กราบหลวงปู่ทิม คุณตาสาย แก้วสว่าง พี่รัก น้าต๋อย และพี่ๆทุกๆท่านครับ
วันนี้วันพระ เมื่อเช้าตื่นมาทำบุญใส่บาตร อุทิศบุญกุศลให้กับหลวงปู่ทิม คุณตาสาย หลวงปู่กราด ครับ
เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาค 2
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 15 ธันวาคม 2012.
หน้า 284 ของ 590
-
-
กราบ หลวงปู่ทิมครับ
สวัสดีพี่ๆทุกคนครับ -
กราบหลวงปู่ทิม คุณตาสาย แก้วสว่าง
สวัสดี อ.แก้วสว่าง และ พี่ ๆ ทุก ๆ ท่านครับ -
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
การสร้างพระเครื่องตั้งแต่ในยุคแรกๆนั้น คนเก่าคนแก่หรือคนที่เคยบวชอยู่ในวัดละหารไร่หรือแม้กระทั่งเด็กวัดที่เคยรับใช้บีบนวดให้กับหลวงปู่ทิมที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีการกล่าวขานกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน เพราะสมัยนั้นวัดคือแหล่งชุมชนหรือการพบปะของชาวบ้าน หรือแม้กระทั่งมีการละเล่นพื้นบ้านก็จะใช้สถานที่วัดนั้นเป็นตั้งกัน เราจะเห็นว่าวัดละหารไร่ถือว่าเป็นวัดที่อยู่ในชนบทที่ห่างไกล การคมนาคมยังไม่สะดวกสบายเหมือนกับในสมัยนี้ นายสาย แก้วสว่างและชาวบ้านในยุคก่อนนั้นเล่าว่าการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ทิมนั้นเขาจะเน้นวัตถุประสงค์หลักเพื่อมอบแก่ผู้ที่นับถือและศรัทธากัน การสร้างพระเครื่องจะช่วยกดกันในวัด โดยมีชาวบ้านที่เคยเป็นเด็กวัดคนหนึ่งเล่าว่าในยุคสมัยนั้นการทำพระเขาจะใช้มือกดทำพระกันจะไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยทั้งสิ้น ลุงหอม แก้วสว่าง (น้องชายของลุงสาย)ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ ท่านเล่าว่า ได้บวชเรียนรับใช้อยู่กับหลวงปู่ทิมอยู่ 4พรรษา ท่านเล่าว่า ตอนที่บวชหลวงปู่ท่านจะเรียกพระไปทั้งหมดตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 5รูปท่องบทสวดมนต์ให้ฟังต่อหน้าท่าน ถ้าใครท่องไม่ได้หลวงปู่ท่านจะว่ากล่าวและก็เคี่ยวเข็ญจนกว่าจะท่องได้ ส่วนในเรื่องของคาถาอาคมนั้นเล่าว่าใครต้องการคาถาบทไหนท่านก็ให้บทนั้นไปซึ่งใครที่มาขอส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ได้คลุกคลีบีบนวดท่าน ท่านก็จะให้ไปบ้างตามแต่ใจท่าน บางบทอานุภาพแบบเดียวกันแต่คาถาว่ากับไม่เหมือนกันก็มี นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่า หลวงปู่ทิมท่านมีคาถาหลายบทมากซึ่งมนต์ทุกบทนั้นหลวงปู่ทิมท่านจำได้หมดโดยไม่ต้องใช้ตำรามาย้อนอ่านเลยแม้กระทั่งหลวงปู่ท่านจะอายุล่วงเลย 90กว่าปีแล้วก็ตาม แต่โดยปกติแล้วหลวงปู่ทิมท่านจะเป็นคนที่หวงวิชามาก