เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. shamankings เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +544
    สวัสดีครับคุณก้อง ผมมีเรื่องขอรบกวนสอบถามคุณก้องครับ
    จากที่เคยให้พี่ก้องดูดวงชะตาให้พ่อ ตอนนี้เป็นไปตามที่พี่ก้องได้ดูให้ครับ พ่อผมเพิ่งเสียเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 59 นี้ พ่อชื่อนายนิยม ดีลิ่น เกิดวันที่ 20 พ.ย. 2489 ผมขอเรียนถามคุณก้องดังนี้นะครับ
    1.ตอนนี้พ่ออยู่ในภพภูมิที่ดีไหมครับ สามารถรับบุญและโมทนาบุญได้ไหมครับ
    2.ตอนนี้พ่อเป็นอย่างไรบ้างครับ สุขสบายดีไหมหรือมีความทุกข์อย่างไร
    3.ถ้าพ่อมีความทุกข์ ลำบาก สามารถช่วยเหลืออย่างไรได้บ้างครับ
    4.พ่อเคยร่วมสร้างบุญใหญ่ โดยร่วมสร้างพระพุทธเจ้าทุกพระองค์และร่วมสร้างวิหารทานหลายร้อยวัด บุญตรงนี้ช่วยพ่อถถได้บ้างไหมครับ
    5.พ่อต้องการให้ผมทำอะไรให้บ้างครับ
    6.พ่อโกรธผมไหมครับ ที่ดูแลพ่อได้ไม่ดีหรือที่พาพ่อไปหาหมอแล้วทำให้พ่อต้องนอน รพ.
    7.ตอนนี้วิญญาณของพ่อมาที่บ้านแม่หรือยังครับหรือว่าอยู่ที่ไหน ผมได้ทำการจุดธูปเชิญวิญญาณพ่อตั้งแต่ออกจาก รพฺ แล้วครับ
    8.เวลาผมสวดมนต์ ผมจะอุทิศบุญให้พ่อด้วย ไม่ทราบว่าพ่อได้รับไหมครับ
    9.เจ้ากรรมนายเวรของพ่อ อโหสิกรรมให้พ่อหรือยังครับ
    10.เรื่องอื่นๆ ที่พ่อบอกครับ

    ผมขอรบกวนพี่ก้องฝากบอกพ่อด้วยนะครับว่า พ่อเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ผมอยากให้พ่อยิ้มเยอะๆ ผมขอให้พ่อพักผ่อนให้สบาย พ่อเหนื่อยมามากแล้ว ขอให้พ่อมีความสุข อยู่ในภพภูมิที่ดี ขอให้เราได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก และสิ่งใดที่ลูกทำให้พ่อเสียใจทำให้พ่อคิดมาก ลูกขอให้พ่ออโหสิกรรมให้ลูกด้วย รักพ่อมากครับ

    กราบขอบพระคุณพี่ก้องมากๆ เลยครับ
    ผมไม่มีสิ่งใดตอบแทน ขอให้พี่ก้องมีแต่ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป สุขภาพร่างกายแข็งแรง เจริญในธรรมจนเข้าสู่พระนิพพานนะครับ
     
  2. shamankings เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +544
    ผมส่งคำถามไปทาง pm รบกวนพี่ก้องช่วยตอบให้ด้วยนะครับ

    ขอบคุณมากๆ ครับ
     
  3. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    อยากหลุดพ้นทุกข์ ย่อมต้องเห็นทุกข์ให้ได้ก่อน

    หากยังไม่เห็นทุกข์ จิตมันก็ไม่มีทางที่จะอยากพ้นทุกข์ เพราะยังไม่เห็นไม่รับรู้

    เมื่อใดที่เห็นทุกข์ เมื่อนั้น จิตย่อมสามารถรับรู้และหาทางออก

    การเห็นทุกข์ อาจเห็นได้จากทุกข์ที่เกิดกับเรา และส่วนหนึ่งอาจเห็นได้จากสติปัญญาที่มองทะลุ ความสุขที่ปรากฏว่าท้ายที่สุดมันก็เป็นทุกข์

