เรื่องเด่น แนวคำสอนสมเด็จโตเรื่องกายทิพย์สมาธิ

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย KWANPAT, 14 เมษายน 2012.

  1. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    วิธีการฝึกหาความชำนาญในการฝึกถอดจิต
    ๑.ชำนาญในการนึกหน่วงถึงนิมิต
    คือ เมื่อตั้งใจนึกถึงนิมิต นิมิตก็จะปรากฏทันที นิมิตในที่นี้หมายถึง จุดปวดเสียวตึง
    ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว โดยเบื้องต้นต้องหาตำแหน่งจุดเสียวตึง ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วให้พบ
    เมื่อพบแล้วต้องหมั่นเพ่งส่งพลังจิตเข้าไป ทับถมที่จุดปวดเสียวตึงนั้นให้หนาแน่นถึงจุดที่
    จะพัฒนาเป็นลูกข่างหัวโตที่หมุนได้มีข้างแหลมเจาะหน้าผากทะลุถึงท้ายทอยอยู่ตลอดเวลา
    พร้อมที่จะถอดจิตได้ โดยต้องหมั่นฝึกทบทวนอยู่เสมอทุกเวลา

    ๒.ชำนาญในการเข้าถึงการถอดจิต
    คือเมื่อถึงได้นิมิตแห่งลูกข่างหมุนเจาะถึงท้ายทอยแล้ว ต้องทำใจว่า ไม่กลัวตาย
    " ตายเป็นตาย " เป็นสรณะ ความกลัวตายเป็น เป็นคุณสมบัติของหมู่สัตว์
    เราจะต้องสังเกตอาการได้ ช่วงจังหวะที่กายทิพย์จะแยกออกจากกายเนื้อ
    มีสภาวะเหมือนกายเนื้อ จะขาดใจตาย ทำให้กายทิพย์ไม่กล้าแยกออกจากร่าง

    วิธีแก้ ต้องนึกมรณาสติความตายอยู่เสมอว่า ความตายเป็นสิ่งปกติติดตัวสัตว์โลก
    เราพร้อมที่จะตายทบทวนสำนึกอยู่เสมอสัจธรรมความตายอยู่เนืองนิดจนสืบสันดาน
    ก็จะล้างสัญญาเดิม เป็นการแก้ปัญหา ความกลัวตายได้ในระดับหนึ่ง และหมั่นพิจารณา
    ปลงอสุภะว่า เมื่อตายแล้วร่างกายเนื้อก็ต้องผุพัง เน่าเปื่อยสลายไป มองเห็นความ
    ไม่เที่ยงของชีวิตที่ต้องตายและกายเนื้อที่ต้องผุพัง ด้วยจิตที่หมด " ความกลัวตาย "
    จิตจึงอาจหาญสู้ไม่ถอย ก้าวไปข้างหน้า ส่งพลังจิตเน้นเพ่งเข้าไปที่จุดปวดเสียวตึง
    อย่างแรงกล้าต่อเนื่องเป็นที่สุดๆ แห่งชีวิตแล้วการถอดจิตก็จะเห็นผล สามารถแยก
    กายทิพย์ออกจากกายเนื้อได้สำเร็จ

     
  2. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ๓.ชำนาญการยับยั้งไว้ให้การถอดจิต
    ให้อยู่ในอารมณ์ที่แยกกายทิพย์อยู่นอกกายเนื้อนานเท่าที่ใจอยากจะอยู่
    เมื่อกายทิพย์แยกออกได้แล้ว ได้กระทบสัมผัสภาพ และเสียงทั้งสิ่งแวดล้อม
    ที่แปลกประหลาดจากชีวิตความเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดความกลัว คือ ความกลัวตาย
    ทำให้กายทิพย์อยู่นอกกายเนื้อได้ไม่นาน แต่เมื่อฝึกการรู้เท่าทัน ความตาย
    ความกลัวก็จะเบาบางลงได้

