent!=top){throw 1;}var si_cj_d=["apps.facebook.com","\/pages\/","apps.beta.facebook.com"];var href=top.location.href.toLowerCase();for(var i=0;i<si_cj_d.length;i++){if (href.indexOf(si_cj_d)>=0){throw 1;}}si_cj("3 http:\/\/www.facebook.com\/potatozomry");}catch(e){si_cj("1 \thttp:\/\/www.facebook.com\/potatozomry");window.document.write("\u003cstyle>body * {display:none !important;}\u003c\/style>\u003ca href=\"#\" onclick=\"top.location.href=window.location.href\" style=\"display:block !important;padding:10px\">\u003ci class=\"img sp_el286c sx_7612ed\" style=\"display:block !important\">\u003c\/i>Go to Facebook.com\u003c\/a>");/*IklO-vkG*/}}/*]]>*/</SCRIPT> -
เรื่องอาหารนม เนย จากวัว แพะ เราสงสัยแค่ว่าทำไมไม่มีในอาหารเจ อาหารนมนี้เราไม่ได้เบียดเบียนชีวิตสัตว์นี่นา
อาหารประเภทเครื่องเทศ เครื่องชูรส ยังเข้าใจว่าตัดออกให้ลดในการติดในรสอาหาร แต่เราก็ไม่รู้จริงสักนิด หากใครสงเคราะห์ได้จะขอบพระคุณนะคะ -
ผมคิดดังนี้ครับ
ที่ควรเลิกทานเนื้อสัตว์เพราะเหตุแห่งความเมตตาไม่อยากเบียดเบียนชีวิตผุ้อื่น
ส่วนบุญกุศลใดๆๆที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพียงผลพลอยได้จากการเลิกทานเนื้อสัตว์
เลิกเบียดเบียนชีวิตผุ้อื่น อุปามาดังเราทานอาหารคาวหวานเพื่อประโยชน์ในการเลี้ยงดุสังขาร
ให้แข็งแรงต่อไปประกอบกิจการงานได้ ผลพลอยจากการทานอาหารคือรสชาติที่อร่อย ดับความกระหายหิวอิ่มในรสชาติของอาหาร ดังนั้นหากเราม่งหวังในการทานอาหารเพื่อเลี้ยงดุร่างกายเป็ฤนประการสำคัญ เราไม่ควรกังวลถึงรสชาติอาหารมากนักเพราะเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเลิกทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดผมเองก้อเลิกๆๆหยุดไปหลายทีแล้วยังกลับมาทานอีกเพราะเพียงติดใจในรสชาติ และปัจจุบันร่างกายไม่แข็งแรงเท่าที่ควรจำเป็นต้องการโปรตีนที่หาได้ง่ายไปเบื้องต้น เมื่อพร้อมแล้วเห็นทีจะต้องเลิกในขาดเสียทีเพราะเมื่อเราตั้งใจไม่ฆ่าสัตว์เบียดเบียนสัตวต่างๆๆแล้วเห็นทีควรละเสียงชึ่งการทานเนื่อสัตวิอันจะเป็นการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นโดยตรง มิฉะนั้นแล้วความตั้งใจในศีลข้อที่1 คงจะไม่เต็มทีนักเพราะเหตุแห่งการที่ผมยังคงเบียดเบียนชีวิตผุ้อื่นเพื่อนตนเองอยุ่ครับ สนับสนุนให้เลิกทานดีที่สุดผมจะพยายามด้วยครับ -
เคยถามอาจารย์ว่าทำไมการทานเจถึงห้ามทานกระเทียม
อาจารย์บอกว่า ทานเจคือ การไม่ประทุษร้ายต่อชีวิตอื่นและการไม่ประทุษร้ายชีวิตตนเอง
ดังนั้นขออนุญาตวิเคราะห์ว่า คำถามที่คุณ Manojitt สงสัย น่าจะเป็นเพราะ นม เนย จากวัวและแพะนั้นจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ในร่างกาย
หากข้อมูลผิดอย่างไรต้องขออภัยด้วยน่ะคะ :) -
สำหรับกระผม
