พอดีวันก่อนเดินผ่านคอนโดสี่พระยาริเวอร์วิว ที่เพิ่งมีข่าวไฟไหม้แล้วมีคนตายไม่นานมานี้ แล้วทีนี้ตอนเดินผ่านเราก็นึกถึงข่าวนี้ได้พอดี ก็เลยนึกในใจว่าขอให้วิญญาณที่เสียชีวิตที่คอนโดนี้ได้อนุโมทนาบุญข้าพเจ้าที่ได้ทำ(อาทิ ฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม) ระหว่างที่นึกอยู่นั้นเดินไปนึกไป แล้วอยู่ๆก็รู้สึกขนลุกตลอดเวลาที่กำลังนึกอยู่ แม้ว่าจะเดินผ่านตัวคอนโดไปแล้ว พอนึกเสร็จอาการขนลุกก็ค่อยๆหายไปค่ะ
เวลานึกแผ่บญแล้วขนลุกนี่แปลว่าถึงแล้วใช่มั้ยคะ
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย dokapon, 7 กรกฎาคม 2008.
หน้า 1 ของ 2
-
ผมก็เป็นครับเวลาสวดมนต์อยู่ในห้องพระที่บ้าน พอสวดเสร็จก็แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรผมจะขนลุกซู่ทุกครั้ง
-
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ดีเเล้วครับ เป็นนิมิตหมายที่ดี ทําดีต่อไปครับท่าน
-
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากท่านที่โมทนาแสดงให้รู้ เพื่อยืนยันการทำดีให้เป็นกำลังใจต่อไปค่ะ โมทนาบุญด้วยจ้า
-
จริงหรอคะ ดิฉันเป็นแบบว่า ขนลุกอย่างแรงค่ะ ทั้งตัวเลย เวลาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลอยู่ค่ะ
อนุโมทนาค่ะ -
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
เมื่อคืนผมเเผ่เสร็จก็ลุกครับ เเต่ลุกเเนวกลัวผีมากกว่า ไม่รู้สิ เหมือนมีคนมองเราอยู่ ไม่รู้คิดไปเองเปล่า อาการเดียวกับพี่ครับ เเต่เป็นตอนที่จะเอานํ้าที่กรวดไปเทหลังบ้านครับ
-
พระ อ.หนุน วัดพุทธโมกข์ จ.สกลนคร บอกว่าถ้ามีอาการขนลุกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆวิ่งผ่าน ถ้าลงมาทางศีรษะ พระท่านมาเมตตาโปรด ถ้าทางไหล่ขวาพระอินทร์ ถ้าทางไหล่ซ้าย เทพเทวา ถ้าต่ำกว่าเอวลงมา เป็นสัมภเวสี วิญญาณต่างๆ เขามารับส่วนบุญ
-
น่าจะเป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่ง
กระแสเย็นๆเป็นกระแสระดับสูง ยิ่งเย็นมากๆก็เป็นพระท่านเมตตาเย็นน้อยก็เทพพรหมเทวา
หากหนักๆเจ็บๆเป็นภพภูมิชั้นต่ำ -
อนุโมทนาสาธุค่ะ
เป็นเหมือนกันค่ะโดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิ
ตอนสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกและตอนแผ่เมตตาค่ะ;13 -
เวลาอาตมาสวดกรวดน้ำหรือแผ่เมตาจะเป็นแบบนี้ตลอด
แผ่เมตาเสร็จหรือกรวดน้ำเสร็จทีไรจะรู้สึกร่างกายอ่อนเพลียและเนื่อยบางครั้งจนเกือบเป็นไข้
เล่นขอกันเยอะจนเราจะรับไม่ไหว มึนเลย
บางครั้งก้มาขอเองแบบทำให้เราขนลุก
