ดูท่าท่านที่ชื่อสยบฟ้านี่คงจะยังเข้าไม่ถึงนะท่านมิคี...ช่วยแนะนำให้เขาหน่อยสิเผื่อท่านจะได้อานิสงค์บ้าง..
มิคีผู้รอบรู้..
เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.
หน้า 137 ของ 183
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
สยบฟ้า...ชื่อดูเทห์ดีนะแต่จะสยบฟ้าได้อย่างไรในเมื่อกิเลสในใจยังวุ่นวายอยู่เลย..
ไม่รู้ว่ามาแนวจิตจักรวาลอีกรึเปล่านะ55555.. -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เจ้าของกระทู้ขอถามอะไรหน่อย..
ป.วิสุทธิปัญญานี้เป็นใคร..มีตัวตนบนโลกรึเปล่า.. -
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ไม่รู้ว่าหลังจากข่าวน้ำท่วมแล้วจะมีข่าวไฟไหม้ครั้งใหญ่หรือเปล่านะ..
ไม่รู้ว่าหลังจากข่าวน้ำท่วมแล้วจะมีข่าวภูเขาไฟประทุครั้งใหญ่หรือเปล่านะ..
ก็รอติดตามกันเอาเองหรืออาจจะได้น้ำท่วมกันอีกต่อไปo_O -
❤ เธอเหมือนดั่งสายน้ำ แค่พบ...ก็รู้สึกเย็น ❤
มาฝึกสติกันค่ะ....
❤ คนใจเย็น เป็นคนฉลาดและน่ารัก ❤
เปลี่ยนนิสัยให้ใจเย็นลง ด้วย 5 วิธีฝึกความอดทนให้ตัวเอง
1. ตื่นอย่างมีสติ
นั่งสมาธินิ่งๆ ก่อนจะรับข่าวสารอื่นๆ เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นวันใหม่เป็นไปอย่างมั่นคงในอารมณ์
2.กินอย่างมีสติ
รู้สึกตัวทุกกริยาในการขบเคี้ยว และหยิบจับขณะที่รับประทานอาหาร
3.เดินอย่างมีสติ
เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณร่างกายที่ยังมีกำลังมากพอให้สามารถเดินได้ ขอบคุณถนนหนทางที่สะดวกสบายมากพอจนเดินก้าวไปได้ และเดินด้วยใจกรุณาด้วยความรู้สึกว่า “อยากสร้างแต่รอยย่ำอันงดงามให้กับโลกใบนี้” เต็มไปด้วยความสุขทุกอย่างก้าว
4.ทำงานอย่างมีสติ
ท่ามกลางมรสุมงาน และการติดต่อผู้คนมากมายตลอดวัน เราก็สามารถฝึกสติรู้เนื้อรู้ตัวได้ง่ายๆ เพียงหลับตาลง หายใจเข้าและออกลึกๆ สัก5 รอบลมหายใจ โดยให้สติตามลมหายใจโดยไม่คิดเรื่องอื่น แล้วค่อยกลับไปโฟกัสกับงานตรงหน้าใหม่อีกครั้ง
5.สนทนาอย่ามีสติ
ฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่คิดตัดสินคู่สนทนา เปลี่ยนสภาพตัวเองให้เป็นเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่พร้อมรับฟังบุคคลตรงหน้า ขณะที่เมื่อพูดก็ตระหนักถึงความงดงามของความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนา สื่อสารด้วยความรัก ด้วยความหวังดี ด้วยใจที่อยากจะสร้างสรรค์ความหมายดีๆ ระหว่างกัน
https://sites.google.com/view/httpshenna -
มาหา กระติก
มาหา ป้านยา
-
มีมหาสติเป็นฐานแห่งจิต
การมีสติเป็นเบื้องต้นของผู้ปฏิบัติธรรม ในอันที่จะนำไปสู่มรรค ผล นิพพาน ในบั้นปลาย
