ยังติดตามอ่านอยู่จ้า เจ้าของกระทู้อย่าเพิ่งหายไปไหนนะคะ:'(
กระทู้นี้น่าสนใจมากเลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติมที่หาอ่านจากหนังสือเล่มไหนไม่ได้:cool:
เหมือนได้ยินเสียงพระสวดอยู่ตลอดเวลา
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Areeka, 1 กุมภาพันธ์ 2014.
หน้า 2 ของ 2
-
-
ยังไม่หายไปไหนง่าย ๆ หรอกค่ะแต่กลัวถามมาก ๆ แล้วคนจะรำคาญเพราะเจ้าของกระทู้เองเป็นมือใหม่ ทั้งเรื่องสวดมนต์และนั่งสมาธิอ่ะค่ะถ้าอยู่เมืองไทยคงได้เข้าวัดถามพระอาจารย์ทั้งหลายแต่นี่มาอยู่ไกลเลยต้องอาศัยถามผู้รู้ในนี้น่ะค่ะ
-
อิติปิโส ภควา อรหัง สัมา สัมพุทโธ ฯลฯ...
ได้ยินแต่สิ่งมงคล ดีแล้ว
อย่าไปได้ยินเสียงซึ๊ดซ๊าด เข้าละ
ดีแล้ว.. -
ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมต้องนั่งสมาธิ (ขอบคุณพี่ใจดีที่กรุณาแนะนำมากๆค่ะ)
ผู้รู้หลายๆท่านในที่นี้ใจดีมีเมตตา เด้วท่านก็กรุณามาตอบให้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ:cool: -
คุณ ผู้เตือนหมายถึงได้ยินเสียงคนทานของเผ็ดมากแล้วทำเสียงซี๊ดซ๊าดใช่ไม๊ค่ะ เอ๊ะ หรือเป็นคติธรรม☺️
คุณ ladyolivia เป็นเหมือนกันค่ะตอนแรกกลัวและไม่กล้าแต่มีเรื่องให้คิดให้ทุกข์ก็เลยหวังให้การสวดมนต์ช่วย(มันเป็นเหมือน แพทเทิร์นนะคะไม่ทุกข์ไม่คิดถึงธรรมะ) แต่พอได้สวดปัญหาต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่แต่จิตเราเหมือนสงบอ่ะค่ะเหมือนปลงเหมือนหาเหตุได้ก็เลยเฉย ๆ ก็เลยไม่ทุกข์จากนั้นก็เลยมาลองนั่งสมาธิค่ะ
ปล. อย่าถามถึงหลักการนะคะ พวก ขันธ์5 หรืออะไรประมาณนั้น คือนั่งเอง คิดเอง เข้าใจเอง(คนเดียว) อ่ะค่ะ -
โหลดไปฟังได้ที่นี่ http://palungjit.org/threads/จิตตะภาวนา-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.280415/ -
ขอบคุณค่ะ คุณปราบเทวดา ไปฟังมาแล้วค่ะทางยูทูปลองเสิร์จแล้วเจอ จะพยายามปฏิบัติให้ได้ค่ะ ☺️
-
การได้ยินเสียงพระสวด มีทั้งการได้ยินจริงๆ และมาจากอุปทาน สัญญาปรุงแต่งของเราเอง
ถ้าหากเราเจริญสติ หรือสมาธิอยู่จนอยู่ในอารมณ์อุปจารสมาธิขึ้นไป หรืออาจมีของเก่าด้านหูทิพย์ บางคนได้ยินเพราะแค่อยู่ในอุปจารสมาธิก็สามารถสัมผัสอะไรที่ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ทั้งรส ผิวสัมผัส เสียง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
บางทีได้ยินเสียงพระสวด เสียงคนไกลๆพูดแม้ว่าเราไม่ได้นั่งสมาธิขณะนั้น เหตุเพราะว่าเรายังอยู่ในอารมณ์อย่างน้อยอุปจารสมาธิอยู่อันเนื่องมาจากที่เรามีการนั่งสมาธิหรือมีการภาวนาเป็นประจำต่อเนื่อง
