"อำนวย กลิ่นอยู่" กับ...มหัศจรรย์แห่งการสวดมนต์

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 21 เมษายน 2016.

  1. pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    “๑.ทำให้ได้อรรถรส และธรรมรส หากได้พิจารณาธรรมไปด้วยในขณะที่สวด ๒.ช่วยให้ใจสงบเร็ว ๓.ทำให้ใจเป็นกุศลได้ง่าย
    ๔.เป็นการเตรียมจิตก่อนปฏิบัติกรรมฐาน ๕.หากสวดดังๆ และมีผู้ได้ยินแล้วน้อมใจตามเสียงธรรมนั้น ก็จะพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย ๖.หากสวดเป็นประจำ นับเป็นการบำเพ็ญศีล สมาธิ และปัญญา อย่างมีระเบียบ และได้เข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นนิตย์ และ ๗.เป็นการช่วยกันรักษาวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาด้วยดี ให้คงอยู่ และเป็นประโยชน์สืบต่อไปยังอนุชนรุ่นหลัง” นี่เป็นประโยชน์ของการสวดมนต์ ที่พุทธศาสนิกชนรู้จัก และเข้าใจเป็นอย่างดี
    โดยหนึ่งในผู้สวดมนต์เป็นประจำ และมนต์ก็แสดงผลทำให้ชีวิตและการงานดีขึ้น คือ นายอำนวย กลิ่นอยู่ สมาคมคนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย สมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย เป็นนายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย และเป็นกรรมการบริหารมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มูลนิธิคนพิการไทย และมูลนิธิศูนย์มิตรภาพมนุษย์ล้อเอเชีย (ประเทศไทย) ทั้งนี้ เขากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า
    “ผมคิดว่า การสวดมนต์บทพาหุงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อก่อนผมเห็นคนเขาสวด เพราะเขาเชื่อว่า การสวดมนต์ช่วยดลบันดาลให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ ผมไม่เชื่อ และผมไม่สวด แต่ต่อมาลองสวดแบบใช้ปัญญาแล้วก็ได้ผลจริงๆ ที่สำคัญ คือ สวดมนต์ต้องสวดด้วยปัญญา อย่าสวดเพียงเพื่อศรัทธา มนต์นั้นถึงจะแสดงผล”
    นายอำนวยบอกว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องทำทุกวัน จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว คือ การสวดมนต์ โดยเริ่มจากบทสวดมนต์ธรรมดา ที่ว่า อะระหัง สัมมา แล้วตามด้วยพาหุงมหากา แล้ต่อด้วยการสวดชินบัญชร ทั้งนี้ จะสวดตามกำลังวัน เช่น วันศุกร์สวด ๒๑ จบ วันจันทร์ สวด ๑๕ จบ วันอังคารสวด ๘ จบ ส่วนจะสวดเวลาไหนไม่แน่นอน แต่ตื่นขึ้นมาต้องสวด วันไหนตื่นสายก็สวดไปในรถ เพราะการสวดมนต์นอกจากจะเป็นมงคลแล้ว ระหว่างการสวดมนต์ก็ทำให้ใจเป็นสมาธิ ขณะเดียวกันยังทำให้เรานึกถึงบางอย่างและบางสิ่งที่เรานึกไม่ออก
    นอกจากนี้แล้ว หากวันใดต้องไปเป็นประธานที่ประชุมก็จะนำให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมสวดมนต์ก่อน โดยมีแนวความคิดว่า ศาสนาอื่นก่อนจะทำการอะไร เขาจะสวดมนต์ หรือขอพรจากพระเจ้าของตนเอง ทำไมเราชาวพุทธไม่สวดมนต์ของเราบ้าง เลยส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ รวมทั้งคนในครอบครัว หันมาสวดมนต์ ขณะเดียวกันก็จะบอกกับผู้ที่เริ่มสวดมนต์ใหม่ๆ ว่า สวดเท่าใดก็เอาเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีมาก ต้องสวดบทพาหุงมหากา คาถาชินบัญชร และบทสวดอิติปิโสได้ดวยจะเป็นมงคลอย่างยิ่ง
    สำหรับจุดเริ่มต้นของการสวดมนต์นั้น นายอำนวยเล่าว่า แต่เดิมหลังจากสึกเป็นพระออกมาก็สวดมนต์ทุกวัน แม้ว่าจะเป็นการสวดสั้นๆ วันละไม่กี่บท แต่ชีวิตก็รุ่งเรืองดีมาก ระยะหลังไม่รู้ว่าเป็นอะไร เลิกสวดไปโดยไม่มีสาเหตุ ชีวิตก็แย่งลง จากนั้นตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ ก็กลับไปสวดมนต์ใหม่ ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้ ทั้งนี้ทุกครั้งที่สวดมนต์ต้องเพื่อประโยชน์ของหลักการทำสมาธิ ขณะสวดต้องนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม และคุณของพระสงฆ์ กล่าวคือ พระองค์สอนเราอย่างไร เราต้องทำอย่างนั้นถึงจะถูก ส่วนคุณของพระสงฆ์ คือ รักษาคำสอนของพระพุทธเจ้า และถ่ายทอดคำสอนจากอดีตให้เราได้รับรู้ในปัจจุบัน
    ทั้งนี้ นายอำนวยพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “สวดมนต์ก่อให้เกิดปัญญา แทนที่เราจะสวดมนต์เพื่อความขลัง หรือสวดมนต์แบบสมาธิอย่างเดียว สวดมนต์ต้องสวดด้วยปัญญา อย่าสวดด้วยศรัทธาเท่านั้น เราต้องผสมผสานกัน คือ ศรัทธากับปัญญา อย่าคิดว่าการสวดมนต์เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้ชีวิตเราดี เพราะจะทำให้เราไม่ประกอบเหตุที่ดีขึ้นเลย ถ้าสวดเพื่อความขลัง รับรองว่าชีวิตไม่มีวันที่จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้”