    วิธีสร้างพลังให้กายทิพย์อยู่นอกกายเนื้อได้นาน
    ท่านที่จะฝึกตามหัวข้อนี้ ขอให้ท่านต้องฝึกถอดจิตได้ในเบื้องต้นก่อน ที่สามารถแยก
    กายทิยพ์ออกจากกายเนื้อแล้ว เพียงแต่กายทิพย์ไม่สามารถอยู่นอกกายเนื้อได้นาน
    จึงให้ฝึกสลับกันไปได้แบบคละกันไป คือ ให้ฝึกทีละอย่างจนจบรอบหนึ่งก่อน ค่อยไป
    ฝึกอีกอย่างหรือฝึกอย่างน้อยฝึกอย่างละ ๓๐ นาที แล้วค่อยไปฝึกอีกอย่างระหว่าง
    ฝึกก็พยายามอย่านำวิธีหนึ่งไปบนกับอีกวิธีหนึ่ง จะทำให้สับสนวุ่นวายไปหมด
    จงรอให้แก่งจริงๆค่อยไปปนกันได้
     
  3. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ๓.๑ ฝึกลมปราณประมาณประสานพลังงานกายทิพย์
    ความแห่งการที่ภายในกายทิพย์มีพลังสมาธิน้อย เหมือนรถยนต์ที่หม้อแบตเตอรี่
    แต่ไม่ได้เติมกำลังไฟฟ้าเข้าไปให้เต็มหม้อแบตเตอรี่อยู่เสมอ เมื่อกายทิพย์แยก
    ออกจากร่างกายเนื้อ ไม่นานก็เหมือนหมดเรี่ยวแรงที่จะทรงอยู่ในอารมณ์นั้นได้นาน

    วิธีแก้ ต้องไปแก้ปัญหาที่กายเนื้อ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่ที่กายทิพยืแฝงอยู่ในกายเนื้อ
    อยู่ตลอดเวลา การฝึกกายเนื้อก็คือการฝึกกายทิพย์ ด้วยชีวิตประจำวัต ต้องหมั่นฝึก
    " ลมปราณ " เพื่อที่จะประสานงานพลังงานภายในภายเนื้อแผ่เข้าสู่กายทิพย์
    รวมตัวเป็นหนึ่งอยู่เสมอ

    ๓.๒ วิธีฝึกเพ่งรูปฌาน
    หลับตาลงมองไปข้างหน้าเรา จินตนาการสร้างภาพว่าเห็นดวงแก้วดวงหนึ่ง
    ให้ปรากฏที่หน้าเรา แล้วส่งพลังจิตจากท้ายทอยยิงทะลุหน้าผากเข้าไปอัด
    ให้แน่นในดวงแก้ว จนดวงแก้วนั้นสามารถเห็นได้ทุกๆ เมื่อทั้งหลับตาเห็น
    ลืมตาเห็นได้ เวลากลางคืนกลางวัน สุดท้ายคือเห็นได้ดังใจอยากเห็น
    เมื่อใดก็เห็นได้ ต้องฝึกทบทวนบ่อยๆ ฌานก็จะหนักแน่นอยู่ตลอดเวลา
    เพื่ออัดแน่นพลังงานที่เป็นพลังจิตจากกายเนื้อให้อัดแน่นในดวงแก้วที่เรา
    จงใจสร้างขึ้นมานั้น พลังจิตจะได้ไปสู่ปฐมฌานเจริญสู่จตุตุฌานสี่
    ขอให้หมั่นฝึกทบทวนฌานสม่ำเสมอให้ทรงอำนาจ ฌาณก็จะแน่วแน่
    มั่นคงอยู่เสมอ เมื่อลมปราณฝึกเพ่งรูปฌานอยู่เสมอในกายเนื้อแล้วนั่น
    พลังที่ฝึกได้ก็จะแผ่เข้าสู่จิตใต้สำนึกในสันดานสืบภพชาติ ซึมซับเข้า
    ในกายทิพย์ กายทิพย์และกายเนื้อก็จะทรงพลังเป็นหนึ่งอยู่เสมอ

