วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตรงกับวันอังคาร แรม ๖ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ อนาคะเตกาเล
เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wanwi, 11 ตุลาคม 2016.
หน้า 3392 ของ 3981
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เช้าวันนี้
ทำบุญกับหลวงปู่แสง ญาณวโร
หลวงปู่ชนะ อุตฺตมลาโภ
และบำรุงวัดอโศการาม
#เก็บบุญ
#หยอดกระปุกบุญ
#ลงรูปไว้ด้วยกลับมาดูจะได้นึกออก
-
เช่นเดียวกับของเก๊มือผีใจชั่วไม่มีคุณภาพขืนเผลอสะสมจะกลายเป็น... "ความเลวดูดดึงความชั่ว"...!
พระรามศรฤทธิ์สำแดงอิทธิฤทธิ์ดึงดูดพลพรรคมาสมทบล่วงหน้า อีกไม่ช้าก็มีมาอีก แต่อย่าถึงกับยกพลพรรค พระลักษณ์ นางสีดา ตามมาเยอะแยะ เดี๋ยวทศกัณฑ์ตามอีก 10 หน้าจะว้าวุ่นกันใหญ่-ฮ่า -
-
คำสอนดี จากพระสงฆ์ดี
ทุกอย่างดีถ้วนรวมกวี...
จับจองจิต.....ติดตัวตน
เฝ้าฝึกฝน......ห่อนห่างหาย
คลายคับข้อง..จ้องใจหมาย
รู้เลวร้าย.........เพียงกายเรา! -
แดดร่มลมตก บรรยากาศร้อน ฝน หนาว อยู่ในคราวเดียวกัน หรือ 3 ฤดูในวันเดียว ทั่วโลกล้วนเจอภัยพิบัตินอกเหนือจากเจ้าโรคร้าย ทั้งยุโรปที่พายุซัดแหลกราญ ,ญี่ปุ่นแผ่นดินไหวจนเป็นเรื่องปกติของความทุกข์ยาก ข่าวใหญ่กลายเป็นข่าวเล็ก ฯลฯ
ข้างอเมริกากับรัสเซียก็"ออกแขก"หรือ 'เรียกแขก' ทำท่าจะตีกันแก้เซ็ง แต่ไม่ตีสักที ให้กองเชียร์ ปสด.(ประสาทแดร็กซ์)เล่นซะงั้น ทำให้เดี๋ยวหุ้นขึ้น เดี๋ยวหุ้นตก นักลงทุนเวียนกบาล
ต้องยืนยันคำเดิมซ้ำซาก...ประเทศไทย ดีที่สุด ไปเที่ยว"ตะนาวศรี" กันเถอะ แค่รอจิ้มอีกสักพัก(ใหญ่)เท่านั้น -
(ต่อ)...อาถรรพ์"เหล็กไหล"-ประจันหน้า'เจ้าถ้ำ'!!!
==============
มันวุ่นจริงดังปากว่าวาจาพระร่วง เมื่อฟ้าสางจับขอบฟ้ารำไรไอ้หนุ่มนิรนามก็ตะกายภูขึ้นมาหาพวกเราอีกรอบ ทั้งกราบกราน วิงวอนขอร้องให้ลงไปช่วยพวกที่กำลัง 'ปางตาย' อยู่เบื้องล่าง!
พวกหมอผีทีมพรานเวรตะไลมีโชคเหลืออยู่บ้าง ความมานะพยายามตื๊อสุดชีวิต ไม่ยอมทิ้งหมู่คณะของเจ้าหนุ่มรายนี้ ทำให้ผมประทับใจ สิ่งนี้ลูกผู้ชายเลือดข้นถือเป็นเรื่องใหญ่อันดับต้น ๆ ของการคบเพื่อน ดูนิสัยเพื่อน...
วัดกันด้วยกติกาลูกผู้ชายที่ไม่ต้องร่างไว้ในธรรมนูญ การดูลักษณะหัวจิตหัวใจคน...ไอ้หนุ่มคนนี้สอบผ่าน!
ผมให้มันรอปากทางขึ้นภู รีบประชุมกลุ่มนายจ้างที่เพิ่งสางหัวขยี้ขี้ตายังไม่ได้ล้างขี้ฟัน เล่าเรื่องหลังอาจารย์เข้านอนให้ฟังคร่าว ๆ...หัวหน้าหนุ่มใหญ่หันหน้าหาคนสำคัญ...
