<CENTER> พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0"> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<CENTER>จตุจักกสูตรที่ ๙
</CENTER>[๗๔] ท. ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก สรีระมีจักร ๔ มี
ทวาร ๙ เต็มด้วยของไม่สะอาด ประกอบด้วยโลภะ ย่อม
เป็นดังว่าเปือกตม ความออกไป (จากทุกข์) ได้ จักมีได้
อย่างไร ฯ
[๗๕] ภ. ตัดความผูกโกรธด้วย กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดด้วย
ความปรารถนาและความโลภอันลามกด้วย ถอนตัณหาอันมี
อวิชชาเป็นมูลเสียแล้วอย่างนี้ ความออกไป (จากทุกข์)
จึงจักมีได้ ฯ
----------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0"> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<CENTER>เอณิชังคสูตรที่ ๑๐
</CENTER>[๗๖] ท. พวกข้าพระองค์เข้ามาเฝ้าแล้ว ขอทูลถามพระองค์
ผู้มีความเพียรซูบผอม มีแข้งดังเนื้อทราย มีอาหารน้อย ไม่มี
ความโลภ เป็นเหมือนราชสีห์และช้างเที่ยวไปผู้เดียว ไม่มี
ห่วงใยในกามทั้งหลาย บุคคลจะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร ฯ
[๗๗] ภ. กามคุณ ๕ มีใจเป็นที่ ๖ บัณฑิตประกาศแล้วในโลก
บุคคลเลิกความพอใจในนามรูปนี้ได้แล้ว ก็พ้นจากทุกข์ได้
อย่างนี้ ฯ
<CENTER>จบสัตติวรรคที่ ๓
</CENTER><CENTER class=l>-----------------------------------------------------
</CENTER>สูตรที่กล่าวในสัตติวรรคนั้น สัตติสูตร ผุสติสูตร ชฏาสูตร มโน-
*นิวารณสูตร อรหันตสูตร ปัชโชตสูตร สรสูตร มหัทธนสูตร จตุจักกสูตร
เป็นที่ ๙ กับเอณิชังคสูตร ครบ ๑๐ ฉะนี้แล ฯ
<CENTER class=l>-----------------------------------------------------
</CENTER>
--------------------------------------------------------------------
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0"> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<CENTER>สตุลลปกายิกวรรคที่ ๔
</CENTER><CENTER>สัพภิสูตรที่ ๑
</CENTER>[๗๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว
พวกเทวดาสตุลลปกายิกา (ผู้เทิดทูนธรรมของสัตบุรุษ) มากด้วยกัน มีวรรณงาม
ยังพระวิหารเชตวันให้สว่างทั่วกัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว
จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วจึงยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๗๙] เทวดาองค์หนึ่ง ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าว
คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ บุคคลทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว มีแต่คุณ
อันประเสริฐ ไม่มีโทษอันลามกเลย ฯ
[๘๐] ลำดับนั้น เทวดาอื่นอีกได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ บุคคลทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว ย่อมได้-
*ปัญญา หาได้ปัญญาแต่คนอันธพาลอื่นไม่ ฯ
[๘๑] ลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีกได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มี-
*พระภาคว่า
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ บุคคลทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว ย่อม
ไม่เศร้าโศก ในท่ามกลางแห่งเรื่องเป็นที่ตั้งแห่งความเศร้า-
*โศก ฯ
[๘๒] ลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีกได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มี-
*พระภาคว่า
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ บุคคลทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว ย่อม
ไพโรจน์ในท่ามกลางแห่งญาติ ฯ
[๘๓] ลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีกได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มี-
*พระภาคว่า
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ สัตว์ทั้งหลายทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว
ย่อมไปสู่สุคติ ฯ
[๘๔] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถานี้ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ สัตว์ทั้งหลายทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว
ย่อมดำรงอยู่สบายเนืองๆ ฯ
ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค คำของใครหนอแลเป็นสุภาษิต ฯ
[๘๕] พระผู้มีพระภาคตรัสบอกว่า คำของพวกท่านทั้งหมดเป็นสุภาษิต
โดยปริยาย ก็แต่พวกท่านจงฟังซึ่งคำของเราบ้าง
บุคคลควรนั่งร่วมกับพวกสัตบุรุษ ควรทำความสนิทกับพวก
สัตบุรุษ บุคคลทราบสัทธรรมของพวกสัตบุรุษแล้ว ย่อมพ้น-
*จากทุกข์ทั้งปวง ฯ
---------------------------------------------------------------------------
[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.601628/[/MUSIC]
แก้ไข:ซ้อมอ่านพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕
ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย mhutom, 4 มิถุนายน 2009.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เสียง อือๆ เเก้ได้ โดยการ ถอดปลั๊ก โน้ตบุ๊ค ออกคะ
(ไม่เเน่ใจว่าใช้โน้ตบุคหรือเปล่า)
เเต่ตอนพี่อ่านอัดใส่ โน้ตบุ๊คของพี่ เสียงเคยมีอาการเเบบนี้มาก่อนคะ -
อนุโมทนาค่ะพี่สันโดด แต่ของหนึ่งเป็นคอมพ์อ่ะค่ะ..เอิ๊กๆ;34 -
เเก้ได้ โดยการ ถอดปลั๊ก โน้ตบุ๊ค ออกคะ
เป็นเช่นนี้เองหรือค่ะ คุณสันโดษ จริง ๆนะ
จะได้ทราบ พยายามหาสาเหตุ เท่าไรๆ ว่าเพราะอะไร ไม่พบเจอ
ดีจัง สาธุค่ะ - ขอบคุณ คุณสันโดษ นะ
-
ของพี่กบก็เจอปัญหานี้ค่ะ เลยแก้ไขดังข้างล่างนี้ค่ะ
1. เวลาอัดมีเสียงรบกวน พี่กบแนะนำให้ mute microphone แต่ในโปรแกรมต้องเลือกใช้ ไมค์นะคะ
1.1 ในโปรแกรม wavepad เลือก microphone
1.2 คลิกรูปลำโพงที่มุมขวาล่างของจอ
1.3 ให้เช็คถูกตรงช่อง mute ของ microphone
<!-- google_ad_section_end --> -
.....................
พี่กบจ๋า...หนึ่งทำแล้วอ่ะค่ะ...ตอนนี้ก้ยังมีอยู่นิดๆๆอ่ะค่ะ ยังไงก้ขอบพระคุณนะคะ สาธุ;aa46ปล. ถ้าพี่กบยังไม่รวม หนึ่งขอแก้ตัวอีกรอบนะคะ เพราะไมค์เองก้เดี่ยวเงียบเดี่ยวไม่เงียบ เสร้จแล้วขออนุญาตตั้งกระทู้อีกรอบนะคะ -
สู้ๆ .. นะ ตะเอ๊งงงง