คุณมุกมิกคะ
คือพอดีของดิฉันเป็นลูกลิงค่ะ
ขาต้องวิ่งตลอดเวลา เดินไม่เป็น
ที่สำคัญ ยังเป็นเจ้าหนูจำไมค่ะ...ถ้าไม่กินขนมก็ถามตลอด
ดิฉันเองวันเสาร์-อาทิตย์ทีไร หูดับเลยค่ะ
เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.
หน้า 289 ของ 299
-
คุณคะรุทาคะ สวัสดีค่ะ
ดิฉันเองนั้นตอนนี้ยินดีปรีดาสุด..สุดเลยค่ะ
แต่รบกวนตามฟังเรื่องท่านเจ้าที่ของดิฉันต่อไปอีกหน่อยนะคะ
ได้โปรด...อย่าเพิ่งเบื่อกันไปตอนนี้ -
คุณTPCคะ ดิฉันรบกวนถามเรื่องท่านเจ้าที่ด้วยค่ะ
คืออย่างนี้ค่ะ ท่านขุนพันวินิจนี่ดิฉันเคยพบท่านในสองรูปร่างคะ
เมื่อก่อนเป็นอย่างนี้ เป็นชายวัยกลางคนตัวดำมาก รูปร่างสูงร่างกายกำยำใหญ่โต หน้าตาออกเหลี่ยมๆแบบคนโบราณ หนวดเครารุงรัง ผมยาวยุ่งเยิง(เหมือนทาร์ซานเลย)แต่ตัวหอมค่ะไม่ใส่เสื้อ แต่นุ่งผ้าไหมเนื้อดีสีออกเข้มๆเป็นลาย ตาโตเห็นตาขาวเยอะๆ ริมฝีปากหนา ฟันขาวเต็มปาก ที่สำคัญและประหลาดใจมากคือ มีเขี้ยวค่ะ ทำไมเป็นงั้น ชายคนนี้(ในฝัน)ชอบมายืนจ้องด้วยดวงตาแดงวาวเหมือนโกรธเคืองอะไรมากและชอบถอนหายใจเหมือนกับหักห้ามอะไรสักอย่างเวลานอนหลับค่ะ พอดิฉันหันมาเจอก็มักจะเบี่ยงตัวหลบ หันหลังให้บ้าง หันข้างให้บ้าง แล้วตอนที่ท่านยอมคุยด้วยก็ยังทำอย่างนี้อยู่ค่ะ ดิฉันถามท่านค่ะว่าทำไมต้องเหมือนไม่อยากให้เห็น ท่านบอกว่าเกรงว่าเจ้าจะกลัวข้าหนักเข้าไปอีก บางครั้งก็เห็นรูปร่างแบบนี้ค่ะ แต่ไม่มีขากลายเป็นหางยาวๆเหมือนอนาคอนดา(อันนี้กลัวค่ะ)
และเดี๋ยวนี้เห็น หน้าตายังคงเดิมค่ะแต่ไม่มีหนวดหน้าตาดีมากเลยค่ะ ผมยังยาวอยู่(มัดคล้ายๆมวยผมแต่ไม่ใช่มวย)ไว้ที่ตรงกลางหัว ใส่เสื้อบ้างไม่ใส่บ้าง ผ้านุ่งยังคงเป็นผ้าเนื้อดีเช่นเคย แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนคือกลิ่นตัวของท่าน เวลามากลิ่นจะมาแต่ไกลเชียวค่ะ(หอมเหมือนพวกดอกไม้กลางคืน)
และก็เคยมีท่านแต่งชุดจะไปรบและบอกว่าห่วงเจ้าก็เลยรีบกลับมาพาไปซ่อนเกรงพม่าจะจับตัวไป มือขวาถือดาบไม่ยาวมากค่ะมือซ้ายฉุดดิฉันให้วิ่งตาม
เออ...เรื่องสำคัญคือ เมื่อวันพระใหญ่ที่ผ่านมา มีเพื่อนบ้านที่ดิฉันไม่รู้จัก กลับไปนครสวรรค์ ไปหาร่างทรงกุมารตามความเชื่อ กลับมาก็มาเล่าและมีคนที่ดิฉันรู้จักมาให้หาทางแก้ไขคือ ที่หมู่บ้านของเรามีเจ้าที่เป็นพญางูใหญ่น่ากลัวมากกำลังโกรธและบอกมาว่าไม่มีที่จะอยู่พวกเรามาสร้างบ้านทับที่อยู่ของเค้า และมีจอมปลวกหลายที่ แต่จอมปลวกตัวใหญ่อยู่ที่บ้านของเธอ(คือดิฉัน) เพราะฉะนั้นตอนนี้งูใหญ่ก็อยู่กับเธอแหละ(ดิฉันอีก)ให้ดิฉันมองถึงส่วนรวมแล้วหาทางติดต่อท่านเจ้าที่ใหญ่ซะ ไม่งั้นไฟจะไหม้หมู่บ้าน อืม....มันจะเกินความสามารถเราไปหรือเปล่า...