เพราะยิ่งวิชาอาคมนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมีการถือกันอย่างเคร่งครัดมากเพราะถ้ากระทำในสิ่งที่ไม่ดีบาปนั้นจะตกทั้งผู้นำไปใช้และอาจารย์ผู้มอบให้ได้ ฉะนั้นเจตนารมณ์นี้จึงเป็นหลักประการสำคัญที่หลวงปู่ทิมท่านอย่างยึดเสมอมา ลุงหอม แก้วสว่างท่านได้ย้อนเรื่องราวเล่าว่าตอนนั้นท่านยังบวชเป็นพระอยู่และสมัยนั้นที่วัดจะมีครกอยู่หลายใบ และมีใบขนาดใหญ่ใหญ่อยู่ใบหนึ่งที่ใช้สำหรับตำยาแผนโบราณ ตอนภายหลังชาวบ้านและเด็กวัดได้ช่วยกันนำรากไม้และใบไม้ใบว่านยาต่างๆตามที่กำหนดหาเพื่อที่จะเอามาทำพระเครื่อง ซึ่งต่างก็ได้ช่วยกันตำจนมือระบบกันไปหมดจึงต้องเอาไม้ไผ่มาหุ้มกับสากอีกที เพราะใบว่านยาแต่ละอย่างนั้นมันเหนียวมาก แต่จะตำกันได้แค่เพียงให้ใบไม้นั้นหยาบเท่านั้นจะไม่ค่อยมีความละเอียดเพราะไม่ได้ใช้เครื่องบด จนมาในยุคท้ายๆลุงหอมหรือพระหอมสมัยนั้นได้ใช้ให้ไอ้นึก( เด็กวัดสมัยนั้นปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ ) มาช่วยตำทีซึ่งตอนนั้นครกนั้นก็ถูกใช้งานมามากจนอาจเกิดการผุหรือสึกกร่อนได้ ไอ้นึกกับพวกเด็กวัดด้วยกันตำใบไม้ใบว่านกันจนครกที่เริ่มกร่อนแล้วนั้นได้แตกออกเป็นสองซีก และตอนนั้นชาวบ้านที่มาช่วยกันในวัดก็เห็นประจักษ์ตากันหลายคน ทำให้เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขานกันมาก ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดจากอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆ จากนั้นนายสาย ท่านก็ได้นำครกใบที่แตกนั้นไปเก็บไว้ให้เป็นที่ไป สำหรับเรื่องราวจากชาวบ้านเล่าสู่กันฟังโดยที่ไม่มีการอิงจากบทนิยายนั้นยังมีเรื่องกล่าวเล่าขานกันอีกมากมายขอเพียงให้สมาชิกทุกท่านเปิดใจให้เป็นกลางในการรับความรู้สึกที่คิดเห็นและนึกตรองเท่านั้นเพื่อบทความเข้าใจ.....ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
[SIZE="5"[B][SIZE="5"]]สวัสดีครับ ผมได้รับแจ้งจากคุณ รณ..... สมาชิกในกระทู้เรา
มีจิตเป็นกุศลมอบพระนาคปรกจ้อยหลวงพ่อสาครรุ่นแรกปี18แต่ หลวงปู่ทิมอฐิษฐานจิตให้ เพื่อประมุลสร้างพระและ
เหรียญหลวงปู่ทิมย้อนยุค และรูปถ่ายกระดาษยันต์สารพัดกันขนาด 1 นิ้ว สีและขาวดำ อย่างละ100 ภาพ(เป็นของใหม่ทั้งหมดแต่ได้รับการอฐิษฐานจิตจากครูบาอาจารย์ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าท่านเป็นผู้ทรงวิทยาคุณ ที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ) ทั่งหมดร่วมสร้างพระประธาน ถวายวัดคลองบงวราราม
วัตถุมงคลที่มอบให้ครั้งนี้ ขอให้กุศลที่เกิดขึ้น คุณ รณ.... ขออุทิศส่วนกุศลให้ อาจารย์ประชา ตรีพาสัย เนื่องจาก อาจารย์ ประชา ตรีพาสัยเป็นผู้สร้าง และคุณรณ....ให้ความเคารพอย่างสูง
