สันโดษหมดทุกข์ก็พบบรมสุข
ตัญหาสาม เกิดจากการดำริ
โชคดีเราไม่มีคิดก็ไม่มีเหตุให้ต้องทุกข์เพราะความคิด
ที่เป็นกุศลและไม่เป็นกุศล
เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ ต้องไปคู่กัน จะเกินกว่ากันมิได้ ท่านเห็นเป็นเช่นไร
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โป๊ยเซียน, 27 มกราคม 2009.
หน้า 4 ของ 21
-
คุณบอกได้ว่า คนนั้นคนนี้ ถูกต้อง มีทัสนะที่ถูกต้อง
แสดงว่า คุณก็ต้อง ชัดเจนแล้วหละสิ -
เอาเป็นว่าผมไม่น่าเสร่อออกมาเลย โดน อ ขันธ์ เอ็ดใหญ่แล้ว หุๆๆๆๆ -
มีรางวัล คือวิมุตติธรรม เหมือน ๆ กัน
นี่คือจุดสูงสุดของทุกศาสนา
เรากล่าววาจาอันไม่เปลี่ยนแปลง นี้เราเปิดใจให้แล้ว -
-
พี่ปล่อยวางหมดแล้ว จะไปสะทกสะท้านอะไรล่ะ จริงไหม แง้ว แง้ว -
ก็ อุตส่าห์พูดไป บอกว่า ดูแค่ กุศล และ อกุศล
และ ดูว่า ธรรม ครอบ หรือ ไม่ครอบ
ไม่ครอบก็บอกว่า ไม่ครอบ ก็ แบบที่ผมบอกว่า การดูจิตเฉยๆ ไม่ครอบ
ส่วนกุศล ก็คือ กุศล เช่นว่า ใบไม้มีกุศลทาน คิดอะไรมาเผื่อแผ่ชาวบ้าน แต่ ผิดก็บอกว่าผิด
ท่าน เอกวีร์ มาบอกชาวบ้าน มีกุศล อย่างไร มีอกุศล อย่างไร ก็พูดในแง่นั้น
ครอบไม่ครอบก็ พูดในแง่นั้น
ขจร ปัญญาอ่อน ก็บอกว่า ปัญญาอ่อน
ทีนี้ วิธีของขจร หากว่า เป็นการสอนสมาธิ แล้วคุณผึ้งเขาไปผึกสมาธิ หรือได้รับการฝึกแบบขจร ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะเพ้อเหมือนขจร
เขาก็อาจจะมีกุศล ในทางของเขา ที่ละวางได้ ไม่ปรุงไปมากเหมือนขจรก็ได้ -
ว่าของจริง เกือบเสียตัวให้กิเลสกินหัวกินทั้งตัว ที่ได้ขันธ์ห้ามา จนมาพบความยอดเยี่ยมของ การละความมืดสีขาวได้
ก็จะให้ละอะไรอีก เหมือนกับลูกจ้างที่ทำงานเสร็จแล้ว
นั่งรอสิ้นเดื่อนก็รับตัง -
เพ้อเจ้อ ก็รู้ รู้แล้วต้อง ฝืนระงับ ฝึกนิสัยด้วย ไม่ใช่ รู้ว่า เพ้อเจ้อก็รู้ แล้วมันเป็นไงหละ
นี่ใครว่า ขจร ไม่รู้ตัวว่าปัญญาอ่อนเพ้อเจ้อ ไม่จริง เขารู้ตัวว่าเขาปัญญาอ่อนแต่เขาไม่รู้จักระงับ ไม่รู้จักสำรวม เพราะอะไร เพราะไม่เห็นโทษ และมันยังไม่เห็นวิถีที่ไร้สาระ
การเห็นวิถีที่ไร้สาระ เห็นการกระทำตัวเองที่จะเกิดโทษ คือ ขุดทางอกุศลในความเพ้อเจ้อ
คราวนี้ มันจะกลายเป็นว่า พอไปใช้ชีวิตจริง พอกระทบอะไรปั๊บ ปากมันจะโพล่งออกไปอย่างไม่มีระงับ ก็กลายเป็น วจีทุจริต อันทำให้เกิดโทษ ภายหลัง และเหตุการณ์อันนึกไม่ถึงตามมาอีกมากมาย
นี่เพราะ ยังไม่เห็น โทษ ยังไม่เห็นวิถีของมันดีพอ จึงไม่คิดแก้ไข
คน หลงก็เป็นแบบนี้ คือ ยังไม่เห็นภัย ดีพอ ก็สรุปยุบธรรมลง เป็น
ประมาท พระศาสดาจึงตรัสไว้สุดท้ายว่า อย่าประมาท เพราะคนเราประมาทมาก -
ที่จริงมันไม่ยากอะไรเลยนะ
ก็แค่ จิตเหนือบุญหนือบาป ก็เรียกคุรุ
