แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ ผมเก็บไว้แค่เหรียญเดียวครับ เป็นโค๊ดมะ เมื่อก่อนมีอยู่ 2-3 เหรียญ แต่น้อง ๆ มาขอแบ่งออกไปหมด จะไม่ให้ก็ไม่ได้ ที่มีอยู่ก็เก็บไว้ใช้อย่างที่คุณนำทางว่าเช่นกันครับ
     
  2. เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    ยินดีต้อนรับครับ...จะมาเมื่อไหร่ก็กระซิบบอกก่อนละกัน
    พอจะหาที่พักให้ได้ เว้นแต่มาเป็นคณะและช่วงวันหยุดหลายวันก็จะหายากหน่อย
    แต่ถ้าเป็นเพื่อนสมาชิกกระทู้พี่หนุ่มละก็ จะพยายามจนสุดความสามารถครับ
    หวังว่าสักวัน คงได้มีโอกาสต้อนรับเสี่ยเชน...นะครับ

    __________________
     
  3. Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785

    องค์นี้มีกี่โค้ดครับ

    ถ้า 1 โ้ค้ด เป็นเนื้อผงเห็กน้ำพี้ จะมีผงกสิณผสมนิดหน่อย คือแก่ผงเหล็กน้ำพี้ครับ ไม่เชื่อต้องลองเอาแม่เหล็กดูดดูได้เลย สีจะอมเทาเหมือนกัน

    ถ้า 2 โค้ด ผงกสิณล้วนๆครับ สีจะอมเทาเหมือนกัน
     
  4. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ถึงเวลานั้นเสี่ยเชนอย่าลืมขนเบียร์และไวด์ชั้นดีจาก กทม.ไปฝากคุณเมวาลัยด้วยนะครับ..(^_^) ... นึกภาพแล้วอยากไปนั่งดริ้งท่ามกลางขุนเขากับท่านเทวาลัยและเสี่ยเชนจริงๆครับ...ว่าแต่เพชรบูรณ์เนี่ยห่างจาก กทม. กี่กิโลอ่ะครับ..(^_^)..
     
  5. หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เมื่อเบื่อหน่ายชีวิต

    คนเรามักจะเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาในบางช่วงของชีวิตได้ แต่อย่าปล่อยให้ความเบื่อหน่ายนั้นมาเกาะกินใจของคุณ จนเป็นตัวทำลายอนาคต ทำลายความหวังและความฝันของคุณ มาขจัดความเบื่อหน่ายให้ไกลจากตัวคุณดังนี้

    1.คุณควรจะเริ่มต้นหันหน้าเผชิญปัญหาที่คุณปล่อยให้คาราคาซัง เป็นหนามตำใจคุณให้หมดไป ค่อยๆ แก้ปัญหาด้วยความมั่นใจ ค่อยๆ ทำ และไม่ปล่อยให้ปัญหาใหม่เรื้อรัง ค้างคา สาเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหน จะแก้ไขด้วยวิธีใด แก้ไขได้อย่างไร ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร ต้องปรึกษาใคร พ่อแม่พี่น้องญาติมิตรคนไหนที่ช่วยได้ ทุกวิถีทางที่จะทำให้ปัญหาหลุดพ้น คุณต้องเริ่มวางแผนและเลือกตัดสินใจ

    2.หลีกหนีจากความเคยชินเก่าๆ ที่คุณเคยกระทำมาทุกวัน หนีความซ้ำซากจำเจ คุณจะทำอย่างไรก็ได้ที่คิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับคุณ เช่น หลังจากแต่งงานแล้ว คุณไม่เคยไปดูหนังกันเลยเป็นเวลา 5 ปี คุณก็ควรหาเวลาให้กับตัวเองบ้าง ไม่ใช่คุณคิดว่าต่อไปนี้ชีวิตคุณมีไว้เพื่อลูก ทำทุกอย่างเพื่อลูกเท่านั้น คุณควรจะหันมาดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของตัวเองบ้าง หรือถ้าคุณคิดอยากจะแต่งบ้านมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที ก็ทำเสีย เพียงแต่มีเคล็ดอยู่นิดเดียวว่า ทำอะไรก็ได้ ขอให้เริ่มทำเสียแต่เดี๋ยวนี้

    3.อย่าหวังให้โชคดีวิ่งมาหาคุณ หรือรอคอยสิ่งที่คุณต้องการจากคนอื่น การรอคอยความหวังแบบฟลุกๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้ซื้อ

    4.หาโอกาสพบปะผู้คนให้มากๆ เปิดใจให้กว้าง พยายามมองชีวิตในหลายๆ แง่มุม การได้พบผู้คนใหม่ๆ อาจจะทำให้คุณได้ความคิดที่หลากหลาย การเข้าเรียนในคอร์สสั้นๆ ที่คุณสนใจ เช่น ภาษา ดนตรี การวาดภาพ กีฬา ศิลปะต่างๆ ฯลฯ จะได้พบเพื่อนใหม่มากมาย อย่าปล่อยตัวเองให้จมปลักอยู่แต่ในโลกของคุณเอง การเรียนรู้ชีวิตจากผู้คน จะทำให้คุณได้กำไรชีวิต เป็นเรื่องจริงที่คุณสัมผัสได้

    ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้น
    เสมือนเป็นข้อสอบข้อหนึ่ง ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
    ซึ่งคุณจะสอบผ่านหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวคุณนั่นเอง
     
  6. zea2516 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +797
    พี่เดชา ข้อมูลเยอะจริงๆครับ
    ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
     
  7. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขอบคุณครับคุณธวัชชัย..ผมจำไม่ได้ว่ากี่โค๊ต..แต่ที่จำได้คือเป็นแบบโค๊ตที่ราคาถูกสุดอ่ะครับ...(^_^)...เด๋วเย็นนี้กลับบ้านไปเปิดดูครับว่ากี่โค๊ต...(^_^)

    สวัสดีครับพี่หนุ่ม...(^_^)..
     
  8. โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดครับ คุณนอร์ ลองเปิดตลับดูที่ฐานขององค์พระนะครับ
     
  9. เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    ถูกอย่างที่คุณนำทางว่าเลยครับ
    ถ้าไม่มีเด็กๆมาด้วย มาเฉพาะก๊วนหนุ่มๆ
    หรือแค่พก"ปิ่นโต"มาด้วย นอนเต็นท์..มันส์กว่าเยอะเลย

    _________________
     
  10. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขอคุณน้าเดชาสำหรับเรื่องราวดีๆที่เกี่ยวกับสมเด็จย่าครับ....



    พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า...เป็นความประทับใจที่หาประมาณมิได้สำหรับตระกูลผมเลยครับ...(^_^)..


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11199.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.8 KB
      เปิดดู:
      426
  11. เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    555 คุณนอร์บรรยายซะเห็นภาพเลย
    เพชรบูรณ์ห่างจากกรุงเทพฯ 346 กม.ครับ
    เส้นทางสะดวกมาก สี่เลนตลอด รถก็ไม่เยอะ
    ทำเวลาได้ ผมไปประชุมที่ กทม.ยังไป-กลับ..สบาย
    จากตัวเมืองเพชรบูรณ์ไปเขาค้อก็ 45 กม.ครับ

    ปล.ไวน์ชั้นดีไม่ต้องครับ ที่เขาค้อมีเหล้าข้าวโพดชั้นดี(ของชาวม้ง)
    40 ดีกรีขึ้น แบบจุดไปติดพรึบ...ไว้คอยต้อนรับ อิ อิ
    _______________
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เวลา 10.09 AM
    ส่งโพสท์ขึ้นกระทู้พร้อมๆกันทีเดียว 3 คนเลยนะครับ
    สวัสดีตอนเช้าครับ เพื่อนๆทุกคน
     
  13. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ไม่ไกลเลยครับ ขับชิวๆ 3 ชม.ก็น่าจะถึงแล้ว...
    และจะดีที่สุดในท่ามกลางขุนเขาแห่งทะเลหมอกที่โอบล้อม..หากทว่า..ท่านประธานฯจะขนพิมพ์นิยมติดรถมาสัก 2-3 พิมพ์เพื่อให้ทุกอย่างลงตัวกับบรรยากาศ ณ จุดนี้นะครับ... จริงมั้ยครับท่านเทวาลัย & สหายเชนนน...(^_^)..
     
  14. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    นั่นสิครับพี่หนุ่ม...ผม,น้าเดชา และท่านประธานฯโต้ง กดส่งพร้อมๆกันในเวลาเดียวกันเลยยย..บังเอิญสุดๆ...(^_^)..
     
  15. เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
    ยิ่งติดพิมพ์นิยมมาเผื่อผมสักพิมพ์
    บรรยากาศคงอบอุ่นขึ้นเยอะเลย...

    _____________
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ชีวิตบัดซบ


    ย้อนหลังไปเมื่อสมัยยี่สิบปีที่ผ่านมานั้น ฉันเคยทำงานเป็นเสมียนบัญชีของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และได้รับ การแต่งตั้ง ให้เป็นเลขาประจำตัวผู้จัดการ ซึ่งฉันขอใช้ชื่อว่าคุณวิชิต ในตอนนั้นฉันอายุยี่สิบปี กำลังเป็นสาวไฟแรง ความใกล้ชิด ทำให้ฉันกับคุณวิชิต มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาตลอด โดยที่ฉันเต็มใจ และ พร้อมใจทุกครั้ง ที่เขาต้องการ
    ต่อมาฉันเริ่มมีอาการผิดปกติ นั่นหมายถึงว่าฉันเริ่มตั้งครรภ์ นี่เองกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตบัดซบ ในช่วงพักกลางวัน วันหนึ่ง ฉันได้ถือโอกาส ปรารภกับเขา แต่เพียงลำพัง ในห้องทำงาน


    "เอ่อ...ชิตคะ.." ฉันหันไปมองหน้าห้องอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
    "มีอะไรจ๊ะนุช?" เขามองฉันอย่างขำๆ ที่เห็นฉันเหลียวหน้าเหลียวหลัง
    "เอ่อ..นุชกำลังจะมีเด็กค่ะ.."
    "หา.." เขาแสดงอาการตกใจเมื่อได้ยินคำนี้ พร้อมกับจ้องหน้าฉันเหมือนกับ กำลังจะค้นหาความจริงอะไรสักอย่าง
    ก่อนที่จะกล่าว อย่างอารมณ์เย็น "ไหนเธอบอกพี่ว่าป้องกันแล้วเป็นอย่างดี แล้วทำไมถึงท้องได้?" เขาส่ายหน้า
    อย่างมีกังวล
    "ฉันจำได้ว่าลืมทานยาไปครั้งหนึ่ง" ฉันกล่าวตอบพร้อมก้มหน้าทบทวน
    "เป็นแบบนี้พี่ขายขี้หน้าเขาตายแน่ เธอรีบไปจัดการเสียก่อนที่มันจะสาย"
    "จัดการยังไงคะ?" ฉันถามด้วยความสงสัย
    "เอาออก ไว้ไม่ได้นะ" เขากล่าว
    "ทำไมถึงเอาไว้ไม่ได้คะ...?"

    เขาลดสายตาจากใบหน้าของฉัน มองโต๊ะทำงาน มือจับปากกาหมุนไปมาอย่างใช้ความคิด
    "เอาอย่างนี้นะ พรุ่งนี้เราพบกันที่เก่าเวลาเดิม แล้วเราค่อยปรึกษาเรื่องนี้กัน"
    ฉันพยักหน้า คำว่าที่เก่าเวลาเดิมนั้นหมายถึง ที่บ้านหลังเล็กที่อยู่ท้ายสวนส้ม แถวบางมด ซึ่งฉันกับเขา เคยไปอยู่กัน เป็นประจำนั่นเอง

    วันนัดหมายแต่ละครั้งนั้น ส่วนมากฉันจะไปถึงก่อนเขาเสมอ แต่วันนี้เขาไปนอนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อฉันมาถึง เขาก็ยิ้มให้ อย่างอารมณ์ดี เขาดึงฉันเข้าไปโอบกอดไว้ในอ้อมอก เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา และลงเอยด้วยลีลารัก จนสุดขีด ของความปรารถนานั้น แล้วเราจึงมาเข้าเรื่องของปัญหา

    "พี่ชิตคะ ไหนคุณบอกว่าจะพูดเรื่องของเราไงล่ะคะ" ฉันเอ่ยปากถามเขาเป็นเรื่องเป็นราว
    "เรื่องมีท้องเรอะ ก็บอกแล้วไงว่าให้เอาออก"
    "ไม่นะชิต ฉันต้องการจะเอาลูกของเราไว้ ขอเพียงคุณรับว่าเป็นพ่อเท่านั้น"
    "คุณต้องการจะทำลายชื่อเสียงของผมรึ รู้มั้ยว่าถ้าทุกคนในบริษัทรู้เข้าผมจะเสียหายแค่ไหน?"
    เขายันฉันออกจากอก พร้อมกับลุกขึ้นยืน สองมือเกาะขอบหน้าต่าง สายตามองออกไปข้างนอก ฉันรีบลุกขึ้นไปจากเตียง โอบไหล่เขา หวังวิงวอนขอร้อง

