เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ครับ

๑ ) เข้า...ตายแน่ ออก...ตายแน่

และครั้งหนึ่ง ผมเล่าไปที่ไหนสักที่ลืมไปแล้ว ก่อนผมจะพบหลวงปู่ ผมไปหาหลวงพ่อคุณ แทบทุกอาทิตย์ (สาเหตุเพราะทำงานทะเลอาทิตย์หนึ่ง พอขึ้นมาก็ไปหาท่าน พอคุ้นหน้ากันหน่อย ผมขอให้ท่านเทศให้ฟัง ท่านบอกว่า กูเทศไม่เป็น ผมก็ตื้อไปเรื่อยๆ จนท่านอาจจะชักรำคาญ ( ช่วงนั้นคนไยังไม่มาก ) ท่านบอกว่า เอ้าท่องตาม

๒) ล่ะชั่ว ทำดี มีศีลธรรมประจำใจ

แล้วผมท่องดังๆ เอาให้ลั่นศาลา ผมก็เล่นตามบทครับ เอาซ่ะเหมือนซ้อมเชียร์ตอนเรียนมหาลัย ...แหะๆ

จากวันนั้น ถึงวันนี้ น่าจะเกิน ๒๕ ปีมาแล้ว ผมไม่ว้นลืม

กราบ ๆ ๆ หลวงพ่อคูณครับ

 

แหะๆ ...ยังไม่เจอครับ...แหะๆ

 

กราบๆ ๆ หลวงปู่นนท์ครับ

 

มาเล่าอีกน่ะครับ

ในที่นี้ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเว็บพลังจิต เพราะเป็นเว็บที่เป็นกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ พวกผมที่เป็นลูกศิษญ์หลวงปู่บุญศรี ต่างเป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก่อนทั้งนั้นครับ และมีความนับถือท่านเป็นอย่างสูง

ส่วนท่านพ่อลี เล่าไปหลายที เป็นพระอาจารย์กรรมฐานของคุณตาผม มีประวัติกับตระกูล คุณแม่ของผมมายาวนานจนท่านล่ะสังขาร ไปหาท่านที่วัดตั้งแต่ยังเด็ก และเป็นของจริงท่านแรก ที่ผมเจอมาองค์แรกตั้งแต่ยังเด็ก ความประทับใจไม่รู้ลืม นานจนวันนี้ยังจำท่านั่ง ท่าเคี้ยวหมาก ท่าที่ท่านหัวเราะ หยิบเอาล็อกเก็ต ใส่ถาด ผมคลานเอาถาดไปให้ท่านเป่าพ้วงให้ ( ล็อกเก็ตอันนี้ต่อมาอลูมินั่นกินตัว ผมเอามาต่อกับอันเก่าอีกครึ่ง ลองเอาไปแห่เว็บหนึ่ง เซียนสาย ปากน้ำตีเก็ ผมเลยเลิกไปเว็บนั้นอีก เซียนท่านนั้น ผมประเมิณว่าคงเกิดไม่ทันท่านพ่อลีเสียอีก ) แต่เข้าใจของในวงการพระว่าบางทีของแท้ เขาไม่เล่นตีเก็ ส่วนของแท้น่ะอีกแบบ ก็เล่นกันไป...แหะๆ

กราบ ๆ ๆ ท่านพ่อลี

กราบๆ ๆ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ครับ

 

รูปหลวงพ่อลีที่ได้จากคุณลุงมาครับ



เป็นรูปที่คุณลุงบอกว่าเมื่อปี250x(ผมจำปีที่แน่นอนไม่ได้)หลวงพ่อมาที่จันทบุรี ถ่ายที่ร้านxxx(ผมจำไม่ได้จริงๆครับแต่คุณลุงจำได้) หลวงพ่อลีมาที่จันทบุรีและถ่ายรูปนี้ ส่วนดวงข้างหลังคุณลุงเขียนเอง ผมเคยเปิดกระทู้เมื่อสองปีก่อนแจกรูปนี้ที่ความละเอียดสูงใน พลังจิต เพราะปลายปี51 ผมscanรูปนี้แล้วนำไปให้ร้านอัดรูปนี้หลายร้อยรูปแล้วไปให้คุณลุง

