โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
"ผมก็เคยปฏิบัติมานานพอสมควรได้ ๔๐-๕๐ ปีกว่าแล้ว กลัวก็เคยกลัว กล้าก็เคยกล้า รักก็เคยรัก ชังก็เคยชัง เกลียดก็เคยเกลียด โกรธก็เคยโกรธ เพราะหัวใจมี มิใช่คนตายพระตาย แต่ก็พยายามทรมานตนเต็มความสามารถไม่ท้อถอยตลอดมา สิ่งเหล่านี้ที่เคยมีอำนาจก็ทลายลงด้วยอำนาจความเพียรของผู้กล้าตาย ไม่มีอะไรมาแอบซ่อนอยู่ในใจได้ อยู่ที่ไหนก็สบายหายกังวล ไม่มีอะไรมาก่อกวนให้หลงกลัวหลงกล้า หลงรักหลงชัง หลงเกลียด หลงโกรธ
อันเป็นเรื่องไฟกิเลสทั้งกองเผาใจดังที่เคยเป็น ที่กล่าวมานี้ จะเพราะเหตุอะไรถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกทรมานใจให้อยู่ใต้อำนาจแห่งเหตุผลคืออรรถธรรม"
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
แนวทางปฏิบัติธรรมของ หลวงปู่ต่างๆ
ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย aprin, 20 เมษายน 2008.
หน้า 90 ของ 94
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก
วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี
การทำความพากความเพียร การเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เป็นหน้าที่ของพวกเราท่านทั้งหลาย พยายามทำให้มาก เจริญให้มาก ถ้าทำมากแล้ว จิตใจจะได้รับความสงบร่มเย็นมีความสุข คิดขึ้นมาเมื่อไร ระลึกขึ้นมาเมื่อไร ใจของเราก็อบอุ่น จิตใจของเรามั่นคง จิตใจของเราไม่กระสับกระส่าย ไม่เป็นทุกข์ไม่เดือดร้อน
เพราะเหตุนั้น พวกเราท่านทั้งหลาย ให้พากันตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติสั่งสมคุณงามความดีเอาไว้ พยายามนั่งภาวนาให้มาก อดนอนผ่อนอาหาร เราจะกินตามอำเภอใจ นอนตามอำเภอใจ พูดคุยตามอำเภอใจ สนุกสนานตามอำเภอใจ
ธรรมะไม่เกิดกับผู้ปฏิบัติเช่นนั้น ธรรมะจะเกิดกับผู้อยากทำไม่ทำ อยากพูดไม่พูด อยากกินไม่กิน อยากนอนไม่นอน ต้องฝืน ธรรมะจะเกิดกับผู้ปฏิบัติฝึกหัดดัดตนเช่นนั้น
หลวงปู่อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๔๙ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงตาสมหมาย อตฺตมโน
วัดป่าสันติกาวาส อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี
"ความสุขที่เกิดจากความสงบของใจของเรา ที่ไม่วุ่นวายแส่ส่ายตามสัญญาอารมณ์ หรือตามโลกธรรมทั้งแปด ก็ย่อมให้คุณให้ประโยชน์ยิ่งกว่าความสงบภายนอก เพราะว่า ความสุขอันแท้จริงที่จะเกิดมี ได้เกิดอยู่ที่ใจ เกิดจากใจที่มีธรรม คือ สมาธิธรรม และปัญญาธรรม"
หลวงตาสมหมาย อตฺตมโน
แสดงธรรม ณ วัดป่าโนนม่วง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี
๑๘ กันยายน ๒๕๒๘
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
วัดบรรพตคีรี จ.มุกดาหาร
"เจ็ดสิบแปดสิบปีในมนุษย์โลก มันก็เท่าหนึ่งวินาทีในชั้นพรหมโลกก็ไม่ได้ อาฬารดาบส อุทกดาบสรามบุตรนี้ มีอายุแปดหมื่นสี่พันกัปป์ เมื่อสิ้นอานิสงส์อันนั้นแล้ว ก็จะได้มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง มนุษย์บ้าง เปรตอสุรกายบ้าง สัตว์มีอายุยืนถึงเพียงนั้นแล้ว ก็ยังอยู่ในอำนาจอนิจจัง เหตุฉะนั้นแล้วจึงไม่ควรยินดีในโลกใดทั้งสิ้น"