    "นะคะชิต ถ้าคุณกลัวเสียหน้า ฉันยินดีออกจากงาน ไปอยู่ที่บ้าน ขอเพียงแต่คุณไปหาฉันบ้างเท่านั้น จะได้ไหมคะ"
    เขาหันกลับมา มองหน้าฉันพร้อมกับเสียงถอนลมหายใจ ซึ่งฉันเองยังส่งสายตาวิงวอน ขอร้องเผื่อว่า เขาจะใจอ่อนลงบ้าง
    "เอาเถอะเมื่อเธอไม่สามารถใจอ่อนกระทำเช่นนั้นได้ก็ไม่เป็นไร ผมมีวิธี" ว่าแล้ว เขาก็เดินไปเปิด กระเป๋าเอกสาร หยิบเอาอาวุธปืนพก ประจำตัวของเขาออกมาถือ พร้อมกับกล่าว กับฉันอย่างสั้นๆ "นี่ไงนุช...สิ่งที่จะแก้ปัญหาของเรา"

    ฉันตกใจกลัวมาก...แต่ด้วยความรักตัวกลัวตาย จึงตัดสินใจกระโดดเข้าแย่งปืน ในมือเขาในทันที เขาไม่ทันระวัง ฉันจับได้ ที่ด้ามปืน หมุนกลับให้พ้นตัวเอง แรงโถมทำให้เสียหลัก เขาหงายหลังล้มลง พร้อมกับเสียงปืน ที่ลั่นเปรี้ยง ซึ่งฉันล้มทับ ร่างเขาอยู่ พร้อมกับปืนในมือ กระสุนตัดขั้วหัวใจ เขาสิ้นลมทันที ฉันตกใจจนตัวสั่นไปหมด ในตอนแรก คิดจะหนี แต่พอคิดได้ว่า เรื่องคงไม่จบง่ายๆ เป็นแน่


    เพราะคงไม่พ้น ข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่ไปได้ จึงตัดสินใจ โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้มาที่เกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ก็สารภาพ ไปตามความเป็นจริงว่า เขาต้องการจะฆ่าฉัน แต่ด้วยความกลัว และความรักตัวเอง จึงเข้าแย่งปืน เพื่อป้องกันตัว เท่านั้น โดยไม่มีเจตนา ที่จะฆ่าเขา แต่ประการใดเลย และกว่าที่ฉันจะพ้นคดีได้ ก็ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลง ระหว่างสถานีตำรวจ กับอัยการอยู่หลายรอบ

    เมื่อไม่มีวิชิตแล้ว ฉันก็ไม่สามารถเอาเด็กในท้องไว้ได้ จึงตัดสินใจทำแท้งกับหมอเถื่อน จนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นมา ฉันก็มีแต่ความฟุ้งซ่าน จนไม่อาจที่จะอยู่เฉยๆ ได้ จึงเที่ยวไปในหมู่ของวัยรุ่น โดยไม่กระดากอาย และในช่วงนี้เอง ฉันก็ได้รู้จักกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งอายุอานามไล่เลี่ยกัน ตอนนั้น ฉันอายุประมาณ ยี่สิบเอ็ดปีเศษๆเท่านั้น ผู้ชายคนนี้ ฉันขอให้ชื่อเขาว่า "สมพล"


    สมพลเป็นนักดื่มนักเที่ยวตัวยง มีเงินใช้จ่ายเหลือเฟือ เขาไม่ได้รูปหล่อเหมือนวิชิต แต่เหมือนมีอะไรบางอย่าง ที่ถูกใจฉันอยู่มาก เมื่อได้รู้จักกับคนที่ชอบกิน ชอบเที่ยว เป็นธรรมดาที่ทำให้ชีวิตของฉัน ต้องเปลี่ยนแปลงไป เป็นคนเช่นนั้นด้วย สมพล เอาอกเอาใจดีมาก ถึงกับทำให้ฉันลุ่มหลงเอามากๆ เลยทีเดียว ฉันคือน้ำมัน เขาคือไฟ เมื่อสองสิ่งปะทะกัน มันคือ ประกายของความเร่าร้อน รุนแรง ไฟอารมณ์ เริ่มลุกลาม แล่นพล่าน ไปทุกส่วน ในเลือดเนื้อสาว จนเบาเหมือนฟองสบู่ คืนหนึ่ง หลังจากที่เราดิ้นดื่มกัน จนมึนไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ สมพลก็ชวนฉันไปจบกัน ที่โรงแรมม่านรูด แห่งหนึ่งแถวประตูน้ำ

    เกือบสี่เดือนที่ลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในรสสวาทแห่งแสงสีโลกีย์ จนหน้าที่การงานเริ่มบกพร่อง และโดนตำหนิ อยู่บ่อยครั้ง แต่แทนที่จะคิดได้ และปรับปรุงตัวเอง เปล่าเลย เหมือนยิ่งยุ ให้ฉันเร่งเข้าสู่อบายมุขมากขึ้น ฉันกลายเป็นคน หูหนวกตาบอด จนไม่ได้ยิน คำตักเตือน ของผู้หวังดีทั้งหลาย ใจของฉันเร่าร้อน หิวกระหาย อยู่แต่ในห้องแสงสี ที่อบอวลไปด้วย กลิ่นเหล้า ฟองเบียร์ และควันบุหรี่ และในห้องนั้น สมพลคือ ยอดปรารถนาของฉันเสมอ และแล้ว วันสิ้นสุดของอาชีพ เสมียนบัญชี ก็มาถึง เมื่อประธานบริษัท เรียกฉันเข้าพบ