และก็อีก3บ้านค่ะ กลับไปบ้านมาแล้วฝากมาบอกตรงกันหมดบ้างก็ว่าแม่ชีเตือนมามั้ง ร่างทรงทักมามั่ง คำถามค่ะ
ท่านขุนพันวินิจของดิฉันเป็นงูใช่มั้ยค่ะ อันนี้สงสัยเองอยู่แล้วก่อนเพื่อนบ้านจะมาคุย เพราะนางไม้น้ำตาลเคยมาหาในฝัน3ครั้ง แล้วเดินจูงมือดังนี้
ครั้งที่ 1. บริเวณใต้พื้นครัวเก่า(ตอนนี้รื้อทิ้ง แล้วทำเป็นบันไดขึ้นชั้นดาดฟ้าไว้ชมวิวท้องนาค่ะ)เธอบอกตรงใต้ดินนี้มีข้าวของเครื่องใช้ของดิฉันฝังอยู่ แต่ต้องขุดเองนะ ขุดไปเรื่อยๆจะเจอเอง เอ้อ...ดิฉันไม่ขุดหรอกค่ะ
2.บริเวณริมถนนหน้าบ้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นบ้านของดิฉันเองที่ซื้อให้พ่อ
น่ะค่ะ เธอว่าให้ขุดปลูกต้นตะเคียนทองตรงนี้(พอดีพี่ที่สนิทกันเอามาฝากจากปราจีนบุรีค่ะ)
ขุดไปให้ลึกสักหน่อยจะเจอไหที่มีผ้าขาว(ผ้ายันต์)ปิดอยู่ให้เปิดผ้านั้นออก จะเจอเถ้าและกระดูกของตัวเธอเองแล้วให้ขุดลึกลงไปอีกเท่าตัวจะเจอไหอีก2ใบ ในนั้นจะเป็นเพชรพลอยและเครื่องเงินของแต่งตัวของเธอ เธอพูดว่าฉันให้เธอ ดิฉันไม่เอาค่ะ บอกเธอไปว่าไม่รู้จะเอาไปทำไม เอามาใช้ก็ไม่ได้มันเชยไปแล้วล่ะ เธอว่าให้เอาไปขายจะได้เงินตามต้องการ อยากได้เท่าไหร่ก็นึกเอาเองก็แล้วกัน เสร็จแล้วให้กลบหลุมไว้อย่างเดิม เอากระดูกของเธอเก็บไว้ที่เดิมด้วย ดิฉันถามเธอว่าแล้วมาฝังไว้อย่างนี้ไม่กลัวใครมาเจอเหรอ เธอว่าไม่มีใครเห็นหรอก ทุกอย่างเป็นของเธอ(ดิฉัน) วันนี้เธอไม่เอา มันก็จะไหลตามตัวเธอไปได้เองทุกที่
3.ดิฉันกำลังซ่อมแซมบ้าน(หลังจากถูกน้ำท่วม)คนงานก็โวยวายใหญ่ว่ามีงูเห่าตัวใหญ่กว่าแขนเค้ามาเลื่อยวนอยู่นอกกำแพงบ้าน(ในทุ่งนา)แล้วหนีไปทางนั้นแล้ว ดิฉันรีบปีนตามไปดู ก็ไม่เห็นแล้ว คือดิฉันสั่งคนงานทุกคนที่นี่ ห้ามตีงูถ้าเจอให้ไล่เค้าไปซะ อย่าทำเค้า ที่บ้านหลังนี้มีงูเห่ามากเข้ามา30กว่าตัวแล้ว มีแต่งูเห่าอย่างเดียวเลย คืนนั้นก็ฝันว่างูมาหาดิฉันมาเรียกบอกให้มานี่หน่อยจะให้ดูอะไร ดิฉันปีนลงไปในนาข้างบ้าน แล้วเดินตามเธอไปบนคันนาจู่ๆเธอก็หยุดแล้วทรุดตัวลงกับพื้น ดิฉันตกใจคิดว่าเธอจะเป็นลมรีบเข้าประคอง เปล่าค่ะเธอกลายเป็นงูเห่าตัวใหญ่ แล้วเลื้อยเข้าไปใต้บ้านดิฉันบริเวณใต้ลานซักล้าง เธอว่าขุดตรงนี้นะจะมีไหอยู่3ใบ ในนั้นมีทองเป็นก้อนๆเธอเอาพวกเครื่องประดับทองทั้งหลายมาเผาไฟแล้วบีบรวมกันไว้ตรงนี้ เธอว่ามันเป็นของดิฉันแต่เดิม