หลวงปู่หล้า เขมปัตโตไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
บาปนั้นพอแล้ว
ไม่ต้องทำอีก
บุญนั่นแหล่ะยังน้อยอยู่
ให้รีบทำ
หลวงปู่สิม พุทธาจาโรไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
พื้น แผ่นดิน แม่น้ำ ภูเขา ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
คนเรามีปัญญาถมทำให้เป็นถนน
ขุดให้เป็นแม่น้ำ ลำคลอง ทำสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่
สร้างทำนบกั้นน้ำ ขุดอุโมงค์ทะเลภูเขา
เรียกว่าใช้กรรมปัจจุบัน ปรับปรุงธรรมชาติฉันใด
ความขรุขระของชีวิต เพราะกรรมเก่าก็ฉันนั้น
เหมือนความขรุขระของแผ่นดินตามธรรมชาติ
คนเรา สามารถประกอบกรรมปัจจุบันปรับปรุง
สกัดกั้นกรรมเก่าเหมือนอย่างสร้างทำนบกั้นน้ำเป็นต้น
เพราะคนเรามีปัญญา
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
"ภาวนา เพื่อสละทุกสิ่ง"
"ภาวนาก็ไม่ใช่เรื่องปรารถนา "แต่มันเป็นเรื่องสละทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ของที่มีอยู่" เวลาภาวนาก็ทำเหมือนกับไม่มี ถ้ายังปรารถนาอยากเห็นนั่นเห็นนี่อยู่แล้วมิใช่ภาวนา เป็นพาวน พาวุ่น พาเวียนต่างหาก ที่เห็นนางฟ้าเทวดาก็เป็นผลพลอยได้จากการสละนั้นต่างหาก และก็มิใช่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการภาวนานั้นด้วย
จุดมุ่งหมายของการภาวนาแท้ "คือการพิจารณาเห็นอัตภาพขันธ์อันนี้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" มีสภาวะเกิดดับอยู่อย่างนั้น "จนจิตสลดสังเวชเบื่อหน่าย คลายความกำหนัดยินดีในรูปนาม" ปล่อยวางอุปาทานเสียได้ "ด้วยอำนาจวิปัสสนา" นั่นจึงจะ เรียกว่าภาวนา"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสีไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี
"ถ้าใจไม่สงบ จะไม่เห็นกิเลส"
"ความสงบ" นี้สำคัญมาก ถ้าไม่สงบจะ "ไม่เห็นกิเลส" ถ้ามีความสงบ พอไปสัมผัสรับรู้อะไร แล้วใจกระเพื่อมขึ้นมา ก็จะรู้ทันทีว่ากิเลสโผล่ออกมาแล้ว ระดับของใจที่ไม่สงบ ต้องกระเพื่อมแรง หน้าดำคร่ำเครียด ร้องห่มร้องไห้ ถึงจะเห็นว่า "ใจทุกข์"
สำหรับใจที่สงบ เพียงแต่คิด เพียงแต่อยากเท่านั้นเอง ก็จะเห็นว่าใจทุกข์แล้ว
หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโตไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
"เมื่อต่างคนต่างทำความดีแล้วเราก็ส่งเสริมกัน เราไม่กลัวว่าใครจะล้ำหน้าตน ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเอาเปรียบตน ไม่ต้องกลัวแบบนั้นนะ