พระสงฆ์ จะฉันเนื้่อสัตว์หรือไม่ก็ไม่บาป ถ้าได้มาโดยตามหลัก ไม่เห็นไม่ได้ยินไม่ยินดี ท่านจะฉันหรือไม่ก็อีกอย่าง
สรุปพระเลือกไม่ไ่ด้
แต่ฆราวาสเลือกได้
คงไม่มีใครปฎิเสธเลยที่จะบอกว่า ฆราวาสไม่เลือกกิน เพราะต้องไปหาไปซื้อ ไม่เหมือนพระแล้วบอกว่าไม่เลือกเลยคงจะไม่ใช่ แล้วต้องไปดูอีกว่าเลือกเพราะอะไร โอกาสที่ฆราวาสจะสั่งอาหารแล้วบาปก็มี แล้วสัตว์นั้นยังไม่ตายแล้วมาถูกฆ่า บางคนบอกว่าอาหารสดๆใหม่จะอร่อยกว่านั่นก็รับกรรมกันไป
แต่จุดประสงค์หลักของการกินเจและมัง ของผมคือ การที่ไม่อยากให้สัตว์ใดใดถูกฆ่า และไม่อยากไปสนับสนุน มิจฉา อาชีพ ค้าขายสัตว์ และอาชีพที่ทำ ปานาติบาื เป็นอาจิณ อันนี้อัตราย ไม่ว่าจะเป็นขาประจำหรือไม่ประจำก็ดี เป็นไปให้เขายังอยูี่ได้ซึ่งมิจฉาอาชีพนั้น ก็ไม่
ควรสนับสนุนเลย อนุโมทามิกับทุกกระทู้
ต้องใช้ ศีลธรรม+พรหมวิหาร เข้ามาใช้ด้วย
***แม้ว่าเราจะไม่บาป แต่อย่าปล่อยให้คนอื่นบาปเลย*** -
พระควรเลือกอาหาร ที่บริสุทธ์ เพราะพระเป็นนักบวชที่ซี้ซั้วกินไม่ได้ เหมือน ถ้าเขาเอาเหล้ามาให้กิน จะกินหรือ? และถือโอกาสสอนชาวบ้านว่า อาตมาไม่ัฉันเนื้อสัตว์ ไอ้นั่นพวกยักษ์กินกัน พระจะกินชิวิตเขาได้อย่างไร คราวหลังชาวบ้านก็จะถวายอาหารพืชผัก
ปวดหัวกับคนไทย ที่ชอบอ้างพระไตรปิฏกว่า กินเนื้อสัตว์ได้ มันขัดกับหลักเมตตาชัดๆ ลองเอาตัวเองให้เขากินบ้างใหม ก็ไม่ยอม.... และพระพุทธเจ้าก็ให้พิจารณาก่อน ด้วยหลักตัดสินพระธรรมวินัย ไม่ได้บอกให้เชื่อ เป็นนกแก้วนกขุนทองสักหน่อย เพราะพระองค์รู้ว่า อนาคตพระไตรปิฏกจะถูกบิดเบือนตามใจกิเลสผู้มีอำนาจ คนไทยชอบเอาตัวเองเป็นหลัก ตามแบบ ตามใจฉันคือไทยแท้ -
อย.บุกสถานที่จำหน่ายอาหารเจปลอมรายใหญ่ ย่านสุขสวัสดิ์ พบมี DNA เนื้อสัตว์ผสม หลอกลวงผู้บริโภคในช่วงเทศกาลกินเจ
นพ. นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) และ พ.ต.อ.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รองผบก.ปคบ.ร่วมกันแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนว่า จากนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่มุ่งหวังให้ประชาชนได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยและได้คุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจที่กำลังจะมาถึงนี้ กระทรวงสาธารณสุขต้องการเห็นประชาชนบริโภคอาหารเจที่ไม่มีการปลอมปนเนื้อสัตว์ เพื่อมิให้เสียความตั้งใจในการสร้างบุญกุศล จึงได้มอบหมาย อย.ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างอาหารเจในท้องตลาด ประกอบกับการได้รับเรื่องร้องเรียนจากชมรมเจแห่งประเทศไทย ให้ตรวจสอบสถานที่ผลิตและจำหน่ายอาหารเจที่สงสัยว่ามีการลักลอบผสมเนื้อสัตว์ ทาง อย.