ทุกอย่างย่อลงที่....
คิดดี พูดดี และทำดี
และไม่ก่อกรรมเวรซึ่งกันและกัน....
ทั้งทางด้านกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
เท่านี้ก็พอแล้วค่ะการดำเนินชีวิตในโลกสังคมนี้อย่างสงบสุข นี้ก็ถือว่าเป็นวิถีทางแห่งมรรคในสมมุติบัญญัติ หากเรามองว่าการปฏิบัติแบบนี้ไม่ใช่วิถีทางแห่งพุทธ ก็จะมองว่าสูงส่งไปที่คนยากจะเข้าถึง ไม่อยากให้มีอุดมคติแบบนั้นก็ไปตามวาสนาของแต่ละคนในการสั่งสม
ศีล สมาธิ และ ปัญญา
ผู้ที่เข้าถึงที่ตนเองปราถนาที่จะให้ทุกคนได้นำไปพิจารณา คงจะมีบ้างนะค่ะ ที่รู้ว่าคำเหล่านี้ก็มีค่าหากเราเข้าใจ
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ....
ธรรมชาติสมาธิในยุคพลังงานใหม่ เป็นการอบรมจิตเพื่อการชำระกิเลสด้วยวิถีธรรมชาติ โดยใช้สถานการณ์จริงจากบทเรียนจริงในชีวิต เป็นบทฝึกฝนและบททดสอบตนเอง ซึ่งให้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้ทันที ดีกว่าการเปลืองเวลานั่งขัดสมาธิ ดับกิเลสกันขั่วคราว แต่กลับเอามาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ หรือใช้ได้ก็เพียงเพื่อตนเองเท่านั้น
ถ้ามนุษย์หมั่นฝึกฝนตนเองจนสามารถครองสติ สร้างสมาธิแก่ตนเองได้อย่างสิ้นเชิง ในการสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น จนมอบความรักผ่านพฤติกรรมด้านบวกให้แก่ผู้อื่นไม่เลือกหน้า ไม่ว่าเขาจะกระทำถูกต้องต่อตนเองหรือไม่ถูกต้องต่อตนเองก็ตาม
เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.
หน้า 55 ของ 184
-
การรู้เท่าทันเงื่อนไขที่กำลังมากระทบจิตใจได้ล่วงหน้า
การรู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในจิตใจแล้วดับมันลงได้ทันที
การคิดรู้ได้ว่าที่ถูกต้องและควรทำคืออย่างไร?
การคิดรู้ได้ว่า ที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควรกระทำคืออย่างไร? -
มนุษย์คงไม่ลืมว่า วัตถุประสงค์ของการสำรวมจิตให้เป็นสมาธิ คือ การมีสติสามารถควบคุมอารมณ์รู้สึกนึกคิดของตนได้ โดยเฉพาะอารมณ์หยาบ ๆ รายวันที่บั่นทอนสติปัญญา และสร้างปัญหาแก่ตนเองกับผู้อื่นในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นเอง เพื่อให้เกิดคิดถูกต้อง ทำถูกต้องต่อกันเสมอ การสร้างกรรมให้เกิดผลกรรมในทางโลกและมิติคู่ขนานอันเกิดจากจิต มันจะไม่เกิดขึ้น การชดใช้กรรมด้วยการมีภพชาติของจิตวิญญาณของตน มันย่อมไม่เกิดขึ้นภายใต้กฎแห่งกรรมเหมือนที่ตนเคยผิดพลาดจนต้องกลับมาแก้ไขตนเองใหม่ในภพชาตินี้ อีกต่อไปด้วย
-
มนุษย์ควรรู้ว่า ถ้ารู้ว่าการมีสติหมายถึงการรู้เท่าทันอารมณ์ตนเองที่เกิดขึ้น และรู้เท่าทันเงื่อนไขการกระทำของผู้อื่นทั้งทางด้านบวกและด้านลบ ที่จะมีผลให้เกิดการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกต่อตนเอง และสามารถระงับหรือยับยั้งมันได้ทันท่วงที ก็ถือว่าเกิดสติครองสมาธิได้ระดับหนึ่งแล้ว