    การออกจากทุกข์ หรือปลดเปลื้องทุกข์ จึงมีลำดับขั้นของมัน

    อาศัยสติ เป็นพื้นฐาน อาศัยศีล อาศัยสมาธิ และปัญญาเป็นเครื่องเข้าถึงและชำระทุกข์นั้นออกไปเสีย

    วันนี้จึงอยากฝากทุกท่านว่า ทุกข์ที่เกิดดับ สุขที่เกิดดับ แท้จริงคืออะไร ความหลุดพ้นทุกข์ หรือหมดสิ้นไปแห่งทุกข์ เป็นอย่างไร จิตใจของท่านรับรู้ปล่อยวาง สิ่งต่างๆที่เกิดกระทบกายใจของท่านอย่างไร

    อย่าปล่อยให้มันพอกสะสมกายใจท่าน จนในที่สุดมันพอกหนาจนยากแก่การชำระออก

    นักปฏิบัติทั้งหลาย ย่อมไม่ทำบาป และไม่พอกพูนกิเลส หรือทุกข์ หากแต่มีหน้าที่ไม่รับเอาทุกข์เข้ามาใสตน และพึงหมั่นขัดเกลาตนเองเพื่อชำระกิเลสภายในที่พอกหนาอยู่ให้เบาบางลงจนหมดไป

    จงเฝ้ามองดูกายใจของตนอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา อาศัยสติปัญญาประกอบรู้ตามให้มากให้บ่อยต่อเนื่องนะครับ สาธุ
     
  4. หญิงท้วม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +37
    มีอาการเดือดร้อนจากผีอีกแล้วค่ะ ขอวิธีแก้ไขด้วย
    1.อาการร่างกายขยับไปเอง อันนี้เราแน่ใจค่ะว่ามันไม่ใช่เราบังคับแต่อะไรที่บังคับเราอยู่นั้นทำให้เราทรมานมาก เวลาจะหลับนอนก็ยากเขาขยับร่างกายมาทำร้ายร่างกายเราบ่อยครั้ง รวมถึงขยับทำร้ายเวลาปฏิบัติกรรมฐานทุกครั้งอะไรที่ทำเป็นใคร และควรแก้ไขอย่างไรให้หายขาดคะ
    2.เห็นผี อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เห็นแบบไม่ใช่ตาเนื้อบ่อยมากในหนึ่งวัน บอกว่าพอแล้ว ไม่อยากเห็นแล้วก็ยังไม่เลิกมา ควรมำอย่างไรให้เขาเลิกรบกวนเราดีคะ
     
  5. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364

    บุญกรรมในอดีตที่ตามให้ผล รวมเป็นชีวิตชะตาของเรา

    ประกอบกับจิตในปัจจุบัน สั่งสมพากเพียรอย่างไร ดีชั่วอย่างไร

    ล้วนส่งผลให้ผลสู่ปัจจุบัน

    เหตุที่เกิดในปัจจุบันที่เราทำและเหตุจากอดีตที่เราทำไว้แล้ว

    รวมกันมันก็คือเหตุ ที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สุขทุกข์

    เพราะวันนี้เราอยากสบายจึงทำวันนี้ไว้เพื่อวันพรุ่งนี้

    ในขณะที่วันนี้ เราก็ได้รับผลจากวันก่อนที่เราทำเอาไว้แล้ว

    ปัญหาคือ เราจะสู้กับกรรมในอดีตที่ให้ผลอย่างไร

    เราจะสู้กับปัจจุบันที่ใจเราเองเป็นนายควบคุมชะตากรรมในปัจจุบันให้สุขทุกข์ดีชั่วอย่างไร

