ขออนุญาตินะครับ....ความคิดเห็น.......
ยิ่งคิดยิ่งรู้(ยิ่งรู้นี่ ยิ่งรู้ในความคิดหรือเปล่า) ยิ่งเห็น ยิ่งใช้ความคิดเป็น ยิ่งเห็นธรรมชาติตามจริง(จิตกำลังคิดแล้วรู้ว่าคิด เรียกว่าเห็นธรรมชาติตามจริงไหม)
คิดให้แจ้ง ไม่ได้คิดให้ยึด....แล้วรู้ตัวไหมว่ากำลังคิด...
อย่างหยาบ เห็น กาย จากเด็ก แล้วหนุ่ม แล้วแก่ แล้ว เจ็บ แล้วตาย แล้ว เน่า แล้ว สลาย เป้นธุรี กลับคืนธาตุ สี่ อย่าง นี้ มองเห็น ด้วยตาดูรูป หรือเปล่าครับ หรืออาศัยดูในจิต...
เมื่อ มีปัญญา ย่อม เพิกถอนกาย
แล้ว จิต คิดนั่น พิจารณานั่น คิด อย่างนั้น คิดอย่าง นี้ เห็น ตัวที่กำลังคิดตรงนี้ไหม มีผู้ดูตัวคิดนี้ไหม ถ้าไม่มีผู้ดูตัวคิดนี้ แล้ว มันจะรู้ได้อย่างไร
จิตเด็ก จิตหนุ่ม จิตชรา จิตเจ็บ จิตตาย จะเห็นตัวนี้ได้อย่างไร
เมื่อมีปัญญา ย่อมเพิกถอนจิต
เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.
หน้า 49 ของ 53
-
ยิ่งคิดยิ่งรู้(ยิ่งรู้นี่ ยิ่งรู้ในความคิดหรือเปล่า) ยิ่งเห็น ยิ่งใช้ความคิดเป็น ยิ่งเห็นธรรมชาติตามจริง(จิตกำลังคิดแล้วรู้ว่าคิด เรียกว่าเห็นธรรมชาติตามจริงไหม)
คิดให้แจ้ง ไม่ได้คิดให้ยึด....แล้วรู้ตัวไหมว่ากำลังคิด...
ตอบ รูปคือกาย (รูปขันธ์หนึ่ง) นามคือจิต (หรือนามขันธ์สี่ รวมเรียกกันง่ายๆ ว่าจิต ที่จริงเป็นเจตสิก3 จิต1) <O:p</O:p
การสัมผัสจิตได้ สัมผัสได้อย่างไร สัมผัสได้โดยรู้อารมณ์ความคิด อารมณ์และความคิดเกิดจึงสัมผัสได้ถึงจิต (จิตคือวิญญาณธาตุที่รับรู้อารมณ์)<O:p</O:p
<O:p</O:p
รู้ความคิด ก็คือรู้จิต เห็นขอบข่ายความคิดคือเห็นขอบข่ายการทำงานของจิต รู้ว่าตัวกำลังคิดก็รู้ รู้ว่าคิดอะไรก็รู้ รู้ว่ามีกิเลสในความคิดหรือไม่ ยิ่งควรฝึกให้รู้
ส่วนการรู้ว่าคิดอะไร ไม่ได้หมายถึงเห็นธรรมชาติตามจริงของความคิด แต่การเห็นการเกิดดับของความคิด เห็นอาการที่ตั้งอยู่ถาวรไม่ได้ มีความเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถคงทนอยู่ บังคับบัญชาไม่ได้ นั่นคือเห็นธรรมชาติของความคิดหรือจิต รู้ทันคิด คือรู้ทันจิต เมื่อเห็นธรรมชาติของจิต จึงถอนอุปาทานไม่ยึดมั่นถือมั่น
อย่างหยาบ เห็น กาย จากเด็ก แล้วหนุ่ม แล้วแก่ แล้ว เจ็บ แล้วตาย แล้ว เน่า แล้ว สลาย เป้นธุรี กลับคืนธาตุ สี่ อย่าง นี้ มองเห็น ด้วยตาดูรูป หรือเปล่าครับ หรืออาศัยดูในจิต...