ตอนนี้ดิฉันเข้าใจเอาเองค่ะว่านางไม้น้ำตาลก็เป็นบิวารของท่านขุนเช่นกัน
งูใหญ่ที่ว่านั้นคือนาคหรือเปล่าคะ งูใหญ่กับนาคคือชนิดเดียวกันหรือเปล่า(คือไม่รู้เรื่องเลยค่ะ)
...หมดคำถามเรื่องท่านเจ้าที่ และนางไม้น้ำตาลแล้วค่ะ...
แต่มีเรื่องเล่าอีกนิดเดียวค่ะ คือเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ดิฉันไปวัดตะเคียน(อยู่ไม่ไกลจากบ้าน)ก็ได้พบคนรู้จักคุยกันหน่อยนึงเรื่องสัพเพเหระ สุดท้ายเช่าพระท้าวเวสสุวรรณของวัดจุฬามณีมา เป็นเนื้อผง ก็รุ่นธรรมดามากๆ(ดอกจำปาหรือจำปีนี่แหละค่ะ) เอามานอนด้วยไว้หัวนอน หลับสบายไม่ฝันเรื่องซ้ำๆมากนัก มีเห็นชายในฝันบ้างไกลๆ(ยังไม่รู้ว่าเป็นท่านขุน อดีตสามีในชาติก่อน) แต่เมื่อเช้ามืดนี่เองออกมาส่งสามีหน้าบ้าน(ไปทำงาน) ก็เหมือนเบลอๆยังไงไม่ทราบ แต่ตื่นอยู่นะคะ ก็เหมือนได้ยินเสียงท่านขุนแบบโกรธๆ ว่าเจ้าเอาพระนี่มาวางไว้อย่างนี้ ทำให้ข้ามาหาเจ้าลำบากรู้มั้ย แต่ความจริง ในห้องนี้ก็มีพระที่พ่อชอบใช้ประจำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว งั้นเดี๋ยวจะย้ายไปเก็บที่อื่นก็แล้วกันเนอะ เราก็จะได้พบกันอีกครั้งให้สมใจท่านขุน
เพิ่มเติมหน่อยนึงค่ะ
คือเวลาที่งูพิษเข้าบ้านดิฉันก็จะโทรไปสถานีตำรวจ ให้ช่วยแจ้งกู้ภัยมาจับไปรีดพิษทำเซรุ่ม โทรบ่อย(ก็30กว่าครั้ง)จนเค้ารู้กันทั้งนั้นว่าบ้านนี้งูเยอะ
ก็มีตำรวจท่านนึงโทรมาหาบอกว่าที่บ้านมีศาลพระภูมิมั้ย ดิฉันบอกว่าไม่มี เค้าถามว่าคุณเชื่อเรื่องแบบนี้มั้ย ดิฉันตอบว่าไม่เชื่อค่ะ เค้าบอกว่าไม่เป็นไรแต่ขอให้ฟังไว้แล้วไม่ต้องถามชื่อเค้า เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนท้องถิ่นอยู่ตรงนี้มานานตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ที่ตรงนั้นน่ะเป็นดงงูเห่าคุณต้องระวังตัวผู้หญิงกับเด็กอยู่กันตามลำพัง กว่าสามีจะกลับก็ดึกดื่น เช้ามืดก็ทิ้งลูกทิ้งเมียไปทำงาน เค้าว่าผมเห็นจริงๆนะว่าใต้บ้านคุณมีถ้ำงูอยู่ และมีงูใหญ่อาศัยอยู่มีบริวารมากมาย ถ้าตั้งศาลงูจะมีโชคมีลาภไม่ขาด ดิฉันบอกว่าไม่เอาล่ะค่ะ ไม่ตั้งหรอกเดี๋ยวพวกงูดีใจจะแห่กันมาอยู่มากไปกว่าเดิม ส่วนโชคลาภก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะดิฉันไม่เอาอะไรเลยไม่ซื้อหวย ไม่เล่นไพ่คงไม่มีวันมีโชคลาภอะไรทางด้านนี้(คือปากเสียน่ะคะ) เค้าบอกว่าวันทำบุญบ้านให้พระช่วยดูให้นะ แล้วก็ไม่เคย
