เส้นทางนักแสวงหาพระสมเด็จ

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย phak622, 7 กรกฎาคม 2012.

  1. ตั้งใจธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +483
    ขอบคุณครับ ทำให้เรียนรู้เพิ่มเติมครับ ไม่เคยท้อครับ เพราะเจ็บกับพระสมเด็จมาเยอะ ประสบการณ์ข้อผิดพลาดทำให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ทำให้เราโง่กว่าเดิมครับ ขอบคุณครับที่นำตัวอย่างมาให้ชมครับ
     
  2. kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    น่าๆเจ็บอีกนิดเดียวก็ถึงฝั่งแล้ว ทนๆไปหน่อยเนอะ.......
     
  3. su เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +112
    ได้รับความรู้อะไร หลายๆๆ อย่างขอบคุณพี่ๆๆ ทุกคนเลย
     
  4. ตั้งใจธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +483
    ขอบคุณครับคุณkiatti1234 กว่าจะหาฝั่งเจอคงพายเรือวนอีกสักพักครับ กำลังพาฝั่งจอดอยู่ เดี๋ยวว่างๆ ผมจะลงรูปพระให้พิจารณาขอคำแนะนำด้วยนะครับ....
     
  5. phak622 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +402
    ระวัง! คุณอาจจะชอบความสวยงามของพระเก๊ จนคุณพูดว่าไม่เป็นไรหรอกเก๊ก็เอา. อันนี้ไม่ใช่หลงทางแต่เท่ากับเรือล่มจมอยู่กลางน้ำ.
     
  6. Tonypwm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +87
    ต้องขอขอบคุณเจ้าของพระครับ ผมขออนุญาตนำรูปมาลงเพื่อศึกษา
    เนื้อโซนวัดระฆังครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      448
    • 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      464
    • 2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      312
  7. Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    เรื่องของอายุ และการเก็บ การใช้งานนั้นมีหลากหลาย ทำให้ลักษณะผิวและเนื้อออกมาต่างกัน แต่มวลสารสำคัญนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ในที่สุดก็มีคนพูดเรื่องนี้เม็ดเขียว เม็ดฟ้า ก้อนฟ้านี่ขึ้นมา (คุณ phak เองก็น่าจะมีความเข้าใจในมวลสารตัวนี้ไปในแนวทางเดียวกับผม)

    มวลสารนี้เซียนใช้เป็นจุดตายจุดหนึ่งในการชี้ขาด ... ตีกัน พระออกนอกกรอบ

    ในทัศนะของผม อยากแนะนำในเพื่อนๆ ลองศึกษาดูเจ้ามวลสารนี้ให้มากๆ แล้วท่านจะพบคำตอบในรายละเอียดของมวลสารตัวนี้

    ไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่มีมวลสารนี้แล้วจะเก๊ไปซะหมดนะครับ แต่ถ้ามีเจ้ามวลสารนี้ และอื่นๆครบละก็มั่นใจได้แน่นอน เพราะมวลสารนี้ .....

    ปลอมไม่ได้



    ขอ comment เพียงแค่นี้แต่จะติดตามอ่านและร่วมศึกษาไปเรื่อยๆครับ
     
  8. อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    อยากเห็นตัวอย่างสมเด็จของเล่นสวย ๆ
    ที่เขาบอกว่าเหมือนสุด ๆมีรอยย่น หรือองค์ประกอบครบ
    แบบหลอกขายได้เป็นล้านครับ
    เพื่อเป็นวิทยาทาน ใครหาได้ โปรดแบ่งปันให้ชมด้วยครับ
     
  9. phak622 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +402
    มันเป็นเรื่องของขบวนการครับ