"ช่วยได้ ไม่ได้อยู่ที่ 'จารย์คนเดียว คนอื่นไม่มีปัญญาแก้ไขเรื่องนี้"
จอมขมังเวทย์ทำหน้ายู่ยี่ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เฉไฉไปอีกทาง...
"ถ้ามันหนักกินเวลาพวกเราทั้งวันนะเทพ...อีกอย่างระวังมันเกิดเลยเถิดถึงตาย เราอาจติดร่างแหคดีความ"
เอาแล้วไง...อาจารย์ชี้ตรงเป้าไม่อ้อมคอมเหมือนที่พูดคลุมเครือตอนปล่อยของคืนกลับ คราวนี้คำว่า "ตาย" หล่นจากปากชัด!
"ไปดูมันหน่อยก็ได้ สงสารไอ้หนุ่มนั่น"...คุณชาติประทับใจพฤติกรรมลูกผู้ชายไม่ทิ้งเพื่อนของเจ้าหนุ่มลูกหาบนิรนามเหมือนผม
ผมให้บักสมกับ 2 สหายหุงหามื้อเช้า ส่วนทุกคนที่เหลือลงภูไปกับไอ้หนุ่มนิรนามซึ่งคงมีชื่อ แต่เราขี้เกียจถามไถ่จดจำให้รกสมอง พอรู้ว่าพวกเราตกลง ก็ดีใจเนื้อเต้น รีบแจ้นนำหน้าไม่รีรอ
สภาพแคมป์ชั่วคราวพวกมันที่ตีนภูเละเทะดูไม่จืด สกปรกเหม็นหึ่งชวนอ๊วกพุ่งด้วยเนื้อเน่าเขละบนแคร่ ผมอดคิดอย่างขุ่นเคืองไม่ได้ว่า...ไอ้แกงไก่ใส่ยาสั่งเมื่อคืน เจ้าพวกพรานโฉดต้องใช้เนื้อเสือดาวปรุง มันจะเอาเนื้อไก่มาจากไหน ซากไก่ฟ้ายังกองอยู่โทนโท่
ข้างกองไฟ 3 ร่างนอนงอก่องอขิง 2 คนเกลือกกลิ้งทุรนทุราย อีกร่างนอนสงบนิ่งเหมือนตาย พุงป่องหลามอืดเป็นเจ้าพรานเชื้อเขมรจอมโหด !!!
โชคดีชะมัด พวกเรายังไม่ซัดมื้อเช้าลงกระเพาะ หาไม่สภาพที่เห็น ต้องคายของเก่าให้บักสมคนปรุงแทบตายค้อนปะหลับปะเหลือก บ่นว่าเสียของ!
จอมขมังเวทย์เดินเข้าไปยืนมองพรานนำทางที่นอนหงายขึ้นอืด มุมปากมีเลือดซึม นิ้วมือ 2 ข้างหงิกงอ ขากาง เมื่อบวกกับพุงพองโป่งขึ้นผิดตาเหมือนยัดบอลลูนอยู่ในท้อง...
ปลาตายยังดูดีกว่าเจ้าพรานใจโฉดในตอนนี้ !!!
ส่วน 2 คนนั้นนอกจากยังมีแรงกลิ้งตัวช้า ๆ แบบงอก่อ ปากยังมีเสียงโอดโอยแหบพร่า มันคงร้องจนแทบสิ้นเสียงคอหอยแทบแตกกลางดึกเมื่อคืน เสียงที่ทำเอาผมหูแว่ว จิตหลอนอยู่พัก...
"ช่วยด้วยย...ช่วยผมด้วย...ผมผิดไปแล้ว ไม่ทำแล้ว"
เสียงคร่ำครวญของ "เส็ง" หัวหน้าทีมร่างท้วมแผ่วระโหย บอกยี่ห้อสิ้นท่าจวนสิ้นใจ ข้างเจ้าหนวดจิ๋มหุ่นแมงดาก็พอกัน ปากเพยิบ ๆ ไม่มีเสียงเช่นเดียวกับปลาเกยตื้นกำลังโหยหาน้ำต่อชีวิต
กรรมที่พวกมันเป็นฝ่ายริเริ่มก่อ กำลังตอบสนองอย่างรวดเร็วรุนแรงชวนขนพองสยองเกล้า ยิ่งกว่าโคลง "ดาบนั้นคืนสนอง" ของ "ศรีปราชญ์" ยอดกวีเอก
อาจารย์เลิศกวักมือเรียกไอ้หนุ่มนิรนามเข้ามายืนใกล้ตัว ชี้มือไปที่พรานหมอผี...
