เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

  1. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เอ้อ...คุณTiger2007 กรรมอะไรของคุณหนอ อยู่ๆก็โผล่มารับวิบากกรรม ลองพิจารณาดูว่าจิตคุณมัวหมองหรือเปล่า ดูจิตตัวเองให้มากๆ หากไม่เข้าใจก็ไปศึกษาว่าพระพุทธองค์ท่านสอนอะไร เรื่องของการทำบารมี เรื่องสามัคคีธรรมนั้น ไม่เกี่ยวกับการเป็นทหารหรือไม่เป็นทหาร บางครั้งอวิชชาของคนเรานั้นแหละที่นำตัวเองไปเสวยมหาวิบาก
     
  2. kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    ผมขออนุโมทนากับคุณอัญญาสิทธิ์ ที่ได้ไปช่วยงานบุญหล่อพระ หลวงพ่อผาสุก ที่วัดอ้อน้อย
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ไปร่วมทำบุญด้วยครับ
    งานนี้ทางคณะสร้างพระเจ้า 5 พระองค์ก็ไปบอกบุญกับญาติธรรมของชมรมธรรมะอิสระด้วย
     
  3. มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    ตอบคุณวิสุทธิเทพที่เคารพ
    ...เออ นะ คุณยอมรับว่าตัวเองเพี้ยนนี่ก็ดีแล้วล่ะ ผมจะได้ไม่ต้องเซ้าซี้ถามต่อ ไว้รอหายเพี้ยนแล้วค่อยมาบอกใหม่ก็ได้ครับ

    มันไม่ใช่หน้าที่คุณและก็ผมด้วยที่จะตัดสินใครหรอก ผมก็เข้ามาถาม ไม่ได้มาตัดสินใคร ก็คุณพูดเองว่ารู้นี่นา อันนี้ลองย้อนไปดูกระทู้ของคุณเองนะครับจะรู้เองว่าหมายถึงอะไร

    ครูบาอาจารย์ผมไม่เคยสอนให้มาอวดดีกับใครหรอกครับ ถึงผมจะดีเพียงใด หรือรู้เห็นธรรมวิเศษกว่าคุณก็ตามที มันเหมือนผมมีแก้วมณีวิเศษแล้วคุณเป็นลูกไก่ ผมเอาไปให้คุณดู คุณก็ไม่รู้คุณค่ามันหรอก

    ผมแนะคุณนะว่า การปรารถนาพุทธภูมิน่ะ ถ้าสอนคนอื่นแล้วทำให้เขาเดินผิดทาง ก็ไปนรกได้เหมือนกัน

    พระครูเทพโลกอุดร ผมรู้ครับ อย่างที่คุณว่ามา แต่ผมไม่จำเป็นต้องมานั่งบอกใครต่อใคร เหมือนที่ผมกำลังเจออยู่นี่หรอกครับ ระวังขายหน้าเวลาความจริงมันปรากฏนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

    ผมเข้าใจความศรัทธาและความภักดีของคุณจนรู้สึกได้ ถ้าพระครูเทพโลกอุดรท่านเมตตาคุณ สักวันคุณก็จะเข้าใจว่า ของจริงเป็นยังไง

    อนุโมทนาในกำลังใจของคุณด้วย อย่าโกรธผมเลย ผมแค่มาทดสอบ คุณยังไม่ผ่านหรอก ....
    คุณวิสุทธิเทพ การเดินทางยังอีกไกล
     
  4. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อนุโมทนากับการหล่อพระหลวงพ่อผาสุก ด้วยครับคุณ kitjang ในงานนี้ก็ได้พบเจอญาติธรรมหลายท่านด้วยกัน บางท่านก็รู้จักกันมาก่อน บางท่านก็เจอกันครั้งแรก บางรายก็มีสัมผัสในดี ก็ได้สนทนากัน สุดท้ายก็เลยให้รูปหลวงปู่เทพโลกอุดรไปบูชา

    ไปดูศาสน์ศิลป์บางอย่างในงานนี้ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าใครเป็นใคร ไปเห็นสัญญลักษณ์บางประการที่สายธรรมของหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านใช้กัน ก็ถึงบางอ้อครับ ก็เคยถามหลวงปู่เทพโลกอุดร เกี่ยวกับเรื่องของหลวงปู่พุทธอิสระเหมือนกัน ท่านก็ให้ความกระจ่างในหลายเรื่อง

    เมื่อไปเห็นสัญญลักษณ์ที่ใช้ในงานก็ทราบได้ว่าปู่เทพโลกอุดรท่านอยู่เบื้องหลัง จึงไม่แปลกใจว่าทำไมหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านให้คณะสร้างพระฯ นิมนต์หลวงปู่พุทธอิสระ ไปเจริญพระพุทธมนต์ในงานหล่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และให้ท่านนั่งเป็นลำดับแรกของคณะสงฆ์เจริญพุทธมนต์ในชุดของจังหวัดนครปฐม ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.6 KB
      เปิดดู:
      41
    • X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49 KB
      เปิดดู:
      36
  5. จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    ปีใหม่นี้ผมขอลา จากกระทู้นี้อย่างเป็นทางการสักที<O:p</O:p
    ประมาณ 4-5 ครั้งที่เคยได้มาโพส ก็ข้อดีคือมีคนรู้จักวัดแล้วมาทำบุญ แค่นี้ก็รู้สึกดีและเพียงพอแล้ว และล่าสุดก่อนปีใหม่ที่ผมประกาศไปว่าไม่อยากให้ใครมาใช้อิทธิพลวุ่นวายวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรอีก...<O:p</O:p
    1. พี่อัญญาสิทธิ์ตอบมายืดยาว... ขอบคุณที่สอนครับ แต่จุดยืนผมยังคงเดิม ผมระลึกรู้กับความรับผิดชอบในเรื่องราวจริงที่ผ่านมา และที่เป็นอยู่เสมออย่างมีเหตุผล ทุกท่านก็เข้าใจด้วยนะครับว่าเราพี่น้องทุกคนถือว่าไม่มีอะไรขัดแย้งกัน เรายังต้องร่วมสามัคคีกันอีกมาก<O:p</O:p
    2. เรื่องที่ใครต้องเดือดร้อนเพราะเคยมาวุ่นวายวัด ไม่ใช่หลวงพ่อหรอกที่เอาคืน พวกผมนี่แหละที่เอาโทษ ถ้าจะเป็นกรรมมันก็เรื่องของผมเอง ผมว่าผมไม่เสียชาติเกิดแล้ว เพราะครั้งหนึ่งเคยปฏิญาณตนว่าป้องกันจะรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยชีวิต เมื่อคนมาทำไม่ดีกับสามสิ่งนี้ผมเลยนอนเฉย หรือปล่อยแค่ให้กรรมบันดาลเขาเองไม่ได้ และหากใครยังมายุ่งแบบไม่เข้าท่าอีก เราไม่ยอมแน่ ...ไม่มีใครมาบังคับบงการพวกผมด้วยครับ ปูชนียบุคคลในโลกเขาก็ทำกันเยี่ยงนี้ <O:p</O:p
    3. พี่หนุ่ย... เรื่องที่หลวงปู่สั่งอะไรผม หรือมีสัจจะอะไร ก็ยังไม่เคยผิดสัจจะ ถ้าเป็นการเตือนก็ขอบคุณครับ แต่ถ้าเป็นการเอาเรื่องส่วนตัวมาเหน็บแนมเสียดสี เพื่อ Discredit ผมหรือต่อหลวงพ่ออีกล่ะก็ เลิกเถอะพี่ พี่ทำกับคนอื่นยังงี้ กรรมมันจะทำให้พี่อาจขาดมิตรแท้ ที่พึ่งพากันได้แม้ในยามยากไป เพราะจะไม่มีใครกล้าสนิทสนมกับพี่อีก ไม่รู้ว่าเรื่องไหนลับ เรื่องไหนแจ้ง ถ้าต้องการแค่เอาชนะในเชิงตรรกะ<O:p</O:p
    ท้ายนี้ลาทีครับ ผมจะทำหูดับหรือตาดับไปสักที ไม่ออกความเห็นในเว็บนี้อีกต่อไป จิตใจจะได้อิสระ ไม่ยุ่งเกี่ยวใครอีก ขอบคุณทุกท่านครับ ลาก่อน<O:p</O:p
     
