ขออนุโมทนากับอาจารย์ และพี่ ๆ ทุกคนที่ได้มาเล่าให้รับรู้ครับผม
นั่งอ่านมาตั้งแต่หน้าแรก ถึงหน้าสุดแล้ว เกิดอาการขนลุกตลอดครับ
แล้วตอนที่ได้ฟังพี่ Chaya เล่าถึงความเกี่ยวข้องกับองค์พระนเรศวร แล้ว
ก้อเหมือนมีความรู้สึกเกี่ยวข้องกับพระองค์ท่าน แต่ก้อไม่มั่นใจเหมือนที่ตนเองทราบหรือป่าว
ยังงัยจะขอเข้าไปที่บูธ ของอาจารย์ให้ได้ครับผม
เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์
ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.
หน้า 38 ของ 299
-
ความมันส์ของการได้ดูอดีต ขอคาราวะท่านอาจารย์๒จอกครับ
ได้ดูพากย์มวยฟรี๕๕๕ -
ติดตามแบบไม่กล้าขัดจังหวะเลยค่ะ
ขอบคุณ คุณจักรพลที่เริ่มต้นพาไป ขอบคุณอ.ตาที่สามที่เอามาเล่า กว่าจะเรียบเรียง
กว่าจะพิมพ์ให้อ่านต่อเนื่อง ขอบคุณคุณวิษณุที่เอารูปมาลง (เอามาลงเพิ่มท่าจะดีนะจ๊ะ)
และช่วยกันใช้ตาที่สาม เล่าประวัติศาสตร์แนวลึกลับของชมรมคนตาทิพย์
พี่ชยาเล่าเรื่องแบบพระเอกหนังบู๊ ที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้าเหนือหัวอย่างสูงสุด
อ่านแ้ล้วก็รู้สึกฮึกเหิม เห็นบรรยากาศในการต่อสู้ ยิ่งตอนปีนค่ายพม่า ยิ่งติดตามอ่านอย่างไม่วางตา
รออ่านตอนพระแสงดาบคาบค่าย และอีกหลายๆตอนที่พี่ยังไม่เล่า รู้สึกแค่ปี 2549เอง
ส่วนอาจารย์เล่าความรู้สึกของพระองค์ โดยเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ทั่วๆไปพึงจะเป็น
แต่เห็นได้ชัดว่า พระองค์ทรงแก้ปัญหาใหญ่ ท่ามกลางศัตรู มีมิตรแค่เจ้าช้างไชยยานุภาพ
ในเวลาอันน้อยนิดหลังฝุ่นจางนั้น พระองค์เพียงแค่หันไปมอง เห็นพระมหาอุปราช
ทรงช้างใต้ต้นไม้ ก็ทรงปิ๊งไอเดียสดๆ ท้าทายให้พระมหาอุปราช ผู้นำทัพพม่ามาสู้ัตัวต่อตัว
เพราะมิฉะนั้นพระองค์คงยากที่จะรอดกลับมา
พอพูดถึงช้างไชยยานุภาพก็คิดถึงหนังการ์ตูนเอนิเมชั่นของไทย เรื่อง ก้านกล้วย
เนื้อเรื่องตอนชนช้าง ก้านกล้วยตัวเล็กแต่ช้างพม่าตัวดำใหญ่ น่ากลัว ช้างทรงก็ใจสู้นัก
กว่าจะได้เป็นช้างทรง ก็ไม่ใช่ธรรมดาเลย ไม่มีบุญกรรมด้วยกันก็คงไม่ได้อยู่สู้คู่กัน
อ่านแล้วก็ยิ้มไป อาจารย์ก็ใช้ราชาศัพท์เ็ต็มที่ พระองค์ก็ทรงนักเลงรบอย่างเหลือเกิน
สำหรับ พระมหาอุปราช ทีีมีจิตบางส่วนอยู่ตรงนี้ พอมีใครส่งบุญให้พระองค์ได้หรือไม่คะ
ชาวพม่าเขาก็รักของเขา เคยได้ยินมาว่า คนไทยและพม่าไปเรียนต่างประเทศด้วยกัน
แล้วก็คุยเรื่องยุทธหัตถี เพื่อนพม่าบอกว่า พระนเรศอกตัญญู บุเรงนองเลี้ยงมาแต่กลับ
ฆ่ามังสามเกียด ตอน....พระองค์เผลอหันหลังยิงกระต่าย(ปัสสาวะ) ด้วยแนวรบแบบกองโจร
มังสามเกียดโดนฟันทีเผลอ ฝ่ายไทยก็เล่า แบบชนช้างอย่างที่อาจารย์เล่านี่แหละ เพื่อนพม่า
เลยเตะคนไทยซะสลบ แหะๆ เรื่องเล่านี้เกิดขึ้นจริง ตอนนี้คนไทยเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาค่ะ
ชอบที่เอามาเล่าแบบ Supernaturalนี่ล่ะค่ะ ตัวกลมๆก็มีสถานที่แปลกๆอยู่เหมือนกัน