การมีสตินั้น โดยนัยสำคัญแล้วหมายถึง การตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา
การตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา หมายถึง การรู้ตัวรู้ตนอยู่ทุกขณะจิต
การรู้ตัวรู้ตนอยู่ทุกขณะจิต หมายถึง การรู้ว่าขณะนั้นตนกำลังสัมผัสรู้เห็นสิ่งใดอยู่ รู้ว่าขณะนั้นตนกำลังคิดนึกถึงสิ่งใดอยู่ และรู้ว่าในขณะนั้นตนกำลังกระทำสิ่งใดอยู่
การเป็นผู้มีสติอาจหมายถึง การตื่นรู้อยู่กับความเป็นปัจจุบันของตนก็ได้
การตื่นรู้อยู่กับความเป็นปัจจุบันของตนก็คือ การรู้เท่าทัน "การรับรู้" ใด ๆ ของตนในขณะนั้นนั่นเอง
มีข้อความที่น่าขบคิดพิจารณาอยู่เรื่องหนึ่งว่า เพราะเหตุใด มนุษย์จำนวนมากมายผู้เข้าถึงการมีสติได้จึงไม่สามารถนำแก่นแท้คือ จิตวิญญาณตนเองสู่การหลุดพ้น คือ นิพพาน ได้ดั่งประสงค์
เหตุที่นิพพานไม่ได้เพราะจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนไม่เป็นสุญญตา
เหตุที่จิตวิญญาณหรือแก่นแท้ไม่เป็นสุญญตา เพราะขาดความโปร่งบริสุทธิ์
เหตุที่ไม่โปร่งบริสุทธิ์ เพราะมีมวลพลังงานที่เป็นขยะเกาะติดแน่นอยู่กับแก่นแท้นั้น จึงไม่อาจนำพาตนเองให้หลุดพ้นออกไปจากอำนาจแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งของเอกภพเพื่อกลับคืนสู่แดนสุญญตา ที่เรียกว่า "นิพพาน" นั่นเอง -
นิพพาน เปน อสังขตธาตุ
ไม่มี ปัจจัยใจการ ปรากฏ
เกาะ จิตผู้รู้ ไม่เสีย เฮียส่งมาเกิด -
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ ถ้าจะนิพพานได้มนุษย์แต่ละคนจะต้องมีหน้าที่กระทำตนเองอยู่ 3 อย่าง คือ
อย่างแรก...
จะต้องชำระอนุภาคประจุลบจำนวนมากมาย ที่เกาะติดอยู่กับเม็ดเลือดแดงของตนซึ่งไหลเวียนไปทั่วร่างกายอยู่ทุกขณะจิตให้มีคุณสมบัติเป็นกลางเสียให้สิ้น ซึ่งสามารถจะกระทำได้โดยต้องสร้างอนุภาคประจุบวกขึ้นมาแทน เพื่อทำให้ประจุลบทั้งหลายแต่เดิมนั้นมีคุณสมบัติเป็นกลางเสียให้สิ้น และเมื่อเป็นกลางทางไฟฟ้าแล้วอนุภาคบวกลบที่จับคู่กันจึงจะสามารถขับออกจากร่างกายในที่สุด
การสร้างอนุภาคประจุบวกขึ้นมาใหม่ เพื่อทำลายคุณสมบัติทางไฟฟ้าลบหรืออนุภาคประจุลบในกระแสโลหิตของตัวเรานั้น สามารถทำได้ด้วยการหมั่นสั่นสะเทือนอารมณ์รู้สึกของตนไปทางบวกให้เป็นนิสัย และการสั่นสะเทือนให้สูงสุดเข้าไว้ เช่น การมองโลกในแง่ดี การมีจิตเมตตากรุณา การมีความรักและปรารนาดีต่อผู้อื่น การอดทน การอดกลั้น และการให้อภัยในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่ดีงามต่อตัวเราของผู้อื่น ถ้าเราสามารถสร้างการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกดีงกล่าว กลไกของจิตวิญญาณในร่างกาย ก็จะสร้างอนุภาคประจุบวกขึ้นมาใหม่จำนวนมากมายได้เช่นกัน