    "คุณทำงานแบบไหนนุชนาฏ..ดูสิ ผิดพลาดมากมายก่ายกอง...?"
    "อืมม์.." ฉันไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากนั่งก้มหน้า
    "แบบนี้ไม่ไหว...เอ่อ ทราบว่าหมู่นี้ชอบเที่ยวดึกๆ เรอะ...เจอปัญหาคราวที่แล้วยังไม่เข็ด หรือไง?"
    "อืมม์...คือว่า...."
    "เอาหละ พอ...ผมไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวใดๆ จากคุณอีก คราวที่แล้วก็ได้ตักเตือนคุณแล้ว แต่คุณกลับ ไม่แก้ไข.. ชอบทำตัว เป็นวัยรุ่น เที่ยวกลับดึกดื่น คงเป็นเพราะสาเหตุนี้สิท่า คุณจึงไม่ตั้งใจทำงาน" ประธานบริษัท หยุดถอนหายใจ พร้อมกับ ส่ายหน้าไปมา "เอานี่ซองขาว...แล้วขอให้คุณโชคดี อ้อ... ขอเตือนหน่อย ถึงแม้คุณจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วก็ตาม ภัยสังคม อันตรายนัก ขอให้คุณจงระวัง ....คุณอาจจะไม่โชคดี เหมือนคราวที่แล้วก็ได้"

    ฉันพนมมือไหว้ ซองขาวก็ซองขาว ออกก็ออกซิ...งานที่อื่นคงยังพอมีให้ทำได้ แคร์อะไร ฉันรับเงินเดือน ล่วงหน้าสามเดือน แล้วเดินออกจากบริษัท อย่างไม่รู้สึกเสียดายอะไร ที่จริงฉันก็อยากออกตั้งนาน ตั้งแต่ไม่มีวิชิตแล้ว

    ตอนค่ำของวันนั้นฉันไปพบสมพล เล่าเรื่องที่ถูกออกจากงานให้เขาฟังโดยละเอียด แต่ดูๆ เขาก็ไม่ยินดียินร้ายอะไร
    "ออกจากงานเรอะ...ฮึฮึ!! พี่ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าเสียใจตรงไหน หางานทำใหม่ เมื่อไหร่ก็ได้ แค่เสมียนบัญชี เรื่องงาน เอาไว้ทีหลัง อย่าคุยเลยปวดหัว ตอนนี้ไปหาอะไร ทานสนุกๆ กันดีกว่า"
    "แต่ถ้าไม่มีงานทำ ฉันจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายล่ะ บ้านฉันก็ต้องเช่าอยู่นะ ?" ฉันกล่าวด้วยความวิตก
    "เอ่อน่า...ตอนนี้คุณอยู่เฉยๆ ไปก่อน ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว พี่มีเพื่อนเยอะแยะ ไว้พอนุชหายเหนื่อยแล้ว พี่ค่อยฝาก งานให้ หรือจะย้ายมา พักกับพี่ก่อนก็ได้ จะได้ประหยัด ค่าใช้จ่ายไปด้วย" ว่าแล้วเขาก็ดึงฉันไปขึ้นรถ ท่องราตรีเหมือนเช่นเคย

    วันต่อมาฉันตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเช่า เข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์กับสมพล ตามคำแนะนำ ของเขา ซึ่งก็เป็น ความต้องการ ของฉันมาตั้งแต่ต้นแล้ว จึงแกล้งทำเป็นวิตก เพื่อให้เขาเอ่ยปากชวน และ แล้วก็เป็นไปตามที่คิด

    เมื่อได้อยู่ร่วมกัน ฉันจึงได้เห็นธาตุแท้ของสมพล เขาเป็นคนไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย เขาไม่มีอาชีพที่แน่นอน พื้นเพก็ไม่รู้ว่า เป็นคนทางไหน คำแรกที่ฉันแอบได้ยิน เมื่อเขาพูดติดต่อกับใครคนหนึ่ง ทางโทรศัพท์

    "ตกลงน่าเฮีย...สามหมื่นไม่แพง เด็กยังใหม่ เฮียส่งไปญี่ปุ่นได้มากกว่านี้หลายเท่า ครับ...ถ้าเฮียตกลงนะ พรุ่งนี้มา ดูตัวได้เลย.."
    ฉันรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเข้าปากเสือ เขากำลังประเมินราคากันเหมือนกับว่า ฉันเป็นวัวเป็นควาย วันนั้นฉันหยิบได้เพียง กระเป๋าถือ เพียงใบเดียว แล้วแอบหนีออกมา จากอพาร์ตเมนต์ หูตาสว่างขึ้นมาทันที ที่แท้เขาเป็นตัวอันตราย ที่มีรายได้ จากการค้าผู้หญิงส่งนอก ส่งขายทั้งญี่ปุ่น และฮ่องกง ได้เงินมาเท่าไหร่ เขาจะจับจ่ายเที่ยว ท่องราตรี หาความสุข และสนุก ไปกับการหาเหยื่อ รายใหม่ต่อไป อย่างไม่หยุดยั้ง

    ฉันสมน้ำหน้าตัวเองที่เป็นคนใจง่าย "บัดซบ" มาตลอด เห็นไหมล่ะ เกือบเข้าอีกแล้ว เกือบได้ไปนั่งเป็นแม่จ้าง อยู่เมืองญี่ปุ่น เคราะห์ดี ที่พระเจ้าช่วย เมื่อมีสติฉันรีบออกตระเวนหา สมัครงานไปตามบริษัทต่างๆ แต่โชคไม่เข้าข้างเลย ไม่มีบริษัทไหน รับเข้าทำงาน จนรู้สึกอ่อนใจ ทั้งที่สมัยนั้น งานเหล่านี้ หาไม่ยาก แต่สำหรับฉันในครั้งนั้น เหมือนถูกพระเจ้าลงโทษ ถูกปฏิเสธ ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่า ชื่อและความประพฤติของฉัน ถูกถ่ายทอดไปตามบริษัทต่างๆ จนหมดสิ้น ยี่สิบกว่าปีแล้ว ที่ฉันยังจดจำ ไม่ลืมเลือน และยี่สิบกว่าปีแล้ว ที่ฉันต้องหอบหิ้ว เอาความบอบช้ำ จากบทเรียนราคาแพง มาเป็นคติสอนใจ ให้ชีวิตดำเนินไป ตามร่องตามรอย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถ ยกระดับฐานะตัวเอง ให้สูงขึ้นมาได้อีก นั่นเป็นเพราะว่า ฉันทำตัวฉันเอง ให้ตกต่ำไม่ใช่คนอื่นทำ จึงไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะออกตัว ไม่เคยโทษดวงชะตาราหู พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือว่าดาวเดือน เป็นมนตรี อริมาบดบังความดี ทำให้ผู้ใหญ่มองไม่เห็น อย่างที่หลายคนกล่าวอ้างกัน