  6. koro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +181
    วันที่30ธค ผมก็ได้ไปที่พุทธมณฑลสาย2 มาคับ แต่เสียดายที่ไปช้า เลยไม่ได้ฟังอะไรดีๆจากหลวงปู่อะคับ พอดีนั่งด้านหลังด้วยคับไม่ค่อยจะได้ยินอะ แล้วก้อถวายเงินสร้างพระไป1000 คับ ร่วมโมทนากันด้วยนะคับ
     
  7. น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    คนดีอย่าท้อแท้ พุทธภูมิอย่าท้อถอย
    ทองแท้ไม่แพ้ไฟ ฉันใด ชัยชนะอยู่ที่พระฉันนั้น


    อิๆๆ
     
  8. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อบ...ก็ดีแล้วล่ะที่ออกจากกระทู้ไป พี่ๆหลายคนเราพิจารณากันว่า น้องๆหลายคน รวมถึงอบด้วย ไม่น่าจะเข้ามาในกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะสุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมข้อมูลข่าวสารและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้องการได้ บางทีเราอาจจะถูกใช้โดยไม่รู้ตัวด้วยโลภ โกรธ หลง ที่มีอยู่ในตัวบุคคลอื่นและในตัวเรา
    สำหรับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่วัดฯนั้น ความจริงก็คือความจริงอยู่ตลอดกาล ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมรับมันได้หรือเปล่าแค่นั้นเอง คนเรานั้นถ้าเราหลงเรามักจะไม่รู้ตัวเอง เช่นเดียวกับคนเมานั่นแหละ

    หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่าทุกอย่างสำคัญที่ภายในน่ะ หากเราเข้าไม่ถึงตรงนั้นก็สามารถหลงทิศหลงทางและยึดติดกับรูปแบบภายนอกได้ไม่ยาก กลับไปทบทวนคำสอนของหลวงปู่ แล้วน้อมนำไปปฏิบัติให้ได้ก็น่าจะดีนะ อีกไม่นานก็จะได้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร พี่ๆทั้งหมดก็ยังรักใคร่สามัคคีกันดี มีจำนวนครบถ้วน และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่จะสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ให้ลุล่วงไปตามเจตนารมย์ของหลวงปู่ อย่างนี้แหละถึงจะเรียกได้ว่ากัลยณมิตรหรือมิตรแท้ ดังที่หลวงปู่ท่านกล่าวว่า "การเฮ็ดบารมีนั้น น้อยเฮ็ดตามน้อย ใหญ่เฮ็ดตามใหญ่ ให้เป็นสามัคคีธรรม ผู้น้อยก็ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เฮ็ดตามๆกันไป"
     
  9. น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เมื่อเจตนาทำดีมั่นคงถึงที่สุดแล้ว ให้อธิษฐานถึงพระอวโลกิเตศวรกวนอิมครับ



    ท่านคือองค์อวตารแห่งพระอิศวรผู้ให้บันดาลได้ทุกสรรพสิ่ง ผู้เพ่งมองพวกเรา
    ตลอดเวลาด้วยความเมตตา ท่านจะบันดาลความปรารถนาให้เราสำเร็จครับ
     
  10. จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 438683" vAlign=top><TD class=alt2>"การเฮ็ดบารมีนั้น น้อยเฮ็ดตามน้อย ใหญ่เฮ็ดตามใหญ่ ให้เป็นสามัคคีธรรม ผู้น้อยก็ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เฮ็ดตามๆกันไป" </TD></TR><TR><TD class=thead colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมว่าพวกรุ่นน้องบางคนของคุณ Aunyasit กับพวกบรรลุเป้าหมายแล้วมั้งที่เข้ามาในกระทู้ เพราะ แค่เค้าได้บรรยายข้อมูลข่าวสารจริงของวัดป่าสีดาไปแล้วก็น่าจะพอ ไม่ได้มีข้อมูลแต่ด้านคุณ Aunyasit อย่างเดียวจริงอยู่พวกคุณหลายคนคงสามัคคีร่วมใจเป็นกัลยานมิตรในเรื่องสร้างพระด้วยกัน นั่นดีมากครับ แต่คงไม่มีใครเกินคำสอนสีแดงข้างบนนี้เหมือนคุณหรอก เกินพระเกินเจ้า


    "คนเรานั้นถ้าเราหลงเรามักจะไม่รู้ตัวเอง เช่นเดียวกับคนเมานั่นแหละ "
    - ก็ลองสอนตัวเองบ้างนะครับคุณ Aunyasit

    และขอเอาใจช่วยให้สร้างพระให้สำเร็จกันนะครับ ให้พวกคุณรักกันมากๆ อย่าทอดทิ้งกัน ช่วยกันแบกหามกันไว้นะครับ
     
  11. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณจักร

    ข้อมูลข่าวสารจริงของวัดป่าสีดาฯ นั้นยังมีอีกมาก แม้กระทั่งเรื่องที่ที่หลวงปู่มหาศรีจันทร์กล่าวว่า "วัดป่าฝายแตก ที่นั่นไม่เหมือนกับที่อื่น เป็นแดนฤาษีศักดิ์สิทธิ์ ปฏิบัติเป็นอิสระจากหมู่... อย่าไปยุ่งกับเขา
     
  12. kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    เราทำบุญก็ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าเราได้บุญ เราทำบาปก็ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าเป็นบาป จิตของตัวเองจะเป็นตัวกำหนดที่มาของความ ดี ชั่ว ไม่ต้องมีใครมาบอก ทุกคนในที่นี้ผมรู้ดีว่า ทุกคนรู้จิตของตัวเองดี
     
  13. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คืนวันที่ 3 ม.ค. ได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อรอด จากโคราช ท่านมาที่จ.พระนครศรีอยุธยา ก็สนทนากับท่านเรื่องการทำบารมี การสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เรื่องของนาคราชที่จะมาร่วมสร้างพระฯ เขาฝากให้ผมไปจุดธูปบอกเขา เรื่องการให้มาร่วมสร้างพระฯ เรื่องญาณบารมีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเบื้องบน เรื่องของหลวงปู่ใหญ่ เรื่องของม้าแก้วมณีกาบ เรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บารมี และ ท่านว่าต่อไปจะมีการต่อสู้กันของผู้มีฤทธิ์ เป็นต้น

    หลวงพ่อรอด รูปนี้ท่านเป็นนักปฏิบัติสายภูเขาควาย เป็นลูกศิษย์พระครูเทพโลกอุดร เมื่อไม่นานที่ผ่านมา หลวงปู่ราชวงศ์ จากฝั่งลาวมาหาท่าน โดยแปลงเป็นคนขอทาน แต่หลวงพ่อรอดท่านก็ทราบดีว่าท่านเป็นใครจึงได้ดูแลรับรองท่านเป็นอย่างดี เมื่อถึงเวลาจะไป หลวงปู่ราชวงศ์ก็เดินหายวับไปเลย