ถ้ายับยั้งอารมณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้หมด และหันมาใช้สติปัญญาเพื่อการคิดและการตัดสินใจ โดยนำเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ตนเผชิญอยู่ในขณะนั้น ไม่ใช่สัจธรรมของศาสดา มันจะช่วยให้มนุษย์เองได้รับประโยชน์จากจิตที่มีสติเป็นสมาธิตามธรรมชาตินั้น สู่การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกได้เสมอ หากรู้จักสร้างธรรมชาติสมาธินี้ได้อย่างถาวร ความสงบสุขและสันติสุขอันเกิดขึ้นจากความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมมนุษย์มันจะเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ -
แต่จะเกี่ยวข้องกับ "ตาที่สาม"
ถ้าอำนาจแม่เหล็กโลกต่ำ บานประตูมิติบานนี้จะถูกปิดสนิท การสื่อภาษาที่สามค่อนข้างยาก ในยุคพลังงานเก่า ผู้ที่ใช้ภาษาที่สามคือภาษาจิตในการใช้ปัญญาญาณผ่านช่องทางนี้ ค่อนข้างมีอุปสรรคและน้อยรายที่จะเข้าถึงได้
แต่ยุคพลังงานใหม่ หากตั้งใจฝึกฝนให้เกิดปัญญาญาณเพื่อการใช้ภาษาจิตภาษาที่สาม ด้วยพลังอำนาจแม่เหล็กของดาวเคราะห์โลกที่สูงขึ้น
เมื่อโลกมีพลังอำนาจมากขึ้น อำนาจด้านหนึ่งซึ่งมนุษย์ยุคพลังงานใหม่จะได้รับ คือ อำนาจแห่งการรู้แจ้ง คือในการหยั่งรู้สิ่งใดที่ตนประสงค์จะรู้ เป็นการสื่อภาษาที่สามกับรูปธรรมอื่น ๆ มนุษย์ยุคพลังงานใหม่ทุกคนจะได้รับรางวัลนี้ ต้องปฏิบัติดังนี้
1.จิตต้องสงบเป็นสมาธิ
2.คิดเป็น
3.จิตสำนึกต้องสั่นสะเทือนด้านบวกเสมอ
4.ไม่งมงาย -
ใคร! สนใจข้อความนี้บ้างไหม!
การล้างกรรมหรือระเบิดคุณสมบัติของพลังงานกรรม ที่เป็นอณู แม้ต้องอาศัยพลังอำนาจจิตใต้สำนึกก็จริงอยู่ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการที่จัดวางไว้เท่านั้น ก็คือ มนุษย์ทุกคนต้องชดใช้กรรมของตนทุกเรื่องราว
มนุษย์จงรู้ว่า ไม่มีใครสามารถตัดกรรม สลัดกรรม หรือทำคุณสมบัติกรรมของตนเองให้เป็นกลางได้ ไม่ว่าจะมีอำนาจวิเศษปานใดก็ตาม นอกจากกระทำที่จิตสำนึกของตนเองเท่านั้น -
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
-
-
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
เราก็แค่สิ่งมีชีวิตเศษฝุ่นเมื่อเทียบกับสเกลของจักรวาล อยากกลับไปหาผู้สร้างเพื่อรื้อและสร้างเพิ่มเอาที่สบายใจ ไม่ขอสร้างใหม่นะ เหนื่อย ปัญหาเยอะ นี่ก็สุดๆ ของผู้สร้างแล้วมั้ง ช่วงนี้อาจกำลังอยู่รอยต่อช่วงทำฝันให้เป็นจริงล่ะมั้ง ฝันไม่ดีก็ทิ้งปาย ฝันดีสิน่าเริ่มใหม่
-
โทรศัพทฮับโดยมากจะเป็น 11..22..44
3 เลขนี้ทุกวันที่เหลือบไปมองโดยไม่ได้
จ้องเลขพวกนี้เหมือนมองแบบลืมๆ เวลา
ฮับ
ความหมายที่ทำนายกันก็คือ สิ่งที่กำลังคิดกำลังปฏิบัติ
นั้นมาถูกทางแล้ว -
เรื่องความเป็นไปของระบบจักรวาล
เป็นเรื่องอาจินไตย 1 ในทั้งหมด 5
ใครคิดมากว่ากำเหนิดมาอย่างไร
และจะเป็นไปอย่างไรต่อ
สติจะเพี้ยนเช่นเดียวกับสงสัยในพุทธวิสัย
ฮับ
เรื่องภัยพิบัติของโลกแม้ไม่ได้จัดรวม
อยู่ใน 5 รายการ
แต่ก็ใกล้เคียงมากเพราะเกี่ยวโยงกับระบบ
สุริยะและอนันตจักรวาล
ใน3 แดนโลกธาตุด้วย
ดังนั้น บุคคลธรรมดา
ที่ไปวิเคราะห์วิแคระห์ รีดเค้นคำทำนาย
ออกมาเผยแพร่ มันก็เสี่ยงที่จะเพี้ยน
ได้อยู่นะฮับ -
-
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
*** อย่าลืมสัจจะ ****
ถ้าจะเปลี่ยนแปลงโลก
ท่านต้องเปลี่ยนตนเองให้สำเร็จก่อน