เมื่อ มีปัญญา ย่อม เพิกถอนกาย
ตอบ ตาเป็นอายตนะที่รับรู้รูปภายนอก ไม่ใช่ตัวรู้ว่า นั่นคือ เด็ก หนุ่ม แก่ ฯลฯ จิต(วิญญาณขันธ์)เป็นตัวรับรู้และสังขาร ส่วนจะเห็นธรรมหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ปัญญา (หาอ่านได้จากเรื่องธาตุ 18)<O:p</O:p
แล้ว จิต คิดนั่น พิจารณานั่น คิด อย่างนั้น คิดอย่าง นี้ เห็น ตัวที่กำลังคิดตรงนี้ไหม มีผู้ดูตัวคิดนี้ไหม ถ้าไม่มีผู้ดูตัวคิดนี้ แล้ว มันจะรู้ได้อย่างไร
จิตเด็ก จิตหนุ่ม จิตชรา จิตเจ็บ จิตตาย จะเห็นตัวนี้ได้อย่างไร
เมื่อมีปัญญา ย่อมเพิกถอนจิต
ตอบ มีจิตรู้(ตามดู) และจิตถูกรู้(ตัวคิด)เสมอ ไม่งั้นคงไม่รู้ความคิดที่เกิด ทั้งผู้รู้ตัวใหม่ย่อมรู้ผู้รู้ตัวเก่าด้วย จิตหนึ่งเกิดดับตลอดเวลา (มี 89 ประเภทหรือพิศดาร 121 ประเภท) จิตแต่ละดวงที่สืบต่อจะมีอาการอย่างไรเป็นประเภทใดที่เกิดขึ้น ย่อมขึ้นอยู่กับเจตสิกที่เข้ามาสัมปยุตต์ ถ้าอยากมีจิตผู้รู้มากๆ ต้องสัมปยุตต์กับสติเจตสิกให้ได้มากที่สุด จิตหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างน้อยมีเจตสิกอย่างต่ำ 7 ชนิด (ไม่แน่ใจนัก ต้องไปค้นอภิธรรมเอาค่ะ)
<O:p</O:p
จิตไม่มีอายุ ล้วนแต่ปรุงแต่งไปตามอุปาทาน ที่เห็นตามอาการรูปบ้าง เวทนาบ้าง ถ้ารูปดับหรือดับแบบตายใช้ไม่ได้แล้ว จิตจะเกิดใหม่ซึ่งต้องอาศัยรูปละเอียดหากยังไม่ได้รูปหยาบ
หากไม่ได้เข้ามาตอบอีก ไม่ได้แวะมาดู
มีอะไร ก็ถามคุณขันธ์กะคุณเกสท์ต่อแล้วกันค่ะ (หรือท่านอื่น)<O:p</O:p
อนุโมทนากับคุณขันธ์ ที่ขยันตอบและให้ความรู้กับพรรคพวกค่ะ
<O:p;aa37</O:p -
คุณขันธ์ครับ รู้จักคุณหนูจำมาพูดมั้ยครับ
คุณนี่สุดยอดเลยนะครับ ลื่นเหลือล้น ทนเหลือหลายจริงๆเลยนะครับ
ผมถามเรื่องฐานที่ตั้งไป(กาย เวทนา จิต ธรรม) คุณเล่นบทหนูจำมาพูด
พอถูกถามก็ไพล่ไปตอบเรื่องสติ
ผมเคยถามเรื่องสติไปคุณหนูก็ลื่นออกไปตอบเรื่องวิปัสสนา
ถ้าจิตไม่มีที่ตั้งคุณรู้ได้อย่างไรละครับว่าขณะนี้เกิดกิเลส ขณะนี้สงบระงับดีฯ
ที่คุณพูดมาก็แสดงว่าพูดมั่วๆเอาใช่มั้ยครับ ถ้าไม่ใช่ควรตอบคำถามผมด้วยนะครับ
อย่าต้องให้ผมทวงบ่อยๆมันน่าอายนะครับ
คุณขันธ์ครับในที่สุดแล้วคุณก็แสดงอนุสัยสันดานเดิมๆออกมาให้เห็นเช่นเคยนะครับ
ที่ผมฝึกมาก็ด้วยอาศัยพุทธพจน์เป็นบาทฐาน
ผลที่ออกมาเมื่อเทียบเคียงกับพระสูตรได้ผมก็หายสงสัยในแนวทางปฏิบัติ
คุณขันธ์ครับคุณไม่รู้เลยจริงๆหรือครับว่าเมื่อสมาธิมีกำลัง สติย่อมมีกำลังไปด้วย
เมื่อสติมีกำลังกล้าแข็ง ปัญญาย่อมเฉียบคมไปด้วย
คุณเองก็เคยพูดไว้เรื่องกำลังสมาธิ -
คุณรู้มั้ยครับว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านเวลาเทศน์กับชาวบ้านในชนบท