    หลวงปู่ราชวงศ์นี้ท่านก็เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทองทิพย์เช่นกัน คือในสมัยที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านธุดงค์บำเพ็ญบารมี อยู่ที่ภูเขาควาย ฝั่งประเทศลาว ในคณะธุดงค์ของท่านส่วนหนึ่งมีหลวงปู่ทองทิพย์ หลวงปู่ด่อน หลวงปู่จันทร์อ่อน และหลวงปู่ราชวงศ์ รูปที่ผมกล่าวถึงนี้ด้วย

    วันที่ 4 ม.ค. ก็ได้ไปอธิษฐานเกี่ยวกับนาคราชเจ้าสมุทร ที่ศาลกรมหลวงชุมพรและที่หาดเตยอ่อน ในฐานทัพเรือสัตหีบ ตรงตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงเรือใบ
     
  14. nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    อยากถามคุณ Aunyasit ดังนี้ครับ
    1.คุณ Aunyasit เป็นคนเดียวกับคุณคนไกลหรือเปล่า เนื้อหาที่คุณคนไกลเขียนในเวปอื่น ก็คล้ายๆแบบนี้น่ะครับ
    2.ถ้าตอนนี้ไม่ได้ร่วมทําบุญ แต่ไปทําทีเดียววันหล่อพระได้ไหมครับ
    3.ก่อนจะถึงวันนั้นจะมีงานบุญอะไรอีกหรือเปล่าครับ แบบที่คล้ายๆวันที่ 30ธ.ค.ที่ผ่านมา
    4.ผมเคยถามคุณ Aunyasitว่ารู้จักคุณวีระพงศ์ไหม คุณ Aunyasitบอกว่ารู้จักแต่ต่างคนต่างทํางาน - -" คุณวีระพงศ์จริงๆก็คือคุณ Aunyasit ไม่ใช่เหรอครับ
    5."ฤษีจะแผลงศร จะทำให้เกิดวิบัติไปทั้งโลก "
    ที่คุณ Aunyasit บอก เหตุการณ์ประมาณนี้ คนไทยเหลือกี่คน พอบอกได้ไหมครับ ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมแค่อยากรู้เฉยๆน่ะครับ ว่าคนดี(จริงๆ)มีกี่คน (ด้วยสมมุติฐานว่าคนรอดคือคนดี ซะงั้น...แฮะๆ)

    ขอบคุณมากครับ
    โชคดีครับ
    เอ่อ.. ถ้าผมถามอะไรที่เคยมีคนถามไปแล้วก็ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ
     
  15. มะม่วงสุก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +83
    ความคิดผม...สังคมที่มีความคิดเห็นแบบประชาธิปไตย บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ไม่ดี สำหรับเรื่องดีที่ผมเห็น คือ สังคมจะได้ข้อสรุปสุดท้ายที่เกิดจากความคิดเห็นหลายส่วนหลายแนวทางมาประมวล แล้วมีผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือหรือขบวนการที่ยุติธรรมคอยสรุปให้หรือสนับสนุนอยู่ โดยสังคมดังกล่าวต้องอยู่ในพื้นฐานของความรู้ ความเข้าใจ เหตุผลที่ใกล้เคียงกัน ความยอมรับซึ่งกันและกันจึงจะมีได้ ความรักความสามัคคีก็อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ผู้ใหญ่หรือผู้นำธรรมจะต้องมีศีลธรรมอันดี ถูกต้องเหมาะสม ผู้น้อยที่ดีเห็นสามารถพิจารณาตาม ความรักและเคารพเชื่อถือศรัทธาก็เกิดขึ้น เมื่อมีปัญหาข้อข้องคาใจใดๆ หรือสิ่งอันผิดปกติเกิดขึ้น ผู้ใหญ่หรือผู้นำธรรมนั้นต้องให้ข้อกระจ่างและชี้ทางออกในเวลานั้นได้ หรือช่วยกันแก้ไข ความในไม่นำออก ความนอกไม่นำเข้า สังคมนั้นก็จะดี และเข้มแข็ง ถ้าเปรียบเป็นเรือ ก็คือ เรือที่มีต้นหนดี ชันยามาดี ไม่มีรั่ว หางเสือมั่นคง กำลังฝีพายและเครื่องยนต์ดี และยิ่งถ้าได้ลม และกระแสน้ำที่ช่วยส่งแล้ว ก็จะถึงจุดมุ่งหมาย คือฝั่งได้ไว สำหรับเรื่องไม่ดีที่ผมเห็น ก็คือ ถ้าสังคมถือตัวถือตนว่าเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อย ผู้น้อยไม่เชื่อถือผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ก็ไม่รับฟังผู้น้อย จะสาเหตุจากผู้น้อยคิดว่าผู้ใหญ่ทำตัวไม่น่าเชื่อถือ หรือผู้ใหญ่คิดว่าผู้น้อยยังมีภูมิปัญญาที่ด้อยกว่าตน พื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ เหตุผลที่ต่างกัน หรือผู้น้อยไม่ทำหน้าที่ของตน ไม่กล้าคิด กล้าทำ ให้ชะตาชีวิตตัดสินโดยผู้นำหรือผู้ใหญ่ ไม่ช่วยกันแก้ไข มีแต่ความคิดไม่ลงมือทำ ความยอมรับกัน ความรักความสามัคคีก็ยากที่จะเกิด ความในชอบนำออก ความนอกชอบนำเข้า เมื่อเกิดเหตุวิกฤต สังคมนั้นก็อ่อนแอ ถ้าเปรียบเรือ ก็คือ เรือที่ต้นหนไม่ดี มีรูรั่ว หางเสือไม่มั่นคง กำลังฝีพายหรือเครื่องยนต์ไม่ดี และทวนกระแสน้ำ ทวนลม ฝั่งแม้จะเห็นข้างหน้าก็ใช่จะไปช้า บางทีอาจไม่ถึง เพราะในแม่น้ำที่เชี่ยวกราด อาจมีสิ่งร้ายอันตรายซุกซ่อนอยู่ ถ้าตกเป็นเป้าหมายแล้ว ก็ยากที่จะเดินทางได้โดยสะดวก
    ความคิดผม...คำถามที่ผมเคยถาม ตอบได้จริง และมีคนที่หวังดีนำมาตอบแสดงแล้วมากมาย จนเขาเมื่อยจะมาบอกแล้ว ผมเห็นว่าสามารถตอบได้แบบพุทธศาสตร์ และน่าจะดีสำหรับที่นี่ แต่ที่นี่ไม่ทำกัน และยังบอกว่าคนที่ถามกันพูดวกไปวนมา มีแนวร่วมมาสนับสนุน ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า กาลเวลามันจะพิสูจน์คนได้จริงไหม? ถ้าเรื่องที่คนสามารถตอบได้แต่ไม่ตอบ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สาธุชนท่านใดชอบแบบนี้ก็จงชื่นชมยินดีกันครับ ถึงเวลานั้นแล้วจะได้ช่วยกันซับน้ำตาหรือซับเลือดด้วยกัน
    ความคิดผม...คุณความดีศีลธรรมไม่ได้วัดที่ใครตามมามากหรือน้อย ลัทธิในประเทศนี้ที่มีมากก็ไม่ใช่เกิดจากตามกันหรือครับ ถ้าสังคมมากด้วยพวกทุศีลก็คือ ประชาธิปไตยแบบพวกทุศีล ความรักความสามัคคีก็เป็นแบบพวกทุศีลรักกัน ดังนั้นวัดที่คนมากหรือน้อยไม่ได้
    ความคิดผม...คุณความดีศีลธรรมในยุคนี้ก็หายากยิ่งนัก บางครั้งสิ่งที่เรายกยอยกย่องอาจไม่ใช่ของจริง บางครั้งบุพกรรมของเราเองต่างหากที่ได้คัดสรรสิ่งดีเลวไว้ให้เราพร้อมแล้ว บางทีมาเถียงกันก็คงไม่ได้ข้อยุติ ให้กรรมเป็นเครื่องตัดสินดีกว่า
    ความคิดผม...การบอกว่า ตัวเองดี มีศีลธรรมนั้น คนนั้นประมาทในความดีและศีลธรรมของตนเองเกินไป เพราะถ้ามันยังไม่ได้มาแบบมั่นคง ถาวร และดันเกิดเคลื่อนจากของเดิมที่ดีไป นั่นก็แสดงว่า สิ่งที่ตนบอกไปนั้นทุศีลเข้าแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิที่วิเศษไหนๆก็ตาม ยกเว้นภูมิที่ผ่านอรหันต์แล้ว
    ความคิดผม...การบอกว่า อย่าไปมองว่าคนนั้นดี คนนี้ไม่ดี หรือตัวเองให้มองดูว่าตัวเองมีดีอะไรพอหรือยัง ไม่ใช่วิสัยที่แสดงออกของผู้ที่ปฏิบัติธรรมจริง เป็นเหมือนวิสัยของผู้มีความโง่ในตัวเอง เหมือนกบในกะลา เพราะการที่คนมองเราดีหรือไม่ดี อันนี้ถือเป็นสิ่งอันวิเศษ ถือเป็นโลกธรรมชั้นดีให้เราได้ใช้พิจารณา แต่การมานั่งพิจารณามองว่าตนเองมีดีอะไร อันนี้อันตราย เพราะถ้ามันไม่ดีจริงอย่างที่คิดแล้ว ก็คือผู้ประมาท เหมือนเหตุผลที่แล้ว แต่ถึงตัวเองจะดีจริงก็ไม่ควรคิด ตราบใดที่ยังไปไม่ถึงเขตภูมิของโสดาบันจริง ข้อไม่ดีนี้อันตรายมากถ้าไปเผยแผ่ให้ผู้อื่นคิดเห็นตามก็จะเข้าข่ายในกระทู้แรกที่ผมเขียนขึ้นมาทีเดียว แต่ข้อหลังนี้ไม่ใช่หมายถึงการคิดถึงความดี หรือบุญที่ทำแล้วเกิดอิ่มเอิบปิติบุญ เพราะถ้าคิดแบบนี้ถือเป็นกำลังใจ และสิ่งที่ให้คนอื่นได้อนุโมทนายินดีด้วย แต่ก็ยังถือว่าอันตรายในแง่ของทางไปสู่ความหลงได้ง่ายๆ เช่นกัน ถ้าไม่ระวัง
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาแห่งธรรมกันทุกคนเทอญ
     