จากผลของสมาธินี้ บางทีบางคนเราเริ่มจะได้ยินเสียงประเภทความถี่ต่ำที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน พอเราเริ่มมีอุปจารสมาธิเราจะได้ยินเสียงฮัมจาก ทีวี แอร์ พัดลม แบตเตอรี่ของคอมพิวเตอร์ เสียงฮัมจากเครื่องยนต์ ฯลฯ
เสียงความถี่ต่ำที่เราได้ยินนี้มันเหมือนกับว่าเราได้ยินเสียงสวดมนต์ร่วมมาด้วย อาจมีทั้งเสียงพระสวด ฆราวาสสวด แต่แท้จริงแล้วไม่มีเสียงสวดจริงๆมีแต่เสียงความถี่ต่ำเท่านั้น
เสียงสวดที่เราได้ยินนั้นเป็นสัญญาเก่าที่เราคุ้นๆ เคยได้ยินเคยได้สวด เราปรุงแต่งคิดร่วมเข้าไปอย่างรวดเร็วจากสัญญา ซึ่งถ้าขณะเรามีสติสัมปชัญญะดีๆ หรือเริ่มมีสมาธิจะสังเกตหรือแยกเสียงนี้ได้โดยการลองนึกบทสวดมนต์เองร่วมกับเสียงฮัม จะเห็นว่าเสียงที่เรานึกจะเข้ากับเสียงฮัมได้ไม่ว่าจะบทสวดใด บทสวดที่เราได้ยินจะเป็นpattern เหมือนเสียงฮัม
เหมือนคนสวดฮึมฮัม พรึมพรำ.... เสียงคำสวดจะไม่ชัด จะสังเกตได้ว่าเสียงสวดที่ได้ยินร่วมกับเสียงฮัมของเครื่องต่างๆนั้น เราจะได้ยินคำสวดไม่ชัดเหมือนกับได้ยินเสียงสวดมน์อย่างเดียวหรือได้ยินเสียงคนพูด
ที่เราได้ยินเหมือนกับเสียงสวดมนต์เพราะว่า เสียงฮัมมีความถี่ต่ำใกล้เคียงกับคนที่บ่นงึมงำ
คนที่สวดมนต์เบาๆพรึมพรำ โดยปกติเราจะไม่ได้ยินแบบสวดดังๆ สวดชัดๆร่วมกับเสียงฮัมของเครื่อง
แต่ในบางครั้งเราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ชัดๆดังๆ พร้อมกับเสียงฮัมจากเครื่องๆต่างๆเพราะตอนนั้นเรามีอุปจารสมาธิ เพียงแต่แหล่งกำเนิดเสียงมาจากสองที่
การได้ยินจากการปรุงแต่ง สัญญา อุปทานของเราเอง ลักษณะนี้ต้องระวัง ลองสังเกตแยกแยะดู ขณะมีสติไม่มีความคิดเราจะได้ยินแต่เสียงฮัมของเครื่องเฉยๆ
กรณีที่ได้ยินเสียงสวดมนต์จริงๆจะชัดเจน เหมือนกับที่เราได้ยินเสียงคนพูด จะไม่ได้ยินแบบฮึมฮัม ฮึมฮัมเป็นpattern
การได้ยินจริงๆหรือจากที่เราปรุงแต่งนั้น เราไม่ต้องไปยึดติดกับมัน มันเป็นธรรมดาอันเนื่องมาจากสมาธิ
สำหรับผู้ที่ได้ยินเนื่องจากอภิญญาเก่า เมื่อเรามีสมาธิ ฌาน4 ของเก่านี้จะมารวมตัว
อภิญญานี้ก็เป็นการทรงสมาธิวิธีหนึ่ง ช่วยให้วสี ตบะในสมาธิเพื่อใช้ในการวิปัสนาได้
สำหรับกรณีได้ยินตลอดเวลาซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการนั่งสมาธิ
วิธีแรกคือ ไม่สนใจเสียงนั้น วางเฉย คือเราไม่เพ่งนั่นแหละ เมื่อเราไม่เพ่งอารมณ์ อารมณ์เราก็จะลดลงมาที่ขณิกสมาธิ เราก็จะไม่ได้ยินอีก แต่ถ้าเราภาวนาประจำลองวิธิถัดไป