ท่านมักเปรียบเรื่องวัว ควายเพื่อเป็นการสื่อสารให้เข้าใจได้ง่ายๆขึ้น
แต่คุณเล่นเอามาเหน็บแนมคนอื่น โดยไม่เข้าถึงความหมายที่แท้จริง
คุณก็รับในส่วนนั้นไปนะครับ เพราะคุณกำลังสนตะพายตัวเองอยู่
ด้วยกิเลสที่เอาคำพูดของครูบาอาจารย์มาพูด
จนกระทั่งเข้าใจผิดว่าสิ่งเหล่านี้คุณรู้แล้ว
โดยความเป็นจริงแล้ว เป็นเพียงภูมิรู้ที่ตกผลึกเท่านั้น
แต่ไม่ใช่ภูมิธรรมที่ได้สัมผัสจริงมาเลย
คุณขันธ์ครับในเมื่อมีกิเลสน้อย นิวรณ์น้อย
คุณก็ตอบสิครับ อย่าทำตัวดื้อด้านสิครับ
ชาวบ้านที่เค้าต้องเอาวัว เอาควายมาสนตะพายหนะรู้ไว้ด้วย
เพื่อปราบความดื้อด้านของมันเท่านั้นนะครับ อย่าสนตะพายตนเองเลยครับ
ที่ว่ากายดูแล้ว ดูอย่างไร???
แล้วจะยกไปสู่ฐานเวทนาหนะ ยกไปวางไว้ตรงไหนครับ???
เพิกกายก่อนหรือเพิกเวทนาก่อนครับ???
ที่ว่าเพิกเวทนาขึ้นสู่จิตหนะ จิตอยู่ตรงไหนครับ???
ทำไมต้องเพิกจิตถึงขึ้นสู่ธรรมหละครับ???
ในเมื่อการเพิกในแต่ละครั้งได้ เราก็เห็นธรรมอยู่แล้วนิครับ???
;aa24 -
คุณขันธ์ครับ เวลาครูบาอาจารย์ท่านเทศน์ให้ชาวบ้านฟังหนะ
ท่านก็เปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจในแต่ละครั้งนะครับ
อย่าพยายามที่ยัดทุกอย่างลงไปในเรื่องเดียวกันนะครับ
ถ้าผมจะบอกว่า พระท่านเคยเทศน์ว่า
จิตคนเรานั้นเปรียบเหมือนน้ำชอบไหลลงสู่ที่ต่ำ
ฉะนั้นท่านทั้งหลายให้สร้างเร่งรีบสร้างเขื่อน
สร้างเขื่อนคือสติป้องกันน้ำไม่ให้ไหลลงไปสู่ที่ต่ำ
คุณกำลังกล่าวร้ายครูบาอาจารย์ตนเองอยู่หรือเปล่าครับ
นี่ละครับที่เค้าเรียกว่าการสนตะพายตนเอง.....
เรื่องพิจารณาธรรมให้พิจารณาผลของการปฏิบัติที่ออกมาไม่ใช่คิดเอาเองนะครับ -
คุณหนึ่งคนครับ คุณขันธ์เปรียบจิตเหมือนน้ำนะครับ ไม่ใช่กิเลสครับ<O:p</O:p
ผมจึงเอาคำครูบาอาจารย์<O:p</O:p
ท่านก็เปรียบสติเหมือนการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำไม่ให้ไหลลงไปสู่ที่ต่ำนะครับ
;aa24<O:p</O:p
-
คุณ ธรรมภูต ครับ
เจ้าหนูจำไมนี่ อยู่ในการตูนเรื่อง อิคิวซังครับ
เมื่อก่อนเลิกเรียนมาผมต้องดูทุกวัน
ชอบมากครับ
ส่วนเจ้าหนูจำมาพูดนี่ เพิ่งรู้จักครับ -
คุณนัทฯครับ
ผมขอถามเพื่อความกระจ่างนะตรับ
ที่ว่าจิตไม่เที่ยงเอาเหตุผลอะไรมารองรับครับ???
ที่ว่าไม่เที่ยงหนะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่จิตหรือตัวจิตเองครับ???
ที่ว่าจิตบังคับไม่ได้ เอาอะไรมาตัดสินครับ???
หวังว่าคงได้คำตอบที่แก้ข้อข้องใจนะครับ.....
;aa24
-
ขอบคุณมากครับที่บอกที่มาที่ไปให้รู้ครับ
ส่วนเจ้าหนูจำมาพูด ผมคิดเองครับ....