"เอานิ้วชี้อังจมูกดูถี มันยังหายใจอยู่รึเปล่า ?"
เด็กหนุ่มร้องครับ รีบทำตามสั่งขมีขมัน จังหวะเอานิ้วชี้ทาบรูจมูก มือที่หงิกงอของร่างบนพื้น ก็ยกตวัดคว้าข้อมือหมับเหมือนงูฉก!
"ชะ...ช่วยข้าด้วย"...!
ร้องแหบโหยได้แค่นั้นก็สะอึก กระอักเลือดทางมุมปากอีกก้อน คอพับไปด้านข้าง เจ้าหนุ่มหูตาเหลือก รีบแกะมือที่โดนเกาะกุมออก กระถดตัวถอยหลังออกห่างอย่างเร็วยิ่งกว่าโดนผีหลอก
(((ยังมีต่อ))) -
ขอบพระคุณสำหรับท่อนแรก..แทนสมาชิกทุกท่านด้วย...ปูเสื่อรอ...ครับ
-
(ต่อ)...เหล็กไหลฯ
=============
"อย่าตกใจ..ดูอีกที จับชีพจรด้วย"
คราวนี้เป็นเสียงร้องสั่งของเภสัชฯ สาว ที่ชำนาญเรื่องการตรวจอาการเบื้องต้น เธอแนะวิธีจับชีพจรแบบวิชาปฐมพยาบาลให้ เจ้าหนุ่มนิรนามรีบทำตามว่องไว สักพักเงยหน้าบอก...
"ตามที่คุณหมอว่าครับ"
เดาะเรียกคุณนงว่าคุณหมอให้ครึ้มใจเล่น ทำเอาสาวงามยิ้มแย้มหายเครียด อดที่จะแนะนำมันต่อไม่ได้ ประสาคนเรียนด้านนี้มีจรรยาบรรณในหัวใจ ไม่อยากเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา
"นอนตรงนี้ไม่ได้ มันเน่าเหม็นสกปรก..เชื้อโรคทั้งนั้น ต้องย้ายทุกคนไปลานตระพักล่าง"
จอมขมังเวทย์ขอกระติกน้ำมนต์จากผม บอกเจ้าหนุ่มเอาที่ใส่น้ำกินของตัวเองมาถ่ายเอาไปให้หมด ไม่ยอมพลั้งเผลอให้ไปทั้งกระติกของเรา...
เผื่อพวกมันมีอันเป็นไป ตายคาป่าดง จะได้ไม่มีสิ่งของพวกเราตกหล่นหรือเข้าไปเกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุ
"ป้อนน้ำมนต์นี้ให้ครบทุกคน เดี๋ยวจะทำลงมาเพิ่มไว้ให้ แบกพวกไปนอนข้างกองไฟทีละคนก็แล้วกัน"
แนะนำวิธีแก้ไขเสร็จสรรพ พวกเราย้อนกลับขึ้นภู แต่ก่อนผละสถานที่ซึ่งเกือบเป็นลานประหารหมู่ 3 ศพ สาวงามก็นึกขึ้นได้ รีบเดินไปที่กรงขังชะมดพันธุ์หายากกับกระรอกสีที่หายากพอกัน ดึงไม้สลักหน้ากรงโยนทิ้ง เขย่ากรงให้ทุกตัวพุ่งพรวดออกไปสู่อิสรภาพ คืนสู่เหย้าเข้าสู่ป่า บ้านที่แท้จริงของพวกมัน ไม่ใช่ในกรงเลี้ยงของคนเมือง ที่เลี้ยงไม่กี่วันพวกมันก็ตาย!
"ปล่อยชีวิต ไถ่ชีวิตให้พวกแกแล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับดวงและวาสนาของพวกแกละนะ"...!
อาจารย์เลิศพูดเสริมพฤติกรรมของสาวงามให้พวกที่นอนร่อแร่ฟัง มันจะได้ยินและรู้เรื่องเข้าใจหรือไม่...ก็แล้วแต่เวรกรรม?!