    อดีตผ่านมาแล้วให้ผลแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งกำลังให้ผล อีกส่วนรอเวลาให้ผล เป็นกรรมที่เราทำไว้แล้ว เราแก้ไขไม่ได้ เพราะทำลงไปแล้ว เราทำได้คือผ่อนหนักให้เบาผ่อนเบาให้หาย ต้องทำอย่างไร

    ส่วนปัจจุบัน จิตท่าน ท่านวางมันไว้อย่างไร หรือท่านไม่เคยสนใจใส่ใจแล้วแต่เวรกรรมหรืออำนาจของกิเลสภายในใจจะชักนำไป

    มันมีเรื่องราวมากมายคือกรรมนานาประการที่ตามให้ผล เพราะไม่มีใครรู้วาระแห่งการให้ผลแห่งกรรมได้หมด

    ที่สุดแล้ว เมื่อมันรู้ไม่ได้ ก็อย่าไปรู้ รู้เพียงปัจจุบันพอ คือการไม่ประมาท คือการหมั่นทำความดี คือการลดละเลิกกรรมชั่ว คือการชำระจิตให้ขาวสะอาดรอบ
    ในที่สุดท่านย่อมก้าวหน้าในทางโลกและธรรม ชีวิตย่อมมีความสุขมากขึ้น ย่อมพ้นจากอบายและนรกภูมิครับ สาธุ
     
  6. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    && การหยาดน้ำ. กรวดน้ำ..แด่.สรรพสัตว์&&

    แม้บุญจะไปด้วยจิต...แต่การกรวดน้ำ..หยาดน้ำ..เป็นสื่อแห่งบุญกุศลที่จะส่งไปถึงภพภูมิ.
    ได้กว้างขวางกว่า..การหยาดน้ำจะได้ตั้งแต่.
    พรหมจนถึงสัตว์นรก..ถ้าเราน้อมใจเพียงอย่าง
    เดียว...จะได้ในกลุ่มภพภูมิที่สูงๆ..ที่มีกาย
    ละเอียด...ส่วนสัตว์ที่มีกายและจิตหยาบ..จะรับ
    ได้ยาก...เขามีบุญ..มีปัญญาน้อย..

    การหยาดน้ำ..ให้ได้ไม่จำกัดสถานที่..เวลา..ให้
    แบบจาคะ...ให้แบบไม่เอาอะไร.แล้วตัวผู้หยาด
    น้ำเอง..จะค่อยๆคลายในความยึดมั่นในขันธ์๕
    ..ตัวเราจิตเรา..จะหลอมรวมกับองค์พุทธะ..
    ผู้ให้โดยไม่มีประมาณ..ให้แบบอัปปมัญญา..
    ..เม่ือเราหยาดน้ำ...บารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆ
    พระองค์..พระโพธิสัตว์..พระมหาโพธิสัตว์..
    จะไหลผ่านตัวเรา..พร้อมล้างวิบากกรรมเก่า..
    .ให้คลายลง..ความเครียด..ปัญหาชีวิต..คลายลง..และจางหายไปในที่สุด

    วิธีการ...เพียงมีขวดบรรจุน้ำ..เอาขนาด.1.5 ลิตรขึ้นไป..ใส่น้ำธรรมดา...ก่อนหยาดน้ำลง
    พื้นดิน..ต้องอธิษฐานขอบารมีก่อนว่า..

    ..ตั้งนะโม..๓. จบ.ในใจ..กล่าวในใจว่า..
    " ขอน้อมในในคุณของ.องค์มหาพุทธะ คุณแห่งพระโพธิสัตว์..มหาโพธิสัตว์..พระปัจ
    เจกพุทธะ พระอรหันต์แผ่ไปถึงจิตญาณ
    ทุกดวง..ให้มีส่วนในผลบุญโดยทั่วถึงกัน..ทุก
    ดวงจิตญาณ..เทอญ.."