ผมได้รับแล้วจะนำพระนาคปรกไปร่วมประมูล ส่วนเหรียญและกระดาษยันต์ จะนำไปแจกแก่ผู้ร่วมทอดกฐินสร้างพระประธาน
คณะศิษย์เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ขออนุโมทนาบุญกับ อาจารย์ประชา ตรีพาสัยและคุณ รณ... ผู้มอบให้ ขอให้เจริญด้วยอายุ วรรระ สุขะ พละ สาธุ...[/SIZE][/SIZE].[/B] -
กราบหลวงปู่ สวัสดีอาจารย์แก้วสว่างและพี่ๆ ทุกท่านที่มาแบ่งปันอะไรดีๆ ให้ได้รู้กันนะครับ
-
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
"ความสุข" คำๆนี้ที่ใครหลายๆคนเฝ้าถวิลหาและไคว่คว้ามาอย่างสุดมือ เฝ้าตามหากันว่ามันอยู่ที่ใดทั้งๆที่แท้จริงแล้วความสุขนั้นไม่ได้อยู่ไกลถึงขนาดที่ต้องไขว่คว้า ขนาดที่ต้องเอื้อมมือไปจับเอามา แต่มันอยุ่ที่ใจเรานั้นเอง มันอยู่ที่จิตเรากำหนด ทุกย่างในโลกนี้ล้วนไม่มีตัวตน ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนถูกกำหนดขึ้นมา ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากจิตของเราทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ ความสุข ความเศร้าใจ เสียใจ ทุกอย่างล้วนขึ้นกับเรา ฉะนั้นหากเราถามหาความสุข อยากได้มันมาก็ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้า ไม่จำเป็นต้องถามหาที่ใดทั้งสิ้นให้มองลึกลงไปข้างในใจเราบางสิ่งบางอย่างที่เรากำหนดว่ามันเป็นทุกข์อยู่นั้นก็จงปล่อยวางเสียแล้วเปลี่ยนสะกำหนดให้มันเป็นความสุขเราก็จะพบกับความสุขที่แท้จริง แต่หากจะกล่าวลึกเข้าไปอีกความสุขที่แท้จริงนั้นก้อไม่ใช่ความสุขเพราะทุกอย่างนั้นไม่มีตัวตน ไม่มีอยู่จริง หากเรายังยึดติดซึ่งความสุขหากเรายังต้องการซึ่งความสงบอยู่นั้นมันก็ย่อมนำพาเราไปสู่ความทุกข์ได้ ความว่างเปล่าต่างหากที่คือความแท้จริงและคือความมีตัวตนเพียงสิ่งเดียวในโลกนี้ ฉะนั้นหากคุณต้องการที่จะปราศจากความทุกข์โดยแท้จริงแล้วจงคาดหวังในความว่างเปล่าจงอยู่เหนือความอยากทั้งปวง อยู่เหนืออำนาจกิเลสตัณหาทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นกิลสทั้งด้านดีและด้านหลาย จงอย่าอยากได้ อยากมี อยากเป็น แล้วมันจะนำมาซึ่งความหลุดพ้นซึ่งเป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนา
-
-