แต่ว่าไกล และก็ไม่กล้าพิสูจน์ ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสเชิญทางชมรมไปทดลองสักที -
มาเล่าเสริมที่อาจารย์เล่านิดนึงครับเนื่องจากอาจารย์บอกให้มาเล่าหน่อยในสิ่งที่เราเห็น
เนื่องจากข้างบนให้เห็นเพื่อเป็นประโยชน์ ต่อผู้อื่นจริงๆเเล้วไม่คิดอยากจะเล่าเพราะกลัว
โดนใครไม่เข้าใจสัมผัสไม่ได้มาว่าเอาครับ เกริ่นมาซะยาวเลยครับเอาเนื้อเนื้อแล้วกัน
ตอนที่ช่วงอาจารย์เดินเวียนรอบเจดีนั้นผมก็นั่งดูการรพเพียงลำพังภาพที่เห็นคือพระนเรศ
เพียงลำพังกล้าบอกได้เลยว่าเพียงแค่ทหารพม่าพร้อมใจกันเอาเสื้อที่เปียกเหงื่อบิดเอา
น้ำเหงื่อของตัวเองมารวมกันก็สามารถจมช้างพระที่นั่งได้เลยคือ มีกันเรื่อนแสนก็ว่าได้
หลังจากฝุ่นจางเป็นสภาพนั้นจริงๆพระองกับช้างพระที่นั่งทหารจตุรงค์บาทอีก 2นาย
พระองค์ก็ได้เอยท้าพระมหาอุปราชออกจากเงาต้นไม้ รายละเอียดเหมือนของอาจารย์
เล่าทุกอย่างครับแต่ตอนที่พระมหาอุปราชโดนฟันคือทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด
แล้วจึงมีการนำร่างพระองค์ซึงยังมีลมหายใจลงจากหลังช้างในภาพที่เห็นพระองค์ยังจะ
กล่าวอะไรซักอย่างแต่กล่าวไม่ได้เนื่องจากโดนฟันเข้าที่ปอดดังนั้นพอจะพูดอะไรก็จะมี
ฟองอากาศเกิดขึ้นที่แผลที่โดนฝันเป็นภาพที่ไม่หน้าดูเลย เนื่องจากพระองค์ไม่ได้สิ้นใจ
ในทั้นที่บริเวณนั้นเหมือนใครมากดรีโมทไว่ไม่มีใครขยับเลย ส่วนพระนเรศได้ตะบึงช้าง
ออกไปจากวงล้อมนานแล้ว พอพระมาอุปราชสิ้นใจทหารทุกนายก้มกราบแนบพื้น เป็นภาพ
ที่ไม่อาจหาดูที่ไหนได้เลยแล้วทุกคนพูดเป็นภาษาพม่าซักอย่านึงดังกึงก้องไปทัวบริเวณ
นั้นเลยเป็นภาพที่ผมไม่สามารถจะบรรยายได้เลยจริงๆครับแล้วหลังจากที่ทุกคนก้มกราบ
ได้มีทัพของไทยเข้ามาถึงจะมีจำนวนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ทัพพม่าที่ขาดผู้นำไม่มี
กระใจจะสู้แล้วได้แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปแบบฝุ่นตลอบเลยครับหลังจากนั้นอาจารย์
ก็ได้มาเรียกผมว่าดูอะไรผมก็ได้แต่ยิ้มๆ อยากจะบอกว่าต่อให้หนังที่ท่านมุ้ยสร้างยังไงก็
ไม่สามารถจะได้เทียบเท่าแน่นอนครับ -
สุดยอดเลยครับ น่าจะเอามาสร้างเป็นหนังนะครับ
อาจารย์กับคุณวิสนุเป็นคนเขียนบท
หนังน่าจะออกมาดี เพราะว่าเป็นเรื่องจริงกว่าคำบอกเล่า
หรือตำรา สุดยอดครับนับถือๆๆ -
กรี๊ด ปุ่มอนุโมทนา กลับมาแว้ววววววววว
พี่จอมมาร รูปแนวนี้จะเหมือนจอมโจรมากกว่านะคะ เอิ๊กๆ แหม เข้าใจเล่น -
โอ้โหอย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับโจรสิครับ มันคนละดับ
มารย่อมเลวกว่าโจร มันต่างกันจริง ฮ่าๆ5555 -
สนุกจัง อาจารย์ช่วยดูใ้ห้ผมด้วยสิครับว่าผมมีเอี่ยวกับศึกชนช้างรึเปล่า มีคนบอกว่าผมเคยเป็นทหารเก่า
-
รูปที่คุณ วิษณุ เอาขึ้นมา มี สองรูปที่ สำคัญ
คือตรงพุ่มดอกไม้สีเหลือง (บานบุรี ??)