จึงได้สุ่มซื้อผลิตภัณฑ์ สงสัยว่า ผสมเนื้อสัตว์จากสถานที่จำหน่ายหลายแห่ง ส่งตรวจวิเคราะห์ พบว่า มี DNA จำเพาะของเนื้อสัตว์ในอาหารเจจำนวน 8 รายการ ได้แก่ ทอดมันเจ, ผลิตภัณฑ์อาหารเต้าหู้สามเหลี่ยมเจ ฉลากระบุ เต้าหู้สามเหลี่ยมเจ, แร็กเก็ต ปูอัดเจ, ผลิตภัณฑ์อาหารลักษณะเหมือนไส้กรอก ฉลากระบุ จูเนียร์เจ, ผลิตภัณฑ์อาหารลักษณะเหมือนเต้าหู้ปลา ฉลากระบุลูกชิ้นเต๋าเจ, ผลิตภัณฑ์อาหารลักษณะคล้ายก้ามปู ฉลากระบุก้ามปูเจ, ผลิตภัณฑ์อาหารลักษณะคล้าย เนื้อกุ้ง ฉลากระบุกุ้งเล็กเจ และผลิตภัณฑ์อาหารลักษณะคล้ายลูกชิ้น ฉลากระบุลูกชิ้นผักเจ
โดยอาหารเจ ทั้ง 8 รายการนี้ ผลวิเคราะห์ส่วนใหญ่ พบดีเอ็นเอจำเพาะของปลา ปลาหมึก กุ้ง หรือไก่ โดย อย.ได้ประสานไปยัง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สืบสวนหาข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า มีสถานที่จำหน่าย อยู่ในย่านสุขสวัสดิ์ ดังนั้น ในวันที่ 26 กันยายน 2554 อย. ร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ.นำหมายค้นเข้าตรวจสถานที่จำหน่าย เลขที่ 6/16 ซ.สุขสวัสดิ์ 2 ถ.สุขสวัสดิ์ แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ พบเป็นโรงงานขนาดใหญ่ผลิตอาหาร โดยในช่วงเทศกาลกินเจได้รับอาหารเจมาจำหน่ายพ่วงกับผลิตภัณฑ์ที่ตนเองเป็นผู้ผลิต จากการตรวจค้นพบอาหารเจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ในตู้แช่ และตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมีรายละเอียด คือ 1.อาหารเจที่เคยมีประวัติตรวจพบ DNA จำเพาะของเนื้อสัตว์ 8 รายการข้างต้น 2.อาหารเจที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง 30 รายการ เช่น หมูแผ่นเจ, ปลาห่อสาหร่าย, หมูแดง, ลูกชิ้นเห็ด, ยอเห็ดหอม เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดของกลางทั้งหมด รวมมูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท พร้อมเก็บตัวอย่างอาหารเจดังกล่าวส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมแจ้งข้อหาในเบื้องต้น ดังนี้ 1.ข้อหาผลิตและจำหน่ายอาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท 2.หากผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า มี DNA จำเพาะของเนื้อสัตว์ จะเข้าข่ายเป็นอาหารที่มีฉลากเพื่อลวงหรือพยายามลวงผู้อื่นให้เข้าใจผิดในเรื่องคุณภาพหรือลักษณะพิเศษอย่างอื่น ต้อระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 1 แสนบาท -
อนุโมทนาครับ
พยายามอยู่ครับ
ตอนนี้งดเนื้อสัตร์ได้เฉพาะวันเพระครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
"ทางอันประเสริฐนะมีอยู่แล้ว เพียงแต่คนเรานะมองไม่เห็น เอาใจที่มีทิฐิของเราไปเกี่ยวข้อง แล้วเข้าใจว่านี้คือสิ่งที่ถูกต้อง เพราะมันเหมาะกับทิฐิของเรา โดยที่ไม่มีความเห็นถูกอยู่ในนั้น กรรมฐานทั้ง 40 กองนะทำไปเถิดผลก็จะเกิดขึ้นเอง การอ่านแต่ตำราสิ่งที่ได้คือสัญญา แต่การปฏิบ้ติสมาธิสิ่งที่ได้คือ ปัญญา"
สาธุ.... -
อานิสงส์ ?