เราเดินกลับขึ้นฐาน ได้จังหวะลงตัวบักสมกับ 2 สหายเสร็จกิจหุงหา เป็นการกินมื้อเช้าที่กร่อยลิ้นสิ้นดี ภาพน่าสังเวชปนคลื่นไส้ชวนคลื่นเหียนมันติดตา กลิ่นเนื้อเน่าตามติดจมูก คุณนงแกล้งพูดทำลายบรรยากาศที่ทุกคนคิดคล้าย ๆ กัน...
"แหม...ลืมล้างหน้าล้างตัวเลยเรา เหม็นตัวเองจะแย่"
ทุกคนหัวเราะ คู่หมั้นหันมาหลิ่วตากับผมเป็นเชิงว่า...ผู้หญิงก็งี้แหละ ผมต้องช่วยเสริม...
"เดี๋ยวช่วงเดินทาง ให้ลุงหาแหล่งน้ำให้ครับ"
พวกเราคุยกันเรียบร้อย ทำน้ำมนต์ให้อีกชุดช่วงขาลงภูและออกเดินทาง ปล่อยความเป็นตาย 3 ชีวิตอยู่ในกำมือเด็กหนุ่มร่วมคณะของพวกมัน
เราไม่ต้องการรับรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไปข้างหน้า ที่ทำให้นี้ก็ดีที่สุดเท่าที่คุณธรรมมนุษย์ร่วมโลกพึงมี
ในสงครามยามพักรบ เหล่าทหารทั้ง 2 ฝ่าย ต่างช่วยกันแบกหามร่างไร้ชีวิต ช่วยคนเจ็บทำบาดแผลดูแลให้ไม่เลือกฝั่ง ที่รบกันมาแทบเป็นแทบตาย แล้วก็แล้วกันไป...การรบเป็นวิถีของทหาร ศักดิ์ศรีของนักรบเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทหารทั้ง 2 ฝ่ายไม่ใช่ศัตรู ไม่เคยเคืองแค้นกันมาก่อนเป็นการส่วนตัว
แต่ป่าดิบตรงนี้ไม่ใช่สนามรบ มิใช่ยุทธภูมิทหารหาญ...ไอ้พรานโฉดไม่ใช่คู่ศึกของเราที่ต้องทำตามผู้บังคับบัญชา พวกมันสามารถเลี่ยงไม่เปิดศึกกับเราได้ เพราะเราก็ไม่เคยคิดหาเรื่องมัน แต่มันดันทำริยำตำบอนโดยไม่ยั้งคิด ทำเหมือนเคยโกรธแค้นกับเรามาแต่ชาติปางก่อน ใช้ยุทธวิธีสกปรกเลวทรามสุดขั้วที่คนทั่ว ๆ ไปไม่กระทำใส่กัน...
ภาษานักเลงตรงไปตรงมาว่า...เอาคืนแค่นี้ยังน้อยไป !!!
เรานอกจากไม่กระทืบซ้ำให้จมธรณี ยังมีแก่ใจยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ถือว่าหัวจิตหัวใจพวกเรามีมนุษยธรรม คุณธรรมเกินตัว !
----------------------
*** เรื่องเล่า-นักขุดกรุฯ ทุกตอน มีลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ ห้ามนำเผยแพร่ ก็อปปี้ ลอกเลียน ดัดแปลง ทำซ้ำทุกกรณีโดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายสูงสุด *** -
-
วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตรงกับวันพุธ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ อนาคะเตกาเล
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เช้าวันนี้ทำบุญกับ
>>หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย
>>หลวงปู่ณรงค์ วัฑฒโน วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย
>>วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
#เก็บบุญ
#หยอดกระปุกบุญ
-
วันพุธกลางสัปดาห์ที่การบุญ
ไม่ว่างเว้น ร่วมอนุโมทนาให้
มีความสุขปลอดทุกข์ใจ-กาย -
อริยสงฆ์ ส่งบุญด้วยกวี...