และจะต้องไม่สร้างอนุภาคประจุลบขึ้นมาใหม่ให้เป็นภาระหนักแก่จิตวิญญาณขึ้นมาอีก
ค่ะ เลยทำให้นึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นหลักโอวาทปาฏิโมกข์เลยค่ะว่า การละความชั่วทั้งปวง การทำความดีให้ถึงพร้อม และการทำจิตใจให้ใสบริสุทธิ์ ซึ่งก็ตรงกับ สัมมาวายาโม (ความเพียรชอบ) ในมรรคแปดเลย ที่ใช้เป็นหลักในการตรวจสอบการปฏิบัติมรรคให้ถึงพร้อม
และอีกอย่างหนึ่งนะคะ เหมือนจิตยิ้มเคยได้รับรู้คำของครูบาอาจารย์สายปฏิบัตืว่า จิตของคนเรากระจายอยู่ทั่วร่างกายด้วยค่ะ -
แรงสั่นสเทือนเป็นไงบ้างครับคุณจิตยิ้มตอนนี้หนักขึ้นไหมหรือยังไง
-
ดังที่ได้กล่าว่า ..." นิพพานเป็นอสังขตธาตุ ไม่มีปัจจัยปรากฎ เกาะจิตผู้รู้ไม่เสีย"
เรื่องนี้อาจจะเป็นหนังเรื่องยาวนะคะ แต่จะค่อย ๆ นำมาให้พิจารณากันค่ะ...
"อย่ายึดติดตัวตนรูปลักษณ์ใด ๆ เพราะมันคือ "มายา" และเหตุที่กล่าวว่ามันเป็นมายาก็เพราะว่ามันเป็น "เงา" หรือเปลือกนอกของแก่นแท้ ที่แสดงให้เห็นว่ามัมนมีตัวตนแก่นแท้อยู่จริง ๆ ถ้าไม่มีตัวตนแก่นแท้อยู่จริง ๆ แล้ว มันจะปรากฎเงาหรือมายาของแก่นแท้นั้นให้สัมผัสรู้เห็นไม่ได้
มนุษย์สังเกตุพบพิรุธใด ตรงคำว่า "เงามายาของตัวตนแก่นแท้" กันบ้างหรือไม่?
ตัวตนแก่นแท้ทุกรูปธรรม มันจะเป็นอนุภาคที่มีมวลหรือรูปธรรมที่เล็กละเอียดมากเสียจนไม่อาจมองเห็รด้วยตาเปล่าได้ ซึ่งมวลขนาดเล็กที่ตาเนื้อมองไม่เห็น จะต้องมีการสั่นสะเทือนตนเองอย่างต่อเนื่อง หรือมิเช่นนั้นก็จะต้องมีการเคลื่อนไหวตนเองให้เกิดปรากฎการณ์บางอย่างเป็นบางขณะก็ได้
รู้หรือไม่ว่า จากเหตุที่อนุภาคเล็ก ๆ มีการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องนี่เอง มันจึงก่อให้เกิดอำนาจใหม่หรือพลังงานใหม่ขึ้น
พลังงานใหม่นี้เป็นพลังงานบวกหรือ "ความรัก" นั่นเอง
ทุกคนก็รู้ว่าความรัก เป็นอำนาจที่มีไว้เพื่อดึงดูดเหนี่ยวรั้งสรรพสิ่งอื่นที่อยู่ใกล้ตัวให้เข้ามารวมตัวเป็นพวกเดียวกันหรือเกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งให้เป๋นหนึ่งเดียว อำนาจด้านบวกที่จะใช้เกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งอนุภาคของกันและกันไว้อย่างยาวนานมั่นคงมันก็จะดำรงความเป็นหนึ่งเดียวกันได้ตลอดไป
ถ้าอำนาจดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันยังคงมีอยู่ การดำรงตัวตนรูปลักษณ์ที่มีมวลหยาบ ๆ อันเกิดจากอนุภาคเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมากมายมาเกาะเกี่ยวเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น ก็จะดำรงตนว่ามีจริงอยู่ตลอดไป แต่....ถ้าหยุดสั่นสะเทือนเมื่อใดอำนาจด้านบวกก็จะหมดไป การเกาะยึดติดกันก็ไม่เกิดขึ้น แต่ละอนุภาคก็จะแยกย้ายเป็นอิสระต่อกันไปทันที สิ่งที่เคยเห็นเป็นตัวตนมายาอยู่แต่เดิมก็จะสูญสลายหายไปด้วย