โดยมีสัจจะปฏิบัติที่สมบูรณ์เกิดขึ้นทุกวัน
- " หนุมาน ผู้นำสาร " -
-
-
ดุจเป็นเสนาธิการของ
จักรวาล
และยังมองเราด้วย
ความสงสารและคิดปล่อยเราตามยถากรรม
และรำพึงว่าไม่เชื่อไม่เป็นรัยด้วยความเมตตา
คิดว่าเป็นกรรมของสัตว์
หากเราไม่ยอมนอบน้อม
ศิโรราบคาบแก้วที่เค้ามอบให้ฮับ -
มิติที่สามแห่งกาลเวลาจะเผยออกสำหรับมนุษย์และโลกยุคพลังงานใหม่ที่จะติดต่อสื่อสารสัมพันธ์กันโดยใช้ภาษาที่สาม ที่เป็นภาษาสากลของโลกยุคพลังงานใหม่ ที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้ในการสื่อสารกับรูปธรรมดวงดาวอื่น ด้วยการจิตอีกภาคหนึ่งที่ถูกกดให้ไร้สำนึกเอาไว้ แต่..ด้วยอำนาจแม่เหล็กโลกยุคพลังงานเก่า ที่กำลังจะผ่านพ้นไป และมนุษย์ทุกคนต้องฝึกใช้ภาษาที่สามกันให้จงได้ เพราะยุคพลังงานใหม่ มนุษย์ได้รับรหัสบุรพกรรมแม่เหล็กเพิ่มขึ้นจากเดิมแล้วอุปสรรคจะลดลง ไม่ยุ่งยากเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน
หลักปฏิบัติคือ การทำสมาธิวิปัสสนา ด้วยการหยุดยั้งกระบวนการทางอารมณ์รายวันของตนให้ได้ ให้กระบวนการนี้หยุดทำงาน ด้วยวิธี "กำหนดรู้" ด้วยการกดระงับหรือการปิดกั้นกระบวนการทางอารมณ์ใด ๆ ของตนเอาไว้เพื่อให้กระบวนการนี้หยุดนิ่ง ซึ่งจิตจะเข้าสู่สภาวะสุขสงบ(เพราะสมองซีกซ้ายกำลังถูกกระทำให้มันไรสำนึกชั่วคราว) ตราบเท่าที่มีสมาธิอยู่ หากกระบวนการทางอารมณ์รายวันใด ๆ หยุดทำงาน หรือถูกกดไว้ให้ไร้สำนึกเช่นนี้ กระบวนการคิดรู้ใด ๆ ด้วยจิตอีกภาคหนึ่ง(สมองซีกขวา) ที่ไร้สำนึกแต่เดิมถูกปลุกเร้าให้มาทำหน้าที่ทนทันที หรือ แสดงบทบาทเปิดเผยตนเองออกมาได้ในทันทีเช่นเดียวกัน
การปฏิบัติสมาธิเพื่อมอบความรักอันเป็นคลื่นพลังงานด้านบวก มอบให้โลกและทุกสรรพสิ่งและใช้สมาธิในการคิดรู้สร้างสัมพันธ์กับจักรวาลเพื่อคยรับฟังข่าวสารจากจักรวาลที่ตนใดตนหนึ่งจะเมตตา ส่งคลื่นความคิดแดนไกลด้วยภาษาที่ไม่ต้องพูด
ทันทีที่ได้รับคลื่นส้ญญาณ มนุษย์จงอย่าตื่นกลัว เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่แท้จริงไม่ใช่มายา เป็นสัญญาณภาษาสากลจากรูปธรรมที่พร้อมมอบความรักมาให้ด้วยข่าวสารสำคัญ อันพึงน้อมรับไว้ มนุษย์สามารถโต้ตอบกับจิตจักรวาลได้วยตนเอง จงสอบถามในสิ่งที่ต้องการรู้และจะรู้ว่าจิตจักรวาลล้วนมีจริง เพียงแค่มนุษย์รู้จักปฏิบัติสมาธิให้ถูกต้องกันให้ได้เท่านั้น สัญญาณการติดต่อกับมนุษย์คนนั้นจะเริ่มขึ้นทันที
บางรายจะได้รับการติดต่อจากแดนไกลเป็นสัญญาณเสียงที่กังวานในสมาธินั้น
บางรายจะถูกยืมกล่องเสียง พูดออกมาเป็นภาษาสากลจักรวาล ซึ่งมนุษย์ต้องฟังด้วยจิตไม่ใช่ฟังด้วยหูแล้วจะรู้และเข้าใจความหมายได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอัศจรรย์แต่อย่างใดสำหรับการติดต่อกับจิตจักรวาลด้วยตนเองของมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ในยุคพลังงานใหม่นี้
มนุษย์พึงรู้ว่า จักรวาลล้วนทราบล่วงหน้าดีว่าตำแหน่งใดบนโลกที่ตะถูกชำระและได้รับภัยพิบัติ แต่มันไม่ใช่ความเหมาะสมที่แท้จริง ที่จะแจ้งข่าวสำคัญนั้นอย่างเจาะจงไว้ล่วงหน้า... -
-
หน้า 55 ของ 184