    แล้วหยิบขวดน้ำ..เทลงพื้น..เทแบบโล่งๆ..ไม่ต้องคิด..ไม่ต้องนึก..มันจะไร้ขอบเขต..เทด้วยใจ
    เท..จนน้ำหมดขวด....แล้วเจ้ากรรมนายเวรที่
    เกาะตามร่างกายเรา..จะหลุดออกไป..เราจะ
    เบากายเบาใจ..ด้วยอำนาจแห่ง..องค์พุทธะ
    มหาพุทธะ..องค์โพธิสัตว์..มหาโพธิสัตว์..
    องค์ปัจเจกพุทธะ.องค์อรหันต์..จะเป็นเนื้อเดียว
    กันหมด...เป็นเนื้อเดียวกับกระแสนิพพาน..

    เราจะหยาดน้ำบ่อยๆ..ทั้งกลางวัน..กลางคืน
    ไม่มีหยุดหย่อน..ตัวเรา..จะเป็นวิหารทาน.ให้
    กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย..โดยไม่มีประมาณ..ไม่
    เจาะจงสถานที่...ทั้งพื้นดิน...พื้นปูน..อากาศ
    ..เทได้หมด..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เรื่องของ พระธรรม เรื่องของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
    เป็นเรื่องที่ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาพูดเล่น หรือ ทำเป็นเรื่องที่โอ้อวด ชักจูงสร้างกระแส หรือ ชักนำ

    แต่เป็นสิ่งที่เป็นความจริงที่ อธิบายความจริงของธรรมะทั้งปวง

    เส้นทางแห่งพุทธะ ไม่ได้โรยด้วยดอกไม้ แต่ทุกย่างก้าว มันคือการเข้าไปรู้แจ้งความจริงทั้งปวง

    เพื่อเห็นสัจธรรม อริยะสัจสี่ เห็นความเกิดดับ เห็นสุขทุกข์ เห็นความดับลง เห็นหนทางแห่งการดับลง

    พระศาสนา ไม่เป็นเพียงเครื่องนำพาสู่ความหลุดพ้นทุกข์ แต่ยังนำพาสันติสุขแก่โลก แก่สามไตรภูมิ ตลอดจน การค้ำจุนกรรม หนุนกรรม นำสู่ ความหลุดพ้นทุกข์ได้สำเร็จในที่สุด

    การสืบทอดพระศาสนาด้วยนานาวิธีย่อมหมายถึงความดีงามที่ยิ่งใหญ่ ที่เหล่า พุทธบริษัทควรกระทำ เพื่อเป็นการทดแทนคุณพระศาสดาและพระศาสนาครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เกิดเป็นคนทั้งที ได้พบพระพุทธสษศาสนา ได้พบพระรัตนตรัย จึงถือว่า เป็นวาสนาอันสูงสุดอย่างหนึ่ง

    อย่าปล่อยให้สิ่งดีๆที่พระพุทธศาสนา พระรัตนตรัย อันเป็นแสงสว่างสูงสุด กลายเป็นสิ่งไร้ค่า

    เมื่อท่านได้ พบแล้ว ให้เปิดใจให้กว้างและเป็นกลาง แล้วน้อมนำกายใจของท่านรับฟังรับรู้ เรื่องราวของพุทธะ ขอให้ทิ้งสิ่งอื่นๆที่มีออกไปก่อน เปิดใจให้ว่างแล้วให้รับเอาธรรมะที่เป็นคำสอนของพระศาสดา น้อมนำมาทบทวน ถึงความจริงต่างๆของชีวิต เมื่อนั้น ดวงตาเห็นธรรมย่อมเกิดแก่ท่านได้ครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. newpin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    ขอเรียนถามคุณก้องถึงที่มาของการหยาดนำ้ที่เขียนแนะนำด้านบน พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมคะ? ว่าคุณก้องได้เริ่มทำเอง ค้นพบเอง หรือท่านใดแนะนำ?
     