แต่ก็แผ่ให้และกรวดน้ำให้ มากันทุกวัน เนื่อยจริงๆ กะเอาให้หมดเลย
มาทีเราก็แย่ที
มากันทุกวัน ไม่หยุดบ้างเลย
เหนื่อยๆ ใครเจออย่างอาตมาบ้างไหมนี่ลักษณะแบบนี้ -
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
กราบนมัสการครับหลวงพี่พระชยภัทร ดีใจจังที่มีพระมาเล่น ชอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับหลวงพี่
-
เจอค่ะหลวงพี่ แต่ก่อนก็น่ะ พอทำบุญเสร็จ ไม่ว่าเวลาสวดมนต์ก็จะสวดมนต์เสียงดังๆ แผ่เมตตาเสียงดังๆ ขนาดระหว่างเดินทางไปต่างจังหวัดก็จะแผ่เมตตาไปทั้ว รุมกันเหมือนมีคอนเสริ์ตเลยค่ะ รถงี้สั่นเลยโดนโถมเข้ามา เหนื่อยเหมือนกันค่ะหลวงพี่ ถึงปลายทางสลบเหมือด นอนแผ่เลยค่ะ:z13บางครั้งถึงกับต้องพยายามกำหนดจิต ไม่รับรู้ความทรมานของกาย แต่เหนื่อยสุดๆ
ต่อมาก็ได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านก็มาติติงเราให้เกิดปัญญา "..ใครเค้าใช้กำลังตัวเอง..ให้ใช้บารมีพระ.." แม้กระทั้งการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อท่านยังใช้บารมีพระ แล้วเราไปลูกจะไปเก่งกว่าพ่อได้ยังไง ก็เลยใช้วิธี
1. กำหนดจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย บารมีของพระให้อาบในจิต
เป็น พุทธานุสติ กราบครั้งที่ 1 พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ กำหนดจิตเป็น พระบาทพระพุทธเจ้ากราบแทบบาท
ธัมมานุสติ กราบครั้งที่ 2 พระธรรมคำสั่งสอน กำหนดจิตเป็น มะลิแก้วไหลลงมาตั้งแต่ศรีษะท่วมตัว
สังฆานุสติ กราบครั้งที่ 3 พระอริยะสงฆ์ กำหนดจิตกราบพระอริยะ ทุกพระองค์
2. อาราธนากรรมฐานทุกวัน พิจารณาถึงพรหมวิหาร 4 จนใจมันสบ๊ายสบาย เบาใจจริงหล่ะ
3. แล้วจึงแผ่เมตตา
ตอนนี้สบายแล้วค่ะ แผ่เท่าไหร่ก็ไม่หมดไม่เหนื่อย แผ่เมตตาได้ตลอดทั้งวัน สบย.ค่ะสบาย ลองทำกันดูนะคะลองดู -
อุตสาห์บอกวิธีให้ อาตมาเองเพิ่งบวชได้พรรษาเดียว ตอนนี้เข้าพรรษา 2
มาเป้นตอนช่วงต้นปีนี้เพราะตอนนั้นเป็นช้วงเริ่มงานถวายพระบรมสารีริกธาตุยังวัดต่างๆ หลังจากนั้นเป้นต้นมา
มาขอบุญกันตลอด ดี ดี ให้เขาหมดเลย จะได้สบายกันบ้างสงสารเขาเพราะถ้าเขามาขอเรา เราก้ควรให้ น้อยคนนักจะเจอเเบบนี้ คิดเสียว่ามีคน(เรียกว่าคนแล้วกันเพราะมีหลายอย่าง)มาให้เราทำบุญโดยการแผ่เมตตาให้
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ -
ฮือฮือ..นิมิตหมายที่ดี ผมไม่เคยเป็นอ่ะครับ หรือว่าวอกแวกเกินไปบุญเลยไปไม่ถึงเค้า เค้าเลยโมทนาให้ไม่ได้ครับ หรือว่าโมทนาแล้วแต่ผมไม่รู้เองครับ โมทนาครับ
-
มีใครเหมือนผมไหม......