  16. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    วันนี้ไปดูความก้าวหน้าขององค์พระต้นแบบ แล้วเสร็จไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เสาร์-อาทิตย์นี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ ช่างก็จะได้ปั้นต้นแบบขององค์พระศรีฯต่อไป โดยองค์พระศรีฯมีรายละเอียดแตกต่างจากองค์ต้นแบบที่เห็นบางประการ และ ม้าแก้วมณีกาบต้นแบบก็กำลังจะเสร็จเช่นกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      62
    • A2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      64
  17. น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ถามตอบระบบเศรษฐกิจพอเพียง​

    ธุลีกองฟอน "ระบบเศรษฐกิจพอเพียงไม่ทำให้คนยากจนดอกหรือท่าน"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ไม่หรอก เราต้องพิจารณาจากทรัพยากรธรรมชาติที่เรามีทั้งโลก (Total global resource) แบบตรงไปตรงมา แล้วเปรียบเทียบกับผลผลิตที่เราทำได้ ซึ่งเราพบว่าเมื่อเราทำงานหนักด้วยแรงขับดับทางด้านทุนนิยม ทำให้เราได้ผลผลิตล้นเกินพอดี เสื้อผ้าเรามีมากมาย สองสามตู้ไม่ได้หยิบมาใช้ ยังไม่ทันเก่า และไม่ขาดวิ่น บ้านเราหลังใหญ่พอที่จะจัดงานบวชลูกชายได้ แต่เราใช้นอนจริงๆ ไม่เท่าไร รถยนต์เรามีหลายคัน วิ่งเปลืองน้ำมันหมดเงิน สิ้นรอบไปมาเพราะการวางผังเมืองที่ไม่ดี แต่นั่นก็ไม่เพียงพอแต่การสนองตอบต่อความเบื่อของเราได้ อาหารเรากินเต็มโต๊ะแต่ว่ามีเศษอาหารเหลือมากมายในแต่ละจาน จริงๆ แล้วผลิตผลมวลรวม (GDP) ของเราสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งโลกด้วยซ้ำไป นี่เกิดจากการผลิตแบบปกตินะ ชาวไร่ชาวนายังไม่ได้ทำงานเต็มที่ (Full-employment) ด้วยซ้ำ นั่นแปลว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้มีปัญหาด้านความขาดแคลนหรือปริมาณในผลิตผลที่ทำได้ แต่เรามีปัญหาด้านประเภทผลิตภัณฑ์ (Product variety and quality) และการกระจายผลิตภัณฑ์ (Total distribution) มากกว่า จุดนี้เอง ทำให้ผลผลิตมวลรวมที่ได้ปริมาณมากเกินพอดีแล้ว (Over productivity) เป็นไปในด้านที่ขาดคุณภาพ (Low quality) บางอย่างสร้างขึ้นมาสนองกิเลสตัญหา และช่วยก่ออาชญากรรม ทั้งนี้ความเหลื่อมล้ำทางการกระจายรายได้ (Unbalance of product distribution) ยังกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมสูงขึ้นอีก ทำให้รัฐบาลมีต้นทุนค่าดูแลสังคมเพิ่มขึ้น (High social capital)"

    ธุลีกองฟอน "แล้วปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่เราเจอทุกวันนี้ที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหนครับ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "เราต้องมีสติ อย่าไปวิ่งตามเงา ความหมายก็คือ การที่เราวิ่งไล่กำไรซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะภายใต้ระบบทุนนิยมนี้ เราเป็นปลาเล็ก ไม่อาจต้านทานกระแสเศรษฐกิจโลก เราต้องไหลตามน้ำเขาอย่างเดียว นี่คือ ลักษณะปกติของทุนนิยม ใครมีทุนมากก็ได้เปรียบ แต่เราเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อกระแสมันไหลต่อไปไม่ได้แล้ว พอเราวิ่งต่อไปไม่ได้ เงาที่ไล่หลังเรามา (ดอกเบี้ยเงินกู้) ก็แสดงฤทธิ์ เจ้าหนี้เริ่มฟ้องล้มละลาย ผู้บริหารเริ่มสร้างภาพลักษณ์ออกโฆษณาสร้างความน่าเชื่อถือ มีแต่ภาพลักษณ์และอนาคต แต่ไม่มีผลงานทั้งในด้านทางการตลาดซึ่งวัดง่ายๆ ด้วยยอดขาย (Sale volume), ความภักดีต่อตราสินค้า (Brand loyalty) และในการอัตราการทำกำไร (Profit margin) หรือแม้นแต่ปริมาณการผลิตที่คุ้มทุน (Economic of scale uncontrollable) เราก็ควบคุมไม่ได้ เพราะผลิตยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน คู่แข่งขันก็ออกสินค้าตัวใหม่ ลูกค้าเห่อก็ไปซื้อตัวใหม่ กรณีนี้เห็นบ่อยในอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิก ซึ่งกำลังจะล้มละลายอีกมาก มีทางเดียวคือหาตลาดใหม่เมื่อตลาดคลายตัวลง (Decline) นี่คือปัญหาที่แท้จริงของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือ ตัวระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนั่นแหละที่เป็นตัวปัญหา ไม่ใช่ปริมาณทรัพยากรที่มี (Resource quantity) หรือด้านแรงงาน (Labor force) ใดๆ เลย"