  10. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    อาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ผมได้ไปทำบุญ ที่วัดเขากบ บนยอดเขา จังหวัดนครสวรรค์

    และได้ถวายเทียน คู่ สังฆทาน สองชุด เงินทำบุญ สร้างกลอง สร้างเทียนเข้าพรรษา สร้างพระอริยะ 9พระองค์ ทำทานคนที่ลำบาก

    จึงนำบุญมาแจ้งให้ทุกท่านทราบ เพื่ออนุโมทนาร่วมกันครับ

    วันอาสาฬหบูชาคือวันสำคัญ ขึ้น15 ค่ำเดือน8 ของทุกปี คือวันที่ มีความสำคัญสามอย่างคือ
    1 เป็นวันแสดงปฐมเทศนา แก่ปัญจวัคคี กง จักรแห่งธรรมเริ่มหมุนในวันนี้
    2 เป็นวันที่ เกิดพระสงฆ์สาวก องค์แรก เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีนามว่า พระอัญญาโกฑัญญะ เกิดดวงตาเห็นธรรม จิตถอนออกจากการเวียนว่ายตายเกิด สรรพสิ่งเกิดขึ้น สรรพสิ่งย่อมดับไป สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขอบรรพชา พระพุทธองค์จึงเอหิภิกขุอุปสัมปชาบวชให้ บังเกิดมีพระสงฆ์สาวกองค์แรกนั่นเองในวันนี้
    3 เป็นวันที่ พระรัตนตรัยครบองค์สาม คืด พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์ ในวันนี้


    ส่วนวันเข้าพรรษานั้นเกิดในตอนหลัง จากการที่พระสงฆ์สาวกที่มีมาก และได้จาริกแสวงโมกขธรรม ได้เดินทางไม่มีหยุดเว้น ในช่วงฤดูทำนาหน้าฝน ปรากฏว่า การจาริกไปในช่วงเวลาหน้าฝนไปเหยียบทำลายพืชพันธ์ที่ปลูกเสียหาย พระพุทธองค์จึงประกาศให้พระสาวกทั้งปวงเมื่อเข้าแรม1ค่ำเดือน8 คือวันเข้าพรรษา ให้งดการจาริกไปในที่ต่างๆ ให้อยู่จำพรรษา และกล่าวอธิฐานจำพรรษา แต่ก็มีอนุโลมได้หากจำเป็นต้องเดินไปไปทำธระสำคัญก็ไปได้ แต่ต้องขออนุญาติ หรือแจ้งต่อคณะสงฆ์ให้ทราบ กำหนดไว้คือเดินทางออกจากเขตที่ตนอธิฐานจำพรรษาได้ไม่เกิน7ราตรี

    ข้อวัตรปฏิบัติทั้งปวงที่พระองค์ตรัสประกาศไว้แล้ว มีเหตุผลดีงามประกอบ พระสาวกทั้งหลายต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ห้ามละเมิดโดยเจตนา สาธุครับ
     
  11. TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    สาธุครับ อาจารย์ TJS กล่าวข้อธรรมที่มีคุณประโยชน์ยิ่งนักครับ

     
  12. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    การชำระบาป ในทางพุทธ นั้นไม่มี

    แต่ในทางพุทธวิธี คือการชำระจิต

    บาปและกรรม กุศลและอกุศล อัพยาตกรรม ทั้งหลายก็ดี เมื่อกระทำลงไปแล้ว ย่อมเกิดผล คือวิบาก แต่วิบากกรรมจะให้ผลเมื่อไหร่อย่างไรไม่อาจทราบได้