     
  4. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ๓.๓ ฝึกสติสัมปชัญญะ
    การฝึกสติ คือ การฝึกกายเนื้อให้ทรงพลังจิตนิ่งไม่หวั่นไหวเป็นพลังจิตแห่งสติรู้
    เท่าทันในปัจจุบัน พลังสติ คือ พลังสมาธิที่ฝึกได้ดีจากการเก็บอารมณ์รู้เท่าทัน
    ปัจจุบันอยู่อย่างสม่ำเสมอ พลังสติเป็นสมาธิที่เป็นหนึ่งช่วงสั้นๆ ที่รู้เท่าทัน
    ปัจจุบันและสืบเนื่องช่วงต่อกันเป็นสายโซ่ของสมาธิช่วงสั้นๆร้อยตัวเป็นช่วงยาว
    เป็นขณะปัจจุบันทุกขณะจิตที่ตรวจตรารู้เท่าทันปัจจุบัน ซึ่งพลังสติเป็นจิตที่รู้
    เท่าทันปัจจุบันก็จะทำให้จิตใจไม่หวั่นไหวได้ง่ายๆ เมื่อกระทบสัมผัสอะไรแล้ว
    สามารถยับยั้งใจตั้งสติเร็ว รู้จักระงับและแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดีแล้ว
    สมารถดำเนินการต่อไปได้

     
  5. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ๔.ชำนาญในการออกจากการถอดจิต
    คือ เมื่อฝึกตามขั้นตอนชำนาญในการ ที่ถอดจิตอยู่นอกกายเนื้อได้นานเท่าที่อยาก
    จะอยู่ได้แล้ว โดยเฉพาะการฝึกสติรู้เท่าทันปัจจุบันในกายเนื้อ อย่างต่อเนื่อง
    พลังสติก็ซึมซับเข้าสู่สันดานกายทิพย์ สามารถฉุดคิดยับยั้งจิตให้อยู่กับปัจจุบัน
    เวลาอยากจะกลับ ก็สามารถกลับได้อย่างมีสติบังคับบัญชากายทิพย์ค่อยๆ
    เข้ากายเนื้ออย่างมีระบบ คนที่ไม่ฝึกสติ ส่วนใหญ่กายทิพย์เข้ากายเนื้อด้วย
    การตกใจกลับอย่างกระทันหันไร้สติ

    ๕. ชำนาญในการพิจารณาทบทวน
    คือ เมื่อถอดจิตแบบออกจากกายเนื้อได้แล้ว ต้องหมั่นฝึกถอดจิตอยู่สม่ำเสมอ
    สร้างความชำนาญ หากประสบการณ์ในการถอดจิตทั้งเข้าและออกจากกายเนื้อ
    การฝึกทบทวนบ่อยๆ ที่มีสติสัมปชัญญะ ความระลึกได้รู้เท่าทันปัจจุบัน
    ประสบการณ์สร้างสติสร้างปัญญาอันแหลมคมสามารถมองเห็นเหตุที่เป็น
    อุปสรรค และเหตุที่จะส่งเสริมให้จิตใจสำเร็จบรรลุผลการฝึกถอดจิตอย่างมั่นคง
     
  6. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    วิธีการฝึกถอดจิตชั้นสูง
    เมื่อฝึกถอดจิตได้ครั้งหนึ่งแล้ว ต้องพยายามฝึกถอดจิตสม่ำเสมอหาประสบการณ์
    จากการฝึกหาความชำนาญให้มากขึ้น เมื่อถอดจิตได้แล้ว พยายามอย่าอยากรู้
    อยากเห็นที่จะไปเที่ยว ต้องหัดฝึกจนสามารถควบคุมกายทิพย์ออกจากกายเนื้อง่าย
    เหมือนกายทิพย์ก้าวออกจากกายเนื้อ เหมือคนเดินออกจากบ้านและเข้าบ้านอย่าง่ายๆ
    ดังใจปราราถนาทุกๆ ครั้ง ที่อยากจะถอดจิต เมื่อปฏิบัติได้อย่างนี้แล้ว ก็เตรียมตัว
    ปฏิบัติก่อนอื่น ควรฝึกในเวลากลางคืนที่เงียบสงบ