บุญร่วมชาติ...บาตรร่วมขัน
ขมีขมัน..........ขยันหยอด
กอดเกี่ยวเก็บ..เหน็บทบยอด
ทางยาวทอด...สอดสู่สรวง! -
ทานบารมีน้องสี่ขาชุมพร
===============
สมาชิกนอกเว็บร่วมบุญ
------------------
--คุณอาวุธ สันทัดกลการ.....1,000
--คุณชัยยงค์ มั่นฤทัย.........1,000
--คุณศุภชัย จันทโรจวงศ์...1,000
--คุณนันทชัย ศราทธทัต...500
--คุณไกรเดช บุนนาค......500
=====รวมยอด 4,000=====
สมาชิกกระทู้ร่วมบุญ
--------------------
--thot................1,000(เหลือ1,900)
--ทำจิตให้ว่าง.....1,000(เหลือ1,500)
--ประเวช ทันตา..1,000(เหลือ 700)
--KEnG & เพื่อน..300(เหลือ 800)
--pryfonny.........300(เหลือ400)
--MK2508.....200(เหลือ200)
--rachotp......200(เหลือ200)
--tap206.......200(เหลือ100)
--khampee....200
--nott17..........100
--White Fox.....100
--natthawut_pool.....100
--Wanwi ค่าโครงไก่...2,000
--บุญต้นน้ำ...............4,300
===รวมทุกยอด 15,000===
จัดส่งสะพานบุญเรียบร้อย ดังสลิปแนบให้ทั้งผู้มีรายนามร่วมกระทำทานบารมีเพื่อนร่วมโลกมากกว่า 200 ชีวิตและผู้ร่วมโมทนาทุกท่าน จงได้รับความสุข ความดีมีชัย ปลอดโรค ปลอดภัย ประสบแต่ความความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
-
เปิดกระทู้สนธยาตะวันรอน ความร้อนแรงแสงอาทิตย์หมดไป เป็นสัญญาณว่าได้เวลาเข้าป่ากันอีกรอบ ความสนุกที่ตั้งแต่ก้าวย่างแรกยันก้าวสุดท้าย ไปต่อกันเลย ขอเวลาจิ้มๆแก้ๆสักพักเท่านั้น จะปูเสื่อรอ หรือเล่นมื้อเย็นก่อนก็ตามสะดวก
-
สวัสดีคุณอาวันวิและแฟนคลับทุกท่าน
-
(ต่อ)...อาถรรพ์"เหล็กไหล"-ประจันหน้า'เจ้าถ้ำ'!!!
===============
ดวงดาวเข้ามาเสริมเป็นลูกมือ ช่วยในพิธีทำน้ำมนต์ถอดถอนของ...
อุปกรณ์สำคัญที่จอมขมังเวทย์ใช้เป็นที่พึ่งขาดไม่ได้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า "ทันตธาตุ" ที่แก้ห่ออัญเชิญลงสรงนัำอย่างนอบน้อม ฟันซี่สีขาวแก้วเหลือบประกายลอยบนผิวน้ำให้เห็นเป็นบุญตาอีกครั้ง แต่ยังไม่กระทำทักษิณาวรรตลอยวนเวียนขวา
ที่เพิ่มขึ้นให้แปลกใจคือการขอองค์อสุรินทราราหูจากคุณนงมาประกอบพิธี แต่เอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ก่อน
"เมื่อคืนเราทำไว้ 'กัน'...เช้านี้ทำ "แก้" แม่ไม้แต่ละบทไม่เหมือนกัน บทแก้ไขเปลืองแรงเพิ่มขึ้นหน่อย"!
อาจารย์พูดให้เห็นภาพราวกับนักมวยบนเวที ยามออกอาวุธพิชิตคู่ต่อกรใช้แม่ไม้อย่างหนึ่ง ตอนตั้งรับมิให้พลาดพลั้งก็มีอีกแบบ ครบเครื่อง "แก้-กัน" ทุกลูก สมกับที่ร่ำเรียนแม่ไม้ระดับครู!