ผมเคยมีเวลาไปลงพื้นที่แถววัดระหารไร่หรือสมัยก่อน ชาวบ้านเรียกกันว่า"วัดไร่" (จากปากของลุงคนนึงที่ท่านไกล้ชิดกับหลวงปู่มาก สมัยหลวงปู่ยังดำรงขันอยู่) ได้รับรู้เรื่อวราวในสมัยนั้นหลายๆอย่างและมีการบันทึกบทสนทนาเป็นหลักฐานเอาใว้ โดยพี่ท่านนึง ในกระทู้เรานี่แหละ แหะๆ เรื่อวไฟลุกครก ครกแตก ตระพาบน้ำตัวใหญ่ คุยกันไปบรยากาศเป็นไปในรูปแบบบ้านๆ อุปนิสัยส่วนตัวของหลวงปู๋นึกแล้วยังนั่งยิ้มคิดถึงลุงๆป้าๆ และยายอีกท่านนึงที่อายุราวๆ89-90 ยายแกเล่าเรื่องปลัดขิกกระโดดได้อย่างน่าอัศจรรย์ เล่าแบบไม่ต้องถามเลย อยู๋ดีๆแกก็เล่าขึ้นมาเอง ถึงสมัยหลวงปู่เสกปลัดขลิก ส่วนป้าอีกท่านนึง (ป้าในคริปyoutubeที่น้าต๋อยเคยลง) ผมไปหาตัวจริงมาแล้วแกเล่าถึงพระชุดขาวนี้ว่าแกเป็นคนหุงข้าวคนครัวของวัดสมัยนั้น น้ำข้าวที่รแกหุงนั่นแหละ ที่เอามาทำตัวประสานพระ และก็มีข้าวสวยอีกที่เอามาตำผสมกับผงพราย...อุ๊ยลืมตัวยังติดนิทานปรำปราอยู๋แหะๆ ผงที่ทำพระ(ชอล์ค ดินสอพอง) จะทำให้พระเหนียวเป็นคลัายๆแป้ง สามารถนำมาปั้นได้ แล้วจึงเอ่ไปกดพิมพระ สมัยนั้น ในวัดอบอวนไปด้วยกลิ่นข้าวบูด และพระที่กดเสร็จแล้ว ตากกันขาวโพนไปเต็มลานวัด พระต้องตากด้วยลมครับตากแดดไม่ได้เพราะแตกหมด ที่ทำพระกันนั้นเพื่ออะไร ป้าแกตอบว่า "ก็เค้าอยากได้โบส" ลุงสายแกก็เลยเป็นคนจัดการ แต่หลังจากนั้นป้าแกบอกว่า ไม่รู้ว่าพระพวกนี้หายไปไหนหมดทำไว้ตั้งเยอะ หายไปจนลืมเลย เห็นพระในตลาดที่ขายๆกันนั้นไม่เหมือนที่แกเคยเจอไม่มีน้ำข้าวหรือข้าวสวยที่แกหุง พอถามถึง อ. ทั้งสองท่านที่คร่ำหวอดในวงการพระหลวงปู๋ ป้าๆลุงๆแกรู้จักนะครับ แต่คำตอบไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเคนอ่านเจอ ไม่เหมือนที่เขาเล่าอ่า ใครอยากรู้ว่าแกตอบว่าอะไรและชาวบ้านแถวนั้นคิดกันยังไง หลังไมค์ดีไหมครับ ยังมีอีกเยอะครับสำหรับข้อมูล แต่พิมยาวแล้ว สวัสดีครับ
-
-
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รบกวนหลังไมค์ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ -
-
-
สวัสดีทุกท่านห่างหายไปเกือบสองเดือน ผมเองก็ยังยึดมั่นกับพระเนื้อขาวหลวงปู่ครับ ประสบการณ์เยี่ยมจริงๆ ผมแขวนเดี่ยวลูกอมแบบมีห่วงครับ(เม็ดใหญ่บะเริ่มเทิ่ม) แคล้วคลาดหายห่วงจนห่วงหลุดหาย อธิษฐานบอกท่านกลับเจอได้(แบบถ้าเป็นเจ้าของจริงๆแล้วยังไงก็ต้องเจอ)และลองขอเสี่ยงโชคดูในงวดที่ผ่านมา ก็ถูกได้อย่างไม่น่าเชื่อนะ ขอให้มีจิตที่ยึดมั่นเถอะครับ บางครั้งของที่ราคาไม่แพงแต่ไม่ด้อยด้วยคุณภาพมันอาจจะทำให้ชีวิตของท่านดีขึ้นก็เป็นได้
-
-
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เกิดแก่เจ็บตาย คือกายตัวตน
เพียงความเป็นคน ล่วงลับดับสูญ
แต่จิตวิญญาณ มีฌานจำรูญ
โศกาอาดูร ด้วยเหตุอันใด
ความดีเป็นทุน ผลบุญนำพา
ดั่งทิพย์นาวา ข้ามห้วงโลกัย
สู่ภพภูมิสุข พ้นทุกข์โพยภัย
ธรรมครองดวงใจ ห่างไกลปวงมาร
-
กราบหลวงปู่ทิมที่เคารพอย่างสูง
สวัสดีครับอ.แก้วสว่าง คุณโต้ง คุณรัก คุณต๋อย และสมาชิกทุกท่านครับ
หน้า 284 ของ 590