    งานสุดท้ายที่ฉันทำ และเป็นงานประจำอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเป็นงานที่ฉันไม่อาจที่จะเลือกได้ ในขณะนั้นก็คือ เป็นพนักงาน เก็บค่ารถโดยสาร ประจำทางสายหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ไม่มีศักดิ์ ไม่มียศอะไร แต่ว่ามันทรงคุณค่ายิ่งนัก สำหรับคนที่ตกงาน แล้วฉันก็รักมัน รักจนไม่คิด ที่จะเปลี่ยนงานใหม่อีกแล้ว คิดว่าบางคน เคยเห็นฉันมาบ้าง และบางคน คงเห็นฉัน มาหลายครั้ง แล้วก็มี แต่ฉันเชื่อว่า คงจะไม่มีใครปรารถนา ที่จะรู้จัก หรือจดจำหรอก เพราะไม่เป็นที่พึ่ง ที่ฝังฝากอะไร ต่อใครได้ และตัวฉันเอง ก็มิอาจเอื้อม ที่จะทำความรู้จักกับใคร เพื่อมุ่งหวังอนาคตอะไรอีก นอกจากทำหน้าที่ตรงนี้ ให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะบทเรียน ที่ฉันได้รับ หมายถึงว่า พื้นที่จะดีหรือไม่ดี ดูที่หน้าที่ ที่ดินผืนใน คือร่างกาย จะดีหรือไม่ ก็ดูกันที่หน้าที่ และการงานของใคร จะดีหรือไม่ ก็ต้องดูที่หน้าที่อีกเช่นกัน เพราะว่าหน้าที่ เป็นทางมาแห่งความเจริญ....


    ขอบคุณเจ้าของเรื่อง... และขอให้ชีวิตดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้ ในวันเวลาข้างหน้า ที่ยังเหลืออยู่
     
  17. นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,181
    ค่าพลัง:
    +7,865
    ..................
    เป็นอย่างไรครับ เหล้าข้าวโพดชั้นดี อยากลองบ้างจังเลย สักกรึบ ก็พอแค่รู้รสชาติอะครับ
     
  18. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขอบคุณสำหรับเจ้าของเรื่องและขอบคุณพี่หนุ่มที่ได้นำมาให้อ่านกันครับ...(^_^)..
    เป็นอุทาหรณ์ได้ดีเยี่ยมเลยครับ...
     
  19. หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    <table bgcolor="#cccccc" border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody> <tr bgcolor="#ffffff"> <td><table style="background-repeat: repeat-x;" align="center" background="../../../images/image_new2009/indentbg-1.gif" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="100%"> <tbody> <tr> <td class="bkk" width="100%"> ชีวิตบัดซบของคุณหญิงหนึ่ง


    สาวประเภทสองที่สู้ชีวิต เรื่องจริงยิ่งกว่าละครน้ำเน่า

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="100%"> <tbody> <tr> <td> ** ทุกคนเกิดมาชดใช้กรรมทั้งสิ้นค่ะ มีเจ้ากรรมนายเวรกันทุกคน ดิฉันคนนึงที่เคยหมดเงินค่าดูฮวงจุ้ยไปหลายพัน ตอนนั้นกิจการที่บ้านแย่มาก ลูกค้าไม่มีเลยค่ะ เป็นหนี้ร่วมๆเกือบ 2 แสน โดนขู่ฆ่า จะโดนฟ้องอีกสารพัด นึกแล้วใจหายอยู่เลย ไม่รู้ผ่านมาได้อย่างไร แก้แล้ว จัดบ้านแล้ว บอกตรงๆค่ะ ไม่ได้ดีขึ้นเลย ผิดกับบ้านที่เรา แนะนำอาจารย์คนนี้ไปทำให้ เค้ากลับดีเอาๆ จนรวยแล้วละ

    มานึกย้อน เราคงถึงช่วงเวลาชดใช้วิบากกรรมของเราเอง ฮวงจุ้ยก็เอาไม่อยู่ ดิฉันเสียกิจการไปเลย หมดตัว หมดสิ้นทุกอย่าง โชคดีสามีไม่ทิ้งไปไหน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนได้พ่อสามียื่นมือเข้าฃ่วยเหลือ เคลียร์หนี้สินให้จนหมด เกือบฆ่าตัวตายก็หลายครั้ง เครียดมากๆ และเป้นสาเหตุหนึ่ง ที่ดิฉันกลับมาหางานทำใหม่ค่ะ กำลังหาอยู่เข้าเดือนที่ 3 แล้วล่ะค่ะ แต่ไม่เคยท้อใจ เพราะคิดว่าวันนึงเรายังกลับไปเป็นเจ้าของกิจการได้อีกครั้ง เลยกลับมาหางานทำหาประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีก ให้แข้งเกร่งกว่านี้ ค่อยไปทำกิจการตัวเองใหม่ค่ะ

    ทุกวันนี้ก็ถ้ามีเวลาก็จะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ก่อนสวดก็บูชาพระรัตนไตร อาราธนาศีล 5 แล้วสวดบทพระพุทธคุณ ธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วก็ตามด้วยพระคาถาชินบัญชร จากนั้นก็เดินจงกรมค่ะ มีเวลาเยอะก็ เดินจงกรม 30 นาที นั่งกรรมฐาน 30 นาที มีเวลามากๆก็ อย่างละ 1-1ชั่วโมงครึ่ง เคยไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดอัมพวันมาค่ะ ไปบวชหลังจากที่เรื่องร้ายๆในชีวิตได้ผ่านพ้นแล้ว ไปบวช 7 วัน ค่ะ ทำให้เราได้รู้อะไรต่ออะไรในชีวิตเราเองมากขึ้นค่ะ และคิดว่า ฮวงจุ้ยไม่ได้กำหนดชะตาชีวิตเราหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

    ไม่ใช่ดิฉันไม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยนะคะ แต่คิดว่า ฮวงจุ้ยช่วยเราได้แค่ 20% อีก 80% อยู่ที่เราเองค่ะ ทำกรรมอะไรไว้ กรรมดีมากกว่าหรือกรรมไม่ดี สุดท้ายนี้ ดิฉันขอฝากข้อคิดให้ทุกคนนะคะว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรขอให้มีสติอยู่ที่ตัวตลอดเวลานะคะ ทำอะไรไม่ประมาทค่ะ มันก็ทุกข์ ทุกข์มากทรมานจิตใจ รู้ความรู้สึกเวลาคนจะฆ่าตัวตายเลยว่าเพราะอะไร เราก็เป็นคนนึงตอนนั้นที่อยากจบชีวิตตัวเอง

