#ji yi humanoid came from ....
เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.
หน้า 135 ของ 183
-
-
-
-
ปูนาขาเก.
ตัวเองเดินเซ.
แต่กลับจะสอน.
ให้คนอื่น..เดินตรง.. -
#เหนือโลก
#เพราะ โลกคือ จิ เดิมแท้ว์ -
-
จิตยิ้มรู้ค่ะว่า ทุกโพสต์ที่ลงนั้นเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ จิตจักรวาลต้องการถ่ายทอดความรู้ใหม่เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาด และบางสิ่งที่มนุษย์ยังไม่ล่วงรู้ให้สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของแต่ละศาสนาได้อย่างชัดแจ้งยิ่งขึ้นเท่านั้น
มนุษย์จะต้องรู้ว่า ตนเองคือจิตหยาบ หรือ จิตมนุษย์ ที่เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทน จิตวิญญาณ ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของตนเองซึ่งเป็นผู้มาเกิดเป็น คนสองมิติ อยู่ในระบบโลกนี้ต่างหาก
ดังนั้น ตนมิใช่ผู้มีหน้าที่มาเกิดเป็นมนุษย์ แต่ตนเองเป็นได้แค่เพียง "ตัวแทนแก่นแท้" เท่านั้น จะแสดงบทบาทใด ๆ ไปตามต้องการทางอารมณ์รู้สีกนึกคิดของจิตมนุษย์ เสมือนหนึ่งกระทำตนเป็นเจ้าของบ้านเสียเองโดยไม่ใส่ใจในความต้องการทางจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ นั้นไม่ได้
หน้าที่ของมนุษย์ทุกคนคือ จะต้องไม่คิดรู้สึกด้วย จิต และ สติปัญญาของมนุษย์
แต่มนุษย์จะต้องคิดรู้สึกด้วย จิต และ ปัญญาญาณ อันเป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนให้จงได้ มิเช่นนั้นจะทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณไม่สำเร็จและจะนิพพานไม่ได้
สติปัญญาในระดับจิตมนุษย์ แต่ละคนจะใช้งานมันได้โดยอัตโนมัติในย่านความถี่ต่ำ ๆ ที่เป็นความอยาก-ไม่อยาก เอาไว้ เรียกว่า "จิตหยาบ" หรือ จิตมนุษย์ ที่ถูกแบ่งภาคออกมาจากจิตวิญญาณ สามารถทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ เพื่อใช้กลไกประสาทสัมผัสทั้งห้า กับการนึกคิดของจิตเองได้อัตโนมัติ
และจะมีสติปัญญาที่สูงขึ้นกว่าระดับการใช้จิตหยาบซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ แต่เป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณ มนุษย์เรียกว่า "ปัญญาญาณ"
เพียงแค่มนุษย์ที่สามารถยกระดับจิตหยาบของตนให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนได้แล้ว ได้ใช้งานเพื่อการทำหน้าที่พันธะสัญญา 6 อันเป็นหน้าที่จิตวิญญาณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว (หน้าที่ คือ มรรค 8 ในทางพุทธศาสนานะคะ)
ถ้าหากตนสามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณเพื่อการสั่นสะเทือนจิตสำนึกทางวิญญาณของตนเอง ในการดำเนินชีวิตประจำวันในบทบาทของคนสองมิติได้แล้ว มนุษย์นั้นจะสามารถข้ามพ้นกฎแห่งกรรมใด ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง เพราะมนุษย์จะไม่มีวันคิดผิด ตัดสินใจผิด กระทำผิด มนุษย์จะไม่มีการเกี่ยวกรรมกับใคร ๆ และจะสามารถฟันฝ่าจิตสำนึกตนเองและบทเรียนโลกที่มนุษย์คนอื่น ๆ หยิบยื่นให้อย่างสง่างามเลยทีเดียว -