เป็นจุดที่ นอนสิ้นพระชนม์ ของ มังสามเกียด พระมหาอุปราชแห่ง ตะเลง
ตายไปนานแล้ว..พลังแห่ง ความอาฆาตก็ยังอยู่อย่างเต็มที่
..........................................................................
ผู้ที่ มีพลังจิตสูง ..ลองเอานิ้วชี้มือซ้าย จิ้ม ลง ตรงรูป ต้นพุ่มดอกที่ ว่า
ก็จะรู้ว่า มีพลัง ที่อัดแน่น อยู่ อย่างมาก
ลองจิ้มดู ครับ
....................................................................
อีกรูปเป็น ตำหนัก สีแดง ที่ คิดว่า เป็น ของ พระ นเรศ
แต่ที่แท้ มีวิญญาณ ของ มังสามเกียดแอบมาสิง อยู่
พิศูจน์ได้ โดย เพ่ง ดู ที่รูป ตำหนัก
หรือ จะเอานิ้ว ชี้ มือซ้าย ลอง จิ้ม ดู ก็ได้
จะพบว่า มีพลัง แปลกๆๆหนักมาดัน หรือ บีบหัวใจเรา
..............................................................
นี่!!!!ขนาด จาก รูปถ่าย...ถ้า เป็นสถานที่ จริง ..จะแค่ไหน.
ไปลองดู กันครับ....จะได้รู้ว่า ใครเป็นไทย ใครเป้ ตะเลง
ในอดีต เมื่อ กว่า 400 ปี ที่ ผ่านมา
................................................................. -
คุณ Visut P เห็นเล่นเรื่องพระนเรศวร อยู่ในเวบกระทู้ห้อง พลังจิต ลึกลับอยู่แล้ว
เล่นกันสองคน กับ คุณ พิษณุ สุริยา ยาว เกิน 60 หน้า ..เล่นกันยาว
จนไปถึงไหนๆๆแล้ว..จนจะจบแล้ว..อย่า มาเริ่มใหม่ที่นี่เลย..ดเผื่อเล่นไป พบว่า มัน ขัดกันกับที่คุณ รู้สึก ..คุณ ก็จะเสียความรู้สึกปล่าๆๆ..ขอให้ ภูมิใจกับความรู้สึกดีๆๆ.กับสิ่งที่เล่นมาตลอด จะดี กว่า -
ผมจะพบ อ.สามตา ได้ที่ไหนครับ
-
เรื่องเล้าก่อนนอนคืนนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับ การยุทธหัตถีบนหลังช้าง (ต่อ)
..........................................................................
หลังจาก สำรวจทางจิต และใช้ตาที่สามของ คนสามคนรวมกัน
ในรายละเอียด ของ การประยุทธ..และองค์พระนเรศ
ที่ ทรงโชคดี กว่า จึง ชนะไป.
.ชาติไทยจึงเริ่มหลุดจากการเป็น เมืองขึ้นโดยเด็ดขาด
......................................................................
กลับไปที่รถเพื่อเดินทางกลับ
โชเฟอร์ ขับรถคนเก่ง ทาง คุณ จักรพล นำทางเช่นเคย
ด้วยญาณพิเศษ บางอย่าง..คุณ จักรพล ขับรถ ออกอีกทาง
มองดู ป้ายชี้ ทาง..." ไป สระ ลุมพุก.."..แปลว่า เราจะไป ที่ นั่น
....................................................................
จากจุดเริ่มต้น ที่ มีแนวต้นไม้ขนาดใหญ่และกลางประปราย
จำนวนก็ลดลง..มองเห็น เป็นที่ ราบกว้าง..แผ่ออกไป
ยิ่งออกมาตามแนวเส้นทาง สู่ เขตสุพรรณบุรี..ก็ยิ่งเห็นเป็นที่ ราบ
มองดูเผินๆๆเหมือนมาวิ่งในแถบทะเลทราย
..................................................................
เริ่มมองเห็น ที่ ตั้ง เครื่องสูบทรายถมที่ออกขาย..