;aa24 -
ยกมาให้ดูประเด็นหนึ่ง แล้วถ้าแย้งผมไม่ได้ อย่ามาเถียงอีก นี่แหละเขาเรียกว่า พูดไม่เข้าหูซ้าย ไม่ได้ยินหูขวา
ไม่ทันอ่านให้ละเอียด หยิบเอามาเถียงส่งเดช -
บางคนสังขารแก่ชราไปแล้ว
แต่พอเห็นสาว ๆ นี่
ตาเป็นไฟใจเป็นวานร
มีให้เห็นเยอะครับ -
หวัดดี แก้วน้ำ หวัดดีเต้าเจี้ยว หวัดดีคุณฐานัด
หวัดดี ท่านอื่นๆ ทุกๆท่าน
พูดเรื่องถกธรรม เสวนาธรรม นี้นะ เรามองว่าเป็นการปฏิบัติธรรมของเรา แบบหนึ่ง
สอบอารมณ์ตัวเองได้ดี ดูจิตได้ดี เพราะมีหลายเรื่องที่นึกไม่ถึง ทำให้ดูจิตได้ง่าย
ดูทุกข์มันดิ้นรน ได้ดีอีกแบบ ไม่ต้องโพสท์ก็ได้ อ่านอย่างเดียว กิเลสก็แสดงตัวบานแระ
อ่านไปดูจิตมันทุกข์ไป ก็ดีนะ ถ้าจิตยึดมาก ก็ทุกข์มาก พอจิตรู้ทุกข์มากๆ จิตมันก็ฉลาดเอง
จิตมันก็ทุกข์น้อยลงเอง แต่ถ้ายังทุกข์เหมือนเดิม ไม่ดีขึ้น ไม่พัฒนาขึ้น จิตไม่ฉลาดขึ้น
แสดงว่า จิตไม่ได้เรียนรู้อะไร ไม่ได้จดจำสภาวะธรรม ยังยึดทุกข์ไว้เหมือนเดิม
(พูดถึงตัวเราเองนะ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น) ก็เลยอยู่ทน ไม่ได้ทนอยู่ นินา
ปล.หาเหตุให้ตัวเองมาเล่นได้เรื่อยๆ ไปนั่นแหละ อีกแระเรา -
บังเอิญว่าผมทราบว่าคุณรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว..
และส่วนตัวผมเองจะรู้ถูกหรือผิด ผมก็มีครูบาอาจารย์ที่ค่อยแนะนำอยู่
แล้วคับ...ขอขอบตุณในเจตนาดีที่มีให้นะคับ อิอิ
ส่วนเรื่องความรู้ในทางธรรม จะถูกบ้างผิดบ้าง..ก็แค่เรื่องที่ตามเหตุ
ตามปัจจัยที่สั่งสมมา...ผมมิอาจทาบชั้นกับคุณหรอกคับ..ผมไม่มีธรรม
ให้ผู้รู้ธรรมอยู่แล้วหรอกคับ..(รู้ถูกหรือผิด ก็สุดแต่วาสนาคุณ..คับ) -
คนที่เข้าใจผิดจะได้เข้าใจถูก
คนที่เข้าใจถูกอยู่แล้วจะได้มั่นใจยิ่งขึ้น -
ถามว่า จิตเที่ยงหรือไม่เที่ยง
มันน่าจะแยกว่า จิตนั้นเป็นอย่างไรอยู่่
เพราะว่า จิตดวงนี้ไม่เคยสูญ แต่จะว่าเที่ยงก็เที่ยง แต่พอไปเกาะกับกิเลสมันก็ไม่เที่ยง
ทีนี้ คุณ นัท ก็มองคนละมุมกับ คุณเกสท์
แล้วจะมาโต้ธรรมเรื่องนี้กัน มันต้องไปเรียนอภิธรรม จะดีกว่า
เพราะคุณนัท เขาเป็นนักปฏิบัติ ไม่ใช่นักธรรม -
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการมาสอบภูมิความรู้กันนี่คงไม่สามารถจริงๆ
เพราะผมตอบได้แต่ตามสภาวะธรรมที่เป็นจริง..พิสูจน์ได้ที่ตัวเองคับ
ไม่สามารถตอบให้ตรงใจ หรือตอบให้ตรงกับธรรมที่อีกฝ่ายหนึ่งรู้ได้หรอกคับ
แต่ผู้ที่ต้องการพิสูจน์ผม..ผมแค่คนเดินทางคนหนึ่ง
อย่ามาสงสัยในตัวผมเลยคับ...ผมจึงไม่ตอบคุณธรรมภูมิ
และระดับคุณเกสท์..เรื่องพื้นๆแค่นี้..ก็ต้องทราบอยู่แล้ว
แต่ถ้าอยากให้ตอบจริงๆ...ว่าเครื่องยีนยันเรื่องความไม่เที่ยงทั้งปวง
(ไม่ใช่แค่จิต)...คือ...