    สวดมนต์ให้สัมฤทธิผล
    "อย่าสักแต่ว่า 'สวด' เป็นนกแก้วนกขุนทอง คือท่องๆ บ่อยๆ ไปตามอักขระที่อ่านหรือนึกได้ ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องให้รู้ความหมายด้วย ไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะการรู้ความหมายเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น (แต่ถ้ารู้ความหมายด้วยก็เป็นเรื่องดี) จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ความหมาย ก็ไม่สำคัญเท่ากับการสวดมนต์อย่างมีสมาธิ นอกจากนี้แล้ว
    ต้องสวดมนต์อย่างมีสมาธิ หมายความว่า เวลาที่จะสวดมนต์นั้น ต้องรู้ก่อนว่า สวดมนต์บทไหน (จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ก็ได้) แต่เวลาที่สวดมนต์นั้น ให้รู้ว่า อักขระหรือตัวหนังสือที่เรากำลังจะท่องนั้น คือตัวอะไร" นี่คือคำแนะนำของ พระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข พระนักจัดรายการวิทยุ และพระนักแต่งเพลงเทศน์เพลง แห่งวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ ถนนประชาราษฎร์ สาย ๑ แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
    พร้อมกันนี้ พระอาจารย์เกษมสุขยังแนะนำด้วยว่า สวดมนต์ตามบทสวดมนต์ต่างๆ แล้วได้สมหวังตามความปรารถนา หรือสวดแล้วได้โชคลาภต่างๆ นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ บทสวดมนต์ แต่เพียงอย่างเดียว มีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย
    องค์ประกอบของการได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนานั้น มีส่วนสำคัญอยู่ ๓ ส่วน ประกอบด้วย ๑.กรรม ถ้าคนเราไม่มีส่วนของการกระทำที่ได้เคยทำไว้ในอดีตมาเป็นพื้นฐานแล้ว ไม่มีทางที่จะดีขึ้นมาได้ เปรียบเทียบว่า กรรมดี ที่เราทำนั้น เป็นกำลังพื้นฐาน ที่รองรับเรื่องราวต่างๆ
    ๒.ตัวเราเอง ถ้าเราเองไม่ทำตัวให้ดี เพื่อรองรับ หรือรอรับสิ่งที่ดีๆ แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะได้ดีขึ้นมาได้
    และ ๓.ผู้ช่วย หรือสิ่งต่างๆ ช่วย ผู้ช่วยในที่นี้ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ ผู้ที่มีจิตดี จิตบริสุทธิ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บทสวดมนต์ พระคาถา เครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล ฯลฯ
    สำหรับ บทสวดมนต์ยอดนิยม นั้น พระอาจารย์เกษมสุข บอกว่า วิธีสวดพระพุทธคุณเท่าอายุบวกด้วย ๑ อิติปิโส เท่าอายุ อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (ให้สวดเกินอายุ ๑ จบ เช่น อายุ ๔๒ ปี ต้องสวด ๔๓ จบ)
    ให้เริ่มสวดตั้งแต่บทบูชาพระรัตนตรัย บทกราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย สวด ๓ จบ ขอขมาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ) ชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) ชัยปริตร (มหากาฯ) บทอิติปิโส เท่าอายุ บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ บทแผ่ส่วนกุศล อธิษฐานตามสิ่งที่ปรารถนา สวดพระคาถาชินบัญชร
    "เรื่อง / ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้