เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

คุณเกสท์อธิบายธรรมได้ดีในหลายๆจุด นับว่าพื้นฐานดีแล้ว
คุณยังมองไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในธรรมของท่านเอก
ดูทิศทางการแสดงธรรมสิ
ดูอาการตอนนี้สิ
มันสัดส่ายไปเรื่อย
อย่ามองว่าเป็นการบีบให้จนมุม
ถ้าใจไม่ยอมรับ มันก็สัดส่ายไปได้อีก
ออกนอกลู่ทางได้อีก
ผมพยายามดึงเขากับมา
ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ที่เข้ามาคุยๆกันนี่ ถัดจากท่านขันธ์ ท่านเอกนับว่ารู้รอบรู้แจ้งกว่าใครเพื่อน
แต่ตอนนี้มันติด เราจี้ให้หลุด ถ้าหลุดตรงนี้ รับรองว่า โลกุตรรออยู่
คุณเกสท์อย่าเอาอคติที่มีกับคุณขันธ์มาตัดสิน

 

อากาศเย็นนะครับช่วงนี้อาบแต่หัววันนะครับ
เด้วไม่สบาย เป็นห่วงสุขภาพทุกท่านครับ กินน้ำอุ่นบ่อยๆ

สนทนากันแล้ว เวลาทำสมาธิกลางคืน ก็อย่าเอาสิ่งค้างคาไปเป็นนิวรธรรม

ภาษาคน กับ ภาษาธรรม ต้องแยกแยะให้ออก (อันนี้ผมสอนตัวเองครับ)

 

ปฏิบัติมามากกว่า ใช้ว่าจะแจ้งกว่า
ดูคุณฐาณัฐสิ แซงหน้าคุณไปหลายขุมแล้ว
ผมมันเหมือนผู้เริ่มเดินทาง ไม่นานนี่เอง
ตามคุณทันแล้วเนี่ย หุๆๆๆๆ

 

เห็นอะไรด้วยเหรอ ผมนั้นไม่ได้ปฏิบัติอะไร เอาแต่จำคำเขามาพูด

ที่คุณเห็นทั้งหมดนั้นหนะ ผมจำเอามาพูดทั้งนั้น ไม่มีคำพูดไหนที่
ผมจะแสดงออกมาจากผมเลย คุณเห็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ

นี่แปลว่า หลงคิดว่าสิ่งที่ผมพูดดีๆ มาทั้งหมด เป็นผลจากการปฏิบัติ
ไปแล้วเหรอ

เอาไงแน่ ตกลง ผมจำมาพูด(เอาแต่นอน) หรือ ว่าปฏิบัติมาบ้าง

จะแกะอะไรเหรอ ในเมื่อประเด็นที่คุณยิงมา สัดส่ายเสียเอง

 

ขอบคุณครับคุณฐาณัฐ
สมควรแก่เวลาต้องกลับได้แล้ว หุๆๆๆ
สอนตัวเอง ก็ได้สอนผมไปด้วย
จิตผมไม่เสถียรเหมือนคุณขันธ์
โดนท่านเอกตีไปตีมา เริ่มขุ่นๆแล้ว
ถ้าความขุ่นครอบงำ ปัญญาจะทำงานได้ไม่ดี
ต้องไปก่อน อิอิ

 

จ๊า ท่านผู้เจริญ เชิญแซงไปเลยครับ แล้วอย่าลืม หันมาหัวเราะเยาะนะ

 

ผม บ่ ใช่ คุณฐาณัฐ ที่กล่าวถึงครับ (เด้วจะเป็นการเข้าใจผิด)
เจริญใน อินทรียสังวร สมาธิ...ยิ่งๆขึ้นไปครับแล้วปัญญาจะตามมา ดังพระท่านสอน

 