    วิธีพอกกายเนื้อ


    สวดมนต์ไหว้พระแล้ว อาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา
    คุณครูบาอาจารย์ ให้ท่านโปรดช่วยคุ้มครองกายเนื้อเราด้วย ( สำหรับท่านที่ถอดจิตได้แล้ว )
    นั่งสมาธิในท่าขัดสมาธิสบายๆ ประคองอารมณ์กลางๆ สบายๆ เพ่งมองไปที่จุดปวด
    เสียวตึงที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว เพ่งจนถึงจุดทีสามารถแยกกายทิพย์ออกจากกายเนื้อแล้ว
    บางท่านถอดจิตได้ดีแล้ว ก็ใช้อธิฐาน ให้กายทิพย์แยกออกมาอย่างดีได้แล้ว
    ประคองบังคับให้กายทิพย์หันหน้าเข้าหากายเนื้อ อย่าตกใจกายทิพย์ที่เห็น
    ก็คือวิญญาณเราเอง
     
  7. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    เมื่อแยกกายทิพย์ออกจากกายเนื้อแล้ว ขณะนี้กายทิพย์และกายเนื้อหันหน้า
    เข้าหากันต่างมีสติอยู่ระดับหนึ่ง ตั้งความรู้สึกอยู่ที่กายเนื้อ สมมุติสร้างภาพขึ้นมาว่า
    ที่ท้ายทอยตรงก้านสมองของกายเนื้อเป็นที่ตั้งปืนกลกระบอกหนึ่งแล้ว ปืนกลก็ยิง
    กระสุนออกไปทีละนัด โดยยิงนัดต่อนัดเรียงเป็นแถวตรงนัดต่อเนื่องพุ่งเข้าไปที่จุด
    ปวดเสียวตึง ของกึ่งกลางระหว่างคิ้วของกายเนื้อทะลุหน้าผากกายเนื้อ พุ่งออกไป
    ยังจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วที่ " กายทิพย์ " กระสุนพุ่งเป็นแถวยาวไม่มีสิ้นสุด
    (ทำใจสบายๆ อย่าเครียด อย่าเร่ง ) กายเนื้อยังคงหลับตาใช้สร้างภาพ
    เหมือนมีตาในจ้องมองเจาะจงเล็งเฉพาะจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วของกายทิพย์
    เพียงจุดเดียวด้วยพลังจิตรุนแรงแน่วแน่เรียบๆ แต่ทรงพลังส่งพลังจิตพุ่งเข้า
    เป้าหมายกึ่งกลางระหว่างคิ้วของกายทิพย์ เพิ่มมากขึ้นๆ ทีวีคูณหลายๆครั้ง
    แรงขึ้นหลายเท่าตัวอย่างต่อเนื้อง เป็นการเพ่งมองทวีคูณ ดึงพลังจิตออก
    จากกายเนื้อเข้าไปพอกที่กายทิพย์ อย่างต่อเนื้อง ( กายเนื้อหายใจปกติ
    อย่าเครียดสงบสบายไปเรื่อย )

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Lede_4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.7 KB
      เปิดดู:
      341
  8. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    การปฏิบัติอย่างนี้ควรฝึกอย่างน้อยครั้งละ ๑ ชั่วโมงแล้ว ค่อยๆ เพิ่มเป็น ๒ ช.ม.ต่อครั้ง
    แล้วออกจากสมาธิอย่างช้าๆ ถ้าฝึกตอนเช้า ๓.๐๐ ถึง ๖.๐๐ น. จะดีมาก เพราะเป็นเวลา
    เทวดาโปรดสัตว์จะเสริมการฝึกได้ดี ใหม่ๆ ไม่ควรฝึกนานกว่านี้ เพราะทั้งกายเนื้อกายทิพย์
    ต่างก็เมื่อยล้าอ่อนเพลียใหม่ๆ ควรฝึกน้อยๆ บ่อยๆ กายทิพย์ที่ขาวใสเหมือนน้ำเปล่าก็
    จะค่อยๆ ขุ่นมากขึ้นเหมือนน้ำนม จนวันหนึ่งกายทิพย์ก็จะมีเนื้อหนังให้เห็นสมจริงได้