    ธุลีกองฟอน "ที่กล่าวว่าปัญหาน้ำมันแพง, ต้นทุนแรงงานสูง, ตลาดหดตัว ไม่ใช่ปัญหารึ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ไม่ใช่ นั่นเป็นธรรมชาติของการล่มสลายของระบบทุนนิยมต่างหาก เป็นธรรมชาติในช่วงถดถอยของระบบ (Decline stage) เป็นปกติของมัน ทีนี้ทางแก้ของระบบทุนนิยมของเขาก็คือ การวิ่งหาตลาดใหม่ (New market explanation) เพื่อจะได้ต้นทุนที่ต่ำลง (Lower cost) และได้ฐานตลาดที่กว้างขึ้น (High target market) มันไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง มันเป็นปัญหาของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมต่างหาก เหมือนเราไถนา แล้วเครื่องไถนามันเสีย จะไปโทษที่นาฟ้าดินไม่ได้"

    ธุลีกองฟอน "แล้วปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริงคืออะไรครับ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง ข้อที่หนึ่งคือ เราไม่สามารถควบคุมทิศทางการผลิตสินค้าที่ควรผลิตเพื่อพัฒนาประเทศชาติได้ (Uncontrolled production) เพราะระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบปล่อยปละเลยเลยให้เอกชนแข่งขันกันเอง (Non-direction in competition) แล้วให้ประชาชนตัดสินใจ โดยไร้ทิศทางการนำไปสู่การพัฒนาชาติ (Non-direction in social development) เช่น การผลิตเหล้าสนองความต้องการคนจนที่เครียด ยิ่งจนยิ่งเครียด เลยยิ่งกินเหล้า เราเห็นในโฆษณาไหม นั่งขำแย่ นั่นแหละประเทศเราเอง มันย่ำแย่อยู่ให้เราเห็นแล้วนั่งขำ แต่ช่วยอะไรกันไม่ได้ แบบนี้ ลูกค้าเป็นคนตัดสิน ซึ่งเราไม่มีใครนำทางว่าควรนำเงินไปซื้ออะไร แต่เขามีความเครียดจากการแข่งขันในระบบทุนนิยม แน่นอนว่าเขาต้องเลือกระบายความเครียดกับสิ่งที่ให้ผลเร็ว (High speed response but high bad side effect) ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันให้ผลเสียที่รุนแรงตามมาต่อสุขภาพกายและใจ และต่อสังคมโดยรวม เขาจะไม่เลือกสิ่งที่ต้องใช้เวลานานๆ ในการสร้างความสุขที่แท้จริง เขาจะไม่เลือกไปนั่งสมาธิแก้เครียด เพราะระบบทุนนิยมไม่อนุญาติให้เขาได้มีเวลาในชีวิตแบบนั้น ระบบทุนนิยมอนุญาติให้เขาเป็นหมูในคอกที่เลือกกินอะไรก็ได้ อ้วนแล้วรอขึ้นเขียงตายไปเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือเวลาในชีวิตของคนที่หดหายไปกับการทำงาน แต่ไม่ว่าทำงานได้เงินมาเท่าไร ทว่าซื้อกลับมาไม่ได้ ปัญหาข้อที่สองคือ ด้านการบริโภค ที่กระตุ้นลัทธิวัตถุนิยมขึ้น เป็นข้อเสียที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันของระบบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเยาวชนไม่มีเวลาได้รับความรักจากพ่อแม่ เลยไปเล่นเกมออนไลน์ เล่นไปเล่นมา มีแต่เกมยิงฆ่าทำลาย ก็เกิดความก้าวร้าว พ่อแม่สอนไม่ได้ สถาบันครอบครัวก็ล่มสลาย ทีนี้สังคมไทยก็รอถึงยุคเด็กนรก "แล๊กน่าร๊อก" ขึ้นมาเป็นนายก แถมใช้ประชานิยมอีกที สงสัยเกมฆ่ากันนอกจออาจเกิดขึ้นสนุกกันคราวนี้ ปัญหานี้มีมานาน จนแม่บางคนต้องโดดตึกตายเพราะลูกไปเล่นเกมไม่เชื่อฟังพ่อแม่เป็นข่าวมาแล้ว พอโตขึ้นความที่เกเรเลยไม่สามารถสอบแข่งขันได้ตำแหน่งดีๆ เลยไม่มีงานทำ จึงไปปล้นไปก่ออาชญากรรม แล้วก็เข้าสู่วังวนยาเสพติด บ้างก็มีพรรคพวกสนับสนุนให้ลองก่อการร้ายดู เห็นว่าทำได้ ตำรวจจับไม่ได้ เลยคึกคะนองทำบ่อยๆ ท้าทายดี เพราะมันฝึกจิตมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก อีกพวกหนึ่งแข่งขันสอบได้ตำแหน่งดีๆ เป็ฯชนชั้นกลางของสังคม พอโตขึ้นทำงานเครียดก็ต้องโกยเงินให้คุ้มค่าการทำงานที่เครียดนั้น แล้วขยับตัวเองขึ้นมาเป็ฯชนชั้นนายทุน ทีนี้วังวนการโกงกินก็เกิดขึ้นทุกระดับ ต่อยอดไปสู่วังวนอำนาจการเมืองต่อ ไม่มีใครหนีวังวนความเครียดไปได้ เครียดมากก็ไประบายความเครียดผ่านความใคร่และความรุนแรง จึงไม่แปลกที่ทุกสื่อของอเมริกันจะต้องมีเซ๊กและความรุนแรง เช่น ภาพผู้หญิงยั่วยวนและการระเบิดเตะต่อย อยู่ในงานสื่อนั้นเสมอ นี่คือ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นรสนิยมที่เปลี่ยนไปอันเป็นผลร้ายจากลัทธิวัตถุนิยม ลูกน้องของระบบทุนนิยมเขานั่นเอง"

    ธุลีกองฟอน "ฟังดูแล้วมันเหมือนไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันเลย"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "แน่นอน เพราะพวกเขาไม่คิดว่านี่คือปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบไปสู่ปัญหาสังคมและภาพรวมของประเทศชาติ เขาคิดแต่จะตามก้นฝรั่งมังค่า แก้ปัญหาวนเวียนตามเขาไปแบบนั้น ซึ่งตราบใดที่กระแสเศรษฐกิจไม่ดี เราไปควบคุมอะไรไม่ได้เด็ดขาด เพราะเราไม่ใช่ปลาใหญ่ ไม่ใช่เซตใหญ่ ไม่ใช่ต้นกระแส เราเดินกลยุทธตามกระแส จะแข่งขันกับเขาอย่างไรก็ไม่มีทางทันในทุกด้าน ดังนี้ การไปปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Interest rate), ค่าใช้จ่ายภาครัฐบาล (Government expenditure) ฯลฯ มันยิ่งทำให้เกิดการเสียความสมดุลภายในของตัวเราเอง (Internal dis-balancing) การเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงภายนอก เช่นการปรับอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรได้ เพราะปัญหาใหญ่คือ เราไหลตามกระแสโลก ตราบใดที่กระแสโลกยังไม่ดี เราจะดีขึ้นมากกว่าได้อย่างไร ในเมื่อเราเดินเกมทุนนิยมตามก้นเขาอยู่ การส่งเสริมธุรกิจขนาดย่อมก็ไม่มีทางเป็นไปได้ (Low business feasibility) อย่างที่เห็นอยู่ ว่าเราไม่มีสายป่านเงินทุนหนุนพอ (Short capital support) เราไม่มีความชำนาญในการควบคุมคุณภาพได้ตามมาตรฐานเพราะเราเป็นมือใหม่ (Low quality control skill) เราไม่มีฐานลูกค้าเก่าเพราะเราเพิ่งเข้าตลาด (Narrow target market) เราไม่มีความเข้มแข็งหลักที่แท้จริงของเราเลย (Core competitive) เรามีเพียงความแปลกใหม่ที่หลอกหลอนและเหลวแหลกสร้างฝันหล่อเลี้ยงให้เราเชื่อคำโฆษณาของรัฐบาลไปเท่านั้นเอง ในขณะที่เราต้องแข่งขันกับคู่แข่งขันคือใครเรายังไม่รู้เลย แล้วเราไม่รู้เขา เราจะเอาตัวรอดในท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกลางสมรภูมิการตลาดโลกได้อย่างไร นโยบายที่ฝันเฟื่องไม่ลงไปดูสภาพปัญหาจริงนี้ เปรียบเสมือนแม่ทัพที่สั่งพลทหารออกไปรบโดยคิดเอาเองในมุ้ง ไม่ออกไปตรวจจุดยุทธศาสตร์และข้าศึกเลยแม้แต่น้อย จึงผิดพลาดทั้งหมด"