หยิบหนังสือมนตราเล่มใหญ่ให้ผม เปิดไปหน้าต้องการ แล้วใช้วิชาเดิม ๆ...ผมอ่านนำ ดวงดาวร่ายตามด้วยสำเนียงมนต์เสนาะ
ผมกระแอมในลำคอให้เส้นเสียงลูกกระเดือกโล่ง อาจารย์จุดเทียนเตรียมหยดลงขันน้ำมนต์ตามการร่ายโองการพระคาถาสยบวิชามาร
'ตั้ง นะโม 3 จบ...ดวง"
สิ้นเสียง "นะโม' จบสุดท้ายผมก็อ่านพระคาถานำทางให้อดีตเณรน้อย น้ำตาเทียนหยดย้อยลงขันน้ำมนต์แผ่เป็นก้อนเป็นดอกดวง ถ้าพวกบ้าหวยมาเห็น คงตีเป็นตัวเลขอุตลุด
***นะโมเม สุขขะโต
นะโมเม โสปัตติ
นะโม สุคะโต โหติ อะสัญญตา จะ สัมภะวา
ปัจจุปันนา ปัญจะพุทธา เสติ
นะโม สุคะโต จะ อนาคะตา นะมามิหัง
สัพเพ เทวา ยักขา เปตา ภูตา ปะริตา ปะโรคะตา อัคคะเน วา ชาเมตะยะมัง มนุสสานัง
((ถึงท่อนนี้ อาจารย์เลิศหยิบองค์ราหูออกมาวนในน้ำตาม 'ทันตธาตุ' ที่กำลังลอยเอื่อย ๆ วนขวา))
สัพเพ โกทะวิทา วินาสสันติ ทะสา ตันจะปิยัง มุกขัง มุคคะปัตโต เอหิ สะเนโท สะเนทา สะเนหา สะเนโห จะ
สัพเพ ชินะมาเร ปะราชะยา ชายะ มะหาโภโค มะหาโทโส พายะสะเต กัมเมนะ วินาสสันติ!***
เสนาะสำเนียงร่ายก้องภูจากลูกคออดีตเณรน้อย ดั่งลำนำกาพย์กลอนไพเราะลึกซึ้ง ส่งผมจมดิ่งเข้าสู่ภวังค์จิต เส้นผมแถวท้ายทอยลุกซู่น้อย ๆ หลายครั้ง พลังพระมหาคาถาถอดถอนของนี้ แรงกล้าเหลือร้ายแม้ยักษาขมูขี ปิศาจมารเรืองฤทธิ์ก็มิอาจอยู่ติด ต้องร้อนรนเตลิดหนี
จอมขมังเวทย์ จุ่มเทียนลงในน้ำมนต์เมื่อคำ..."วินาสสันติ" ถูกเปล่งจากปากดวงดาวเป็นคำสุดท้าย จับสายเชือกวนองค์ราหูอีกรอบ ยกท่านจบเหนือหัวส่งคืนคุณนง หยิบ 'ทันตธาตุ' บรรจงเก็บเข้าห่อ
"อันที่จริงใช้อีกบทสั้นกว่า เป็นบทถอนโบสถ์ ถอนเสมา แต่อาจารย์เห็นว่าของที่มันส่งมา เราส่งกลับแรงเกินไป ใช้บทนี้แก้ เหมือนจัดยาถูกกับโรค"
น้ำมนต์ขันนี้ทำไว้เยอะ อาจารย์บอกตัองมากเพราะพวกมัน 3 คน ต้องพึ่งวิธีทั้งกินและอาบ กินไม่เท่าไหร่ แต่การ 'อาบ' สิ้นเปลือง ต้องใช้น้ำมนต์ครึ่งแก้วผสมใส่น้ำสำหรับอาบไม่เกิน 3 ขัน เคล็ดสำคัญคือ...ห้ามเทน้ำใส่น้ำมนต์เป็นอันขาด!
สำหรับการกินน้ำมนต์ กินได้ตลอดและทุกครั้งที่สำรอกของออกมา จอมขมังเวทย์ยืนยัน...ถ้าของไม่ทำลายอวัยวะภายในเสียหายมาก อีก 2 - 3 วันก็ประคองตัวเดินทาง กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้
ทุกประการนั้น อาจารย์เลิศสอนเจ้าหนุ่มนิรนามละเอียดละออ สั่งห้ามแตะต้องของที่หลุดออกมาด้วยมือเปล่า ใช้ไม้แหลมแทงเขี่ยเข้ากองไฟทำลายโดยเร็ว!