    คิดดูนะคะ พ่อดิฉันเสียตอนดิฉันอายุ 19 ปี เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ค่าเทอมแพงมากกกกกก พ่อจ่ายค่าเทอมให้แค่เทอมแรกเองค่ะ ท่านก็เสีย ด้วยอาการนอนหลับไปเฉยๆ ดิฉันกลัวมากคิดว่าคงต้องออกจากมหาวิทยาลัยแน่ๆ แต่คุณแม่ก็สู้ต่อทำงานหาเงินจ่ายค่าเทอมให้ทุกเทอม เราเองก็มีหน้าที่ตั้งใจเรียนอย่างเดียวให้ดีที่สุด ชีวิตลำบากมาก จากแต่ก่อนพ่ออยู่ อยากได้อะไรได้ อยากมีอะไรก็ต้องมี เงินทองมีพอใช้ไม่ขาดมือ แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม่เริ่มให้เงินน้อยลงเพราะแม่หาเงินไม่เก่งเท่าพ่อ ส่วนน้องชายก็โชคดี อา***๋รับไว้อุปการะเรื่องค่าเทอมและที่อยู่ และเป็นวันที่เราสองคนพี่น้องต้องแยกจากกันไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก ดิฉันต้องอยู่กับแม่ เกิดอะไรขึ้นก็ต้องอยู่กับแม่ ดิฉันเหนื่อยมากเดินทางไปกลับจากบ้านไปมหาวิทยาลัย (บ้านอยู่นครปฐม ไปเรียนที่กรุงเทพ ย่านใจกลางเมือง)

    ****เชื่อไหมว่าดิฉันเรียนจบแต่ไม่ได้เข้าพิธีรีบปริญญา เพราะใช้เงินเยอะถ้าจะเข้าพิธีรับปริญญา ดิฉันไม่มีเงิน แม่ก็ไม่ค่อยมี ไม่อยากไปหยิบยืม***้ใคร ดังนั้นบ้านดิฉันเลยไม่มีรูปรับปริญญา น่าเสียดาย แต่ช่างเถอะค่ะ จากนั้นก็เริ่มหางานทำค่ะ หายากอยู่ช่วงนั้น ก็รับงานฟรีแลนด์ทำไป เงินก็ไม่มีกินข้าว ความจริงก็ปรากฎ แม่เอาบ้านไปจำนองหมดเลย 2 หลัง เพื่อส่งเราเรียน ............ เราไม่เคยรู้มาก่กนเลยค่ะ แม่ลำบากขนาดนี้ ตอนนั้นเรารู้เลยว่าบ้านจะโดนยึดค่ะ เรื่องนี้รุ้ถึงหูบ้านใหญ่ คือพ่อเป้นคนจีนนะคะ จะมีญาติเยอะ และรวยทุกคน และพวกนี้ไม่ชอบให้ขายสมบัติกินค่ะ พอเค้ารู้ว่าแม่เอาบ้านไปจำนอง เค้าก็ไปไถ่บ้านคืนมา และประเหลาะให้แม่เซ็นโอนบ้านให้เค้า เชื่อไหมคะพอแม่โอนบ้านเสร็จ อีกวันเค้ามาไล่แม่ดิฉันออกจากบ้านค่ะ ไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แต่เค้าไม่ไล่ดิฉันนะคะ เค้าบอกว่า ลูกหลานไม่ไล่จะอยู่ก็ให้อยู่ แต่คิดดูใครจะทิ้งแม่ตัวเองได้ลงคอ นั่นก็ญาติก็จริง แต่นี่แม่เรานะ แม่เราไปไหนเราไปด้วย แม่เราก็ขนของไปอยู่กับยาย บ้านคุณยาย เราก็ไป มีเงินติดตัวอยู่ 200 บาท ค่ะ ไปอยู่บ้านยายแม่ก็ได้งานทำไปเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตอนนั้นดิฉันก็ทำงานฟรีแลนด์ด้านไอทีเป็นจ้อบๆ ได้เงินมา 3,000 ตอนนั้นคือไม่มีเงินเลย ตากฝนปั่นจักรยานไปกับแม่ไปกดเงิน เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านอกจากมาม่าคนละห่อ

    จากนั้นไม่นานดิฉันก็ได้งานทำ เป็นโรงงานใกล้บ้าน ทำตำแหน่ง Sales Supervisor บริษัทก็ดีอยู่นะคะมีรถให้ใช้ค่ะเวลาออกไปพบลูกค้า ค่าน้ำมันเบิกได้ สบายไป เงินเดือน 6,000 ค่าคอมมิชชั่นต่างหาก โอทีมี เบี้ยขยัน รวมๆก็ราวๆ 9000 - 10,000 ในตอนนั้นดิฉันว่าเยอะแล้ว ทำได้ 7 เดือนก็ออก หายอดไม่ได้ตามเป้า

    ไม่นานก็ลาออกได้งานใหม่ โรงงานแห่งนึงที่เปิดใหม่เลยค่ะ ดิฉันก็ทำงานในออฟฟิตค่ะ เชื่อไหมว่าทำทุกแผนก ตั้งแต่ บุคคล,จัดซื้อ,ธุรการ บางวันว่างไปนั่งเป้นโอเปอร์เรเตอร์ ทำเว็บก็ทำ เป็น CRM Marketing อะไรทำหมดเลย ค่ะ เค้าให้ดิฉันทำหมดทุกอย่าง เจ้าของโรงงานเป้นผู้หญิง และสามีเป็นชาวไต้หวัน เค้าสอนงานให้ทุกแขนง เค้าบอกว่าวันนึงดิฉันต้องเป้นระดับ Manager ให้ได้ ยอมลำบากตั้งแต่วันนี้ ดิฉันนับถือเหมือนเค้าเป็นแม่ค่ะ อยู่ที่นี่ก็ราวๆ 2 ปีค่ะระหว่างนั้นก็เคยลาออกไปทำงานที่อื่นด้วยนะคะ ทำได้ 2 เดือนเค้าก็โทรตามให้กลับไปทำงานที่เดิม เงินเดือนที่ได้จากที่นี่ได้แค่ 6,500 เองเชือ่ไหม แต่ดิฉันก็ทำ เพราะรักที่นี่ รักเจ้าของโรงงาน เค้าสอนทุกอย่างจริงๆ