การเหวี่ยงหมุนธรรมจักร หรือกงล้อแห่งธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์จะต้องเหวี่ยงหมุนตาทั้ง 6 ที่อยู่รอบนอกม้วนเข้าหาจุดศูนย์กลาง โดยผ่านตาที่สามซึ่งถัดเข้าไปข้างใน แล้วเหวี่ยงหมุนมันต่อไปจนเข้าสู่จุดศูนย์กลางของกงล้อธรรมชาติหรือดุมล้อนั้นในที่สุด
"สัตว์ตัวหนึ่งหน้าเหมือนโค ตัวหนึ่งหน้าเหมือนมนุษย์ ตัวหนึ่งหน้าเหมือนสิงห์ และอีกตัวหนึ่งเหมือนนกอินทรีกำลังบิน สัตว์ทั้งสี่ มีหกปีก มีตาทั้งรอบนอกและข้างใน
สัตว์ทั้งสี่ คือ ระดับสติปัญญาทั้ง 4 ระดับ ของกลไกสมองของมนุษย์
สัตว์ทั้งสี่มีหกปีก หมายถึง ระดับสติปัญญาทั้ง 4 ระดับ ที่ได้จากการกระบวนการสั่นสะเทือนของสมองนั้น ล้วนมีจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ในมนุษย์แต่ละคนเป็นผู้ขับเคลื่อนการใช้งานมันทั้งสิ้น
มีตาทั้งรอบนอกและข้างใน หมายถึงกระบวนการทางสมองที่นำไปสู่สติปัญญาทั้ง 4 ระดับนั้น จะทำหน้าที่ร่วมกันกับสิ่งที่เรียกว่า "ตารอบนอก" คือ อายตนะทั้ง 6 อันเป็นกลไกอวัยวะระบบประสาทซึ่งเป็นช่องทางแห่งการสัมผัสรู้ดู้เห็นในรูปธรรมสังขารมนุษย์แต่ละคน
อายตนะภายนอกจะประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัส และจิตหยาบ หรือ จิตมนุษ์ที่สามารถนึกเอง คิดเองได้ รวมเป็น 6 ช่องทาง
ส่วน ตาข้างใน หมายถึง "ตาที่สาม" อันเป็นดวงตาของจิตวิญญาณ ในมิติของแก่นแท้
การหมุนธรรมจักร
การหมุนกงล้อธรรมชาติให้เป็นธรรมจักร
เมื่อมนุษย์สัมผัสรู้เห็นสิ่งใดเรื่องใดก็ตาม ด้วยกลไกอายตนะทั้ง 5 ของตนเองแล้ว มันจะถ่ายทอดข้อมูลการสัมผัสรู้ดูเห็นไปยัง ตาที่สาม ซึ่งเป็นดวงตาที่ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ที่เร้นอยู่ข้างในอีกทอดหนึ่ง
(ตาที่สามที่อยู่ข้างใน คือ ต่อมไพนีล มีพิกัดบริเวณกึ่งกลางหน้าผากเหนือระหว่างคิ้วของมนุษย์ขึ้นไปเล็กน้อย)
ตรงตาที่สามนี่เอง เมื่อได้รับข้อมูลผ่านมาทาง ตา หู จมูก ลิ้น หรือ สัมผัสกายแล้วจะเกิดการสั่นสะเทือนเป็น การรับรู้ ขึ้น เพื่อให้คำตอบว่า...
สิ่งที่รับรู้อยู่นั้น คือ อะไร
ลำพังแค่เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู ได้กลิ่นด้วยจมูก รับรู้ด้วยรส หรือสัมผัสด้วยผิวกาย....มนุษย์จะไม่สามารถบอกได้เลยว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่สามารถบอกได้ก็เพราะอาศัยคุณสมบัติพิเศษของตาที่สามตรงต่อมไพนีล ซึ่งมนุษย์เรียกกันว่า "จิตหยาบ" นี่เอง
การหมุนอายตนะทั้ง 6 ซึ่งรวมทั้งการนึกคิดของจิตหยาบหรือจิตมนุษย์เองให้เป็น "ธรรมจักร" ในขั้นต่อมาก็คือ
เมื่อจิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นการรับรู้ขึ้นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร จิตหยาบจะต้องไม่นำเอาสิ่งที่รับรู้นั้นมาปรุงแต่ง หรือจะต้องไม่นำเอาสิ่งที่รับรู้นั้นมาเป็นเงื่อนไข ในอันที่จะนำจิตตนเองไปสู่การสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกต่ำ ๆ ที่เป็น ความอยาก-ไม่อยาก ซึ่งมนุษย์เรียกว่ากิเลสตัณหานั่นเอง