แต่ถ้าการสั่นสะเทือนของอนุภาคเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งมันยังมิมีอำนาจใหม่ด้านบวกมากพอและนานพอต่อการยึดรั้งซึ่งกันและกันได้ มันก็จะแสดงคนให้เห็นเป็นภาพเงาของกระบวนการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวของตัวมันเองแทน ซึ่งเรียกว่า "ปรากฎการณ์" ที่เกิดขึ้นในชั่วขณะใดขณะหนึ่งภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั่นเอง
เงาที่เคลื่อนไหวได้ชั่วครู่ชั่วคราวนี้เอง คือ ปรากฎการณ์ ซึ่งจัดว่าเป็น "มายา" เช่นกัน
ความมีตัวตนของสรรพสิ่งที่ตาเปล่ามองไม่เห็นหรือไม่อาจสัมผัสรู้ได้ว่ามันมีตัวตนแก่นแท้ดำรงอยู่จริง นอกจากมองผ่านเงามายาของมันเท่านั้น
เงาหรือมายาของแก่นแท้อยู่อย่างยาวนาน เรียกสรรพสิ่งนั้นว่า "วัตถุหรือตัวตน"
เงาหรือมายาของแก่นแท้ที่เกิดได้เพียงชัวครู่ชั่วยามหรือบั้วขณะ เช่นสายฟ้าแลบ เรียกเงามายาของแก่นแท้นั้นว่า "ปรากฎการณ์"
ดังนั้นไม่ว่าจะสัมผัสรู้ดูเห็มันอยู่จะเป็น "วัตถุหรือตัวตน" หรือจะเป็นเพียง "ปรากฎการณ์" มันก็คือตัวแทนของแก่นแท้" หรือเปลือกนอกของแก่นแท้ทั้งสิ้น ขณะที่ในยามนั้นตัวจริงของมันจะเร้นอยู่เบื้องหลังเงามายาอีกทอดหนึ่ง
ค่ะ เหมือนกับว่าธรรมชาติของจิตเดิมมีคุณสมบัติที่ว่างไปจากสิ่งทั้งปวง พอเกิดสั่นไหวกระทบแล้วสร้างพลังงานขึ้นมาใหม่ ที่ผิดไปจากธรรมชาติของจิตเดิม จึงเกิดเป็นคุณสมบัติใหม่ที่จิตที่เกาะติดอยู่ที่ต้องรับผิดชอบในการกำจัดออกไป ประมาณนี้นะคะ -
แล้วได้อ่านเฟสท่านหนึ่ง ได้กล่าวไว้เรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ หลายคนค่ะบอกมาอาจไม่เกิดขึ้นไปอีก 2000 ปี ค่ะ เพราะปรับเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว และมีจิตวิญญาณแสงสว่างที่อยู่ทั่วโลกกำลังดำเนินการช่วยเหลือโลกกันอยู่นะค่ะ
การปรับเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ จะมีการยกระดับจิตวิญญาณไปด้วย และผู้ที่ต่อต้านคือไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือยกระดับจิตสำนึกตนเอง ก็จะจากไปก่อนวัยอันควรค่ะ -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
จ๊วด จ๊วดดดด..
ยาวไป ยาวปายยยย.. -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
หลายคนบอกไม่เท่าพระอรหันต์เพียงองค์เดียวบอก..
ปุถุชนจะเกินอรหันต์ได้อย่างไร55555 -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
หน้า 137 ของ 183