เคยไปปฏิบัติธรรมในวัดแห่งหนึ่ง.....นั่งสมาธิเสร็จแล้ว
มองเห็นศาลาใกล้ๆ เขามีงานศพอยู่ ก็นึกแผ่เมตตาให้คนตาย
สักพักหนึ่ง กลิ่นเหม็นเน่าแห้งๆ มาให้ได้กลิ่นใกล้ๆตัว พักหนึ่งก็หายไป
เขาคงไม่มีเจตนามาให้หวาดกลัวอะไรหรอกครับ
คงแสดงได้แค่นั้น ตามกำลังจิตและภพภูมิของเขา -
วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ของผมจะขนลุกตอนที่เอานํ้าที่กรวดไปเทที่หลังบ้านครับ คือหลังเที่ยงคืนนะครับ ช่วงนี้เป็นมาสามวันได้เเล้ว หรือเพราะจิตมันกลัวผีก็ไม่รู้ เเต่ธรรมดาเดี๋ยวนี้ ผมเลิกกลัวผีไปเเล้วนะครับ เเต่ทําไมสามวันนี้ เอาไปเททีไร ขนลุกก็ไม่ทราบ คือใจผมคิดว่า ยังไงสิ่งที่เรากรวดนํ้าไปต้องถึงเเน่นอน ไม่รู้เป็นจากอาการกลัวผี หรือเขามาโมทนาบุญก็ไม่รู้ อ้อ เเต่ตอนสวดไม่เป็นนะครับ เป็นเเค่ตอนออกไปเท เเนะด้วยครับ ผู้รู้ ขอบคุณมากครับ อ้อ เเต่ทําทีไร รู้สึกดีทุกทีเลยครับ อยากให้พี่ๆน้องๆในนี้มาร่วมกรวดนํ้าให้เจ้ากรรมนายเวร เเละคนอื่นๆที่เกี่ยวพันกับเราก่อนนอนครับ มันดีมากๆเลยนะจะบอกให้
-
การแผ่เมตตาแล้วขนลุกนั่นเป็นปีติเป็นเพียงสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง เราไม่ควรไปยึดติดกับมัน ควรกำหนด สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นนั่น ครับ เดี๋ยวก็จะรู้ว่า ปิติมันเกิดขึ้นอยู่ไม่นานมันก็หายไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
-
อาตมาเองก็เคยไปถวายพระบรมสารีริกธาตุให้กับวัด วัดนึงในจังกำแพงเพชรและในวันนั้นก็ขอจำวัดนะที่วัดแห่งนี้ ช่วงเย็นอาตมาก็ทำวัตรสวดมนต์และนั่งกรรมฐานหลังจากออกกรรมฐานก็กรวดน้ำและแผ่เมตตาให้กับสัมภเวสีภายในวัด
คืนนั้นอาตมาจำวัดและได้ฝันว่า มีคนมากมาย คือ เยอะมากๆๆหลายร้อยคนเลยทีเดียว มีผู้คนร้องไห้และหัวเราะกันมาก จนอาตมาเองก็งงว่าทำไมบางคนเขาหัวเราะและทำไมบางคนเขาร้องไห้ จนกระทั่งมีชายชุดขาวท่านนึงเดินผ่านอาตมา ด้วยความสงสัยอาตมาจึงถามเขาไปว่าทำไมเขาจึงร้องไห้กันและทำไมอีกกลุ่มนึงจึงหัวเราะกัน
คำตอบที่อาตมาได้รับจากชายชุดขาว เขาบอกว่า คนที่ร้องไห้นั้นเขาดีใจมากที่มีคนมากรวดน้ำแผ่เมตตาให้เขาเหล่านั้นทั้งหลายรอมานานเพราะไม่เคยมีใครกรวดน้ำไปให้ และ คนที่หัวเราะนั้นเขาก็ดีใจเช่นกันแต่ไม่ดีใจมากเท่ากับคนที่ร้องไห้เพราะเขายังได้รับบุญจากญาติพี่น้องที่ส่งมาให้ หลังจากนั้นอาตมาก็ตื่นขึ้น....
ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาตมาเองอุปทานไปเองหรือเปล่า
แต่ในการฝันครั้งนี้อาตมาก็ปิติใจที่เขายังมาบอกว่าเขาได้รับบุญ(อาตมาเองคิดว่าจริงแต่ว่ายังไม่ค่อยแน่ใจ) -
-
บุญพระกรรมฐาน….ช่วยคนตาย โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เมื่อปี 2504 อาตมาไปเทศน์ที่อำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท มีตาอะไรหรือ อีตานี่เมื่อก่อนมาอยู่กรุงเทพ ขึ้นไปเฝ้าแกก็มาเฝ้าอยู่ตลอด ถ้ายังไม่กลับมาเพียงใดแกก็ไม่กลับบ้านให้ลูกสาวเอาข้าวต้มถวายเช้า ตอนเพลเอาข้าวสวยมาถวายตัวแกเองต้องมาอยู่ตลอดเวลา
พอแกตายไปแล้ว ลูกสาวก็มาหาที่กรุงเทพ บอกว่าอยากจะทำศพพ่อและบวชน้องชายในวันเดียวกัน อยากจะให้หลวงน้าเป็นประธาน ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าเป็นประธานก็ได้ แต่ว่า แต่ว่าถ้างานเองจะมีบาปแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้นะ แม้แต่ไข่ลูกหนึ่งก็ห้ามทุบ ถึงเขาบอกว่าไข่ไม่มีตัวก็ไม่ได้ ใจมันไม่สบาย<O:p</O:p
ประการที่ 2 เวลาจัดงานศพ ควรตั้งคนรับรองแขกให้แทนตัวเอง ใจจะได้ไม่กังวล เวลาพระให้ศีลต้องรับศีลให้จบและตั้งใจรับศีลด้วยความเคารพ เวลาถวายทานด้วยความเคารพ เวลาถวายทานก็เหมือนกันให้ตั้งใจถวายด้วยความเคารพ เวลาพระเทศน์ด้วยความเคารพ และอย่าให้มีสุรายาเมาเข้ามาเจือปน<O:p</O:p
ประการที่ 3 มหรสพอย่ามีแม้แต่ปี่พาทย์ จงอย่าปี่พาทย์กลองยาว มันกินเหล้ากัน<O:p</O:p
แกก็เอาตามนั้นจริงๆ งานเรียบร้อย ตอนเช้าบวชน้องชาย ตอนสายก็ชักศพขึ้นศาลา ตอนเพลเลี้ยงพระตั้ง 30 กว่าองค์ มันเลยสังฆทานไปแล้ว แล้วก็เป็นสังฆทานเต็มอัตราถวายผ้าสบง ผ้าไตรจีวร เขาให้ประธานเทศน์ด้วย แต่ว่าเทศน์ 2 องค์ กับเจ้าคุณภาวนาภิรามเถระ
เจ้าคุณภาวนานี้แกเป็นคนพูดยาว พอเราว่าอารัมภบทไปแล้ว 10 นาที แกไปว่าเดินเรื่องต่อเกือบชั่งโมง และเราก็รำคาญ ความจริงไม่รำคาญอยากว่าก็ว่าไป เวลาเขาว่าไปเราทำใจให้สบาย จิตเป็นสมาธิ ก็เลยนึกถึงขึ้นได้ตากิ่ม เอ๊ะ ตากิ่มมันไปไหน มองแล้วไม่เห็นมา มองดูรอบๆ พวกผีเปรตมายืนเต็มรอบศาลาไปหมดเป็นแสน
เราสงสัย ตากิ่ม จะเป็นอันตราย ปกติเรามาแกทำบุญเต็มอัตรา มาเฝ้าอยู่ตลอด อาหารก็ถวายเช้าถวายเพล เหล้ายาปลาปิ้งแกก็ไม่กินกัน เราไม่รู้อดีตของแกปัจจุบันเขาดี แกก็ดีมาประมาณ 10 ปี ไม่ใช่เบาหรอกไม่ย้อนถามประวัติเก่าน่าดูเรียกว่าโจรกลับใจก็แล้วกัน ทีนี้ยังมองดูไม่เห็น องค์นั้นก็ยังเทศน์ไม่จบ
ก็นึกถึง ท้าวมหาราช ถามว่า
เวลานี้นายกิ่มอยู่ที่ไหน ถ้าอยู่ในช่วงเสวยทุกขเวทนาอยู่ ขออนุญาตครู่หนึ่ง เวลานี้เขาทำบุญใหญ่ให้นำมา