 

ขอบคุณครับ ...รูปนี้แพร่หลายครับ

ท่านพ่อลี มีศิษย์ที่จันทบุรี จำนวนมากครับ

 

ผมก็ไม่เบื่อเหมือนกันครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
ขอบพระคุณอย่างสูงครับพี่สำหรับคำแนะนำที่สุดยอดไปเลย ผมหวังว่าสิ่งที่เตรียมไว้คงไม่ต้องใช้นะครับ หากสถานการณ์คลี่คลายเร็ววันก็ดี สาธุ...
"พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรู ภัยพาล วินาศ
สันติ ภัยพิบัติทั้งหลายมลายหายไป "

 

ไม่มีใครอยากเจอหรอกครับ...แหะๆ

ผมเป็นห่วงพี่น้องทุกท่าน เข้าใจความทนทุกข์ ในตอนน้ำท่วมดี เพราะเคยมีประสบการณ์มาบ้างแต่ช่วงสั้น และเตรียมตัวดี

ที่อยากจะแนะนำแต่กลัวไม่มี แล้วจะรีบไปมัวหา ไม่มีก็ช่างมันเถอะครับ คือ ถ้ามีตะกรุด กันงู ของ หลวงพ่ออั้บ แขวนเอวไว้ได้เลยครับ ใช้ดูดพิษยามคับขันได้ด้วยครับ ของท่านดี ก็ต้องว่าดี ตอนบวชผมได้แหวนแม่พิม ที่ท่านลงดูดพิษให้ด้วย ช่วยไว้ สี่ครั้งครับ เล่าไปแล้ว...แหะๆ

ผมกำลังยุ่งๆมากมายน่ะครับ แต่จะเตรียมเรื่องล็อกเก็ตของหลวงปู่ ผมเอาของมาดูแล้ว ได้แจกมาหลายรุ่น แต่กลัวว่า ทั้งรูปหลวงปู่ ยังมีที่ร้าน ถ้าทำสวนออกมา ไม่อยากคิดครับ

แต่อย่างไร ของเป็นแบบนี้ก็ต้องโชว์แบบนี้แหละครับ

 

ชอบมากครับ เล่าอีก เล่าอีก เล่าอีก บทเรียนชีวิตของแต่ละท่าน น่าฟังทั้งนั้น มีให้เราเก็บเกี่ยว เพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้กับชีวิตในภายภาคหน้าครับ

 

คิดเหมือนผมเลยครับ ชีวิตขอทานก็น่าศึกษาในบางมุม โดยเฉพาะชิวิต จากคนที่มีประสบการณ์ด้าน วัตถุมงคล ด้าน เทพ เทวดา ด้านพระรัตนตรัย ด้านภูติผี ปีศาจ

คนเรา แค่เรียนมาน่ะครับ แต่ทักษะชีวิตนี่ เราเรียนมาจาก พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ จากโรงเรียน จาก มหาวิทยาลัย จากการทำงาน จากเพื่อนฝูง มันบอกกันไม่ได้แต่ต้องสัมผัสและ ฝึกปรือเอาเอง

 

ล็อกเก็ต หลวงพ่อ บุญศรีวัดใหม่

ก่อนจะบรรยายความ ใครมีล็อกเก็ต หลวงปู่ในช่วงนี้ ไม่น่ามีปลอม ให้ขึ้นคอทันทีน่ะครับ

แล้วท่านจะสัมผัสเองว่า ห้อยอะไรในคอ

ล็อกเก็ตนี้มีขนาดเล็กกระทัดรัด สูง ประมาณ ๐.๘๖ นิ้ว และ กว้างประมาณ ๐.๖๗ นิ้ว ขนาดใหญ่กว่านี้ไม่เคยเห็นน่ะครับ แต่อาจจะมีของส่วนตัว ซึ่งเล่นยาก ล็อกเก็ตนี้ หลวงปู่สั่งทำเองน่ะครับ ทำทีไม่มาก น่าจะหลักร้อย ทีล่ะกล่อง ได้แล้วท่านเอามาแจก จะเลือกคนแจกหน่อย เพราะของมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะแจกเหรียญแจกพระมากกว่า

มีวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ และ ล็อกเก็ตเท่านั้นที่ท่านสั่งทำเอง

ยังมีต่อ

 

กราบนมัสการหลวงพ่อทรง และหลวงปู่บุญศรีครับ

ผมเชื่อว่าสิ่งพิเศษเหล่านี้มีจริง แต่ผมเองไม่เคยสัมผัสได้เลยทั้งด้านดี หรือไม่ดี บางครั้งผมก็นึกสงสัยบ้าง แต่ผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ และครูบาอาจารย์ต่างๆ ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอตามภูมิธรรมของผมเอง แต่มีบางครั้งที่อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมวาสนาเรามันน้อยนัก ไม่เห็นมีความก้าวหน้าให้เห็นบ้างเลย สิ่งเหนือโลกนี่ผมว่าผมไม่เคยสัมผัสได้เลย แต่สิ่งที่ทำให้ผมยังปฏิบัติตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน คือความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง โลภ โกรธ หลง น้อยลง ตามทันสภาวะที่เกิดได้มากขึ้น เลวน้อยลง

นอกนั้นผมไม่มีวาสนาทางนี้เลยครับ

 

คิดแบบนั้นก็อาจจะคิดด้านเดียวน่ะครับ ว่าตัวเองไม่มีวาสนา

ประเด็นคือ ถ้าท่านเห็นจิตของท่านว่าเป็นอย่างไรในภาวะปัจุบัน ก็พอครับ การที่จะสัมผัสอะไร มันเป็นของแถม อย่าไปอยากสัมผัส สัมผัสแต่จิตของท่านด้วยสติก็พอ บางครั้งของแถมที่ไม่ดีก็มีเยอะ แถมมาจากชาติที่แล้วบ้าง แถมมาจากชาติปัจจุบันบ้าง สะสมหมักหมมกันไว้ ของแถมมานี่ เหมือนของฟรี ในสำนวนของ คนทำงาน ในธุรกิจ น้ำมันที่ผมทำงานอยู่มี วลี ฮิต ที่อมตะอยู่วลีหนึ่ง คือ

You always get what you pay for.

หมายความว่า คร่าวๆ เราจ่ายอะไร ได้ของมาอย่างนั้น

ของฟรี ได้มาฟรี หาดีๆ บางทีก็ยากที่จะดี เราจ่ายเงินไปเท่าไหร่ ได้ของคุณภาพแบบนั้นครับ

เราบางทีรู้มาก อ่านมาก สัญญามาก มากกว่าสติที่เรามี เราเลยปรุงมัน นึกว่าดี นึกว่าใช่ ....แต่มันไม่ใช่น่ะครับ คนที่สัญญาเยอะ มีความรู้จากการอ่านมาก นักปราชญ์แบบนี้มีเยอะครับ มีเยอะมาก

ทำตามแนวทางหลวงปู่ผม เจริญสติ ตามอริยาบท ทุกลมหายใจ พิจารณา อสุภะกรรมฐาน ( ร่างกาย ) + มรณานุสสติ ( ความตาย ) ไม่ต้องใช้กำลังสมาธิมาก ทำไปเรื่อยๆ เหมือน สร้างแบตเตอรี่ ( สร้างสติ ) พยายามสร้างแบตเตอรี่ที่ดี เมื่อแบตฯดี ก็รอวัน ที่จะชาร์จไฟเข้าไปให้เต็มเท่านั้นครับ

ท่านมาตามแนวทางนี้ ก็รอแต่เพียงผู้จะพาท่านไป ชาร์จไฟเท่านั้นครับ กรรมจะดึงมาให้เจอกันเอง อย่าไปกังวล ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า

 

รับทราบและขอบคุณครับพี่ สภาวะจิตนี่พอมองเห็นครับ ผมฝึกมาในแนวเจริญสติเหมือนกันครับพี่ มีสติในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ใจลอยนึกเรื่อยเปื่อย แล้วเวลานิ่งๆ ผัสสะน้อยๆก็จะดูลมหายใจ เพื่อดูจิตครับ