    1.A ,B ,C ,D ทั้งหมดคือผู้ร่วมขบวนการ (Big เซียน)
    2. ข. (รวยมาก มีตังค์) คือผู้ซื้อที่อยากได้พระสมเด็จ(เหยื่อที่ชอบพระดูพระเป็นแต่ไม่ขาด) และรู้จักกับ C
    3.C ไม่มีพระที่สวยพอที่จะได้ถึงราคา และเป็นคนชั่วคนหนึ่ง
    4. C . และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด วางแผน ชั่วๆ
    5. ข. เอาพระไปเช็คกับใครก็แท้หมด A B D รวมถึงเซียนในครือค่ายแต่Big น่าเชื่อถือ
    6. ข.ก็ได้พระมา แต่บังเอิญไปให้คนที่รู้จักดูประมาณจะอวด แต่คนรู้จักนั้นดูเป็น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ผู้ร่วมขบวนการ คนที่รูจักบอกไม่ดีนะ ข. บอกไม่ดีได้ไง มีแต่Big เซียนดู
    7.คนที่รู้จักบอกเอางี้ เจาะมวลสารดู ตรวจแบบวิทยาศาสตร์ เพราะในพระสมเด็จแค่ปูนเปลือกหอยโบราณก็อายุเท่าไหร่แล้ว
    8. ปลาดุก เฮ้ย! ปรากฎ อายุไม่ถึงครับ

    ดังนั้น เอาพระพอสวย พิมพ์แต่งนิดหน่อยเพราะเซียนพิมพ์พระไม่ต้องห่วง สากลนิยมใครตั้ง ที่แน่ๆพระเก๊ น่ากลัวสู้คนชั่วไม่ได้ อย่าไปดูเลยครับของเก๊ตาเราจะจำมันจะทำให้หลงทาง หรืออาจจะจมอยู่กลางน้ำได้ เพราะที่เห็นกันก็ไม่รู้จจะหลีดหนีอย่างไรแล้วครับ
     
  10. Tonypwm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +87
    ต่อเลยครับเรื่องมวลสารสีเขียว กำลังน่าสนใจครับ
     
  11. อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    เปล่าหรอกครับ
    แค่อยากรู้ว่า คนเราจะสามารถปลอมได้เหมือนขนาดนั้นเชียวหรือ
    ที่คนบอกว่าสมเด็จเล่นยาก
    เล่นยากเพราะกฏกติกาของผู้ตั้งสากลนิยมขึ้นมา
    เอาเฉพาะที่ตัวเองมีหรือเปล่า
    ผมเองยังเชื่อว่า ณ ตอนนี้สมเด็จวัดระฆัง
    ยังมีเป็นหมื่นองค์ที่พอหาได้
    แต่หากอยู่นอกวงการของผู้ตั้งกฏกติกาสากล
    ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ
    ติเนื้อ ติพิมพ์ ติโน้น ตินี่
    แต่พอสุดท้าย
    หากพระองค์นั้น (พระแท้ที่เคยโดนติ) ไปตกอยู่ในมือกลุ่มพวกนั้น
    ก็จะกลายเป็นพระแท้ขึ้นมาทันทีทันใด

    คิดผิดพลาดโปรดอภัยด้วยครับ
     
  12. man_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +924
    มาติดตามอ่าน.... ความรู้เนื้อหาเข้มข้น..กดไลท์ให้ครับ:cool::cool::cool:
     
  13. phak622 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +402
    ขออภัยท่านโทนี่ และท่านเจ้าของภาพครับ ผมเคยเอาพระองค์นี้ตั้งกระทู้ให้ฟันธงกันเล่นๆ มาเปรียบเทียบดู พระที่สมาชิกให้ความกรุณาวิจารณ์ว่าไม่ดี เพราะไปลงหนังสือที่ว่ามีแต่พระเก๊ แต่ลงเป็นองค์ครูนะอิอิ มาให้ร่วมศึกษากันครับ อย่าซีเรียดในการศึกษาพระนะครับ เรื่อยๆดีกว่าไม่เหนื่อยแต่มีจังหวะและพัฒนาครับ อ้อวิจารณได้เลยนะครับผมว่าคำวิจารณ์มันก็เหมือนคำถามนั่นแหละครับเดียวมีการตอบโต้ในทางวิชาการ สนุกดีครับร่วมศึกษา เพื่ออยู่ในเส้นทางของเราต่อไปครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. คนตาก2555 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +1
    ติดตามอ่านต่อครับอยากรู้เรื่องมวลสารสีเขียวมากๆหน่อยครับ
     