    ธุลีกองฟอน "ฟังดูเหมือนมืดมนไม่มีทางออกเลยนะท่านแก้อะไรไม่ได้เลยหรือ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "มี เศรษฐกิจพอเพียงไงละ คือทางแก้ที่มีนานแล้ว แต่เสียดายไม่มีใครทำเสียที ถึงตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะเรามัวหลงฝรั่งมังค่า ลืมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เราไม่เชื่อท่าน แต่เราดันไปเชื่อฝรั่งหยาบด้าน การเดินในทางที่ตนอ่อนแอและเสียเปรียบ ก็แพ้ทัพตั้งแต่แรก ดังนี้ ต่อให้เราวิ่งตามระบบทุนนิยมขนาดไหน เราก็ไม่มีทางทันเวียดนาม, จีน, อเมริกา เรายิ่งรีบวิ่งเพื่อจะไปเป็นเสือตัวที่ห้า ในที่สุดเราก็ขัดขาตัวเองล้ม เป็นต้มยำกุ้งไครซีสอย่างที่เห็นนั่นไง ถึงตอนนี้เราต้องรับกรรมร่วมกันแล้ว เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ใครจะหนีพ้นสงครามไปได้ ระบบเศรษฐกิจล่ม ระบบการเมืองการปกครองก็ต้องพังตาม มันเป็นธรรมชาติที่พึ่งพากันแบบนี้นี่แหละ เมื่อคนอดอยาก คนก็ขาดความเชื่อถือในการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ฝ่ายตรงข้ามที่แย่งชิงอำนาจก็จะใช้โอกาสนี้ ใส่ความก่อม๊อบขึ้นมา เช่น การเลียนแบบการถล่มตึกเวิล์ดเทรด โดยการวางระเบิดในที่สำคัญ ใช้ระเบิดแบบโจรใต้ แต่วิธีการแบบโจรใต้เป็นวิธีเฉพาะ เลยทำเลียนแบบไม่ได้ แล้วแสร้งเขียนเครื่องหมายบ้าๆ บอๆ ให้คนคิดว่าเป็ฯผู้ก่อการร้ายไปเสียนี่ เพื่อให้ภาพลักษณ์การบริหารประเทศตกต่ำ คนขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจ แล้วปั่นม๊อบขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล ที่นี้คนไทยก็ฆ่ากันเองเหมือนอดีต แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังก็กลับมายึดอำนาจแสดงตนเป็นวีรบุรุษไป ที่ทำไปเพราะกำลังถูกริบทรัพย์ฐานฉ้อโกง ที่เล่านี้เป็นเหตุการณ์สมมุตินะ ไม่ว่าใคร อย่าคิดมาก แต่ถ้าคิดน้อยแล้วคิดได้ก็ไม่ว่ากัน ความคิดใครความคิดมันผมห้ามไม่ได้"

    ธุลีกองฟอน "เศรษฐกิจพอเพียงแก้ปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อให้คนยังจนอยู่จะพอได้หรือ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "พอได้อยู่แล้ว อย่างที่ผมเรียนเบื้องต้นว่าแท้แล้วผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการในการหล่อเลี้ยงประเทศคืออะไรละ ไม่ใช่เหล้านะ ไม่ใช่มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดนะ แค่ปัจจัยสี่เราก็รอดได้ทั้งประเทศ ที่นี้ถ้าเรากระจายสินค้าและปัจจัยสี่ทั่วถึง มันก็ลดปัญหาอาชญากรรม ต้นทุนรัฐบาลก็ลดลง ไม่เห็นว่าจะต้องใช้เงินรัฐบาลมากขึ้น มีแต่ได้กับได้ ลดต้นทุนรัฐบาล ด้วยการลดช่องว่างสังคม ไม่ต้องไปใช้เงินรัฐบาลเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้คนรวย จนไปเพิ่มช่องว่างทางสังคมให้เพิ่มขึ้นเลย แต่ที่เราจะล่มจมเพราะนายทุนจะถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย เพราะยอดขายไม่ทำกำไร เพราะการผลิตและการแข่งขันที่ไปหดกำไรส่วนต่างลงต่างหากละ มันเป็นปัญหาของระบบทุนนิยม ระบบเงินกู้ และระบบบริโภคนิยม ที่ก่อตัวขึ้นในทันทีที่กระแสทุนนิยมหยุดไหล ทุกอย่างมันถูกจุดให้วิ่งไปหยุดไม่ได้ นี่ละ ระบบทุนนิยม มันหยุดไม่ได้จริงๆ มันไม่มีสมดุลในตัวมันเอง มันขาดเสถียรภาพที่แท้จริงในตัวมัน มันเป็นแรงผลักเปิดให้พุ่งไปเรื่อยๆ เท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับธรรมชาติที่มีขึ้นมีลงทุกอย่างเป็นอนิจจัง แม้นแต่การผลิตที่มากเกินไปสุดท้ายก็ทำให้ต้นทุนเพิ่ม การแข่งขันที่มากเกินไปสุดท้ายก็ทำให้อัตราส่วนกำไรลดลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยวิ่งไปข้างหน้าตลอด มันย้อนถอยหลังไม่ได้อย่างแท้จริง เจ้าหนี้เขาจะฟ้องเอา"