สัพเพธัมมาสังขารา.. ธรรมทั้งหลายล้วนเกิดจากปัจจัยที่มาปรุ่งแต่ง
สัพเพธัมมา อนิจจา.. ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง
สัพเพธัมมาอนัตตา.. ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน
แค่นี้คงพอเป็นหลักฐานในสิ่งที่คุณธรรมภูมิถามผมนะคับว่าเอาไรเป็นเครื่องพิสูจน์...และเอาอะไรเป็นเครื่อยืนยัน...สาธุคับ
-
ถ้าจะให้อธิบายแบบ ชาวบ้านผู้สนใจธรรมคุยกันละพอไหว
แต่คุยกับนักธรรม ละก็ไม่เอาหรอกคับ...ผมไม่ได้เรียนอภิธรรมมา
ตอบผิดจากภาษาที่เขาเข้าใจ ไปนิดนึงเด๋วผมก็จะโดน(......).
ไม่ใช่กลัวนะคับ.เพราะธรรมะแท้ไม่กลัวการพิสูจน์
แต่ผมว่ามันเสียเวลาคับ...ผมเอาเวลานั่งพิมพ์ไปตอบผู้ที่มีปัญหาจริงๆดีกว่า -
แล้วการเป็นนักธรรม จะเป็น นักปฏิบัติธรรม ไม่ได้เหรอ
และการรู้เรื่องอภิธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนก็ได้
หากต้องการรู้
พูดคุยแลกเปลี่ยกันในนี้ก็ได้
ทำอะไรควรเล็งประโยชน์ของตนและส่วนใหญ่เป็นหลักสิ
อันนี้เล็งแต่กิเลสตัวเอง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
การแบ่งพรรคแบ่งพวกมันไม่ได้ทำให้เกิดสิ่งดี ๆ อะไรเลย
การเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ได้ก็เพราะความสามัคคี
การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
เป็นเรื่องของกิเลสล้วน
อ.ขันธ์คิดให้ดีนะ -
ตื่นเช้ามาอากาศมันหนาวๆ แต่หนาวน้อยกว่าหลายวันก่อน
ลูกชายผมมันชอบถามคำถามตอบยากขึ้นทุกวันๆ (ชักจะเป็นเจ้าหนูจำไมเข้าไปทุกที)
วันก่อนมันบอกให้ผมลองอธิบายสีแดงให้คนที่ไม่รู้จักสีแดงรู้โดยใช้เพียงคำพูด
ไม่รู้จะอธิบายมันยังไง :)
วันนี้นั่งคุยกับลูกชายเรื่องความหนาว
ความหนาวนี่มันจะเพิ่มไปได้ถึงจุดไหน? ลบล้านองศาก็ยังไม่ใช่ที่สุดของความหนาว
แล้วไอ้เจ้าความหนาวมันมีจุดเริ่มจากที่ใด?
ความร้อนเริ่มลดลงมาถึงจุดหนึ่ง ความหนาวมันจึงเพิ่งเกิดขึ้น
ที่แท้ ความหนาวมันก็เป็นเพียงมีความร้อนน้อย
ความร้อนน้อย ก็เลยมีความหนาวเกิดขึ้น
อ้าว แล้วความร้อนมันต่ำสุดที่จุดใด
ลบล้านองศาก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความร้อน
แล้วไอ้เจ้าความร้อนมันมีจุดเริ่มจากที่ใด?
ความหนาวเริ่มลดลงมาถึงจุดหนึ่ง ความร้อนมันจึงเพิ่งเกิดขึ้น
แล้วไอ้ก่อนจะมีทั้งความหนาวกับความร้อนนี่มันเป็นอย่างไร?
รูปธรรมแบบสัมผัสได้อย่างความร้อนความเย็นยังเห็นได้ง่ายกว่านามธรรมเยอะ
แต่ก็ยังยากอยู่ดี :) -
โลกียะกับโลกุตรมันก็เหมือนกับความร้อนความเย็นนั่นแแหล่ะน้าจร
หน้า 49 ของ 53