คุยกันอีก แต่ตอนนี้ก็นึกถึงคำของเค้าอยู่ค่ะ -
เรื่องราวของคุณพรรณพฤกษา น่าสนใจมากเลยค่ะ
-
แวะมาอ่านด้วยคนครับ ^^ สวัสดีคุณพรรณพฤกษา คุณmukmik คุณTPC คุณคะรุทา คุณCHAYA-MARUTY และเพื่อนๆ
-
-
ก็อยากชดใช้ให้เค้าค่ะ...ก็คิดว่าตอนนี้จะทำให้ดีที่สุดก่อน
และถ้าตายแล้ว...ก็จะไปอยู่กับเค้า... จะภักดีกับเค้าเพียงผู้เดียว...
(ไปใช้กรรมที่ทำไว้กับเค้า) -
สวัสดีด้วยค่ะคุณaries
ได้อ่านนิยายรัก300ปีของดิฉันแล้วหรือยังคะ
....สนุกมั้ย.............. -
สิ่งไหนที่เราสามารถทำอะไรให้คนอื่นได้...ตามกำลังตนนั้น ล้วนเป็นสิ่งดีค่ะ
"และถ้าจะต้องตาย...ก็จะไปอยู่กับเค้า... จะภักดีกับเค้าเพียงผู้เดียว" อันนี้
ขอให้คิดและพิจารณดูอีกทีนะคะ เดี่ยวจะกลายเป็นการให้สัจจะไปซะเปล่าๆ
กลายเป็นการผูกกรรมต่อกันโดยไม่ตั้งใจอีก (ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตาม
แรงบุญแรงกรรมดีกว่ามั้ยคะ...หากมีวาสนาต่อกันแล้วไซร้ก็คงได้พบกันอีก)
หากภพหน้า...เป็นดั่งเช่นภพนี้..สำหรับ "ผู้รอคอย" แล้วคงทรมานใจน่าดู
ยิ่งต้องมาเห็นคนรักครองคู่อยู่กับคนอื่น...คงยากจะทำใจค่ะ (อาจก่อให้เกิด
พิษรักกำซาบทรวงอีก...ทุกอย่างก็ไม่จบสิ้นสักที) -
ผมก็คิดคล้ายกับคุณ mukmik ครับ การผูกสัญญาใจนั้น หากบุญกรรมไม่เสมอกันจะมีความทุกข์ไม่รู้จบครับ และแต่ละฝ่ายก็มีคู่ครองไม่ได้ หากอยู่คนละภพภูมิกัน ผมรู้จักน้องคนหนึ่งในอดีตเธอเป็นธิดาพญานาคสีเขียว และมีคนรักที่เป็นนาคสีดำ แต่ต่อมามีเหตุให้เกิดสงครามระหว่างกัน ทั้งสองจึงมิอาจครองคู่กันได้ จนน้องคนนี้มาเกิดเป็นมนุษย์ผู้หญิง แต่ก็ไม่สามารถลงเอยมีคู่แต่งงานกับใครได้ แม้จะมีคนมารักมาชอบก็ตาม ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยังอยู่อีกภพภูมิหนึ่ง ก็ยังเป็นห่วงและผูกใจรักอยู่แต่ก็มิอาจสมหวัง เพราะอยู่คนละภพภูมิกัน ถ้าปล่อยวางไม่ได้ก็จะมีความทุกข์ข้ามภพข้ามชาติไป