    ขณะนี้กายทิพย์ยังคงนั่งอยู่หน้าเข้าหากายเนื้อ และอยู่ตรงข้ามกับกายเนื้อ
    ใช้ความนึกคิดของกายเนื้อ บริหารคิดสั่งการให้กายทิพย์เรานั้น ค่อยๆ ขยายใหญ่ๆ
    ขึ้นเรื่อยๆช้าๆ นิ่มๆ มีสติตามทันขอให้อย่าขยายเร็ว จิตจะได้ตามทันการขยายได้ดี

    แล้วหัดเคลื่อนกายทิพย์ขึ้นสูงลงต่ำไปไกลเข้าใกล้ และไปซ้ายไปขวาอย่างช้าๆ
    ต่อเนื่อง เมื่อบริหารอิริยาบถต่างๆ จนชำนาญแล้ว ก็ให้เรียกกายทิพย์เข้ากายเนื้อ
    แล้วนั่งสมาธิปรับลมหายใจให้สงบก่อนค่อยๆ ออกจากสมาธิเป็นกสร้างความสมดุลย์
    ก่อนคลายออกจากสมาธิ
     
  9. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ฝึกลืมตาเห็นกายทิพย์ในเวลากลางคืน ( ความมืด )
    เมื่อหลับตาแยกกายทิพยื จนสามารถพอกายทิพย์สมจริงได้ดังกายเนื้อแล้ว
    หัดลืมตานั่งสมาธในเวลากลางคืน ( ความมืด ) แล้วแยกกายทิพย์ออกมา
    ให้เห็นในลักษระที่ตาของกายเนื้อนมองเห็นกายทิพย์ ตาของกายเนื้อจ้องมอง
    ตาของกายทิพย์ไว้แล้วส่งพลังจิตจากท้ายทอยยิงทะลุหน้าผากตรงกึ่งกลาง
    ระหว่างคิ้วของกายเนื้อพุ่งตรงไปยังกึ่งกลางระหว่างคิ้วของกายทิพย์แบบทวีคูณ
    ดึงพลังจิตออกจากกายเนื้อเข้าไปพอกที่กายทิพย์ทำอย่างต่อเนื่องจนวันหนึ่ง
    กายทิพย์ก็จะมีให้เห็นเนื้อหนังสมจริงได้แล้ว ก็หัดขยายใหญ่ย่อเล็กไป
    ไกลมาใกล้ ขึ้นสูงต่ำจนเกิดความชำนาญ
     
  10. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    หัดฝึกลืมตาเห็นกายทิพย์ในเวลากลางวัน ( ในความสว่าง )
    ฝึกในเวลากลางวันท่ามกลางแสงสว่างลืมตานั่งสมาธิแล้ว เพ่งมองไปที่จุดปวด
    เสียวตึงกึ่งกลางระหว่างคิ้วของกายเนื้อ แยกกายทิพย์ออกมาให้ตาเนื้อมองเห็น
    กายทิพย์ในเวลากลางวันกลางแสงสว่าง ตาของกายเนื้อจ้องมองตาของกาย
    ทิพย์ที่หันหน้าเข้าหาส่งพลังจิตจากท้ายทอยยิงทะลุผากของกายเนื้อ เพ่งพุ่ง
    เข้าไปยังกึ่งกลางระหว่างคิ้วของกายทิพย์แบบทวีคูณ ดึงพลังจิตออกจาก
    กายเนื้อเข้าไปพอกที่กายทิพย์อย่างต่อเนื่อง จนวันหนึงกายทิพย์ก็จะมีให้
    เห็นเนื้อหนังสมจริงดังกายเนื้อได้ ( อย่าตกใจตัวเราเอง ) แลัวหัดขยายใหญ่
    ย่อเล็กไปไกลมาใกล้ขึ้นสูงต่ำ ฝึกจนชำนาญดีแล้ว ก็จะสามารถแยกกายทิพย์
    ออกได้ทุกเมื่อที่อยากจะแยกกายทิพย์ออกจากกายเนื้อดังใจปราราถนาเช่นนี้เอง