(((ยังมีต่อ))) -
ได้แวะรับพระที่บริษัทมาแล้วค่ะ
มี 2 ซองเลย แอบร้องเอ๊ยยยย ในใจเบาๆ
พอดูหลังซองจึงอ่ออออออออ
เคยร่วมบุญหนึ่งไปเมื่อราวๆเดือนก่อน
แล้วเจ้าภาพเค้าจับฉลากโดยนำชื่อผู้ร่วมบุญมาจับ
จึงได้เหรียญที่ระลึกบาหลี(มังกร3ประเทศ)
และพระสมเด็จไม้ของหลวงพ่อหนุน สุวิชโย มาเป็นที่ระลึก
ได้เวลาไปอุดหนุนร้านเลี่ยมพระอีกครั้ง ^__^ -
(ต่อ)...เหล็กไหลฯ
============
ก่อนเที่ยงหนึ่งชั่วโมงเศษ พวกเราจัดข้าวของ ยกขบวนลงตีนเขาพราน แคมป์ล่าสัตว์เน่าเหม็นกลุ่มพรานโหด เหลือร่างพรานหมอผีใจโฉดนอนอยู่คนเดียว อีก 2 คนถูกประคองขึ้นไปนอนลานตระพักล่างเรียบรัอย
"แบกไม่ไหวแล้วครับ...นาย"
เจ้าหนุ่มนิรนามใจงาม แถมทรหดเกินวัยสารภาพ ทำเอาหัวหน้าทีมอดรนทนไม่ไหว ออกลูกเห็นใจเหมือนคุณชาติกับผม บอกให้ช่วยขนของบนเปลลงก่อน วานมะมอญแกร่งยกร่างหมอผีสิ้นฤทธิ์นอนเปลหิ้วขึ้นภูไปกับเจ้าหนุ่ม
ถือซะว่าทำบุญครั้งสุดท้าย ตามที่อาจารย์เลิศเปรยก่อนลงมาช่วยพวกนี้ว่า...
"มันตายไป เราก็บาปหนัก ต้องทำบุญไม่รู้กี่สิบวัด ช่วย ๆ ให้มันประคองเอาตัวรอดไปก็แล้วกัน"!
ผมหยิบปืนยาว 3 กระบอกของนักล่าไร้จรรยาบรรณ แบกวางข้างซอกหินให้เจ้าหนุ่ม สอนวิธีบรรจุกระสุน เอาลูกออก ส่วนวิธียิงไม่ต้องสอนมาก แค่ยกขึ้นประทับบ่าให้กระชับ เหนี่ยวไกช้า ๆ ไปที่เป้าหมาย เดี๋ยวก็โดนเอง เพราะเป็นลูกดาวกระจาย ต่อให้ตาถั่วก็ยิงโดนถ้าปืนมีลูก...
"ยิงป้องกันตัวหรือเท่าที่จำเป็นนะโว้ย..อย่ายิงสัตว์มั่ว"
ผมเตือนขณะส่งปืนลูกซองห้านัดให้...เจ้าหนุ่มบอกว่ากระบอกนี้เป็นของหัวหน้าทีม
แค่นั้นไม่พอ เรายังสำรวจเสบียงที่เหลือของพรานโฉด แล้วยกข้าวสารอาหารแห้งบางส่วนให้ไว้ต่อชีวิต บทมนุษยธรรมช่วยมนุษย์โฉดเพราะชอบในพฤติกรรมลูกผู้ชายที่แท้ของคน ๆ เดียว ทำเอาพวกเราเปลืองเวลาจนถึงเที่ยง
ไม่มีอะไรทำพวกเราเปลี่ยนใจ โดยเฉพาะลุงพราน เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อย ก็ให้สัญญาณเคลื่อนขบวนเดินหน้า เจ้าหนุ่มนิรนามวิ่งลงมาไหว้ส่งพวกเราที่ตีนเขาพราน สีหน้าเศร้าสร้อย มันคงใจหายวูบลงอยู่ปลายตีน ต่อไปเหลือตัวคนเดียว ต้องสู้เพื่อพา 3 ชีวิตรอด ถ้าจะเปรียบเปรยว่าให้มันเข็นครกขึ้นภูเขาพรานก็ยังจะเบากว่างานโหดหินที่กำลังเผชิญหน้า
"โชคดีไอ้น้อง แกเป็นคนดีมาก...ทุกอย่างต้องเรียบร้อย แกเอาตัวรอดได้แน่ เทวาป่าเขาปกปักรักษา"...!