ใครจะทำดีสูงกว่าเรา เราก็โมทนาด้วย ถ้าเพื่อนจะละกิเลสขาดจากสันดานไปก็...โอ้สาธุ! ขออนุโมทนา ถ้าเรายังละกิเลสไม่หมดก็ไม่เป็นไร เราก็พยายามฝึกตนไป นี่ลักษณะผู้มีบุญมากขึ้นในใจแล้ว มันก็เป็นอย่างนี้แหละ"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อกรรมของตนเองจะป้ายไปให้คนอื่นไม่ได้ คนทำดีจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตามก็เป็นคนดี เพราะกรรมของตน ใครจะรู้หรือชื่นชมหรือไม่ก็ตาม ตัวผู้ทำรู้สึกตัวเองว่าทำดี คนที่ทำไม่ดี เช่น ประพฤติตนเกะกะระรานเป็นคนหัวขโมย ก็เป็นคนชั่วเพราะกรรมของตน ใครจะรู้หรือไม่ก็ตาม ตัวผู้ทำเองก็รู้สึกว่าตัวทำชั่ว อาจจะป้ายความผิดให้ผู้อื่นด้วยการหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่จะหลอกตัวเองไม่ได้ ตัวเองย่อมรู้สึกย่อมรู้สึกสำนึกตัวเองอย่างเต็มที่
ฉะนั้น เมื่อทำดี ทำชั่วแล้ว จึงปัดดี-ปัดชั่วออกไปให้พ้นตัวเองไม่ได้ เพราะรู้สึกตัวเองอยู่ทางจิตของตน ใครจะแย่งดี ไปจะใส่ชั่วให้ก็ไม่ได้นอกจากจะหลอกให้คนอื่นเข้าใจผิดเท่านั้น
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่เสถียร คุณวโร
วัดถ้ำพระภูวัว ต.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ
"ภาวนาน่ะ ให้ทำไปเถอะ ไม่ต้องถามเยอะ ต้องอดทน สู้ไม่ถอย ทำความเพียรต่อเนื่อง เบิ่งใจให้มันดี ถ้าใจดีเมิ้ดแล่ว อีหยังก็ดีโม้ด ครูบาอาจารย์ได้แต่แนะนำแนวทางปฏิบัติ
ธรรมะต้องค้นหาเองตามจริต และบารมีเดิมที่สร้างมา พูดง่าย ทำยาก ถ้าตั้งใจจริง ก็ทำได้ไม่ยาก"
หลวงปู่เสถียร คุณวโรไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่หลุย จันทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
"คนมีธรรมะเป็นที่สบายของจิต คนไม่มีธรรมะข่มจิต เป็นทุกข์อย่างยิ่ง เพราะแบกขันธ์ หาบขันธ์ ๕
ธรรมะความเกิดดับ แสดงเป็นอริยสัจอยู่เรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย พราหมณ์ผู้เพ่งอยู่ของความแปรปรวน ย่อมรู้ธรรม เห็นธรรม จิตอยู่ที่ไหน ย่อมรู้แจ้ง ณ ที่นั้น ดังนี้ ขยายปฏิภาคมากไว้เช่นนั้น เห็นธรรมะอยู่เช่นนั้น ย่อมแก้ความสงสัย รู้ธรรม เห็นธรรมะอย่างสุขุมลุ่มลึก จิตอย่าออกจากกาย เห็นแปรปรวนอยู่เรื่อย ๆ"
หลวงปู่หลุย จนทสาโรไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่มหาปิ่น ปญฺญพโล
วัดป่าแสนสำราญ ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ท่านอริยะย่อมอยู่เป็นสุข ก็เพราะมีธรรมเป็นที่พึ่งและที่อาศัย ดังต่อไปนี้
1. สักกายทิฐิ ไม่เห็นกายเป็นตน ไม่เห็นตนเป็นกาย ไม่เห็นกายมีในตน ไม่เห็นตนมีในกาย เหล่านี้เป็นต้น เช่น ใน เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ก็เหมือนกัน
2. วิจิกิจฉา ท่านข้ามทิฐิทั้ง 2 ได้แล้ว เชื่อต่อกรรม และ ผลของกรรม
3. สีลัพพตปรามาส ท่านเป็นผู้ไม่ถอยหลัง มีแต่เจริญก้าวหน้าไปจนถึงที่สุด ท่านพิจารณาเห็นแล้ว ในสัจธรรมตามเป็นจริงว่านี่ทุกข์ นี่เหตุให้เกิดทุกข์ นี่คือธรรม เป็นที่ดับทุกข์ นี่คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงธรรม อันเป็นที่ดับทุกข์ คือ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ดังนี้
หลวงปู่มหาปิ่น ปญฺญพโลไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
"ความทุกข์ของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด
ปลดนี่แล้ว ไปติดโน่น อยู่อย่างนี้ร่ำไปตลอดชาติ