  15. Tonypwm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +87
    องค์นี้เนื้อหาดูดีทีเดียวครับ แต่ผมแอบเห็นมวลสารสีเขียวแว๊บๆนะไม่รู้ใช่หรือเปล่าครับหรือว่าผมตาฝาด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • abc.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.7 KB
      เปิดดู:
      453
  16. Tonypwm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +87
    ลองอ่านดูครับ
    สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จ

    มวลสารของเนื้อพระสมเด็จ

    ดินสอมหาชัย ใช้เขียนลงเป็นผง วิเศษ 5 ประการ อันได้แก่

    - ผงพระพุทธคุณ

    - ผงปัตถะมัง

    - ผงตรีนิสิงเห

    - ผงมหาราช

    - ผงอิทธิเจ

    ดินสอมหาชัยเป็นผงดินสออาถรรพณ์ทำจากดินขาวอันบริสุทธิ ผสมด้วย น้ำคั้นใบตำลึง ยอดสวาท ยอดกาหลง ยอดรักซ้อน ดินโป่ง ไคลเสมา ยอดชัยพฤกษ์ ยอดราชพฤกษ์ ยอดมะลิจากข้าวในบาตร

    ทั้งหมดเป็นมวลสารพระพุทธคุณ และได้ถือหลักการคุลีเนื้อพระจากตำรับไสยเวทย์ และเพทางคศาสตร์

    2. ข้าวหอมจากบาตร บรรจุในชามเบญจรงค์ อันเป็นของที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เก็บรักษาโดยเฉพาะ

    3. กล้วยน้ำไท ผสมยางมะตูมทั้งสองสิ่งนี้เก็บรักษาไว้ในขันสัมฤทธิ์ ไม่เสีย

    4. เกสรบัวสัตตบงกช พร้อมทั้งเกสรดอกไม่ป่าจากเมืองสุโขทัย เมื่อง

    กำแพงเพชร เป็นเกสรที่เจ้าคุณสมเด็จฯ ได้รวบรวมไว้ถึง 108 ชนิด

    5. เปลือกหอย ขาวบริสุทธิ์ นำมาป่นจนละเอียดแล้วผ่านกรรมวิธีจนกลายเป็น ปูนเปลือกหอย มวลสาร ชนิดนี้เมื่อ ปลุกเสกและอบด้วยพระเวทย์มนตราอาถรรพณ์แล้วจะเกิดทรายทองขึ้นเองด้วยวิทยาคมของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ

    6. น้ำมันตั้งอิ๊ว เป็นตัวประสานมวลสารที่ใช้ในการสร้างพระให้ยึดรวมกันอย่างเหนียว ทั้งกระทำให้เนื้อพระ ชุ่มชื่นอีกด้วย


    7. วัสดุอื่นๆ ที่กล่าวไว้แล้วในหัวข้อ มวลสารที่มองเห็นด้วยตาเปล่าข้างต้นนี้ ฯลฯ

    ปฏิกิริยาจากผงวิเศษห้าประการ

    พระสมเด็จอันเกิดจากผงวิเศษห้าประการ ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นสิ่งที่เกิดจากปูนเปลือกหอยเป็นหลัก แต่ประชาชน เรียกกันว่า "พระผง" เมื่อพิจารณาด้วยสายตาโดยใช้เลนส์ขยาย จะแลเห็นบนพระมีจุดเล็กๆ เรียกว่ารูพรุนปลาย เข็มเกิดเป็นหมู่ๆ ประปรายอยู่ทั่วบริเวณผิวขององค์พระ รวมทั้งแผ่นพื้นฐานด้วยรอยปูไต่

    มีลักษณะ บุ๋มลึกลงไปรอยนี้มักเกิดเป็นคู่ๆเรียงกันไปเป็นทางคล้ายรอบปู จึงเรียกกันว่า "รอยปูไต่" รอยนี้เกิดขึ้นประปรายทั่วแผ่นพื้นฐานขององค์พระรอยหนอนด้น