    การชำระบาป นัยยะคือแบบพุทธวิธี คือการสารภาพกรรม เพื่อการชำระจิตของตนที่ได้ล่วงกระทำกรรม ชั่วที่ไม่ดีทั้งปวง การที่เราทั้งหลายชำระบาปด้วยการสารภาพและสำนึกผิดชอบชั่วดี จิตย่อมมีความละอายและสำรวมระวัง จะไม่กระทำบาปกรรมอีก จากจุดนี้ ย่อมเกิดปัญญาเห็นสัจธรรมความจริง ของจิต ที่เศร้าหมองเพราะบาปกรรมที่ตนก่อ การสำนึกรับผิดในบาปกรรมที่ตนกระทำ และเกิดปัญญารู้แจ้งในบาปกรรมส่วนนั้น ย่อมเป็นดวงตาแห่งธรรม ก่อเกิดเป็นกำลังทางจิตหลุดพ้นจากความเศร้าหมอง

    เมื่อเราชำระบาป ด้วยการชำระจิต เมื่อนั้น จิตย่อมยกสูงขึ้นมีกำลังไปสู่ชั้นภพที่ดี แม้ผลกรรมชั่วคือวิบากกรรมจะมีกำลังตามให้ผล แต่ถ้ากำลังจิตมีกำลังเหนือกว่า จิตท่านย่อมไปสู่สุคติภพได้
    ยกเว้นท่านได้ทำกรรมหนักมาก และกรรมอนันตริยะกรรม กรรมเหล่านี้มีกำลังเกินกว่า จิตทั้งหลายจะต้านทานได้ ย่อมมีที่ไปคือทุกขคติภพมีนรกภูมิเท่านั้น

    ที่สุดแล้ว การชำระบาป สารภาพบาป การชำระจิต ในแบบพุทธวิธี ย่อมมีที่ไปคือพระนิพพานชั่วขณะ มีสวรรค์สมบัติชั่วขณะได้จริง ครับ สาธุ

    เพราะจิตสุดท้ายที่แตกดับเปลี่ยนอัตภาพ หากฝึกฝนมาดี ชำระจิตได้ดี ยกจิตสู่ความดี ย่อมมีกำลังส่งหนุนจิตไปสุคติภพนั่นเองครับ สาธุ

    ชาวคริสต์ ชาวอิสลาม ส่วนหนึ่ง อาจชำระบาปสารภาพบาป และอาจจะชำระจิตของตนให้สะอาดสูงขึ้น จิตเขาจึงมีกำลังมากพอที่จะส่งจิตตนเองขึ้นไปสวรรค์หรือพบพระเจ้า ซึ่งก็คือสุคติภพนั่นเอง

    แต่ทั้งนี้เราก็ต้องไม่ประมาท การทำความชั่ว แม้น้อยนิด แต่ถ้าทำบ่อยๆถี่ๆสะสมรวมกันมากๆ บาปเล็กน้อยเหล่านี้ รวมตัวกันเป็นภูเขาหรือก้อนใหญ่ ย่อมมีกำลังมากพอที่จะฉุดรั้งจิตของเราให้ตกลงสู่ทุกขติภพหรือนรกภูมิได้เช่นกัน

    ผู้รู้วิธี มีจิตที่บรรลุในกรรมดี ย่อมเห็นเป็นของว่างเปล่า ที่ควรรักษาไว้เป็นนิจ ไม่ทอดธุระแต่จะหมั่นทำความดีกรรมดีตามกำลัง แล้วปล่อยวางไม่ยึดมั่นในกรรมดีที่ตนทำ สักแต่ทำเพราะหน้าที่และเห็นประโยชน์ที่จะได้รับก็เท่านั้นเอง สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    บารมีธรรม

    เป็นของจำเพาะตน การสั่งสม เป็นเรื่องที่ตนกระทำสั่งสมมามากน้อยแตกต่างกัน

    ฉันใดก็ดี การเจริญภาวนา ทั้งกรรมฐานและวิปัสสนาก็เช่นกัน การที่ท่านสั่งสมมาน้อย นั้นหมายถึง ท่านต้องภาคเพียรสั่งสมให้มาก มันไม่ใช่เรื่องที่ทำง่ายๆ เพราะจิตของท่านไม่มีความชำนาญ ไม่เคยชิน เพราะมันยังไม่ซึมซาบซับอยู่ในจิตของท่าน

