เน้นปัญญาจะได้สติ-สมาธิ-ด้วย ถ้าเน้นสติ-สมาธิ- ปัญญาจะมาจากไหนครับ

Neoworld

จิต..รับรู้สัมผัสได้ทีละอย่าง-ทีละอารมณ์ แต่ด้วยความเร็วของจิตเขาทำงานแบบสายฟ้าแล็บ- ทำให้เราเข้าใจว่าจิตรับรู้ไปทีละ6 อายตนะ..เสพถึง6อารมณ์ในคราวเดียวกัน.. ไม่มีสัมผัสรวม-หรือผัสสะรวมอย่างที่คุณโพสต์มา.. คุณไปเอาความรู้นี่มาจกไหนนี่

 

ใช่ครับ ดูกำกวมไปหมด เพราะ สติ-สมาธิ-ปัญญา ในทางโลกนั้น "เขามีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ"เพื่อใช้ดำรงค์ชีวิตประจำวัน เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆในการดำรงค์ชีพ..ปัญญาทางปริยัติ หรือปัญญาทางโลกนั่นเองครับ

แต่ที่ผมนำเสนอนั้น..ลองอ่านหัวข้อกะทู้อีกครั้งครับ รู้เลย..ผมให้เน้นปัญญานำ สติ-สมาธิ ครับ ด้วยการสั่งสมสุตตะ จิต..จะได้นำข้อมูลไปตรึกตรอง วิเคราะหื วิจัย แล้วนำมาภาวนา จะเกิด ปฏิเวธ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อการเกิด สมาธิครับ

 

..อันนี้..เอ้อ..เกินภูมิผมครับ ยังไม่ได้ปฏิบัติเลยครับ !

 

..

 

หากอยากหลุดพ้น ต้องเอาปัญญาจาก "ปริยัติ" นั้น มาปฏิบัติ-ภาวนา ก่อนเพื่อ ให้เกิด ปฏิเวธ..
..เราเรียก ปัญญาที่เกิดจากการ ภาวนานี้ว่า "ปฏิเวธ"..เพราะ จะทำให้ไม่หลงทาง-ไม่หลงทาง-และเป็นแผนที่..ไปสู่ ปัญญาที่ทำให้หลุดพ้นได้ตามคำสอนของ พจ.

 

อยากบรรลุในอริยสัจจ์
ต้องทำตามพระธรรมคือต้องสร้างปัญญา
ในตนเอง โดนการตั้งสติเพื่อเข้าใจความจริง
เฉพาะหน้าในทุกๆ ขณะว่าสิ่งเหล่านั้น
เป็นสภาวะอะไร เกิดจากอะไร
เราสัมผัสสิ่งนั้นด้วยอายาตนะอะไร
สิ่งนั้นคงที่ไหม ควบคุมได้ไหม
อย่างนี้เป็นต้น
ทั้งนี้ด้วยสติสัมปขัญญะในตนเอง
ไม่ใช่ปัญญาจากปริยัติฮับ

 

ย้ำว่าต้องปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องตามลำดับ
ด้วยปัญญาของตนเองฮับ

 

ธรรมแท้ เป็นเรื่องของ สัตตบุรุษ ที่ พบหนทาง เดินไปคนเดียว

ไม่มีเรื่อง การถูกสะกดจิต ให้ โอนอ่อน คล้อยตามผู้ใด ที่มี อำนาจเหนือ

พระพุทธองค์ ประทาน ตำราพิชัยสงครามไว้ให้ 84000 ค่ายกล
ที่แม้นจะถูกลักลอบเปลี่ยนแปล แล แปลพร่องไปตามกาลสมัย
แห่งภาษา .....

แต่พระพุทธองค์ ทรงแทงตลอดด้วย สมาธิ กำหนดสัทธรรมเหล่านั้น
จะสามารถเป็น ที่พึ่ง แก่ผู้รู้จัก มหาประเทศสี่ ยก ธรรม เป็นใหญ่

ไม่คล้อยตามอำนาจ การสนตะพายย จูงจมูกจากใคร !!


แก้จิต แก้ยาก นะ มหาสมณโคดม ทรงแก้ไว้ให้หมดแล้ว ..... ผู้ใด อย่า.....

 

Neoworld

.. ความรู้เฉพาะหน้าที่เกิดนั้น..เกิดจากอายตนะ6..ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นปริยัติไหม..?
....แล้ว เราจะรู้ทันไหม ..ว่าเกิดที่ไหนก่อน ? ทั้ง6ทางนี้..เมื่อเกิดแล้วจะดับมันยังไง เช่นความคิดที่เป็นทุกข์ จะดับ-จะรู้ มันยังไง-ตรงไหม ? ..

...ถ้าไม่เรียนปริยัติ..จะเอาความรู้อะไรมาดู มาดับ มาพิจราณาว่า สิ่งที่เกิดเฉพาะหน้านี้คือ ทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค..อริยสัจจ์สี่ หือ หือ ?

 

Neoworld

..ปริยัคิ-ตามพุทธวจน-พระไตรปิฏก-ไม่ใช่คำสอนของ พจ.หรือ-เป็นไปตามลำดับไหม หือ ? ตนเองเรียนเอง-เป็นปัญญาของตนเองไหม หือ..?