    หลังก็ลาออกได้งานใหม่ และได้ข่าวว่าโรงงานั้นก็ล้มละลายด้วยค่ะ เจ้าของโรงงานเป็นหนี้เกือบร้อยล้าน ต้องไปขายของตามตลาดนัดค่ะ น่าสงสารมาก จากนั้น
    ไปเริ่มต้นที่ใหม่กับโรงงานที่ซ่อมมอเตอร์ เวรกรรม หลงมาสมัครงานได้ไงไม่รู้ ดิฉันเป็นสาวประเภทสองด้วยค่ะ ที่นี่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ใจนึงอยากจะกลับบ้าน ดิฉันกลัวอยู่ไม่ได้ ฝ่ายบุคคลก็ นะ เพิ่งมาทราบตอนหลังว่าดิฉันเป็นผู้ชาย เรียกไปคุย ว่าเพิ่งดูเอกสาร เห้นบัตรประชาชนเป็นนาย เจ้าของโรงงานก็ไม่รู้ ตอนสัมภาษณ์ก็คิดว่าเป็นผู้หญิง แต่เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ทำงานให้เค้าได้ก็พอ เรื่องอื่นไม่สน สัมภาษณ์ปุ๊บรับเลยค่ะให้เวลาสองวันแล้วมาเริ่มงาน ด้วยการเข้าไปทำฝ่ายการเงิน ดูแลเรื่องเอกสารรับเช็ควางบิล ลูกหนี้-เจ้าหนี้ เงินเดือนให้เรา 9,000 บาท



    ไม่กี่วันเองหลังจากทำงานเจ้าของบริษัทเรียกไปคุยถามว่าเราทำเรื่องไอทีได้ไหม ที่นี่ไม่มีอะไรเรื่องไอทีเลย ดิฉันก็บอกว่าทำได้ค่ะ เค้าเลยขึ้นเงินเดือนให้เดือนที่ 2 เป็นเดือนละ 10,000 บาท ค่ะ ดิฉันก็ทำหมดทุกอย่างตั้งแต่ริเริ่มการใช้่ ADSL เข้ามาแทนอินเตอร์เน็ตแบบเดิมที่ใช้ระบบอนาล้อค 56k จากนั้นก็เริ่มทำระบบ Lan ในบริษัท บางเรื่องดิฉันก็ทำไม่ค่อยได้หรอกค่ะ อาศัยเพื่อนๆที่เป้นไอทีเก่งๆ ก็ให้เค้าช่วยเหลือ เพราะที่บริษัทรับไอทีคนเดียวคือดิฉันและเวลามีสัมนาที่ไหน ก็ให้ดิฉันเป้นคนไป แทนที่จะให้ฝ่ายการตลาดไป แต่ให้ดิฉันไปตลอดทุกงาน มีงานอะไรก็ให้ดิฉันออกหน้า เช่นตอนมีงาน UK ฟันแฟร์ที่เมืองทอง ฝรั่งเอามอเตอร์มาให้ซ่อม ไม่มีใครคุยภาษาอังกฤษได้ก็ให้ดิฉันออกหน้าไปคุย ดิฉันเข้าไปพัฒนาเรื่องระบบสารสนเทศหลายอย่าง รวมไปถึงงานทางด้านสรรหาบุคคลากร ดิฉันก็ช่วยให้เค้าได้พนักงานมากขึ้น มีคุณภาพขึ้นจากการเป้นสมาชิกของเว็บหางาน อยู่ทีนี่ประมาณเกือบ 3 ปี ได้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เงินเดือนก็ 12,000. เบี้ยขยันเดือนละ 1,500 ค่าตำแหน่งเดือนละ 1,500 แต่การเมืองภายในรุนแรงอยู่ ด้วยการงัดกันของ MD สองคน ทำให้ดิฉันอยู่ที่นั่นไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจาก MD อีกคนนึคงที่ไม่ถูกกับ MD ที่ดูแลดิฉันอยู่ เค้าจ้างพนักงานไอทีมาอีกคน พนักงานคนนั้นเป้นผู้ชายอายุน้อยกว่าดิฉันมาก เข้ามาขอรหัสผ่านโน่นนี่นั่น และรหัสผ่านเข้าระบบอะไรต่ออะไรมากมาย ดิฉันก็ให้นะ คิดว่าคงไม่มีผลอะไร เชื่อไหมคะ เค้ามาขอรหัสเข้าเครื่องดิฉัน อีกสองวันต่อมา ดิฉันโดน รปภ กักตัวไว้ห้ามเข้าโรงงาน ฝ่ายบุคคลเดินมาบอกว่า เธอทำความผิดร้ายแรงมีภาพและหนังลามกอนาจารย์ในเครื่องและ แอบเอารายชื่อลูกค้าส่งออกไปนอกบริษัท ร้ายแรงมาก ดิฉันงงมาก นี่เกิดอะไรขึ้น เพื่อนๆที่ทำงานก็ร้องไห้ ว่าทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ดิฉันได้แต่ งง คิดออกเลย ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งเข้ามาใหม่แน่ๆ เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์คนอืนๆเข้าไมได้หมดเลย



    ผู้ชายคนนี้มาป่วน เปลี่ยนอะไรต่ออะไรมั่วไปหมด และทำฐานข้อมูลบริษัทที่ดิฉันทำไว้พังด้วย ยังมีหน้าโทรมาถามวิธีแก้อีก ดิฉันเลยด่าไปว่า ทำพังเองก็แก้ไขเองนะคะ เก่งนักไม่ใช่หรอ เหอๆ รู้เลยว่าดิฉันโดนอะไร ฝ่ายบุคคลให้ดิฉันเขียนใบลาออกค่ะ ซึ่งที่นี่เค้าฉลาดค่ะให้พนักงานเขียนใบลาออกล่วงหน้าทุกคนแต่ไม่ได้เซ็นต์ ศักดิ์ศรีดิฉันมี ก็เลยเขียนไปแล้วก็กลับบ้าน แม่ก็ถามว่า ทำไมกลับไว ดิฉันร้องไห้โฮ ว่าเค้าให้ลาออกค่ะแม่ แม่ก็ปลอบใจว่าไม่เป็นไร หางานใหม่ก็แล้วกัน

    ตกงานอยู่บ้าน 3 เดือน ก็ได้งานใหม่ ตอนนี้เข้า กทม เลยค่ะ แถวพระราม 4 ดิฉันก็บ้าเนอะไปทำงาน ไปกลับจากนครปฐม-พระราม4คลองเตย ไปทำตำแหน่ง Webmaster ค่ะ เงินเดือนก็เริ่มที่ 14,000 จนผ่านโปรก็ได้ 16,000 ทำได้ เกือบปีก็ออก เพราะ Project เสร็จแล้ว ไม่รุ้จะทำไรต่อเค้าก็ไม่มีงานให้ เลยต้องลาออกเอง