    ระหว่างฝึกถอดจิตทุกขณะ ถ้ามีภาพหลอน เสียงประหลาดอย่าตกใจ
    แล้วทำใจให้สงบ " ตายเป็น " มีสติอย่าแตกตื่น เพ่งพิจารณาด้วยปัญญา
    สอบสวนด้วยเหตุผล อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ แล้วปล่อยให้ภาพเสียงเหล่านั้น
    หายไปเอง ( ด้วยเหตุที่ไม่ปรุงแต่ง ) ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ค่อยเรียกครูบาอาจารย์
    ช่วยคุ้มครองให้พ้นภัย เมื่อฝึกได้แล้ว หมั่นฝึกทบทวนสม่ำเสมอ เป็นการทบทวน
    ต่อเนื่องจนกว่าจะถึงวันตาย กายทิพย์ก็จะสามารถแยกออกจากกายเนื้ออย่าง
    สง่าผ่าเผย เหาะสู่สวรรค์บำเพ็ญต่อไป ไม่เหมือนสามัญชนที่ต้องทนทรมาน
    มากกว่าจะแยกกายทิพย์ออกได้

    ข้อห้าม จำไว้ไม่ไปท่องเที่ยวนรกสวรรค์ ไม่ปรากฏตัวให้คนอื่นเห็น
    แอบฝึกเงียบๆ แล้วจะไม่มีภัยมาหาทำร้ายเราได้ ไม่เอากายทิพย์
    ไปทำร้ายคนอื่น และไม่เอากายทิพย์ไปช่วยใครต่อใคร ( มีแต่ภัย )
    ตัวเราคึกคนองทรนง บ้าบิ่นโอ้อวดอยากเด่น จะมีภัย กฎแห่งกรรม
    นรกอเวจีจะถามหาลงโทษผู้ลืมตน ที่ไม่อยู่ในศีลธรรม เมื่อนั้นครูบาอาจารย์
    จะไม่ช่วยเราอย่างเด็ดขาด

     
  11. TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ======

    เริ่มต้นก็ผิดแล้วครับ เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า อะตอมคือ อนุภาคที่มีขาดเล็ที่สุดของธาตุวัตถุต่างๆ ที่เรียกรวมว่าโมเลกุล รวมกันก็กลายเป็น สะสาร เป็นมวลสาร เป็นร่างกาย วัตถุ สิ่งของ

    จิตในทางหลักวิทยาศาสตร์ คือ กลุ่มพลังงานหนึ่งๆ
    อำนาจของจิตหรือพลังจิตเกิดปฏิสัมพันธ์ ปฏิสนธิจิต เมื่อคราวที่จิตมาจุติเกิดในครรภ์แห่งมารดา และในครั้งนั้น ทำให้จิตมีการเปลี่ยนภูมิเปลี่ยนเคลื่อนอัตภาพไปสู่ภพภูมิใหม่ จิตจึงเกิดการตกภวังค์และลืมอดีตชาติ สิ้น และในสภาวะแห่งจิตที่มีการเปลี่ยนอัตภาพนี้อำนาจจิตหรือพลังจิตได้เคลื่อนขยายปกคลุมทั่วอวัยวะน้อยใหญ่ ของทารกน้อย ตั้งแต่ทารกน้อย จนกระทั่ง การลืมตาดูโลกจากเด็กน้อยเล็กจนเราโต จิตเราได้แผ่ปกคลุมอยู่กับทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งมีการสอดรับ กับอายะนะภายในทั้งหมด และสอดรับกับระบบประสาทของร่างกายเราทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอะตอมที่เป็นสสารธาตุวัตถุครับ