อีกวิธีสำหรับคนที่ตกใจออกจากสมาธิถ้าขณะทำสมาธิมีเสียงดังเข้ามาแทรกในขณะที่เรายังไม่เข้าถึงสมาธิระดับลึก หรือกรณีต้องการทำสมาธิในที่เสียงดัง หรือผู้ที่ได้ยินเสียงตลอด
ก่อนเราภาวนาสมาธิให้เรากำหนด "เสียงหนอ" คือคิดคำว่าเสียงหนอ พร้อมกับทำจิตและสติที่หูทั้งสองข้าง (เหมือนเราทำความรู้สึกเงี่ยหูฟังอะไรสักอย่าง ตอนนั้นความรู้สึกเรา จิตเราไปจดจ่ออยู่ที่รูหู) กำหนดเสียงหนอหลายๆครั้งจนเราเก็บเสียงปัจจุบันขณะนั้น
จนเราเริ่มชินกับเสียงบริเวณนั้น อาจจะกำหนด5ครั้ง 7ครั้งแล้วแต่ เสียงที่เราฟังอาจเป็น
เสียงเงียบ เสียงรถ เครื่องบิน คนคุย เสียงปิดเปิดประตู เสียงไอ เสียงสวดมนต์ เราฟังทุกเสียงรวมๆกันไม่ต้องแยกแยะเสียง ให้มันสักแต่ว่าเสียง ถึงแม้ว่าแว๊บแรกเราจะประมวลผลเสร็จแล้วว่านี่เสียงเครื่องบิน นั่นเสียงอะไร จิตมันทำงานไวเป็นปกติ ประกอบกับสัญญาจึงแยกประเภทเสียงไปแล้ว แม้เสียงด่า เสียงนินทา เสียงอะไรมันก็เป็นเสียงที่ได้ยิน
สักแต่ว่าเสียง รู้ว่าเป็นเสียงก็จบแค่นั้น อุเบกขาวางเฉยไม่ปรุงต่อว่ารำคาญหรืออารมณ์อะไรต่อไป หลังจากชินกับเสียงต่างๆนั้นเราก็ทำกรรมฐานตามที่เราถนัด เช่น ดูลม ฯ
ในขณะที่ยังไม่ได้เข้าสมาธิลึกหรือเราเจริญสติปัฏฐานอยู่ ถ้ามีเสียงเข้ามากระทบอารมณ์เดิมอยู่เราก็กำหนดเสียงหนอใหม่ สำหรับบางคนที่เจริญสติขณะมีเสียงกระทบแต่ไม่ได้กระทบอารมณ์เดิมก็ไม่จำเป็นต้องกำหนดเสียงหนอตอนนั้นอีกก็ได้
เสียงกระทบอารมณ์เดิมหรือกรรมฐานที่กำลังทำอยู่ กระทบหรือไม่ให้สังเกตได้จากถ้าเราเริ่มสนใจเสียงนั้นแม้แต่น้อยนิด หรือกระเพื่อมจากอารมณ์กรรมฐานที่ทำอยู่ไปเริ่มฟัง
ไปสนใจ ตอนนี้คุณต้องสนใจอารมณ์ปัจจุบันนั้นคือเสียง ให้กำหนดเสียงหนอ แล้วกลับไปกรรมฐานเดิม
ข้อดีของผู้ที่ได้ยินลักษณะนี้อย่างหนึ่งคือ คุณจะฟังเพลงได้เพราะกว่าปกติ ได้ยินเครื่องดนตรีได้ละเอียด ถึงแม้ว่าจะฟังจากต้นกำเนิดเสียงราคาถูกๆหรือเป็นของแถม ไม่ได้เป็นเครื่องเสียงดีๆ คุณจะได้ยินเสียงสเตอริโอในหัวคุณ ลักษณะเหมือนคนฟังซาวด์อะเบ้าท์
คุณอาจจะหูดีกว่าพวกหูทองที่ชอบฟังเครื่องเสียงก็ได้ สามารถลองทดสอบดูได้
โดยเฉพาะเพลงที่มีเสียงก้องกังวานพวกเพลงจีน ไทยเดิม ออเคสตร้า แล้วทำความรู้สึกที่หูพร้อมกำหนดเสียงหนอที่หูขณะฟัง กำหนดไปเรื่อยๆ เพลงที่ฟังจะเพราะกว่าที่เคยฟัง
การจิบกาแฟก็เหมือนกัน กำหนด ยกหนอ มาหนอ ถูกหนอ
ดื่มหนอ รสหนอ กลืนหนอ คุณจะได้รับอรรถรสการดื่มกาแฟ และอร่อยมากกว่าปกติ
ถ้าคุณทำขณะมีอุปจารสมาธิ แต่เราไม่ได้ไปยึดติดมันนะถึงแม้ว่ามันจะมีอรรถรสกว่าเดิม รสที่เราได้สัมผัสมันเป็นปกติสังขารที่เราสัมผัสอารมณ์นั้นละเอียดขึ้นจากผลของสมาธิก็เท่านั้น