 

พระศาสดา ตรัสว่า คำสอนของพระองค์คือเรือ เมื่อข้ามน้ำแล้วก็ไม่จำเป็นเอาเรือไว้บนหัว
ท่านบอกนัยนะคือ ไม่ยึดมั่นหรือ มีหลักการอะไรตายตัว

 

พระพุทธองค์ ตรัสเสมอ แม้น กระทั่ง กถาที่พระพุทธองค์ พึ่งทรงแสดง จบลง

พระพุทธองค์ ก็ทรงพ้น จาก สิ่งที่ทรงแสดงด้วย

การเกิด วจีสังขาร กายสังขาร มโนสังขาร เป็นเพียง ธรรม ที่เกิดไปตาม ปัจจัยการ

การเข้าใจว่า พระสูตรนี้แสดงแก่คนนี้ ชนนั้น เป็น ความเห็นผิด ของ สักกายทิฏฐิร้อยรัด
และ ชื่อว่า กล่าวตู่ตถาคต

 

ฝาก ลวกเพ่ ยกเห็น "การสลัดคืนไม่เหลือ" เป็น การระลึกได้อย่างหนึ่ง สัญญาชนิดหนึ่ง

สามารถ ยก สัญญาการระลึกได้ในอาการสลัดคืนไม่เหลือ มาพิจารณา สัญญาตัวนี้ เกิดดับ
เหมือน สัญญากองอื่นๆ เนืองๆ เป็น ปัจจัยในการ ภาวนา ได้


“เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ (ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี) หายใจเข้า”

 

..
แค่พลังงานที่มีความรู้สึก

..คุณเอาผลสำเร็จในการปฏิบัติ -มาอ้างว่าเป็นคำสอนของ พจ.-อ้างว่า ท่านบอกนัยยะคือไม่ควรยึดมั่น มีหลักการอะไรตายตัว..
คุณมั่วในการแอบอ้างคำสอนของ พจ.มากครับ-หากไม่มีหลักการอะไรตายตัว ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น- อย่างนั้น พจ.กำหนดให้คุณถือศิล5 ก่อนปฏิบัติธรรม ทำไม-กำหนดพระวินัยให้สงฆ์ปฏิบัติตั้ง227 ข้อทำไม-ต้องทำความเคารพ คนที่บวชก่อนว่า เป็นอาวุโส ทำไม-ฯลฯ
ต้องปฏิบัติธรรมแบบ-โยนิโสมนะสิการ ให้แยบคายในธรรมที่ปรากฏ-ว่าควรจะ ปฏิบัติแบบไหน-ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลคน-ทำไม.ท่านกำหนด ขั้นตอนการปฏิบัติธรรมและกำหนดข้อห้าม-ไว้ทำไม-ถ้าไม่มีหลักการ

 

การยึดมั่นหลักการ ทำให้เราขาดอิสระภาพ เมื่อขาดอิสระภาพ ก็ยากเข้าถึงธรรมชาติ
เมื่อไม่เข้าถึงธรรมชาติ ความว้าวุ่นก็เข้าแทรกอยู่เป็นนิจ ๆ การภาวนาต้องอยู่ในสภาธรรมชาติทางกาย และจิต ไม่งั้นก็ไม่ไปถึงไหน

 

แค่พลังงานที่มีความรู้สึก

"..ท่านบอกนัยนะคือ ไม่ยึดมั่นหรือ มีหลักการอะไรตายตัว.."

..นี่ไม่ใช่คำสอนของ พจ.เป็นคำสอนของพวก นิครนถ์-โยคี-ฤษี-ชี-ไพร-นอกลัทธิ นอกศาสนาของ พจ.โน่นครับ-

ถ้าผมจำไม่ผิด คุณดูหนังเรื่อง พจ. แล้วมั่วนำคำโต้ตอบของ อาจารย์ "สัญชัย ปริพาชก-กับ พจ. มาปนกัน-สัญชัย ปริพาชก เป็นคนพูดประโยคนี้ ในหนังว่าด้วยเรื่อ.."หลักการ".. โน่นครับ

คุณยกพระสูตร-พุทธวจน-มายืนยันเลยครับว่า พจ.กล่าวไว้ที่ใด..คราวหน้าจำให้แม่นๆนะครับ เรียนธรรมควรมี "ทักษะ" ในคำสอน ในภาพรวม-ภาพกว้าง ด้วยครับ..การที่คุณแอบอ้าง อาจไม่จงใจ หรือจำผิดพลาด แบบนี้ ..มันทำลายคำสอน พจ.มาทั้งหมด ว่าไม่มีระบบ-ระเบียบ-อะไรเลย มันเป็นโทษต่อผู้เสพ และหลงเชื่อคำโพสต์ ของคุณนะครับ สาธุ.

 

ผมขอถามกลับคุณหน่อย ธรรมชาติของจิตเป็นไฉน

 

อีกอย่าง เรื่อง หลักการนี้ ผมเองเป็นคนโพสต์ในพลังจิตนี้ มาครั้งหนึ่งแล้วครับ ผมจำได้.

 

แค่พลังงานที่มีความรู้สึก

เอาเป็นเรื่องๆครับ..คุณยกมาก่อน พจ.ตรัสไว้ตรงไหน ที่คุณนำเรื่อง หลักการมาอ้าง แล้วเดี๋ยวผมจะตอบคุณครับที่คุณถาม เอาหลักฐานมาครับ ..เอาเป็นเรื่องๆครับ

 

คุณยิ่งพัฒนา ยิ่งทำลายตนเอง-เพราะไปยึดคำสอนลัทธิอื่น มาปนเป-กับ พุทธศาสนาไปหมด ประโยคที่ว่าไม่มี.. "หลักการ"..เป้นคำสอนของ สัญชัย ปริพาชก..ไม่ใช่พุทธศาสนาครับ