    ธุลีกองฟอน "ฟังๆ ดูเศรษฐกิจพอเพียงไม่ไห้ให้คำตอบของคนอยากรวยอยู่ดี"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "คุณอาจคิดว่าระบบนี้ อยู่แบบจนๆ แล้วสมดุลในตัวเองไปวันๆ อย่างนั้นเอง แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะคุณนิยามความรวยว่าอะไรละ ความรวยในหุ้นตัวเลขที่หวังให้ลูกได้รวยต่อ รวยในเงินที่ซื้อกินอ้วนจนต้องเอาเงินมากๆ ไปผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ หรือรวยจนเอาเงินไปมัวผู้หญิงจนต้องจ้างคนคุ้มครองด้วยเงินจำนวนมากเพราะถูกตามฆ่า ชีวิตทำงานวันๆ เป็นเถ้าแก่จากเมืองจีน ทำงานหนักมาก กินให้อ้วนเป็นหมู สร้างบ้านให้ใหญ่แต่นอนตายแต่นิดเดียว สุดท้ายชีวิตทั้งชีวิตจบลง อ้าวจบแล้วหรือ ไม่ได้ทำอเไรเลย นอกจากงานอย่างเดียว อิสรภาพไม่มีจริง จ้างตัวเองทำงาน จ้างทาสมาประจำคอกต่อ แล้วจ้างลูกให้เป็นเศรษฐีโง่ ที่ใช้เงินไปทำร้ายตัวเองแบบโง่ๆ อย่างที่ลูกเศรษฐีเขาตกเป็นข่าวกัน เป็นความรวยแบบนี้หรือที่คุณต้องการ หรือคุณต้องการรวยอิสระ มีเวลาที่จะค้นหาความหมายในชีวิต จาริกแสวงบุญ หรือออกไปท่องเที่ยวราวกับกามนิตหนุ่มผู้ค้นหาความหมายของชีวิตแล้วพบรักต่างแดนอันแน่นแฟ้น ซึ่งคุณอาจได้แต่งงานกัน และจดจำไปจนวันตายไม่รู้ลืม ไม่ใช่เอาเหอะวะ แก่แล้ว พร้อมแล้วทั้งคู่อย่าเลือกมากเลย ไม่มีเวลาดูใจหรอก เดี๋ยวก็ไม่มีสามีกันพอดี หน้าตาพอดูได้ ทำงานใกล้ๆ กัน เอาเหอะวะ แบบนี้มันขาดรสชาติชีวิต คนนะครับ ขาดอิสระภาพแห่งความเป็นคน เพื่อไปเป็นหมูในกรง ถึงเวลาผสมพันธุ์ก็เอากันข้างๆ คอกนี่หรือไง นี่หรือระบบทุนนิยม ทำให้ความเป็นคนตกต่ำไปหมดทุกอย่าง ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงนี้ คุณได้มีเวลาอยู่กับลูกตั้งแต่แรกเกิด แบบที่เศรษฐีไม่มีแม้นแต่เวลาจะให้ลูกกินนม แต่มีเงินเยอะนะ ไปจ้างเขาเลี้ยง ราคาแพงเหมือนหมาชั้นดีเลย แล้วเอามาเล่าในวงสังคมว่าชั้นส่งลูกไปเลี้ยงโรงหมาราคาแพงดี ในขณะที่ชาวนาที่ดำรงชีพแบบพอเพียงได้เห็นหน้าตากันตลอด ช่วยกันทำงานตลอด เขาจึงรักกันมาก แม้นยากจนมากก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้วัตถุนิยม เพราะกระแสทุนนิยมมันบีบบังคับให้เขาทิ้งไร่ทิ้งนา อันมีแต่ความสุขสงบไป"

    ธุลีกองฟอน "แล้วจุดมุ่งหมายสูงสุดของระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงคืออะไร"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "อย่างแรกเลย เราต้องพอเพียงเลี้ยงตัวรอดยืนบนลำแข้งตัวเองได้ไม่อดตาย มีปัจจัยสี่สมบูรณ์ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดสรรค์ให้ได้ไม่ต้องกลัว เรามีผลิตผลเยอะ ขอแค่มีความเมตตาและยุติธรรม ย่อมแบ่งปันแจกจ่ายทั่วถึงแน่ พอถึงจุดนี้แล้ว ต่อไปเป็ฯกำไรชีวิต ซึ่งเราจะให้กำไรที่สูงค่าที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือ เวลาในชีวิต และการค้นหาสิ่งสูงค่าในชีวิตของแต่ละคน นั่นก็อาจหมายถึงความสุขนิรันดร์ คือ ธรรมอันนำทางไปสู่พระนิพพาน ซึ่งคนคิดว่าเป็ฯเรื่องน่าเบื่อของคนเบื่อโลก ซึ่งผิดถนัด ตัวอย่างเพื่อนของผมก็หลุดพ้นนิพพานแล้ว ทำงานในบริษัทเอกชน เจ้านายยังต้องนับถือเกรงใจ ผลงานก็ดีใช้ปัญญาทำงานได้ดีเวลาน้อย แถมมีรอยยิ้มให้คนรอบข้างตลอดวัน มีอิสระในทุกที่ทุกเวลา ไม่เห็ฯว่าจะไม่ดีตรงไหน อย่างที่อธิบายว่าเงินมากมาย ของต่างๆ มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เพราะดูความต้องการทางร่างกายของเราสิ มันต้องการแค่ไหน เราไปสนองความต้องการทางใจด้วยวัตถุ ซึ่งเป็นความผิดที่โง่เขลา การสนองความต้องการทางกายที่พอเพียงแล้ว ตามหลักความต้องการห้าขั้นของมาสโลว์ คือ การสนองความต้องการทางสังคมและจิตใจ ซึ่งความต้องการทางสังคมนี้ มันเกิดเมื่อเราปรับตัวเข้าสังคมได้ดี อันเป็นลักษณะของพระอรหันต์ ส่วนความต้องการทางจิตใจ มันก็ต้องสนองด้วยจิตนิยม ใช่ไหม มันจะไปสนองจิตใจด้วยวัตถุนิยมได้อย่างไรละ ผิดชัดๆ ตรงๆ อย่างโง่งมที่สุด ของตรงไปตรงมา แต่ไปหลงทางผิด มันก็ตอบผิดอยู่วันยังค่ำ ดังนี้ มนุษย์เราไม่ได้ต้องการวัตถุมากหรอก ลองถามใจตัวเองลึกๆ ดูก็ได้ เพียงแต่เราไม่เคยสัมผัสสินค้าที่สนองคุณค่าทางใจให้เราได้มาก่อนเลยนั่นเอง เราเลยไปลองยึดนั่นยึดนี่ ซึ่งมันไม่ใช่สักที เราถึงได้เบื่อไง เพราะว่าเราทดลองแล้วว่ามันไม่ใช่ อย่าโกหกใจตัวเองเลย ในเมื่อมันไม่ใช่ ใจมันเบื่อ มันก็ไม่ใช่ยาแก้เบื่อ ไม่ให้สุขแท้ทางใจ พูดอย่างนี้อย่าคิดว่าผมบังคับให้คุณบวช หรือไปนิพพานเท่านั้นนะ เพราะความสุขทางใจนี้มีมากมายในทุกศาสนา คุณเคยเห็ฯไหม ใครหลายคนที่ผ่านโลกมามากๆ สุดท้ายก็มาหยุดตรงนี้ ที่ศาสนาทั้งนั้น แต่คนที่ยังไม่หยุด ยังหลง ยังทดลอง ลองผิดๆ แล้วผิดอีก เพราะยังเสียดายความสุขไม่แท้ ที่ยังพอมีความสุขอยู่บ้าง และฉาบฉวยรวยเร็ว สัมผัสสุขได้ทันทีทันใด ทันใจมากกว่า เปิดฝาก็สุขได้ แถมลุ้นโชคชิงเงินล้านได้อีกต่างหาก มันเลยละเลยที่จะค้นหาความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงภายใต้ระบอบการปกครองแบบพุทธะนี้ จะปลดทาสจำยอม ให้มีอิสระในชีวิต สามารถจาริกแสวงบุญ ท่องเที่ยวไปตามใจต้องการได้ หากโครงการดีก็ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล ถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ลางานไป ใครจะทำแทน ปริมาณแรงงานไม่ลดลงหรือ รัฐบาลเอาเงินที่ไหนมาสนับสนุน ก็ตอบได้ง่ายๆ เลยว่าประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้น จึงลดปริมาณแรงงานลงได้ คนที่ทำงานทั้งวันเครียดมากประสิทธิภาพการทำงานก็ลดลงอย่างที่เห็นอยู่ งานทุกวันนี้เราใช้สมองไม่ใช่หรือครับ ทำไมมันคิดนานจัง แสงดว่าสมองเราไม่ปลอดโปร่ง หรือเราเครียดเรามีอีโก้ อัตตาสูง เถียงกันไม่จบ แบบนี้ถ้าลดอีโก้หรืออัตตา โดยวิธีการทางพุทธศาสนาก็ใช้เวลาประชุมน้อยลง ได้ข้อสรุปแบบผู้มีปัญญามากขึ้นจริงไหมครับ นอกจากนี้การสนับสนุนให้คนไปจาริกแสวงบุญและเดินทางสู่ธรรม จะทำให้ผลิตคนดีให้ประเทศมาปกครองประเทศโดยธรรมต่อไป ระบบแบบนี้จึงเป็นเสมือนเครื่องผลิตคนดี ให้คนดีมาช่วยคนอื่นเช่นนี้เรื่อยไป แต่เรามักคิดว่าคนดีเป็นคนโง่ ซึ่งผิดอย่างแรง คนเลวต่างหากที่โง่บัดซบ แต่อาศัยเล่ห์เหลี่ยมกลโกง เช่น การประจบสอพลอบ้าง, การใส่ร้ายป้ายีบ้าง, การแย่งผลงานบ้าง, การพูดดูดีพรีเซ้นตืเก่งแต่ลงงานจริงไม่เป็นบ้าง ฯลฯ ในขณะที่คนดีมักมองรอบด้านรอบคอบ จึงคิดช้ากว่า บ้างก็มองลึกซึ้งจนอธิบายยากบ้าง, บ้างก็เห็นปัญหาในอนาคตที่คนไม่มองจึงไม่กล้าเสนอออกมาบ้าง ดังนี้ เราจึงเสียบุคลากรที่ดี ทั้งที่เขาอยู่ในองค์กรของเรานี่เอง เพราะอะไรละ เพราะผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของเงิน เขาย่อมบริหารเพื่อความพึงใจของเขา ไม่ได้เห็นประโยชน์ของคนดีที่ทำเพื่อองค์กร แต่เข้าข้างคนเลวที่เข้าได้กับตนได้ด้สนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ฯการโกงกินหรือประจบสอพลอ ดูประเทศเราก็ได้ คุณเชื่อไหมว่าคนดีมีความสามารถยังมีอยู่ในประเทศไทย ผมคิดว่าคุณมีคำตอบในใจมากกว่าหนึ่งคนนะ แต่เขาเหล่านั้นไม่ได้มาเสนอหน้าลงสมัครให้คุณเลือกเลยสักคน เพราะเขาไม่ต้องการลงไปอยู่ท่านกลางสงครามขว้างขี้ ของนักการเมืองในอดีต (ปัจจุบันดีแล้วระดับหนึ่ง) ที่ถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้ ยังไม่ได้รับรายงาน รู้อย่างอย่างเดียว คือ ผมมีหลักฐานทำลายฝ่ายตรงข้ามอยู่เป็นตระกร้า และจะนำมาแสดงสาดใส่กันให้ฟังเร็วๆ นี้ จบข่าว สุดท้าย ความเบื่อของประชาชน ก็หันไปดูข่าวเม้าท์ดาราแทน ดาราดังมากๆ ก็หันมาเข้าวงการการเมือง มีแต่อะไรที่น่าเบื่อน้ำเน่าวนเวียนอยู่แบบนี้ ผมคิดว่าคนไทยฉลาดกว่าคนอเมริกันด้วยซ้ำ ในการการมองคน และมุมมองการเมืองการปกครอง แต่เราอ่อนด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจเท่านั้นเอง สังเกตุได้ว่าการพัฒนาประชาธิปไตยของเรา แม้นเริ่มต้นที่หลังอเมริกาแต่เราไปได้เร็วกว่านะ ที่เห็นว่าอเมริการุ่งเรืองนั้น รุ่งเรืองเพราะการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ ให้นานประเทศอยู่ภายใต้ระบบทาสจำยอม แค่นั้นเอง แต่ในด้านการปกครองเขาตกต่ำมาก ต่างกันอย่างไร ชัดเจนครับ เศรษฐกิจไม่ใช่การปกครอง เศรษฐกิจก็แค่รวยผลิตได้มาก ได้เงินมาก แต่การปกครองหมายรวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคม การสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม การลดอาชญากรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อเมริกันสอบตกหมดทุกประตู เมื่อเศรษฐกิจเขาพัง ทุกอย่างก็ล่มสลายลง เพราะความเคยชินในการใช้เงินแก้ปัญหามันทำให้เขาไม่มีเครื่องมืออื่นในการแก้ไขปัญหาสังคมและการปกครองประเทศ"