ให้ตั้งใจทำตวามดีช่วยเหลือกันไปตามสมควร หากมีวาสนาต่อกันเมื่อใดก็จะได้พบกันเองครับ
ผมเอาบทสวดพระบรมมหาจักรพรรดิมาฝากคุณพรรณพฤกษาครับ จะช่วยเรื่องอุทิศบุญได้ดีมาก
บทสวดพระบรมมหาจักรพรรดิ(แบบ แทรกคำอธิษฐาน) -
ขอบคุณมากเลยค่ะคุณมุกมิก
ดิฉันรู้สึกผิดอย่างมากที่ไปทำให้หนึ่งดวงจิตต้องเฝ้ารอ..แถมรอนาน...น้านนานถึง300ปี
ก็อยากไถ่โทษ(คือในการคุยตรงนี้ก็ไม่ได้พรรณนาถึงความรู้สึกที่ได้รับรู้จากอดีตสามีในชาติก่อนมากน่ะค่ะ เกรงคนอื่นๆจะรับไม่ไหว) รู้ค่ะว่าในสายตาคู่นั้นของชายคนนี้ที่มองมาบ่งบอกแสดงความเจ็บปวดตรงที่หัวใจของเค้าเองขนาดไหน ...เวลาน่าจะช่วยได้ค่ะ...เมื่อความรู้สึกสำนึกเริ่มผ่อนคลายลง... ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะฝึกสมาธิมาก่อน เพราะรู้สึกว่าการเข้าสมาธิทำให้ต้องพบกับความจริงที่ต้องยอมรับ(คือเป็นคนกลัวความจริง) ดิฉันเสียพ่อไปนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมรับ...ยังรอที่จะได้พบกันอยู่ทุกวัน...จึงกลัวการทำสมาธิ ..แต่ด้วยความรู้สึกผิดทำให้พยายามจะทำในสิ่งที่เค้าขอ(รู้ค่ะว่าไม่ถูก ความจริงควรจะทำจากการเข้าใจ ยอมรับ และพร้อมที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติจึงจะสำเร็จผล) ก็อย่างที่บอกค่ะเมื่อไม่มีพ่อ ลูกคนนี้ก็ขาดผู้นำความคิด จึงทำอะไรตามใจตนเอง ข้ามขั้นข้ามตอน ในตอนนี้ก็ได้หลายๆคนจากที่แห่งนี้แนะนำ เนี่ยวรั้งความคิด ซึ่งดิฉันเริ่มมีความรุ้สึกว่า ไม่ได้มีแต่พ่อเท่านั้นที่คอยรัก คอยห่วง คนอื่นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยรู้จักตัวตนก็ยังมีใจต่อกัน พ่อของดิฉันเป็นคนนึงที่ประสพความสำเร็จในการทำสมาธิค่ะ
ก็เคยไปหาหมอมาแล้วค่ะ ...เออ...ถูกส่งตัวไปคุยกับจิตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดในการยอมรับกฎของธรรมชาติ ก็สรุปเป็นโรคนี้ค่ะ โรคภาวะหัวใจแตกสลาย โรคนี้ยังไม่มีชื่อเฉพาะค่ะ ใช้เรียกตามอาการไปก่อน หัวใจแตกสลายเพราะสูญเสียคนที่เรารักมากที่สุดไป -
ข้อเสียของการรับรู้อดีต ก็คือ เมื่อรู้แล้วก็ทำใจไม่ได้ ไม่รู้จักการปล่อยวาง
จึงเกิดเป็นทุกข์ (เหตุนี้กระมัง...ก่อนที่มนุษย์จะมาเกิดใหม่ จึงจำต้องให้