ห้องนี้คุณขันธ์ ก็เป็นผู้ฉลาดแล้ว เจริญแล้ว
แต่ให้รู้เองดีกว่า -
ความประมาทนี้เป็นอย่างไร
ประมาทลืมนึกไปว่าจะต้องตาย
ประมาทลืมนึกไปว่า ตายไปแล้วจะไปไหน
ประมาทลืมนึกไปว่า เกิดมาอย่างไร
ประมาทลืมนึกไปว่า ภัยรอบด้านนั้นมี และ ควบคุมไม่ได้
ประมาทลืมนึกไปว่า เกิดมาเป็นมนุษย์ ยากเย็น
ประมาทลืมนึกไปว่า ดวงจิตที่ เร่ร่อน และ เป็นอบายภูมินี้มีมาก
ประมาทลืมนึกไปว่า วิถีจิตที่เรามีอยู่นี้ ยังดีไม่พอ ที่จะเป็นหลักประกันได้ว่า จะพ้นจากอบายภูมิ
ประมาทลืมนึกไปว่า หมู หมา ปลา ไำก่ ที่ถูกฆ่าตายนั้น มันน่ากลัวนะ
ประมาทลืมนึกไปว่า เราจะมีความสุขอยู่อย่างนี้ตลอด
ประมาท ในทุกวิถีจิต ประมาทในทุกความคิด
ประมาท ว่า นี่เรารู้แล้ว เราฉลาดแล้วแต่เอาเข้าจริง เรายังไม่รู้่อะไรเลย ที่จะเป็นหลักประกันได้อย่างสมบูรณ์
ประมาทว่า ทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว ได้ขึ้นสวรรค์แน่
ประมาทว่า นี่เรารู้ธรรมขนาดนี้แล้วจะไม่ลงนรก ไม่ไปอบายภูมิ
นี่คนเราประมาทมาก -
ฝึกตัวเองยากที่สุด เมื่อฝึกตนได้แล้ว
ก็ให้ฝึกผู้อื่นด้วย ขึ้นชื่อว่าทำตามคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายจึงจะไม่ประมาท -
คุณ sriaraya5 ผมนึกจะทักคุณตั้งแต่แรกแล้ว ผมอยากจะถามว่า sriaraya5 มันเกี่ยวข้องอะไรกับ hi5 หรือเปล่า
-
ได้แต่อ่าน เดี๋ยว สงสัยไปตอบหลุมดำอีกแน่ๆ
-
-
ขอเชิญท่านขันธ์ และทุกท่านที่กระทู้นี้ค่ะ
http://palungjit.org/showthread.php?p=1832374#post1832374 -
sriarayaถอดได้ความว่าชาวสิวิไลซ์ 5 ที่คุณขันธ์เห็นรู้ขึ้นที่ใจว่าย่อจากพระเจ้าห้าพระองค์
hi5 คือ ที่ๆ เราสามารถพบปะผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้
-
คุณ sriaraya5 เอาไว้มาพูดเรื่องธรรมให้เพื่อนๆ ฟังบ้างสิ น่าสนใจ
-
วันที่ผมเดินก้าวทางปัญญา ก็ได้อุบายหลวงตาบัวนะ
ไม่อย่างนั้นโง่ตายเลย ทำสะมาธิก็มาติดอยู่ที่จิตสว่าง
เป็นนวลจันทร์ นี้ฟังเทปท่านนะ และก็จับเอาแต่เนื้อ ๆ
ท่านเล่าว่า ไอ้ที่ดวงจิตเป็นดวง ๆ สว่างนวล ๆ
ยังไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์ ผู้รู้ที่เห็น ก็คืออวิชชา ต้องฆ่าผู้รู้ให้ได้
ผู้รู้ ก็คือผู้ก่อพบก่อชาติ จิตยังไม่สว่างแบบครบโลกธาตุ
แล้วเราก็มาลงมือปฏิบัติทันที และก็ไม่ได้เป็นการสะกดจิตตนเอง เราต่อสู่กับสัจจะ ในที่สุดเราเอาชนะสัจจะได้ขาดสะบั่นไปทันที่ จิตที่คิดว่าพุทธะ ก็สลายสว่างครบโลกธาตุ และคืนนี้เป็นความประทับใจของเรา หลวงปู่มั่นมาแสดงความยินดีถึงกับชื่นชม พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และยังมีพระมหากัสสปะมาอนุโมทนา ท่านมาในรูปสมมติ เช่นเดียวกับหลวงปู่มั่นก็มาในร่างสมมติ -
หน้า 4 ของ 21