    สมาธิ จิต จะมีกำลังได้ มั่นคงแน่วแน่ จนเกิดอานุภาพ จนเกิดนิมิตรอภิญญาและปัญญาญาณ จึงไม่ได้เกิดได้ง่าย ต้องทำให้ได้ให้ถึงมันจึงจะเกิดผลให้เห็นปรากฏ

    และเมื่อใดที่เราสั่งสมกำลังสมาธิ กำลังใจ ของเรามากพอแล้ว ด้วยกำลังของสมาธิ กำลังของจิต ที่ยกสูงได้แล้ว ย่อมสร้างได้ทั้งนิมิตร อภิญญา ฌาณและปัญญาญาณได้ดังปราถนา เพราะทำได้แล้ว ผ่านมาหมดแล้ว รู้วิธีแล้ว ชำนาญแล้ว จะทำอีกเมื่อไหร่ก็ย่อมได้

    ที่สุดแล้ว เมื่อจิตถึงขั้นโลกุตระแล้ว วิมุตติจิตปรากฏรู้แจ้งแล้ว ปัญญาวิมุตติเห็นแจ้งหมดสิ้นแล้ว

    ชีวิตที่เหลือ ก็มีเพียงการทิ้งไว้ซึ่้งคุณความดีฝากไว้ เพราะที่สุดแห่งความตายย่อมเกิดกับทุกคนและก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้ แม้เอาไปได้ก็ไม่ยึดมั่นอยากได้อยากมี ก็เท่านั้นเอง

    การทรงอารมณ์พระอรหันต์ แม้จะไม่ใช่พระอรหันต์จริง แต่เหล่าพุทธภูมิก็จำเป็นต้องทำและเรียนรู้ให้มาก เพราะมันคือหัวใจแห่งพุทธะ นั่นเองครับ สาธุ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    อาจารย์ ผมรบกวนาอบถามทางpmครับ
     
  15. buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    อาจารย์ครับ ผมขอรบกวนสอบถามทางpmครับ
     
  16. boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    นำบุญแด่ครูก้องและพี่น้องทุกท่าน
    ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ครอบครัวของดิฉันได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุงและทำบุญตามกิจต่างๆของวัด ขอน้อมนำบุญแด่ครูก้องและพี่น้องร่วมวัฏสงสารทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกดวงจิตถึงพร้อมด้วยศีล สติ สมาธิ ปัญญา และมรรคผลนิพพานในชาติปัจจุบันนะคะ
     
  17. buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    อาจารย์ครับ ผมขอสอบถามทางpmครับ ขอบคุณครับ
     
  18. tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    กระทู้แห่งนี้เผยแผ่ธรรมะ และอธิบายธรรม อธิบายการปฏิบัติ ตลอด ทุกท่านสามารถนำเอาการปฏิบัติต่างๆ ทั้งสายปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ และรวมทั้งนิมิต อภิญญา ต่างๆ ความเป็นไปในการปฏิบัติ มาสอบถามการพัตนาทางสมาธิ ทางจิต

    กระผมยินดีมากครับ เพื่อการแลกเปลี่ยนประสพการณ์และกระผมก็ยินดีตรวจสอบให้ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ว่ามีสภาวะเป็นอย่างไร ควรพัตนาต่อไปอย่างไร

    ท่านใดสนใจหรืออยากนำมาลงในกระทู้แห่งนี้ เชิญเลยครับ ยินดีมากครับ สาธุ
     
  19. ธรรมภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +142
    ขอสอบถามครับ