    บนผิวขององค์พระ เมื่อใช่เลนส์ขยายกำลัง 10 เท่า ส่องจะเห็นรอยโค้งเล็กๆ คล้ายตัวหนอนขาดเล็กมากปรากฏอยู่ รอยนี้ไม่ปรากฏในพระแบบอื่นนอกจากพระของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เท่านั้น ผู้ศึกษาพึงพิจารณาให้ละเอียดบ่อน้ำ และลำธาร

    เกิดบนผิวพื้นฐานขององค์พระอยู่โดยทั่วไป สมมติว่าเราขึ้นไปอยู่บนที่สูงๆ แล้วใช่กล้องส่องดูดาวที่มีกำลังขยายมากๆ ส่องดูดวงจันทร์ เราจะแลเห็นบนพื้นผิวดวงจันทร์ปรากฏเป็นหลุมเป็นบน่อ หุบ เหว ภูเขา และสายลำธาร ซึ่งขอเรียกว่า"ผิวพระจันทร์" อันเป็นสัญลักษณ์ที่เกิดในองค์พระสมเด็จโดยเฉพาะ

    ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ปรากฏอันเป็นความงดงามขององค์พระสมเด็จ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจะมีผู้โชคดีได้เป็นเจ้าของพระสมเด็จ เมื่อใช้เลนส์ขยายดูเนื้อพระ เขาจะเฝ้าดูแล้วดูเล่าอย่างไม่รูสึกเบื่อหน่ายในความงามอันน่าอัศจรรย์ของพระผงวิเศษของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ชึ่งสามารถแลเห็นมวลสารเกสรเป็นจุดรูปต่างๆกัน มีสีสันแปลกๆเช่น สีแดง สีฟ้า สีเหลือง สีเขียว สีเทา สีน้ำตาล ฯลฯ มวลสารเกสรนี้ช่อนตัวของมันอยู่เงียบๆ ต้องใช้เวลาในการดูนานจึงจะปรากให้เห็น

    ธรรมชาติของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง มองทางกายภาพ

    จากเลนส์ขยายในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังเท่าที่ได้สัมผัสมา มวลสารที่มองเห็นด้วยตาเปล่าประกอบด้วย

    มวลสารดังต่อไปนี้

    1. จุดสีขาวขุ่น มีทั้งขนาดใหม่และเล็ก ขนาดเล็กตั้งแต่ปลายเข็มหมุดขนานใหญ่เท่าเมล็ดถั่วเขียวก็เคยพบ มีปรากฏอยู่ทั่วไปในเนื้อพระละเอียดแน่นนอน และ เนื้อพระชนิดหยาบเนื้อไม่แน่นนอน สันนิษฐานว่าคือเม็ดพระธาตุ และเปลือกหอย

    2. จุดสีแดงหรือสีแดงอิฐ ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าคงจะเป็นเศษพระเครื่องหักของกำแพงเมืองเพรช สมัยที่สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ได้ไปเดินธุดงค์พบพระเนื้อดินหัก แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพระพุทธคุณ จึงนำมาสร้างพระเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล และความขลังแก่พระสมเด็จ

    3. จุดสีดำ มีขนาดเล็กก็คือ เกสรดอกไม้ เม็ดกล้วย ถ้าเป็นขนาดกลาง สันนิษฐานว่าเป็นผงถ่านใบลานและถ้าเป็นลักษณะยาว สันนิษฐานว่าเป็นกานธูป

    4. จุดสีเขียวคล้ายสีคราม มีลักษณะใหญ่เล็กแล้วแต่จะพบในองค์พระ สันนิษฐานว่าเป็นหินเขียวหรือตะไคร่ ใบเสมา

    5. จุดสีน้ำตาลอ่อน และ น้ำตาลแก่ สันนิษฐานว่า คือเกสรดอกไม้แห้งนานาชนิด อาจเป็นดอกไม้108 (ดอกไม้ที่ใช้บูชาพระ)

    6. เม็ดทรายเสกขนาดกลาง และขนาดเล็ก พบในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง

    7. เม็ดขาวขุ่นหรือพระธาตุ ส่วนมากจะพบกระจายอยู่ทั่วไปในองค์พระบางองค์ พบอยู่ด้านหลัง บางองค์ไม่พบ


    8. ทองคำเปลว จากพระประธานในโบสถ์วัดระฆัง ใช้บดผสมในเนื้อพระ

    9. ผงวิเศษที่พบเป็นก้อน คล้ายกับก้อนดินสอพองก็คือ ผงวิเศษที่ได้จาก ผงอิทธิ

    เจ ผงปัตถะมัง ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงมหาราช

    10. การยุบตัวของเนื้อพระสมเด็จ เกิดจากปฎิกิริยาการหดตัว แห้งตัว ยุบตัวของ

    เศษอาหาร จึงทำให้เนื้อพระยุบตัวลง ระยะเวลาและความร้อนของอากาศ

    หลายๆปี ฤดูกาลธรรมชาติ

    11. ที่แลเห็นพระบางองค์มีความมันบนองค์พระมาก เพราะว่าในเนื้อพระผสมนำ

    มันตั้งอิ้วมากกว่าปกติ เนื้อพระชนิดนี้จึงหนึกนุ่มอยู่เสมอ

    12. พระสมเด็จกับการลงรักปิดทอง พระสมเด็จวัดระฆังบางองค์มีการลงรักปิด

    ทองไว้ แล้วในภายหลังได้ถูกล้างออก ซึ่งก็ทำให้สามารถดูเนื้อพระได้ง่ายขึ้น

    13. คราบสีขาวบนองค์พระมักจะพบในพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมี 2 นัย นัยแรก

    เกิดจากแป้งโรยพิมพ์พระในตอนสร้าง (สันนิษฐานว่าใช้แป้งขาวเจ้าผสมปูน

    ขาว) นัยที่สองเกิดจากเชื้อราบางชนิดซึ่งเกิดขึ้นเนื่องมาจากการเก่าเก็บไว้เป็น

    เวลานานซึ่งไม่มีผลทำให้ผิวพระเสียแต่อย่างใด ซี่ง

    ถ้าใช้นิ้วถูออกคราบสีขาวก็จะหายไปและจะไม่มีผงฝุ่นสีขาวติดนิ้วเลย แต่

    ไม่ควรถูออกเพราะคราบสีขาวเป็นการแสดงความเก่ ความมีอายุอันยาวนาน

    ขององค์พระ

    14. รอยปริแยกแตกบนผิวพระสมเด็จวัดระฆัง สันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัว

    หดตัวของเนื้อพระเนื่องจากความชื้นและอุณหภูมิในอากาศเปลี่ยนแปลง แต่

    ถ้าเนื้อพระมีส่วนผสมน้ำมัน ตังอิ้วที่เหมาะสมเป็นตัวประสานเนื้อพระก็จะ

    ไม่พบลอยปริแตกบนผิว

    15. กลิ่นหอมในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่ส่วนผสม

    มวลสารในเนื้อพระมีดอกไม้และเกสรหลายชนิดรวมกัน รวมทั้งน้ำมันจันทน์

    ด้วย จึงทำให้พระสมเด็จมีกลิ่นหอม

    16. รอยแตกลายงาบนผิวพระสมเด็จวัดระฆังเกิดจากการแห้งและหดตัวของผิว

    เนื้อพระชั้นนอกเร็วกว่าเนื้อพระชั้นใน พบได้ในองค์ที่มีผิวละเอียดหนึกนุ่ม


    วิธีการปลอมพระสมเด็จระดับเซียน

    แบบอบเปียกและอบแห้ง

    พระสมเด็จอบเปียก

    พอแกะออกจากพิมพ์ เอาพระเครื่องวางเรียงบนแผ่นกระจก หรือแผ่นกระดาษเรียบ ใช้ผ้าขนหนู หรือผ้าหนา ๆ อมน้ำได้นาน ชุบน้ำแล้วบิดพอหมาด ๆ คลุมปิดพระที่วางเรียงไว้ให้มิดชิดทุก ๆ ด้าน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ ๓-๔ วัน จนผ้าและเนื้อพระแห้งเอง เปิดผ้าคลุมออก เนื้อพระจะพราวด้วยผุดสะสารส่วนผสมต่าง ๆ ได้รับการแตกแต่งอีกนิดหน่อยก็ดูเก่ากึกไม่เบา