ฉะนั้น ผู้มีปัญญาท่านจึงเบื่อทุกข์ในโลกนี้ แล้วหาทางหนีจากทุกข์ "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสีไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่ชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
ใจจะสงบได้
ก็ด้วยความเห็นที่ถูก
หลวงปู่ชา สุภัทโทไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโคธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
"ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้
เป็นของเย็น เป็นของบริสุทธิ์
บุคคลผู้มีปัญญาจะไม่ปฏิเสธธรรมของพระพุทธเจ้า
เพราะธรรม ถ้าอยู่ในจิตใจของผู้ใด
ผู้นั้นย่อมมีความสุข ความเจริญ ธรรมชาติของธรรมนั้น
ผู้ปฏิบัติผู้บำเพ็ญเท่านั้น จึงจะรู้ได้"
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
"ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนนั้น ไม่ใช่ธรรมะที่เพื่อฟังเฉยๆหรือรู้เฉยๆ แต่เป็นธรรมะที่ต้องปฏิบัติ ต้องทำให้เกิดขึ้น ต้องทำให้มีขึ้นในใจของเราให้ได้ จะไปที่ไหนก็ให้มีธรรมะ จะพูดก็ให้มีธรรมะ จะเดินก็ให้มีธรรมะ จะนอนก็ให้มีธรรมะ จะทำอะไรๆก็ให้มีธรรมะทั้งนั้น
คำว่า "มีธรรมะ" นี้ก็คือ จะทำอะไรก็ตาม จะพูดอะไรก็ตาม ให้ทำด้วยปัญญา ให้พูดด้วยปัญญา ให้นึกคิดด้วยปัญญา ผู้ใดมีสติ สัมปชัญญะ ควบกับปัญญาอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผู้นั้นย่อมอยู่ใกล้พระพุทธเจ้าทุกเมื่อ"
หลวงปู่ชา สุภทฺโทไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี
หัวใจของการปฏิบัติธรรมนี้ อยู่ที่การทำความเพียร การทำความเพียร ก็คือการเจริญสตินี่เอง นี่เป็นหัวใจสำคัญ หรือหลักของการบำเพ็ญความเพียร หลักของการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่มีการเจริญสติ ไม่เรียกว่าเป็นการทำความเพียร ไม่เรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม
การทำความเพียรอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ใจนี้ไม่ควรที่จะอยู่ปราศจากสติเลย ควรมีสติควบคุมใจอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้ามีสติควบคุมใจ ใจก็จะลอยไปลอยมาไม่ได้ ใจก็จะตั้งอยู่ในปัจจุบัน จะไม่ลอยไปในอดีต จะไม่ลอยไปในอนาคต ถ้าเวลานั่งอยู่เฉยๆ แล้วใจตั้งอยู่ในปัจจุบัน ใจก็จะรวมเข้าสู่ความสงบได้ เข้าสู่สมาธิได้
หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโตไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่ลี กุสลธโร
วัดเกษรศิลคุณธรรมเจดีย์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
"ความตายไม่รู้จะมาวันไหนนะ
นั่งก็ตาย นอนก็ตาย
พิจารณาเรื่องความอยาก
ให้มันชินกับความตาย"
หลวงปู่ลี กุสลธโรไฟล์ที่แนบมา:
-
-
โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
"ถ้าทำ อะไรแล้ว
เป็นทุกข์ ก็หยุดทำ
ถ้าพูด อะไรแล้ว
เป็นทุกข์ ก็หยุดพูด
ถ้าคิด อะไรแล้ว
เป็นทุกข์ ก็หยุดคิด"
หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโปไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 90 ของ 94