    1.ตั้งแต่วันอาสาหบูชาเป็นต้นมา ทุกเช้านั่งสมาธิเพื่อเจริญสติดำรงจิตว่างอยู่นั้น มีภาพนิมิตสะเปะสะปะ เป็นแบบมองคนมองสถานที่มองอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่ามันเป็นอดีตปัจจุบันอนาคตหรือเผ็นสัญญาในจิต แต่ไม่ได้สนใจ แต่มองซูมภาพเข้าไปใกล้ได้ มองใกล้ๆภาพคนสิ่งของก็ชัด แต่มองได้ไม่นาน ภาพมันก็ตัดไป มองภาพ 1 ภาพได้ไม่นาน แต่ผมก็พยายามตัดภาพนิมิตออกไปนะ แต่ก็ตัดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แป็ปหนึ่งภาพก็มาใหม่อีก แต่ก่อนหน้านี้ เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่นานๆ เป็นที่ แต่ช่วงนี้เป็นทุกวันเลย เป็นเฉพาะนั่งช่วงเช้า นั่งกลางคืนไม่เห็นเป็นเลย

    *กรณีนี้ คือ อะไรครับ? และจะพัฒนาต่อไปอย่างไรครับ? ควรตัดภาพนิมิตหรือควรเดินจิตวิปัสสนาพิจารณาความเป็นไปในเหตุปัจจัยการเกิดภาพนิมิตครับ?

    อนุโมทนาในคำชี้แนะครับ !
     
  20. ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    สวัสดีค่ะคุณTJSหายไปนานก็เพียงแต่ไปหาประสบการณ์เรียนรู้หลายๆอย่างหลายสิ่ง และเกี่ยวกับเศรษฐกิจและครอบครัวก็ยุ่งเหยิง แต่ก็อ่านกระทู้ของคุณอยู่ตลอด ตอนนี้ยกเลิกความพยายามที่จะเห็นนั่นเห็นนี่ทุกอย่าง กลับมาสวดมนต์อย่างเดียว ด้วยการขอโทษกับทุกๆท่านที่ได้ยินบทสวดต่างๆแล้วเกิดรู้สึกไม่ดี แล้วเชิญสามโลกธาตมารับฟังด้วย แล้วก็อิมินา สวดบูขาพระรัตนตรัย อารธณาศิล เชิญเทวดา สวดพระพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วอารธาธณาศีล5 และขอโทษพระรัตนตรัย สวดอิติปิโส พาหุง บารมี 30 ทัศ มหาจักพรรตด์ ชินบัญชร ยอดพระกัณฑ์ แล้วอุทิศให้ตัวเอง สัพเพ อุทิศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายแล้วขออโหสิกรรม แล้วขอพระพระบารมี30 ทัศ รู้สึกว่าทำแบบนี้ได้โดยกำหนดบทสวดและไม่รับรู้ว่าลมหายใจจะเข้าจะออกเมื่อไหร่ ก็มีความรู้สึกว่าสบายดี ไม่เหนื่อยไม่อึดอัด ไม่รับรู้การเห็นใดๆทั้งสิ้น คุณTJS ว่าควรแนะนำอย่างไรดีค่ะ และทุกวันนี้ดิฉันเปิดเทปบทสวดมนต์ทั้งแปลเป็นไทย ทั้งภาษาบาลี ไว้ในห้องพระตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 11 โมงเช้า และตอนดิฉันก็เปิดฟังตลอดทำให้หลับง่าย (แต่สามีไม่ชอบเรื่องนี้ดิฉันก็เลยหยุด)ไม่อยากทำอะไรแล้วทำให้คนอื่นเครียด คุณTJS มีอะไรจะแนะนำดิฉันไหมคะ เพราะไม่ว่าจะลำบากทุกร้อนอย่างไรดิฉันก็ละลิ้งในสิ่งนี้ไม่ได้นอกจากจะหยุดไปสักวันสองวันและก็หาวิธีการที่เข้ากับตัวเองให้ได้และรู้สึกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เคยทำมาขอคำแนะนำด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้