ต้องเข้าใจเจตนาด้วยว่าทำเพื่ออะไร ร้อยทั้งร้อยแล้วแค่กินตามประเพณีไม่ส่งผลอะไรเลย ถ้าไม่มีศีล 5 เพราะคนกินเจแต่ตบยุง,บี้มด,หรือเบียดเบียดสัตว์น้อยที่คิดว่าไม่มีประโยชน์มีแต่โทษมีพิษมีภัยกับตนเอง นั้นไม่ได้อะไรเลย กินเจเฉพาะเทศกาล แต่ชีวิตประจำวันนั้นชอบกินของสด ไปร้านอาหารแล้วก็ชี้ตัวนั้น เอาตัวนี้ ก็เท่ากับฆ่าด้วยตัวเองเหมือนกัน แล้วจะทำเพื่ออะไรทำบุญแลกบาป ก็ไม่ใช่ครับ เพราะอนิสงส์ต่างกันมากนะครับ เจตนาฆ่า กับไม่ได้เจตนาฆ่านั้นต่างกัน บริโภคอาหารที่เขาทำให้บริโภคเพื่อประทั้งชีวิตไม่ได้ไปเจตนาฆ่าสัตว์อื่นเพื่อเป็นอาหารเลย
และต่างกับผู้ถือศีล 5 นั้นจะได้อนิสงส์นั้นเต็มๆ เพราะรู้ตัวทั่วพร้อมทุกขณะจิตที่กระทำนั้นบริสุทธิ์ (มันรู้ดีชั่วด้วยตัวเอง) พอที่จะไห้วตนเองได้หรือไม่:'( -
-
นานาทัศนา ชาวพุทธควรบริโภคอาหารมังสะวิรัติ
นานาทัศนา ชาวพุทธควรบริโภคอาหารมังสะวิรัติ
เพราะผมกินไม่ลงน่ะสิครับ ซากศพที่เกิดจากการฆ่าอย่างทารุณ
>พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่าสัตว์เหล่านั้นเจ็บปวดแค่ไหน
>ถ้าจะให้ผมกินอาหารไปพร้อมกับเจริญอสุภกรรมฐานไป ก็คงจะอาเจียน
>
>สำนักพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทมักอ้างว่า
>พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้ามนักบวชกินเนื้อสัตว์
>เพราะชาวบ้านถวายอาหารอย่างไรก็ควรรับไว้ แต่
>ในบริเวณประเทศอินเดียคนมักจะถวายอาหารแก่นักบวชและสมณะพราหมณ์ด้วยอาหารมังสวิรัติ
>เพราะถือกันว่านักบวชเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
>ไม่ควรมีส่วนในบาปที่ทำลายเลือดเนื้อและชีวิตของสัตว์อื่น
>
>ผู้สืบเชื้อสายศากยวงศ์คือตระกูลเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า
>ศากยวงศ์กินอาหารมังสวิรัติกันมาทั้งตระกูลสืบต่อกันมานานแสนนานแล้ว
>
>"อทินนาทานา เวระมณีสิกขาปะทังสะมาธิยามิ" ศีลข้อสองที่ชาวพุทธสมาทานกันว่า
>ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมย คือไม่เอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน
>โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของเสียก่อน
>คุณคิดว่าการเอาเลือดเนื้อของสัตว์เพื่อมาทำอาหารน่ะ
>สัตว์เหล่านั้นอนุญาตแล้วหรือยัง ถ้ามันอนุญาตมันก็คงยอมให้ฆ่าแต่โดยดี
>ไม่ต้องวิ่งหนี ไม่ต้องมีน้ำตาร้องขอชีวิต
>เคยได้ยินไหมครับว่ามีวัวตัวหนึ่งที่กำลังจะถูกฆ่า
>มันหนีออกมาได้มันก็วิ่งเข้าไปในรัฐสภา!