    หากมีเวลารบกวนให้เข้าไปอ่าน เรื่องที่สมเด็จโตได้อธิบายการจุติเกิดของ สรรพสัตว์ และเหตุแห่งการลืม อดีตชาติครับ ท่านสอนได้ดีมาก

    ส่วนเจ้าของกระทู้เล่ามาให้ฟัง ผิดคำสอนของสมเด็จโต แน่นอนเพราะไม่ตรงกับที่ผมศึกษามา หรือท่านคงนึกของท่านเอาเอง แถมดูจากคำสอนที่เล่ามา ผมไม่ขอวิจารย์การปฏิบัติของท่าน เพราะอาจจะทำให้เกิดความขุนเคืองซึ่งกันและกันได้ครับ

    การกล่าวอ้างคำสอนท่านสมเด็จปู่โต ที่สอนกันผิดๆเช่นนี้ ผมต้องขอแย้งท่านเพราะ
    1ด้วยท่านสมเด็จโตเป็นครูอาจารย์ผม
    2อาจทำให้เกิดคงวามเข้าใจผิดในธรรม การสื่อความผิดอาจก่อให้เกิดบาบเวรแก่ผู้อื่นและต่อบรมครูท่านปู่โตได้ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ไฟฟ้า ไม่ช็อต กายทิพย์ อะตอมที่ไหน นามรูป
     
  13. ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ได้บารมี พระคุ้ม ครอง เคยชินออกได้ บอกเป็นงาน ปั่นปวน ด้วยขันธ์ 5 ฝากพ ิจารณาด้วยครับ บุญหรือบาป
     
  14. Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040


    กราบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
     
  15. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ขอบคุณค่ะอนุโมทนาบุญเช่นกันค่ะ

     
  16. kveera สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +9
    ขออนุโมทนาด้วย ที่ท่านนำความรู้ด้านธรรมมาให้แก่ผู้รู้น้อยอย่างข้าพเจ้า
     
  17. ko22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +125
    ขอถามหน่อยครับ ท่านผู้รู้เวลาที่จิตเราออกจากร่าง ทำไมมันควบคุมไม่ค่อยได้เหมือนมันจะลอยอยู่ตลอดเวลา และภาพที่เห็นก็เห็นแบบลางๆ เป็นรูปข่าวดำครับ
     
  18. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    กายทิพย์เมื่อจิตออกจากร่าง จะมีลักษณะเหมือนลอย อยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก
    เวลาเดิน ก็จะลอยอยู่เหนือพื้นประมาณ 1 คืบ เมื่อจิตนึกถึงที่ใดก็สามารถไป
    ที่นั่นได้ทันทีอย่างรวดเร็ว ในเรื่องของภาพข้าพเจ้าก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไรทำไมถึงเป็นรูปขาวดำ เพราะส่วนตัวข้าพเจ้าเคยเห็นภาพสีดำ
    ก็ตอนเมื่อที่ได้พบดวงจิตของบิดาที่เสียไป จะเห็นภาพท่านเป็นสีขาวดำหม่นหมอง ในสถานที่ท่านเสียชีวิตไป ไม่สามารถพูดกับท่านได้ ส่วนสถานที่อื่นๆที่ข้าพเจ้าได้เคยไป ก็เป็นภาพสีแต่จิตไปเร็วมาเร็ว บางสถานที่ที่เป็นทิพย์
    ของสถานที่ศักดิสิทธิ์ ถ้าเจ้าของสถานที่สิ่งศักดิสิทธิ์ไม่อนุญาติก็ไม่สามารถเข้าไปได้ในสถานที่นั้นๆ

     
  19. จารุลักษณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +647
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
    สุดยอด (smile) ขอบคุณนะคะ
     
  20. KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    กราบขอโมทนาบุญด้วยเช่นกัน
    ขอให้ท่านเป็นผู้ท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
    ด้วยบุญกุศลที่ท่านได้สะสมมาตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ
    เจริญด้วยด้วยโภคทรัพย์ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
    ธนะสมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ตลอดกาลนานเทอญสาธุ
    fairy3catt12

     

แชร์หน้านี้