คงจะเป็นระบบสัมประทา..ให้ดูดทรายไปขายถมที่
มองเห็น อย่างน้อย 5 บริษัท ที่เราได้ ผ่านไป
แนวทราย เริ่มขาดตอน กลายเป็น ทะเลสาบ ย่อมๆๆ
ตลอดแนสที่ รถผ่าน
........................................................
แปลว่า ในแนวกว้าง ประมาณ 1.5 กม...ยาวมากกว่า5 กม..
เป็นพื้นทราย..เป็นทะเลทราย ย่อมๆๆ
ลองจอดรถดูรายละเอียด ทรายที่เขาสูบ ขึ้นมากอง ข้างทาง
พบว่า แยกเป็น ชั้นๆๆ..ชั้นล่าง เป็น ทรายกรวด ขนาดเม็ดถั่วเขียว
ชั้นบนๆๆ เป็น แป้งฝุ่นละเอียด..มองจาก ร่องรอยการขุดทราย
โดยใช้แบ๊คโฮ .........ชั้นทรายรวมน่า จะหนา กว่า 6เมตร
............................................................................. -
นั่นคือแปลว่า พื้นที่ ตลอดทาง เป็น ทะเล ทรายย่อมๆๆ
มี ชั้นทรายหนาอยู่ ข้างใต้
ข้างบนผิวบางๆๆ จะเป็น ทราก ฝุ่น วัชรพืช ที่ ทับถม กันมานาน
มานานกว่า600-700 ปี
ยุค สมเด็จพระนเรศวร กระทำยุทธหัตถี
เพิ่ง จะผ่านมา เพียง 400 กว่า ปี
ในช่วงนั้น.พื้นที่ก็คงจะเป็น ผืนทรายแน่น ราบ เป็นหน้ากลอง
สุดลูกหู ลูกตา...ไม่ได้ ขาดตอน เว้าๆๆแหว่าง.
.กลายเป็น ทะเลสาบ..เช่นในสถาพ ปัจจุบัน -
อ.ครับ ผมจะพบอ.ได้ที่ไหนครับ
-
กองทัพไทย ที่ มีองค์พระนเรศ นำขบวน.ค่อยๆๆ เดินทัพมา
ด้วยความเร็ว ค่อน ข้างต่ำ เพราะ ต้องลุย ป่า ละเมาะ ที่ ลุ่ม ที่แฉะ
พอ มาเจอ ทางราบ เหมือน ถนน ชั้นดี.
.พระยาไชยยานุ๓พ ที่กำลัง ตกมันก็โลดแล่น อย่างเต็ม สูบ
ทิ้ง ท้ายขบวนที่กำลังมะงุมมะหงา ค่อยๆๆออกมา.
.ไว้อย่างน้อย10-15 นาที
..............................................................
ช้างทรงวิ่ง ควบไป..ตีนช้างก็ ตะกุย ขี้ฝุ่นผงทรายขึ้นมาคลุ้ง
เหมือน ผงฝุ่นแดง ลอยตลบหลัง รถยนต์
ที่ วิ่ง ลุยผ่านถนนฝุ่นลูกรัง แดง
..............................................................
พระยาไชยยานุภาพ วิ่งมาตลบ.
.จนมาสุด ระยะ ทาง ที่เป็น ทะเลทราย
คือ แนวต้นไม้ใหญ่ น้อยเป็น พุ่ม ขวางหน้า ก็ หยุดนิ่ง
..............................................................
พอฝุ่นจาง ลง..ก็พบ ว่า โผล่เข้ามากลาง วงกองทัพ ตะเลง
ที่ ล้อมอยู่เต็ม..พอได้ สติ..ทั้งสอง ฝ่ายก็ ตลึง..ที่ มาจ๊ะเอ๋กัน
องค์พระนเรศ จึง ต้องทรงใช้ พระปรีชาฌาน..
ในการแก้ ปัญหา เฉพาะ หน้า.
.ท้า ดวล ชนช้างมังสามเกียด พระมหาอุปราช
ตามเรื่อง ที่ เล่า ไว้แล้ว
...............................................................
การทำยุทธหัตถี ใช้เวลาสั้นมาก ไม่เกิน 5 นาที
ดังนั้น ขบวนช้างศึกที่ ตามมา ก็คงจะช้าไป ไม่เกิน 5 นาที
แต่ก็เป็นช่วงเวลาแห่ง ประวัติศาสตร์
ที่ ต้อง จารึกไว้ชั่วกาลนาน
.............................................................
ในที่สุดเราก็โผล่ ออกมาถนนใหญ่ อีกด้าน.