ผู้บริโภคพืช สุขภาพดีกว่าผู้บริโภคเนื้อสัตว์
การบริโภคเนื้อสัตว์ นำมาซึ่งความเสียหายและเภทภัยต่างๆสู่โลกใบนี้
>1. การที่คนเราบริโภคเนื้อสัตว์กันอยู่
>ทำให้เกิดอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารที่ทำจากสัตว์เกิดขึ้นมากมาย
>ซึ่งโรงงานเหล่านี้จำเป็นต้องมีวัตถุดิบป้อนโรงงานตลอดเวลา นั่นก็คือ
>เนื้อสัตว์ทั้งหลาย จึงเกิดการเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่
>เป็นปศุสัตว์และฟาร์มสัตว์จำนวนมาก
2. การทำฟาร์มสัตว์และปศุสัตว์ขนาดใหญ่และมากมายก่อให้เกิดการใช้แหล่งน้ำจืดและน้ำจืดจำนวนมหาศาล
>ทำให้เกิดการขาดแคลนแหล่งน้ำจืด นำมาซึ่งความแห้งขอดของบ่อน้ำใต้ดิน
>และเกิดความอดอยากตามมาในหลาย ๆ ประเทศที่กำลังประสบอยู่
4. การใช้พื้นดินจำนวนมากนี้ ย่อมทำให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์
>เมื่อป่าไม้ถูกทำลายมากขึ้น
>ย่อมส่งผลให้เกิดการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินและความสมดุลย์ของระบบนิเวศน์
>ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์สูญหาย ล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
>บางชนิดก็สูญพันธุ์ไปแล้ว พืชพรรณมากมายในป่า
>ซึ่งใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ก็ลดน้อยลงหรือสูญพันธุ์ไปเลยก็มี
> 5. เมื่อป่าไม้ถูกทำลายลงมากขึ้น ก็ทำให้สมดุลย์ของธรรมชาติเสียหาย
>ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือฝนแล้ง
>ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนเราในที่สุด
> 6. นอกจากนี้การทำลายป่า ยังได้ทำลายสมดุลย์ของอากาศไปด้วย
>เหตุเพราะตามปกติต้นไม้ใหญ่จะมีระบบรากซึ่งดูดซึมน้ำไว้ในดิน แล้วค่อย ๆ
>คายน้ำออกมาในตอนกลางวัน (ต้นไม้ใหญ่แต่ละต้นคายน้ำออกมาถึงวันละ 40 แกลลอน)
>ทำให้เกิดความชุ่มชื้นในอากาศและขบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ในตอนกลางวัน
จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศและคายก๊าซออกซิเจนออกสู่บรรยากาศ
>เมื่อต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ถูกทำลายไปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจึงมากขึ้นในขณะที่ก๊าซออกซิเจนน้อยลง
>ส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจกซึ่งทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น
> 7. การที่คนเราบริโภคเนื้อสัตว์อย่างมากมาย
>ส่งผลให้มีการใช้พลังงานและเชื้อเพลิงธรรมชาติ เช่น
>น้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างมากมาย ซึ่งการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเหล่านี้
>ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศของโลกจำนวนมาก รวมทั้งก๊าซอื่น ๆ
>ส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น
> 8. การที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ย่อมก่อให้เกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น
>พายุที่รุนแรง น้ำท่วม ฝนแล้ง และความอดอยากต่อประชากรของโลก
> 9. นอกจากผลกระทบต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว
>การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารของคนเรานั้น
>ยังได้ก่อให้เกิดมลภาวะจากมูลสัตว์และซากสัตว์จำนวนมหาศาล
>รวมทั้งมลภาวะจากสารเคมีและยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากเหล่านั้น
>และมีโอกาสทำให้เชื้อโรคต่าง ๆเกิดการดื้อยาได้หรือมีการกลายพันธุ์
>ทำให้เกิดโรคระบาด
>ทั้งในหมู่สัตว์เลี้ยงเองหรือติดต่อมาถึงมนุษย์ได้ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติทั้งสิ้น
>