มนุษย์จะต้องรู้ว่า ในสภาวะที่จิตสั่นสะเทือนเป็นปกติในนามปกติ คือ ความสุขและสงบ นั่นเอง จิตมนุษย์จะสั่นสะเทือนตนเองเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกสูงสุดกันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่เนื่องจากมันสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกสูงมาก มนุษย์จึงเข้าใจว่าตนเองรู้สึกเฉย ๆ เสมือนว่างไปจากอารมณ์รู้สึกทั้งหลายทั้งปวงอันเป็นคิดเข้าในที่ไม่ถูกต้องโดยแท้
มนุษย์จึงต้องวางเฉยต่อสิ่งใดเรื่องใดที่ตนรับรู้มันอยู่ในขณะนั้นให้จงได้ ซึ่งหมายถึง การวางจิตเป็นอุเบกขา คือ รับรู้แต่ไม่รับเอา แต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อค้ำจุนคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกสูงสุดอันเป็นสภาวะปกติในการสั่นสะเทือนตามธรรมชาติของจิตตนเอาไว้มิให้ลดทอนลงเพราะถูกรบกวนให้จงได้
มนุษย์จะต้องใช้เครื่องมือชิ้นหนึ่ง เพื่อต้ำจุนสภาวะจิตของตนเองมิให้ถูกรบกวนด้วยเงื่อนไขสิ่งเร้าทั้งหลาย จนทำให้สภาวะจิตเสียสสดุลไปจากเดิมได้โดยง่าย นั่นคือ การเป็นผู้มีสติ ที่มั่นคง
เพราะ "สติ" คือ เครื่องค้ำจุนสภาวะจิตของมนุษย์ที่แท้จริง
มนุษย์จะต้องรู้ว่า การวางจิตตนเองเป็นอุเบกขาเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะหมุนกงล้อธรรมชาติ หรือธรรมจักรของตนให้หมุนวนรุดหน้าเข้าสู่จุดศูนย์กลาง(สติปัญญาของจิตวิญญาณ) กันต่อไปโดยมิให้เกิดการสะดุดหรือหยุดลงกลางคันเสียนั่นเอง นะค่ะ
ดังนั้น จิตหยาบ หรือ จิตมนุษย์ หรือ ดวงตาของจิตวิญญาณ ก็คือ "วิญญาณ" ในทางพระพุทธศาสนา นะค่ะ ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ ซึ่งจิตวิญญาณถ้าจะเปรียบแล้วก็เสมือนดังดุมล้อที่อยู่ภายในสุด ที่เราต้องใช้ความเป็นอุเบกขาจิต เข้าไปหาเพื่อเกิดสติปัญญาของจิตวิญญาณ ที่เรียกว่า ปัญญาญาณ เพื่อการหลุดพ้นค่ะ
คิดเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ -
#จิตริมจาน -
จิ ยิ เปลี่ยน วิธี สื่อ ดีปะ เอาแบบ
ในคลิป
หา ภาพ จักรยาน มา รีวิว
แล้วก้ ออกหน้า ออกตา...
โอว พลังจักรยาน i lik kit
ดุสิ มันหมุ่น สั่นสะเทือน ช่าง สมดุล
โอ้ว ขนาบขนาน เกาะกลุ่ม รักกาน
ทำมาจัก จิ บาน จิ ปันยา ....ยอดมาว์ก
โอ้ว....เย -
#หาก จิยิ เปนหนึ่งในคน
จกข้าวเหนียว
#จง ร่วมลงชื่อ ไล่ โงบะ
กลับบ้านนออออออว์ก
#เพื่อ พยุงราคา ข้าวเหนียว
ให้มีเหลือในเมืองกรุงเพียงพอ
ไม่หายไปมื้อละ ทะนานสอง
เกวียน.... -
-
#นิวทริโอ ชื่ออนุภาคใหม่
ต่างจาก สสารมืด มีอีกแล้ว
นะ รู้จัย์ง
เดี๋ยวจะดริฟ พลังจักรยาน
ตกยุต พูดแต่ อนุภาคเดิม
กล่าวแต่เรื่อง การสั่น
นิวทรีโอ คือ สสารมีรสชาติ
เหมือน ชอคแรด วนิลา สตอร์
เคลื่อนผ่านเทหวัตถ โดยไม่
ส่งผล สั่นสะเทือนอะไรใคร -
-
#โธ่ว์ บักโงบะฮำน้อยของแม่....
#ห้ามแล้วชะมะว่าอย่า............. -
#อนัตตาในกล่องจักรยานขนาน -
-
ไม่แน่นะ....ภัยพิบัติใหญ่ อาจจะมาจากน้ำมือ ของนิ้วมนุษย์ซุกซน(กดปุ่ม)ก็เป็นได้อะนะ o_O
-
#พักกินข้าว ปรับสมดุล เช้า กาวัน เยน -
หน้า 135 ของ 183