พวกเราล้วนพูดให้กำลังใจทำนองนี้ เมื่อขบวนทรหดเคลื่อนเข้าหาแนวป่าไม้รกใกล้จะบดบัง ผมหันมองอีกครั้ง เจ้าหนุ่มใจงามยังคงโบกมือให้หยอย ๆอย่างเดียวดาย
สลัดความฟุ้งซ่านทิ้ง ผมหันมาจดจ่อภาระตรงหน้า ทุกย่างก้าวข้างหน้าต่อจากนี้ คือการนับถอยหลังเพื่อลาจากนางในดวงใจ อาจเหลือเวลาครึ่งวัน ค่อนวัน หรืออีกสักวัน ก็หามีความหมาย ในที่สุด..ก้าวอำลาก้าวสุดท้ายย่อมมาถึงอยู่ดี!
ผมคลำองค์ปู่ตรงหน้าอกกระเป๋าเบื้องซ้าย ภาวนาขอท่านในสิ่งที่ไม่เคยขอ โปรดเมตตาดลบันดาลยืดเวลาออกอีกสักวันสองวันสำหรับการอำลา อย่างน้อยให้กระจ่างใจว่า อาจารย์เลิศพบเจอแนวทางแก้ไข "ลิขิตสวรรค์" หรือไม่ ?
ความยุ่งขิงที่โถมเข้ามาทั้งคืนทำให้อาจารย์กับผมลืมคุยกันเรื่องนี้ และตอนนี้อาจารย์ก็เดินห่างออกไป มีคุณชาติกับคุณนงเข้ามาคั่นตรงหน้าแทน เพื่อให้ผมเป็นพี่เลี้ยงหนุ่มคู่หมั้น
ระยะเวลาจากเขาพรานถึงเหมือง หากคิดขามาเดินเกือบค่อนวัน ขาล่องนี้ลุงพรานไม่เดินทับเส้นทางเดิม แต่อยู่ในแนวทิศเดิมไม่ผกผัน ก็ควรใช้เวลาสูสีกัน...
นั่นหมายถึง มีโอกาสสูงที่คืนนี้เราต้องค้างอ้างแรมที่จุดพักเหมาะ ๆ ตรงไหนสักแห่ง...ชั่วโมงต่อมา ลุงพรานก็โบกมือมาจากหัวแถวให้สัญญาณหยุด...
ลุงพามาเจอธารน้ำไหลแรง ขวางหน้า ความกว้างแค่ 8 - 10 เมตร แต่กระแสน้ำเชี่ยวกรากรุนแรงแปลกตา มันเหมือนแก่งที่นักล่องแก่งฝีมือดีชอบนักหนากับการท้าทายเอาชนะธรรมชาติโหดตรงหน้า แต่ไม่ใช่พวกเราซึ่งต้องหาทางข้ามมันไป
ริมน้ำไม่มีหาดหรือที่ตื้น เพราะมันถูกน้ำกระแทกเป็นตลิ่งหน้าตัด ผมเดินเลาะจนพบตลิ่งไม่สูงมากพอหย่อนตัวได้ ใช้ความยาวเอาขายาวหย่อนแหย่ น้ำกระแทกเกือบปลิวตามมันไป ดีที่ไม่ประมาทให้บักสมกับเจ้ามะดึงแขนทั้งสองข้างไว้ก่อน
"ไม่มีจุดข้ามปลอดภัยเลยลุง...เอาไงดี?"
ลุงพรานว่าถ้าล่องตามน้ำไปเรื่อย ๆ อาจหลุดเส้นทางที่แกกับมะเห็นพ้องกันว่า นี่คือเส้นกลับเหมืองที่ใช่...แต่ต้องข้ามน้ำ!
"ตั้งแคมป์มันสักคืน แถวนี้ก็ไม่เลวนาลุง..ดูท่า 'จารย์จะเหนื่อย เดินทางเช้าพรุ่งนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร"...
ไอเดียแจ่มโดนใจผมที่สุด หลุดจากปากหัวหน้าคณะ ส่วนญาติผู้น้องก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นดี
สาวงามหนึ่งเดียวไม่ต้องพูด...เห็นน้ำแม้จะไม่ค่อยชวนอาบเท่าใดนัก ก็ยังแย้มยิ้มแทบจะเห็นไรฟัน...!
------------------------
*** เรื่องเล่า-นักขุดกรุฯ ทุกตอนมีลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ ห้ามนำเผยแพร่ ก็อปปี้ ลอกเลียน ดัดแปลงทำซ้ำทุกกรณีโดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายสูงสุด ***
หน้า 3392 ของ 3981