>จากหัวข้อที่ได้ศึกษากันมาตั้งแต่ต้นพอจะเห็นได้ว่าการละเว้นจากการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมากินพืชผัก
>ผลไม้และธัญพืชให้ถูกวิธีย่อมมีผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างแท้จริง
>ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีความทรหดมากขึ้น มีความว่องไวมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว
>คนเรามิใช่เพียงแต่มีร่างกาย ซึ่งเป็นกายเนื้อเท่านั้น
>แต่คนเรายังมีจิตวิญญาณซึ่งเป็นจิตเดิมแท้
>ซึ่งเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารแห่งการเกิด ตาย ในชาติกำเนิด 4 ภูมิวิถี 6
>มาหลายหมื่นปีตามกฏแห่งกรรมคือ ตามผลที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
>
>พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงความยากลำบากในการเกิดกายเป็นคนว่าล้วนต้องบำเพ็ญธรรม
ติดต่อกันมาหลายชาติกว่าจะได้กายเป็นคน
>แต่คนทั้งหลายเมื่อได้เกิดมาแล้ว
>กลับไม่พยายามถนอมรักษาร่างกายนี้ให้ดีคิดแต่อยากจะกินก็เอาปากไป
>กินแล้วฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สร้างกรรมกันไม่รู้จบ
>คนกับสัตว์รูปร่างต่างกันแต่จิตวิญญาณนั้นเหมือนกัน ชาตินี้ฆ่าฟันทำลายผู้อื่น
>ชาติหน้าต้องไปถูกเขาฆ่าตามกฏแห่งกรรม ชาตินี้กินเนื้อเขา
>ชาติหน้าก็ต้องถูกเขากิน พระพุทธวจนะในมหายานสูตรกล่าวว่า
>“บุคคลใดงดเว้นจากการกินเลือดกินเนื้อสัตว์ทั้งปวง
>ย่อมกระทำมหาเมตตาบารมีให้เต็มบริบูรณ์
>หากบุคคลใดยังหลงกลืนกินเนื้อสัตว์ทั้งหลายอยู่
>เขาได้ชื่อว่าทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะที่มีอยู่ในตนย่อมต้องได้รับบาปอย่างมหันต์
>ผู้ที่บำเพ็ญธรรมหากยังไม่หยุดกินเนื้อก็ไม่สามารถบำเพ็ญไปตลอดรอดฝั่ง”
> การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ก็คือไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่เบียดเบียนตัวเอง
>การบำเพ็ญปฏิบัติธรรมนั้นคือ บำเพ็ญปฏิบัติตามรอยพระอริยเจ้า
>สิ่งที่พระอริยะกระทำคือ ทั้งภายในและภายนอกประสานกลมกลืน ภายในเมตตา
>ภายนอกก็เมตตา พระพุทธองค์กำหนดศีลข้อที่ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
>มิใช่แต่ไม่ฆ่า แต่ต้องไม่ไปทำให้ผู้อื่นฆ่าด้วย การฆ่าสัตว์นั้น หมายถึง
>ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทรางตรงคือฆ่าเอง ทางอ้อมคือเราต้องการกิน
>แล้วคนอื่นฆ่ามาให้เรากิน หรือขายให้เรากิน หยุดกินคือหยุดการฆ่า
>คนเรานั้นสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ต้องเอาน้ำตา
>เอาชีวิตเอาจิตวิญญาณของผู้อื่นมาต่อชีวิตของเรา ไม่ต้องเอากองกระดูกผู้อื่นมา
>เพื่อให้เราก้าวเข้าไปสู่ที่ต่างๆ
>ตามปกตินิสัยของคนเราส่วนใหญ่มักจะกลัวสุสานป่าช้าที่ฝังร่างคนตาย
>เมื่อเดินผ่านในยามวิกาล ก็จะรู้สึกขนลุกเรียกว่า กลัวสุสาน
>แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองซึ่งบริโภคเนื้อสัตว์นั้น
>มีซากสัตว์ถูกฝังอยู่ในท้องตัวเองจำนวนมากมายเท่าไหร่
>เป็นสุสานเคลื่อนที่ได้แต่กลับไม่กลัว
>อันที่จริงมนุษย์เรานั้นมีปัญญาล้ำเลิศอยู่แล้ว
>เพียงแต่ถูกกิเลสความอยากบดบังไว้เท่านั้น เพียงแต่ตัดความอยากกินออกไป
>ปัญญาก็จะเกิดสามารถแยกแยะได้ว่า สมควรจะบริโภคเนื้อสัตว์อีกต่อไปหรือไม่
มีบันทึกเกี่ยวกับอาหารมังสะวิรัติ เกี่ยวเนื่องจากนักบวชในพุทธศาสนาซึ่งได้มีการตีพิมพ์
หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับสนใจ และ โดนบิดเบือนข้ออ้าง ต่าง ๆ นานา มานาน โดยเฉพาะ
สมัยท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งได้ศึกษา พุทธวจนะ คำภีร์โบราณจารด้วยภาษาบาลี และถ่ายทอด
ออกมาเป็นภาษาไทย ก็ได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงเมือสมัย 50-60 ปีด้วยถ้อยคำสบถ