ยังงอนไม่เลิก
คุณจำมาพูด ในข้อความที่ผมบอกว่า คุณจำมาพูด
ในส่วนของการปฏิบัติ ก็มีอยู่ แต่ไม่พัฒนาในทางปัญญาเท่าใดนัก
ส่วนเรื่องเอาแต่นอน ผมบอกไปแล้วว่า ไม่ใช่หาว่าคุณเอาแต่นอน
ผมยกตัวอย่างว่า หลวงตาเปรียบเทียบให้เห็นระหว่าง A(นอนเฉยๆ) กับ B(สู้ ทวน ฝืน)
เรื่องของคุณมันเป็นเรื่องระหว่าง C(ตามรู้ดูเฉยๆ) กับ B(สู้ ทวน ฝืน)
แต่คุณดันหาว่าผมบอกว่า A กับ C เป็นอันเดียวกัน
ผมจะชี้ว่า B หน่ะถูก ไม่ได้บอกว่า A กับ C เหมือนกัน
คุณจะกล่าวหาว่า ผมหาว่าคุณเอาแต่นอนให้ได้เชียวหรือ เอกวีร์ที่รัก

 

ท่านก็ยังอคติผมในเรื่อง อิอิ หุๆๆ
ถ้าผมแซงไปแล้ว จะหันมาหัวเราะทำไม
มีแต่จะยิ่งช่วยดึง มากกว่าที่ทำอยู่เสียอีก หุๆๆๆ

 

อ้าว ตกลงนี่ ศิษย์อาจารย์ขันธ์หรือเปล่า มาโทษ ผม ซะงั้น

ไม่ดูไปหละ วิญญาณ นะ วิญญาณ ดูมากๆ ดูว่ามันมาจากไหน
ทวนไปให้ได้ ว่ามาจากอะไร ผม หรือ คุณเองที่หลงตามขันธ์

 

ขออภัยครับ เห็นแล้วนึกถึง ไม้ขัดหม้อข้าว หุๆๆๆๆ

 

ถามจริง ดึง หรือ มาถีบ

คนมาดึง มาหัวเราะ หุหุ ใส่เหน้าเหรอ ดูเป็นมิตรจังเน๊าะ

หรือไง ห้ามผมมีกิเลสอีก อย่าแปล หุหุ ไปเป็นอื่น

แล้วพี่ หุหุ เป็นกริยาเหรอ ถึงไม่มีความหมาย

 

คุณไม่ยอมเข้าใจเลยจริงๆ
ผมขอตัว
ว่างๆ ค่อยว่ากันใหม่...

 

หมามันเกาหัวหูมันนี่ ผมก็เห็นนะ บางทีเป็นกริยา มันชิน

 

หุๆๆๆ
การจะสอนใครสักคน ท่านใช้วิธีอย่างไร
คุณครับ เอ่อ แบบนี้ไม่ถูกนะครับ คุณทำดีแล้วครับ แต่ว่า เอ่อ ต้องปรับตรงนี้นะครับ
หุๆๆๆ
แบบนี้กิเลสลากไปกิน
ให้ลองพิจารณาการสอนของหลวงปู่มั่น ท่านพูดดีดี หรือ ท่านนิยมการดุด่าว่ากล่าว
หุๆๆๆๆ

 

อ๋อ การ หุหุ นี่คือ การดุด่าว่ากล่าวเทียบได้กับหลวงปู่มั่นสอนธรรม

 

น่านนนน
มีหลอกด่าอีก
ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่ากัน
จิตคุณกำลังปิด
ผมเข้าใจ
กลับไปตั้งสติใหม่นะ
สบายใจกว่านี้แล้วค่อยมาต่อ...

 

กลับไปดูตัวเองดีกว่ามั้ง เอาตัวเองให้รอดจริงๆเสียก่อน

เรื่องการสอนให้คนที่เขารอดไปแล้วเขามาทำ

 

ไม่น่าเชื่อว่า ท่านจะไม่ต่างอะไรกับ ใบไม้ หรือ ขจรศักดิ์... T_T!

 

เหรอ ก็ดีนะ ที่เข้าใจกัน ว่าผมหนะเป็นปุถุชน