"ลืมอดีต" เสียก่อน)
แต่ข้อดีของการรับรู้อดีต ก็คือ การรู้ต้นสายปลายเหตุของปัญหา แล้วหาวิธี
แก้ไขเท่าที่จะกระทำได้ อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบา แล้วระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์
ซ้ำเหมือนในอดีตอีก
กรณีเจ้ากรรมนายเวร...หากสิ่งที่เราทำให้เขาในชาตินี้ แล้วอโหสิต่อกันได้ กรรม
นั้นก็อาจโมฆะไป (เผลอๆ หากเขาซึ้งในหลักธรรม ก็อาจได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี)
ส่วนกรรมไหนที่แก้ไม่ได้ อย่างน้อยเราก็จะได้ "พยายาม" ทำใจให้ยอมรับสภาพ
ก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรมต่อไป
คนทำได้บุญ คนอโหสิกรรมได้บุญ ได้หลายเด้ง หลายต่อ อิอิ
(มิกก็พล่ามไปเรื่อยค่ะ ตามประสาคนไม่เก่งธรรมะ) -
ขอบคุณ คุณaries เช่นกันค่ะ
สำหรับบทสวดนี้จะนำไปใช้ในทันทีเลยค่ะ(จะสวดก่อนนอนทุกวันนะคะ)
หลังจากเสียพ่อไปสักพักใหญ่ ดิฉันก็ต้องฝืนยอมรับความจริงว่ายังไงเราก็ต้องอยู่ต่อไป
เพื่อลูก เพื่อสามี เพื่อตัวเอง แต่ก็ยังทำไม่ได้ค่ะ ยังไม่กลับมาเป็นคนเดิม ก็สงสารสามีค่ะ
เราซึม เราหงอย เค้าก็พยายามชวนมีกิจกรรมในด้านต่างๆ ก็...ยังหงอย...
สุดท้ายเธอก็เริ่มซึมตาม อีกหน่อยคงเซ็ง แล้วที่สุด...ถ้าเธอหมดรักเมื่อไหร่...คงจากไป(อีกคน)
แต่คราวนี้เป็นการจากเป็น มันไม่ทรมานหัวใจมากเท่าไหร่ ยังมีโอกาสได้พบ ได้เจอกันบ้าง
...ตอนนี้ก็เริ่มเห็นปัญหาต่างๆจากตัวเองแล้ว และคิดว่าธรรมะน่าจะช่วยเราได้มาก
อันนี้แม้แพทย์แผนปัจจุบันก็ยังแนะนำเจือหว่านล้อมให้ดิฉันพึ่งธรรมะเลยค่ะ -
pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี
กรรมนั้นเปรียบเสมือนเชือก ยิ่งผูก ยิ่งมัด ยิ่งแก้ยาก หลุดยาก
เงื่อนใด ปมใดที่ ผ่านมาแล้ว ก็ปล่อยวาง อย่าไป สร้างเงื่อนใหม่ ปมใหม่
ยิ่งมี เงื่อนมาก ปมมาก ก็ยิ่งทุกข์
ปมเก่าให้วาง ปมใหม่อย่าสร้าง คือทางพ้นทุกข์ -
คุณมิกคะ
ดิฉันเป็นคนใช้ใจในการดำเนินชวิตค่ะ ไม่ว่าอะไรก็ใช้ความรู้สึกตัดสิน
ทำตัวเป็นพวกศิลปินน่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ ...พวกมีความเมตตากรุณาเกินกว่าเหตุ
พวกรักไม่เป็นค่ะ เลยรักเป็นพิษ...อย่างว่า..ลูกแหง่ ...
