-
[SIZE=-1]คัดย่อจาก มหาสติปัฏฐานสูตร ของคุณดังตฤณ[/SIZE]
[SIZE=-1]...............
อุบายกำจัดกามฉันทะ
"วัตถุกาม" คือวัตถุอันน่าใคร่หรือกามคุณ 5 ได้แก่รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รัก ประกอบด้วยกาม และสำคัญคือเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
"กิเลสกาม" จะหมายถึงตัวของกิเลสที่มีอยู่ในใจ หรือธรรมชาติที่ทำให้เกิดความใคร่
คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน พิศวาสรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสแตกต่างกัน
หากเราทราบยอดสุดแห่งกามประจำตนเอง ก็เหมือนรู้ตัวหัวหน้าโจร ถ้ากำจัดเสียได้จะทุ่นแรงลงมาก ตัวอย่างเช่นวัตถุกามหลักสำหรับผู้ชายนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นรูปหญิง ท่าทีที่มีต่อรูปหญิงจึงควรชัดเจน
ในมหาปรินิพพานสูตร พระสุตตันตปิฎกเล่ม 2 พระอานนท์ทูลถามพระพุทธองค์ว่าภิกษุทั้งหลายพึงปฏิบัติต่อสตรีเพศอย่างไร พระองค์ตรัสตอบว่า ไม่เห็นเลยดีที่สุด พระอานนท์ทูลถามว่าถ้าจำเป็นต้องเห็นจะให้ทำอย่างไร พระองค์ตรัสตอบว่า ถ้าต้องเห็นก็อย่าคุยด้วย พระอานนท์ทูลถามว่าถ้าจำเป็นต้องคุยด้วยจะให้ทำอย่างไร พระองค์ท่านตรัสตอบว่า ถ้าต้องคุยด้วยก็ให้ตั้งสติไว้
สรุปคือพระพุทธองค์สนับสนุนผู้ออกบวช หรือผู้ตั้งใจเก็บตัวบำเพ็ญเพียรในสติปัฏฐาน 4 เพื่อความหลุดพ้น ให้ห่างจากวัตถุกาม ชนิดไม่เห็นเลยได้ก็ดี [/SIZE]
[SIZE=-1][/SIZE]
[SIZE=-1]ลองนึกดูว่าระหว่างเอาผ้าผูกตากับเอาเชือกมัดมือมัดเท้าอันไหนง่ายกว่ากัน การไม่เห็นเลยคือไม่เอาของใหม่เข้า และรื้อถอนของเก่าที่มีอยู่ออกให้หมด ซึ่งแน่นอนว่านั่นคงเป็นเรื่องของบรรพชิต หรือผู้ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะสละโลก เพื่อเพียรทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ผู้มีความจำนงงดกามด้วยการปลีกวิเวกไปในที่ที่ไม่ต้องพบเจอภาพยั่วยวนต่างๆนานา ผู้ "ภาวนาเป็น" ส่วนใหญ่แม้ยังต้องอยู่ในเมืองก็เลือกเอาตัวออกห่างจากสื่ออันล่อหูล่อตาทั้งหลายเช่นโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ชนิดมุ่งปรุงกิเลสกามให้ท่วมท้น [/SIZE]
[SIZE=-1]
แต่ถ้าต้องเห็น ต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามมารยาทสังคม ก็ต้องตั้งสติไว้
กรรมฐาน 5 คือการให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ตามลำดับ แล้วย้อนลำดับคือ หนัง ฟัน เล็บ ขน ผม
การป้องกันกามฉันทะที่ดีที่สุด ได้ผลจริงกว่าอุบายอย่างอื่นใดหมดก็คือทำให้จิตรวมลงเป็นหนึ่งด้วยการเห็นกายตัวเองเป็นสิ่งโสโครก และกรรมฐาน 5 ก็เป็นอุบายอย่างง่ายที่ใครก็ทำได้ เห็นผลเร็ว และยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้แต่อย่างเดียว อันจะเป็นเหตุให้กามฉันทะที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือกามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะละเสียได้ เหมือนอสุภนิมิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลใส่ใจอสุภนิมิตโดยแยบคาย กามฉันทะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และกามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะละเสียได้[/SIZE]
-
จะเร่งเพียรภาวนาเพื่อการละกามฉันทะทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ยิ่งมียิ่งเสมือนตัวบ่มเพาะเชื้อแห่งกิเลสให้เกิดขึ้น ความรักทั้งหลายอันเกิดจาการยึดติดในรูปก็ตาม จำต้องทำลายให้หมดสิ้นไป อสุภกรรมฐานเป็นหนทางแห่งการระงับไว้
บทว่า
นิสฺสรณํ
ความว่า
การออกไปแห่งกามราคะมี
๓
อย่าง
คือ
การออกไปด้วยการข่มไว้
๑
การออกไปชั่วคราว
๑
การออกไปเด็ดขาด
๑.
ใน
๓
อย่างนั้น
ปฐมฌานในอสุภกรรมฐาน
ชื่อว่า
การออกไปด้วยการข่มไว้.
วิปัสสนาชื่อว่า
การออกไปชั่วคราว
อรหัตมรรคชื่อว่า
การออกไปเด็ดขาด.