.ที่ มุ่งสู่ ลำลูกา และ ผ่านเข้า กทม..โดยสวัดิภาพ
ด้วยความสะบายใจ..ที่ แก้ไข ข้อ ข้องใจหลายข้อ
ในประวัติศาสตร์..ที่ได้ เล่า กันมา
....................................................................... -
อย่างไร ก็ ตาม..จากหลักฐาน ทางภูมิประเทศ แหล่งแนวทะลทราย
ทิศทางการเดิน ทัพ ระหว่าง สุพรรรณบุรี กับ กาญจนบุรี
การสัมผัส ด้วยจิต และการใช้ญาณ ตาทิพย์
ดู รายละเอียด ย้อน หลัง ประวัติศาสตร์กลับไป กว่า 400 ปี
......................................................................
การตรวพบจุด ลงมาสิ้นพระชนม์ ของ มังสามเกียด พระมหาอุปราช
การตรวจหาพบ ตำแหน่ง ของ ต้น ข่อย ยักษ์
ที่ พระมหาอุปราช หลบงีบอยู่ ใต้ ใบ ช่วงบ่าย สามโมงกว่า
และทิศทาง การเคลื่อนที่ เข้า -ออก ของ องค์พระนเรศ
ล้วนมีส่วนสัมพัธ์กัน อย่างเหมาะเจาะ
.......................................................................
ทำให้ เชื่อได้ ว่า..ที่ดอนเจดีย์ อ. พนมทวน จ. กาญจนบุรี
เป็น ตำแหน่ง ที่ มีการกระทำยุทธหัตถี ชนช้าง อย่างสำคัญ
อย่าง ค่อนข้างแน่นอน
....................................................................
อีกสถานที่หนึ่ง คือ อนุสาวรีย์ สมเด็จ พระนเรศวร มหาราช ที่
ที่ ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี...เป็นที่ ตั้งทัพหลวง ของ ทหารไทยในยุคนั้น
หลังการรบ และ สัปยุทธ อย่างสำคัญ.
.ทำให้ ทหารไทย ก็เสียชีวิตเพื่อ ชาติไปไม่น้อย
....................................................................
เมื่อ มีทหารตาย..ก็จะมีการเผา เอากระดูก และ อาวุธประจำตัวมากองรวม
พอได้ ที่ก็ สร้าง เจดดีย์ ครอบไว้..เพื่อเป็นอนุสรณ์
....................................................................
ต่อมาภายหลัง มีการพบ เจดีย์ พร้อม
กระดูก และ อาวุธ โบราณ ที่ ฝัง ใต้เจดีย์
มีการโษณาเผยแพร่ออกไป...
และข้อเท็จ จริง คือ ที นี่ คือเป็น ที่ ตั้งของกองทัพหลวง
ในการสงคราม ถ้าไม่มีทัพหลวง..แล้ว จะไป รบชนะใครได้
.................................................................
พวกเราเหล่าประชา คนไทย
ทั้งที่ไม่ได้ เกี่ยวข้องในอดีต
ทั้งที่เคยเป็น ทหารไทย ได้ ร่วม สงครามในยุคนั้น
และได้ ร่วมมาเกิดในยุคนี้
............................................................
ขอเทอดทูญ พระบารมีของ องคสมเด็จ พระนเรศวร มหาราช
ที่ ทรง เป็นส่วน หนึ่ง ของ ประวัติศาสตร์
ที่ ทำให้ ไทย คงเป็นไทย อยู่ได้ ถึงปัจจุบัน
..................................................................
การสงคราม ไม่ว่า จะ ภายนอก ภายใน
ก็ล้วนแต่มีความสูญเสีย.กาย ใจ และ ทรัพย์ สิน
ขอพระองค์ ทรงโปรด เมตตา...เปล่ง ประกายพระบารมี
ดับความยุงยาก ทั้งสิ้น..ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น
เพื่อความสุข ของ มวลชนชาวไทย ทั้ง ชาติ ด้วยเทอญ
............................................................
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม..ขอเดชะ
The Third Eyes -
ภาพโดยรอบบริเวณเจดีย์เป็นทรายทั้งหมดเป็นพันๆไร่
จึงถูกแปรสภาพเป็นบ่อทรายอย่างที่เห็นครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
บริเวณนี้คือบริเวณที่พระมหาอุปราชพักช้างก่อนที่จะไสช้างออกมาทำการรบครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
แค่ได้รู้ว่าครั้งหนึ่ง เคยได้รับใช้พระยุคลบาท ก็ปลื้มใจหนักหนาแล้ว สาธุค่ะ
หน้า 38 ของ 299