นี่ดีนะคะว่าเป็นพิษเพราะรักพ่อ -
-
การใช้ใจหรือจิต หรือใช้สัญญา หรืออารมณ์ ของจิตเป็นตัวตัดสิน อันนี้อันตรายครับ ผมอยากให้พยายามนำปัญญา เหตุ ผล เข้ามาใช้คิดตัดสินให้มากขึ้น นะครับ คือปัญหามีอยู่ว่า
ชีวิตเราทุกคน หาก เรามีความเชื่อหรือศรัทธาในความเชื่อที่ดี ที่ถูกต้อง ก็ย่อมทำให้เรา เดินทางถูก มีโอกาศประสบความสุขความสำเร็จได้
แต่ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่ผิด ๆคือการเริ่มจากการมีความคิดที่ผิดๆ นี่อันตรายมาก เราก็จะเดินทางผิดและผิดไปตลอด ไม่สามารถเดินไปสู่จุดหมาย ยากนักที่จะประสบความสุข หรือความสำเร็จได้
ดังนั้น ควรพิจารณาสิ่งนี้ก่อน และถัดมาเราควรพิสูจน์ หรือสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่า ความเชื่อหรือเรื่องที่เราศรัทธาแนวคิดต่างๆเหล่านั้นว่าดีจริงถูกต้องจริงหรือไม่ อย่างไร ต้องรู้จักเทียบเคียงและพิสูจน์ ทดสอบปฏิบัติด้วยตนเอง จนพบคำตอบ
สุดท้ายเราจะได้ไม่หลงทาง หรือสับสนกับสิ่งที่เราก้าวไปข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้เราผิดพลาดเสียเวลา และพลาดโอกาสดีๆของเราได้ครับ
ด้วยความปราถนาดีครับ ส่วนเรื่องที่ถามมาขอนำไปทำกรรมฐานตอบให้พรุ่งนี้ครับ -
ผมเอาทริกวิธีการทำบุญให้ได้บุญมากของอาจารย์สุวิมาฝากครับ เพราะบุญเป็นสิ่งจำเป็นมากในการทำให้เรา ครอบครัว ญาติมิตรและบุคคลในภพภพภูมิอื่น มีความสุขได้ครับ การทำบุญกุศลให้ได้บุญใหญ่ๆเพื่อช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ถ้าทราบเทคนิคนี้แล้วจะช่วยได้มากเลยครับ นั่นคือการนำบุญกุศลที่เราทำมาบูชาพระพุทธเจ้า บูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า บูชาพระอรหันต์ นั่นเอง
ภรรยาผมเคยเข้ามโนมยิทธิแล้วนำบุญที่ทำสมาธิไปบูชาสมเด็จองค์ปฐม(พระพุทธเจ้าพระองค์แรก) เธอบอกว่าพอบูชาแล้วเกิดปิติมากมายแทบจะร้องไห้ออกมาดังๆ โดยระหว่างที่มีอารมณ์ปิตินี้เธอก็ขอนำบุญนี้มาหล่อเลี้ยงตัวเอง(อุทิศให้ตัวเอง) แล้วจากนั้นจึงอุทิศให้ผู้อื่น อาจารย์สุวิบอกว่าพอเรามีบุญแล้วจากการอุทิศให้ตัวเอง เราจะสามารถอุทิศบุญนี้ให้ผู้อื่นได้(ในลักษณะของการก็อปปี้บุญออกไปในช่วงเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน)
ช่วงนั้นคุณพ่อผมเพิ่งเสียไปได้ไม่นาน ภรรยาผมชวนคุณพ่อผมไปกราบสมเด็จองค์ปฐมด้วยกัน (ในมโนมยิทธิ) แล้วพอได้อารมณ์ปิติเต็มที่แล้วจึงอุทิศบุญให้คุณพ่อผม กายของคุณพ่อเปลี่ยนจากชุดขาวเป็นเครื่องทรงเทวดาทันทีเลย