มีข้อเสียคือถ้าไม่ฝึกสติ สมาธิ จนสามารถควบคุมเสียงได้ ในบางทีมีเสียงดังจากเครื่องกระจายเสียง เสียงดังต่างๆ คุณจะได้ยินเสียงนั้นดังกว่าปกติอีก จึงจำเป็นต้องฝึกควบคุมเสียงหนักเบาต่อไป
สำหรับผู้ฝึกสติ เมื่อมีเสียงฟ้าผ่าใกล้ๆ เสียงประทัดใกล้ๆ คุณจะไม่ตกใจ สติจะวิ่ง
อัตโนมัติที่หูและกำหนดเสียงหนอ -
คุณ the seven ขอบคุณมากค่ะจะพยายามอยู่ในสติและสมาธิให้มากขึ้นค่ะคือตอนนี้ไม่ใช่แค่อุปสรรคในการนั่งสมาธิเท่านั้นนะคะมันเป็นอุปสรรคเล็ก ๆ ต่อการนอนด้วย(บางครั้งภาวนาขอให้เป็นแค่อาการหูอื้อและจิตอุปทานไปเองเผื่อจะหายในอีกสองสามวัน) :(
-
อย่างกรณีคุณคงไม่ใช่หูอื้อธรรมดา อาการหูอื้อตึงๆขณะมีสมาธิเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของอาการเริ่มต้นของการได้ยินอะไรที่ละเอียดกว่าปกติ
ที่เคยใช้แก้ปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับจากเสียงนี้คือ ไม่ได้ให้ความสนใจเสียง คิดเสียว่าเสียงสวดมนต์นี้คือมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคุ้มครอง ถ้าไม่ใช่เวลานอนก็ถือเป็นโอกาสสวมมนต์ตามไปเลยมีคนช่วยสวดนำ
หรือขณะนอนถ้าเราจะภาวนาขณะนอนด้วย เช่นถ้าภาวนา พุทโธ หรือ ยุบหนอพองหนอ ให้หยุดบริกรรมภาวนา ให้เปลี่ยนเป็นใช้ตาใน หรือจิตจับความรู้สึก
ลมเข้า ลมออกที่ปลายจมูก แค่ไปดูความรู้สึกที่ปลายจมูกเฉยๆ ไม่ต้องไปสังเกต วิเคราะห์ว่าลมเข้าออกขณะนั้นมันจะสั้นหรือยาว หรือหยาบหรือละเอียด
ถ้าเริ่มเคลิ้มก็ปล่อยหลับไปเลยไม่ต้องพยายามมาดูลมต่อ
เมื่อสติ สมาธิ คุณเจริญยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ปัญหาที่เจอจะดีขึ้นเองครับ -
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณ the seven จากเดิมว่าจะนั่งเฉย ๆ เพราะแค่อยากให้ใจสงบกลายเป็นว่างานงอก เฮ้อออ สู้ ๆ ค่ะ
-
อ่านๆ แล้วนานาจิตตังจริงๆ
การฝึกฝนอบรมจิต เราจะทำตอนไหนกลางวันกลางคืน ขณะยืน เดิน นั่ง ทำงานประจำวัน ทำได้ทุกเวลานาที ทำได้ฝึกจิตได้ทุกขณะ จะสวดมนต์ก่อน-หลัง หรือไม่สวดก็ไม่มีปัญหา จะอาบน้ำก่อน หรืออาบน้ำทีหลังก็ไม่เป็นปัญหา -
ขออัพเดทอาการหน่อยนะคะ (ใครอยากรู้วะ) ตอนนี้ก็ยังคงได้ยินเสียงพระสวดอยู่เหมือนเดิมแต่มีออพชั่นเสริม คือ ตอนนี้มีเสียงดนตรีเพิ่มมาด้วยเป็นดนตรีไทยค่ะและคิดว่าชิ้นหลักคือ ซอ... คือ สีซอให้ข้าพเจ้าฟังว่างั้น เฮ้อ...... จิตหนอจิต มาเล่าให้ฟังขำ ๆ ค่ะ
-
:d ขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิด "นานาจิตตัง" หมายถึงคำตอบว่าเป็นไปต่างๆนานา ไม่่ใช่ของผู้ถาม
หน้า 2 ของ 2