กร้าวราวต่าง ๆ นานา แต่ความจริง ก็เป็นความจริง
ยิ่งภาวะการเจ็บป่วยจากการบริโภคเนื้อสัตว์ มีมากขึ้น ด้วยโรคภัยร้ายแรงนานาชนิด
ณ ปัจจุบัน หลักฐานทางการแพทย์ทั่วโลกได้ต่างยืนยัน ถึงภัยอันตรายนานาประการ
จากเนื้อสัตว์ เพิ่ม ความเสี่ยงภัย ทั้งโดยตรง และ โดยอ้อม เช่น โรคมะเร็งนานาชนิด
โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน โรคโลหิตเป็นพิษ และ อีกสารพัด โรคร้าย
------------------------------------------------------------------------------------------------
เรือ่งแผ่เมตตา
อยากให้เพื่อน ได้เข้าดูเวป ที่แนบมา
ชีวิตที่ร่ำไห้
เจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ผลิต คือ สำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เพื่อให้เราตระหนักถึงคำที่<WBR>พระพุทธตรัสว่า.. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
พาไปดูเบื้องหลังของชีวิตสัตว์<WBR>ที่เรา-ท่านทั้งหลายบริโภคกัน ตั้งแต่ถูกเลี้ยงมา กระทั่งถูกลำเลียงมา ฆ่า
มองให้เห็นถึงใจเขาใจเรา โดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา รับรู้และรู้สึกเหมือนเขา นำมาเปรียบกับเราอีกที
เป็นความจริงว่า.. สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเขา จะเราก็ย่อมรักตัว กลัวตายทั้งสิ้น
ทุกเหล่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ การรับรู้ เจ็บเป็น กลัวเป็น
เราท่านซึ่งเป็นมนุษย์(แปลว่าผู<WBR>้ที่มีใจสูง)ที่ยังคงบริโภคสั<WBR>ตว์อื่นอยู่ด้วยความสะใจ จะสะท้อนคิดไหม ว่าหากเราโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง หรืออาจจะกับพ่อแม่และคนที่<WBR>เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร
กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับกรรม
กินตามใจปาก ตามความอยากจนเคยตัว โดยขาดปัญญา ไม่คำนึงถึงที่มา ว่าทุกชิ้น-เนื้อที่เข้าปาก มันคือชีวิตที่สูญเสียไป
ว่ากันว่า "ป่าช้าที่ใหญที่สุดในโลกนี้ อยู่ที่ท้องคน" เป็นความจริง เพราะเติบโตมาจนบัดนี้จะมีใครสั<WBR>กกี่คนรู้ได้ว่า มีกี่ศพ กี่ชีวิตแล้ว ที่ต้องสังเวยให้แก่เรา นั้นเพราะว่ามันมากมายมหาศาล
กระแสแห่งกรรมย่อมทำหน้าที่<WBR>ของมันโดยเที่ยงธรรม
ก่อนจะสายเกินไป มากู้เมตตาธรรมที่มันแอบอยู่<WBR>ในหลืบใจเรากลับคืนมาซิครับ
ใครที่ผ่านการเข้าค่ายคุ<WBR>ณธรรมมาบ้างแล้ว อาจจะได้ดูบ้างแล้ว ก็ถือว่าเป็นการมาย้ำสำนึก เพื่อนสมาชิกอื่น ๆ ยิ่งต้องดูครับ
เวปลิงค์ ที่เข้าไปดูได้
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=RxTnxG4Hzmk"]www.youtube.com/watch?v=<WBR>RxTnxG4Hzmk[/ame]
file:///D:/user/touu034272334
--------------------------------------------------------------------------
อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด
----ยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ และ ทีมคณะแพทย์ชื่อดังระดับโลกที่<WBR>ทำการศึกษาวิจัยจาก
ผู้ ป่วยกว่า 500000 คนท่วโลก ใช้เวลากว่า 7 ปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ กว่า 12000 คน
โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
National Cancer Research Institue - USA
สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
The World Cancer Research Fund ( WCRF )
และวารสารสุขภาพชื่อดังระดั<WBR>บโลกกว่า 100 ฉบับรวมถึง
เอกสารทางการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้<WBR>องโลก
<WBR>
ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง
http://www.watisan.com/<WBR>showdetail.asp?boardid=1080
******************************<WBR>****************
หน้า 1 ของ 2