การอุทิศผลบุญถ้ากล่าวอุทิศเจาะจงคนเดียวจะได้บุญเต็มที่ แต่ถ้าเฉลี่ยหลายคนจะเป็นการแบ่งบุญเฉลี่ยออกไป แต่ถ้าเรารู้เทคนิคการอุทิศแบบก็อปปี้บุญ จะส่งได้หลายครั้งโดยได้เต็มที่ทุกคนได้(ถ้าสมาธิทรงตัวดี) สมมุติว่าเราอุทิศบุญให้ตัวเรามีบุญแล้ว เราก็อุทิศบุญว่า ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้จงสำเร็จแก่(ชื่อ นามสกุล คนที่หนึ่ง) ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้จงสำเร็จแก่(คนที่สอง) ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้จงสำเร็จแก่(คนที่สาม).... ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้จงสำเร็จแก่(คนสุดท้าย)
ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนจะได้ผลบุญเต็มที่เท่าๆกันหมดครับ
แต่ถ้าอุทิศแบบนี้ ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้จงสำเร็จแก่คนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่สาม ... คนสุดท้าย
ผลบุญจะถูกเฉลี่ยไปตามจำนวนคนที่อุทิศ ซึ่งจะได้บุญไม่เต็มที่
และการอุทิศบุญแบบก็อปปี้นี้สามารถทำได้ในช่วงเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเท่านั้น
คุณพรรณพฤกษาน่าจะมีของเก่าอยู่มาก จึงสามารถรับรู้อะไรที่คนทั่วไปไม่รู้ได้
ฝึกสมาธิให้ดีๆนะครับ จะได้บุญมากมายทีเดียว
รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ที่นี่ครับ
http://palungjit.org/threads/ปรึกษา...ใช้พลัง-ปราณยาม-ในการรักษาโรค.110817/page-133 -
แนวทางของคุณTPCเป็นทิศทางเดียวกันกับพ่อของดิฉันค่ะ เมื่อไม่มีพ่อก็เขว...
แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีหลายๆคนในที่แห่งนี้ช่วยคิด และแนะนำ สัมผัสได้ค่ะว่าทุกๆท่านนั้น
ล้วนมีความปราถนาดีต่อดิฉัน เพราะทุกท่านมีความเมตตาเป็นที่ตั้ง...
.....ขอบคุณจากใจจริงค่ะ...... -
ฝากคำถามถึงคุณชยาด้วยค่ะ...(ถ้าท่านอื่นๆรู้ก็ตอบมาได้นะคะ)
คือตั้งใจจะถวายผ้าสบง ผ้าไตร จีวร แก่พระสงฆ์ เพื่ออุทิศกุศลผลบุญให้กับเจ้าที่ ที่บ้านน่ะค่ะ
แต่เคยได้อ่านข้อความของ คุณตาที่สาม ที่บอกในทำนองว่า เมื่อตัวเรานั้นได้เคยสร้างกรรมไว้กับสถานที่ใดในชาติปางก่อนของเรา
เราไม่ควรจะไปที่นั่น หรือทำบุญไม่ขึ้นในที่แห่งนั้น แต่ดิฉันยังจำเป็นต้องอาศัยอยู่ตรงนี้ จึงเกิดความสงสัยว่า
ดิฉันควรจะไปทำบุญเข้าวัดในจังหวัดข้างเคียงแทน แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านเจ้าที่ใช่มั้ยคะ
อ้อ...หรือว่าแค่ข้ามอำเภอก็พอ ดิฉันอยู่ที่นนทบุรี อำเภอบางใหญ่ค่ะ
หน้า 289 ของ 299