ผมก็คิดว่าผมอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง ได้มีโอกาสไปกราบและสอบถามหลวงพ่อที่ผมนับถือ ท่านก็บอกผมปฏิบัติได้ถูกต้องดีแล้ว แต่ก็ตามประสาของผมน่ะครับ เวลาฟังท่านอื่นๆ คุยกับท่าน เห็นโน่น เห็นนี่ เป็นยังงั้นๆๆๆ ผมเองไม่มีเลย มีแต่ รู้-เผลอ รู้-เผลอ สลับกันไปอย่างนี้ตลอดครับ การนั่งสมาธิของผมนี่พูดตรงๆ เหมือนกับนั่งดูจิตซะมากกว่าครับ ไม่เป็นสมาธิ ยกเว้นครั้งเดียว แต่ผมจำได้ไม่ลืมครับ

ส่วนอสุภกรรมฐานนี่ผมไม่เคยเลยครับ มีแค่ไปดูหนังสือที่ธรรมสภาพิมพ์มาขายเป็นรูปที่เอาไว้ดูเพื่อไว้ปลงครับ ผมเปิดดู ผมเห็นเลยว่าจิตผมนี่มันสลดเลยครับ แต่ก็ไม่ได้ซื้อกลับมา มันหดหู่ จนกลัวครับ

 

เอาเหรียญเต่าพระปัจเจกเนื้อแร่หลวงปู่บุญศรีแช่น้ำทำน้ำมนต์ นานไปหน่อยโลหะบางส่วนกลายเป็นขุยๆกระดำกระด่างทำไงดีครับพี่พี

 

อือ....อ่านแล้ว ลองทำบ้างแล้ว ขั้น ตอน จิตช่วงแรกๆ นี่ต้อง บังคับ ต้องฝืนกัน ต้อง สู้กับอารมณ์เก่า(ทางมืด)
แต่ก็ เหนื่อยเหมือนกันนะ...กับการต้องบังคับ ต้องฝืน อะไรบางอย่างนี่
แค่ว่าจะดูมันเฉยๆเพลอๆก็ไปปรุงไปแต่งไปเล่นหัวกับมันซะแล้ว...:'(

คิดอีก ที เกิดมากี่ทีๆ กิเลส ก็ ตัวเก่าๆหน้าเดิม โกรธ โลภ หลง ราคะแต่ทำไมเราจึง ฆ่ามันไม่ได้ สักที ...แหะ.ๆ.....เซ็งจ้า สู้ได้บ้าง ไม่ได้บ้างนี่เยอะกว่ามากๆเลยจ้า :'( แต่จะสู้ต่อไปจ้า....อ.พี:cool:

 

ค่อยๆล้างครับ การล้างเล่าแล้วยาว โทรมาคุยน่ะครับ

พอสะอาดแห้ง แล้วเลี่ยม ปลาสติกกันน้ำ พอแช่ทำน้ำมนต์ แช่ทั้งปลาสติกครับ

รับประกันว่าเหมือนกัน

 

จับประเด็น

จับประเด็นผิด

ไม่ได้ให้สู้น่ะจ้ะ สู้ก็แพ้ แพ้มาทุกที แพ้มาหลายครั้งแล้ว

ให้ดูเฉยๆ น่ะจ้ะ

แค่ดูจ้ะ ดูให้รู้จักให้ดี ดูให้เข้าใจ

ดูด้วยสติ ...เฉยๆ

ถ้าง่วงก็หลับไป

 

ของผมนั้งทีไร ต้องเข้าภวังค์ทุกทีครับพี่พี ชอบนั้งเวลาเดินทางไกล้ๆ

ครูบาอาจารย์ท่านว่า ร่างกายเราพักแต่จิตเราก็ปฏิบัติไปด้วย

เพราะรู้ตัวตลอด แต่มันไหลไปเอง ปล่อยไป ไม่อยากขืนไว้ครับ

ถ้าเครื่องตกตอนนั้นก็คงไม่ตกนรก แหะๆๆ