    ธุลีกองฟอน "สรุปสุดท้ายสั้นๆ ครับ"
    พระศรีอาริยเมตไตรย์ "ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงให้ลึกซึ้งทุกแง่มุมก่อนตัดสินใจครับ"

    ..............
    จบการสัมภาษณ์โดยธุลีกองฟอน
     
  18. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ nondanun

    อัญญาสิทธิ์ (Aunyasit) เป็นชื่อของคณะผู้ที่จะไปทำหน้าที่ในยุคจักรพรรดิ์(ยุคสามร่มโพธิ์ศรี) ซึ่งมีกันหลายคน ดังนั้นผมจะตอบดังนี้ครับ

    1.คุณคนไกล เป็นส่วนหนึ่งของคณะอัญญาสิทธิ์ครับ
    2.วันหล่อพระไปร่วมทำบุญได้ครับ หากคณะฯได้ปัจจัยครบตามที่ต้องการใช้ในงานหล่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์แล้ว ก็อาจจะพิจารณา งดรับปัจจัยเพิ่มเติม เพราะไม่อยากเป็นภาระกับปัจจัยที่เหลือครับ ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ครับ
    3.ก่อนถึงวันงานหล่อพระอาจจะมีงานบุญแบบวันที่ 30 ม.ค. อีกเพื่อสรุปและเตรียมงานหล่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ กลางเดือนนี้องค์แทนของหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านจะมาทำธุระที่กรุงเทพฯกับคณะสร้างพระ ไม่ทราบว่าท่านจะโปรดญาติโยมเป็นสาธารณะหรือไม่ ช่วงนี้มีคนอยากพบท่านเยอะ ครับ
    4. วีระพงศ์(ตัวผม) เป็นส่วนหนึ่งของคณะอัญญาสิทธิ์ครับ ผมเปิดเผยตัวเอง แต่อีกหลายท่านไม่ต้องการเปิดเผยตัวเอง ครับ
    5. เมื่อเกิดเหตุวิบัติ เบื้องบนจะคัดคนไทยให้เหลือแค่ สามร่มโพธิ์ศรีครับ ใครอยู่ในร่มโพธิ์ไหน อีกไม่นานก็จะได้รู้กันครับ หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเคยบอกกับผมว่า ถึงเวลานั้นก็จะรู้เองว่าใครดีจริง หรือไม่ดีจริง เพราะถ้าไม่มีดีจริงก็จะไม่รอด ครับ
     
  19. nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ขอบคุณสําหรับคําตอบครับ
    ช่วงนี้เลยลําบากท่าน องค์แทนของหลวงปู่เทพโลกอุดร แย่เลยนะครับ
     
  20. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ภาพองค์พระแก้วต้นแบบหน้าตัก 3.50 เมตร เมื่อ วันที่ 7 ม.ค. 50 ช่วงนี้ช่างกำลังถอดแบบทำบล็อกและ ทำหุ่นพระแก้วต้นแบบ(องค์พระศรีฯ)หน้าตัก 3.80 เมตร ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      102 KB
      เปิดดู:
      57

แชร์หน้านี้