ถ้าไปเรียกเขาเฉยๆ ไม่ได้ เราไม่มีสิทธิ์เลย ท้าวมหาราชเลยใช้ลูกน้อง 2 คนไปบอกเจ้าหน้าที่แล้วจึงนำมา ตอนนำมาแกไม่ได้เดินมา จูงโซ่สองข้างคนละเส้น นายกิ่มมากลางหน้าตาเศร้ามีความทุกข์ มานั่งข้างธรรมาสน์ เรียกอย่างไรก็ไม่เงย นั่งเฉย
จึงถามคนที่คุมมาสองคนว่า ทำไมเป็นอย่างนี้...?<O:p</O:p
เขาบอกว่า กรรมมันหนักครับ<O:p</O:p
ถามว่า คนนี้เขาตัดสินแล้วหรือยังล่ะ..?<O:p</O:p
ยังครับ ยังรอการตัดสินอยู่<O:p</O:p
ถ้าตัดสินแล้วเราไม่มีสิทธิเหมือนกัน ถ้าลงขุมไปแล้วไม่มีสิทธิ รอการตัดสินน่ะในเมืองนั้น 50 ปีของเราเป็น 1 วันของเขา แกตายไปไม่นานที่จะตัดสิน เดิมแกชั่วจริง แต่ปลายมือแกดี ชั่วกับดีมันก้ำกึ่งกัน จะลงนรกเลยทีเดียวหรือขึ้นสวรรค์ทีเดียวไม่ได้ ต้องสอบสวนก่อน<O:p</O:p
ไอ้สองคนมาถามว่า วันนี้ลูกสาวทำอะไรบ้าง..?<O:p</O:p
ก็เลยบอกว่า วันนี้บวชลูกชาย ถวายสังฆทาน เลี้ยงพระ บังสุกุลเสร็จเรียบร้อย บุญใหญ่ทั้งหมด ทำไมจึงโมทนาด้วยไม่ได้<O:p</O:p
เขาก็ตอบว่า ไม่มีสิทธิ์โมทนา กรรมหนัก<O:p</O:p
จึงถามเขาว่า บุญอะไรล่ะเขาถึงช่วยเขาถึงจะได้..?<O:p</O:p
เขาชี้มาที่ฉัน เขาบอกว่า บุญกรรมฐานของท่านช่วยได้ งั้นดีเลย ไม่ต้องลงทุน<O:p</O:p
ถามว่า บุญที่เขาทำมาก่อนกับบุญเวลานี้จะรวมตัวหรือไม่..?<O:p</O:p
เขาตอบว่า รวมตัวครับ<O:p</O:p
ก็เลยตั้งใจอธิฐานว่า<O:p</O:p
เอ้า..นายกิ่มตั้งใจฟัง บุญใดที่ฉันเคยบำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ผลบุญทั้งหมดที่ฉันทำมา จะให้ประโยชน์แก่ฉันเพียงใด ขอเอจงโมทนารับผลบุญเช่นเดียวกับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป<O:p</O:p
พอเท่านี้โซ่หลุดเลย ไม่ได้ปลด โซ่มันหลุดเองคลายจากคอเลย แกก้มลงกราบ พอกราบครั้งที่ 3 ลุกขึ้นมาสวยอร่ามเป็นเทวดา มีความสวยผิดปกติ เพราะบุญที่ลุกทำกับบุญเก่าอันก่อน มันเข้ามารวมกัน พอได้บุญอย่างใดอย่างหนึ่ง บุญก็เขามารวมกันหมด<O:p</O:p
แล้วอีตา 2 คนเห็นตากิ่มสบาย ก็บอกว่า
ท่านครับผมอยากได้เหมือนกัน
เอ้า..แกเป็นผู้คุมเขานี่หว่า แก่สบายแล้ว
ผมไม่สบายหรอกครับ ต้องทำงานไม่มีวันหยุด เหน็ดเหนื่อยเรื่อยๆ
พระยายมไม่เล่นงานข้าหรือ..?
เขาตอบ ไม่หรอกครับ ผมมีสิทธิ์ครับ
ถ้ามีสิทธิก็เอา ตั้งใจอนุโมทนา แกก็เป็นเทวดาบ้างอาตมาไม่ลงทุนอะไร ก็ตั้งจิตอธิฐานแบบเดียวกันกับที่ให้นายกิ่ม ผลที่สุดตากิ่มแกก็ปจับลูก ทักคนโน้นคนนี้ จับคอเขย่าไม่มีใครเหลียวดูหรอก แกเป็นผีจับเขาไม่รู้เรื่อง
นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าจะทำบุญให้แก่คนตาย อันนี้มีประโยชน์มาก ประโยชน์ที่
จะได้แก่คนตายก็หมายถึงว่า ประโยชน์นั้นมันจะต้องถึงเราก่อนไม่ใช่คนตายจะมีโอกาสมาโมทนาเฉยๆ เราต้องเป็นผู้ให้เขาจึงจะได้รับ นี่แหละเรื่องของบุญ<O:p</O:p
โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
จากหนังสือ การหนังอุทิศส่วนกุศล
หน้า 1 ของ 2