    พระสมเด็จอบแห้ง

    พิมพ์พระเสร็จตากให้แห้ง ทำตะแกรงลวดตาห่างวางบนเตาอั้งโล่ เอาพระสมเด็จวางบนตะแกรง เผากระดาษอบควัน พลิกพระกลับไปกลับมา ให้ไอระเหยจากควันจับที่องค์พระ เนื้อพระเครื่องที่ขาวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแก่เหมือนย้อมขมิ้น บางส่วนปูดขึ้นมา ถ้าไม่ระมัดระวังในการใส่ไฟหรือการพลิกกลับ เนื้อพระเครื่องจะปะทุแตกออกเป็นเสี่ยง เพราะทนความร้อนไม่ได้

    พระสมเด็จทอดกรอบ

    หมายถึงพระสมเด็จที่ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ มาแล้ว แต่น้ำหนักยังไม่เบาโหวงเหมือนของเก่า เนื่องจากชุ่มน้ำมาไม่กี่วัน ลำดับต่อไป นักผลิตจะใส่กระทะคั่วกับน้ำเกลือ น้ำด่าง เพื่อสกัดน้ำให้เหือดแห้ง พอถึงขั้นนี้แล้วเนื้อพระจะแห้งกรอบเหมือนข้าวเกรียบ แถมตากแดดตากน้ำค้างอีก ๗ วัน เนื้อพระจะหนึกแน่นเหมือนของเก่า เนื้อพระทั้งข้างนอกและข้างในจะกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน

    ปัจจุบันใช้อบและปั่นด้วยไฟฟ้า เซียนระดับไหนก็ดูไม่ออกว่าเก่าหรือใหม่ ส่วนจะให้ผิวเนื้อแตกลายงาเป็นหนังไก่ ผิวพระจันทร์ อะไรนั้น ขึ้นอยู่กับสูตรผสมของแต่ละสูตร

    บางคนคิดการใหญ่ สร้างพระเสร็จผ่านกรรมวิธีแล้ว บรรจุในเจดีย์เก่าหรือใต้ฐานพระประธานในโบสถ์ร้าง ล่วงไปปี สองปี ต้นไม้ใบหญ้าเครือเถาต่าง ๆ ขึ้นปกคลุมหนาแน่น จึงออกอุบายทำความสะอาด ขุดโน่นถางนี่ เจอะเจอที่ซ่อนไว้ ก็โวยวายขึ้นมาว่า นี่แหละพระเครื่องที่หลวงพ่อโตสร้างบรรจุไว้ โฆษณาอิทธานุภาพสรรพคุณความขลังความเก่า ตั้งราคาค่าเช่าพร้อมเสร็จ

    อันที่จริง พระเครื่องทุกชนิดประมาณค่ามิได้ แต่เกิดมีราคาขึ้นมาเพราะอิทธิพลทางเศรษฐกิจ การสร้างพระสมเด็จเพราะอาศัยอิทธิพลทางเศรษฐกิจ นับว่านำเอาวงการพระเครื่องไปแขวนไว้กับศรัทธาคล้ายกับเส้นด้ายเปื่อย ๆ ล่อแหลมต่อการเสื่อมสิ้นความเคารพนับถือของประชาชน

    แต่เท่าที่สังเกตดู และมีผู้อื่นตั้งข้อสังเกตเล่าให้ฟัง พระสมเด็จมักไปอยู่กับคนที่ชอบถือศีลภาวนาเสียส่วนมาก ถ้าเราเป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญให้ทาน ถือศีล สวดมนต์ ภาวนาอยู่เสมอ และสนใจในพระเครื่อง ก็มักได้พระสมเด็จแท้ ๆ มาง่าย ๆ ในราคาถูก ๆ เหมือนได้ฟรี เหมือนกับท่านเสด็จมาหาเอง เทวดามีอิทธิฤทธิ์ ท่านเลือกได้หรอกว่าจะให้ใครเป็นเจ้าของ คนไม่ดีแต่มีเงินทุ่ม ก็ไม่แน่ว่าที่ได้มาครอบครองจะเป็นพระสมเด็จที่หลวงปู่โตปลุกเสกหรือเปล่า เพราะการได้อยู่กับคนดีเทวดาก็มีความสุข เพราะได้รับกระแสเย็นเป็นสุข และพลอยทำให้คนที่ครอบครองก็ได้รับการส่งเสริมจากเทวดาไปในตัว เข้าทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่ว่าในโลกมนุษย์ หรือเทวโลก โลกทิพย์โลกเทวดา ไม่มีใครให้อะไรใครฟรี ๆ ทุกอย่างล้วนต้องแลกเปลี่ยนเสมอ คนที่ให้คนอื่นฟรี ๆ มีแต่พระอริยะเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปนั้นแล.

    หมายเหตุ

    กรรมวิธีทำพระสร้างใหม่ให้เก่าตามคำบอกเล่าของนักผลิต และที่เคยเห็นมาเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ที่วิจิตรพิสดารกว่านี้เข้าใจว่าคงมีอีกไม่น้อย เช่นการใช้กระเบื้องดินเผาอายุเป็นร้อยปี บรรจงแกะเป็นพระสมเด็จเนื้อดินเผา และพระขุนแผนเป็นต้น นำมาบอกกล่าวเล่าต่อเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบประดับความรู้ มิได้ประสงค์จะเขียนสาธิตให้นำเอาวีธีการดังกล่าวไปประกอบพระเครื่องเพื่อให้เช่าบูชาแบบซื้อขายแต่ประการใด
     
  17. phak622 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +402
    ตาไม่ฝาดหรอกครับเม็ดมวลสารเขียวครับและมีอีกจุดที่พื้นองค์พระเลยหัวเข่าขวาไปหน่อยแต่ภาพนี่ไม่เห็นแต่ส่องจะเห็นครับเล็กๆครับ องค์นี้เป็นพิมพ์เดียวกันกับองค์ครูของผมครับเกศทะลุซุ้มนิยม.เนื้อนมข้น ละเอียด แต่ร่วมฝากกรุบางขุนพรหม แต่ขี้กรุไม่เยอะหรอกครับมีแต่สนิมกรุ. ผ่านการกรอคราบกรุออกอย่างฝีมือมากๆ. แต่กรอคราบกรุมาไม่ต่ำก่วา30ปีแล้วครับผม. ไม่รู้เป็นอะไรครับคอมผมใช้ไม่ได้เซฟภาพไม่ได้. ผมอุตส่าห์เตรียมข้อมูลลักษณะของบล็อกเคลื่อนไว้แย่เลยสงใสต้องลงโปรแกรมใหม่ไวรัสรับประทานมั้ง
     
  18. huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    "มวลสารสีเขียว" แบบนี้หรือเปล่าครับ หรือเป็นหยกเขียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เจียมbody เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +188
    มวลสารนี้เป็นมวลสารพิเศษ มีที่ที่เดียว เมืองเดียว
    ตรงนี้แหละ ขอความกระจ่างหน่อยครับ
    เกิดความอยากรู้แล้วครับ:cool:
     
  20. phak622 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +402
    ขออภัยที่ล่วงเกินนะครับ ตรงที่ผมวงใว้นั้นถ้าตั้งใจพิจารณาจะสังเกตุว่า มวลสารที่ฝังตัวอยู่โดยเฉพาะที่วงใว้เห็นได้ชัดเจนครับว่า เป็นมวลสารที่มากดลงบนด้านหลังพระทีหลัง โดยสังเกตุจากรอยโดยรอบของมวลสารก้อนที่วงใว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พิจารณาได้ว่าไม่ใช่พระสมเด็จวัดระฆัง ดังนั้นมวลสารสีเขียวนั้นย่อมไม่ใช่เช่นกันครับ ด้วยความเคารพครับขออภัยที่ล่วงเกิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้