    ตกงานอยู่ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ ก็ได้งานใหม่เป้น บมจ. ที่นึงที่ทำเกี่ยวกะธุรกิจสื่อสาร มือถือ แถวๆบางกะปิน่ะค่ะ ก็เข้าไปทำตำแหน่ง Webmaster เหมือนกัน ก็อยุ่ได้ประมาณ 1 ปีเองค่ะก็ออก เพราะ MD ไม่ปลื้มดิฉัน เงินเดือนที่ก็ได้ประมาณ 17,000 ค่ะ ก็ลาออกค่ะ แถมตอนลาออกไปไม่นานก็โดนนินทาว่าร้าย เพราะผู้จัดการแผนกที่ดูแลดิฉันก็ลาออกตามติดดิฉัน เค้าก็หาว่าดิฉันกับผู้จัดการมีอะไรกัน ลาออกไปอยู่ด้วยกัน เพราะตอนทำงานดิฉันก็หยุดบ่อย เพระาไปสัมภาษณ์งาน ผู้จัดการก็มักจะหยุดตรงกะดิฉันพอดีทุกครั้ง เฮ้อ นี่แหละมนุษย์ออฟฟิต ช่างเม้าส์

    จากจากที่นั่นปุ๊บตอนสิ้นเดือน ก็มาได้งานอีกที่ทันที วันที่ 1 ทำอยู่ที่ สวทช แต่ดิฉันอยู่ในสังกัดของมหาวิทบยาลัยมหิดล เป้นพนักงานของ ศูนย์แห่งนึงของมหิดลที่วิจัยเกี่ยวกับ Rubber ค่ะ ทำในตำแหน่ง ผจกฝ่ายสารสนเทศ ก็ทำมันสารพัดค่ะ ทำเว็บ ทำระบบ อะไรต่ออะไร อยู่ได้ 5 เดือนค่ะ ดิฉันโดนประเมินว่าไม่ผ่านโปร หึๆ ตลก ชีวิตชั้นเป็นอะไรเนีย่ ก็เลยไปแจ้งกรมแรงงาน แต่พอดีเค้าเคลียร์กะดิฉันก่อน ก็ยอมจ่ายเงินชดเชย และค่าสินไหมบอกกล่างล่วงหน้าให้ พร้อมกับเงินเดือนที่เหลือ

    ต่อมาก็เลยเอาเงินก้อนนั้นมาทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ เกี่ยวกับประกันวิานาศภัย เปืดออฟฟิตเล็กๆ เปิดกับสามีค่ะ ช่วยกันทำสองคน จากเดิมไม่มีลูกค้าเลย จนได้ลูกค้าเป็นหลักร้อย ได้ทั้งลูกค้าและตัวแทนเพิ่มขึ้นมากมาย ชีวิตดูรุ่งเรื่องมาก เงินไม่ขาด มีกินใช้สบาย รายได้ต่อเดือนๆ ประมาณ 2-3 หมื่นบาท หมุนเวียนสภาพคล่องตัวมากๆค่ะ ยอดขายต่อเดือนก็ราวๆ 1-2 แสนบาท จนดิฉันอ้วนขึ้นเลย พอดีรู้จักกะพี่คนนึงเค้าจะขายบ้าให้ ด้วยความที่ดิฉันก็อยากย้ายบ้าน อยากมีบ้านของตัวเอง เพราะตอนนั้นเช่าอยู่ อยุ่ตรงนั้นก็ประมาณ 2 ปีค่ะ ลูกค้าเยอะและรักดิฉันมาก (ดิฉันชอบมีของแถมเวลาใครมาใช้บริการ)

    **************ก็ตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายกัน บ้านราคา 900,000 ค่ะ สัญญาอายุ 1 ปี ผ่อนเดือนละ 6,000 จนกว่าจะ***้แลงค์ผ่านภายในเวลาที่กำหนด 1 ปี เชื่อไหมนี่คือจุดเปลี่ยน พอย้ายไปไม่นาน ก็เกิดเรื่องแย่ๆมากมาย ติดๆกัน ลูกค้าบางคนซื้อประกันแต่แบบจ่ายผ่อน แต่ทางดิฉันก็ไว้ใจลูกค้าตลอดก็ให้ กธ. ตัวจริงไป ปรากฎว่าเค้าไม่จ่ายเงินค่ะ แล้วบอกว่าจ่ายเงินครบแล้ว ดิฉันพูดไม่ออกเลยค่ะ ใบเสร็จ กธ. ของจริง อยู่กะเค้าหมด เค้าให้ดิฉันมาแค่ 3000 จากเบี้ยประหัน 17590.58 สต. ดิฉันจำยอดได้แม่น กลายเป็นบริษัทเอาเรื่องดิฉันค่ะ ให้ดิฉันจ่ายส่วนที่เหลือทั้งหมด ตอนนั้นชีวิตบัดซบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปค้่ำประกันเค้าไว้เรื่องรถก็หนี ดิฉันก็โดนฟ้องค่ะ เงินเกือบ 2 แสนบาท ใครต่อใครบอกว่าบ้านที่ดิฉันอยู่เจ้าที่แรง มีสรรพเวสีอยู่ ดิฉันไม่เคยมีความสุขเลยตั้งแต่ย้ายมา แก้ฮวงจุ้ยก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลย เครัียดมาก ทะเลาะกะสามีทุกวัน อยากจะเลิกกันให้จบๆไป เบื่อชีวิตอยากฆ่าตัวตาย ดิฉันหมดตัวเลยค่ะตอนนั้นไม่มีเงินจะกินข้าว แม่ดิฉันเป็นห่วงมากต้องมาอยู่เป็นเพื่อนดิฉันหลายวัน กลัวดิฉันฆ่าตัวตาย ตอนนั้นน้องชายก็มาช่วยเหลือให้ยืมเงินไว้ประคองตัวก่อน ให้มา 30,000 ก็พอช่วยได้

    ตอนนั้นเจ้าของที่จะขายบ้านให้ ก็มาคุยว่าทำนายหน้าขายที่ดินกัน ให้ดิฉันหาที่ 1 แปลง ขอไม่เกิน 7 ไร่ ดิฉันก็หามาให้ ติดต่อกะเจ้าของที่ให้ ดิฉันเป็นคนไว้ใจคนถ้าได้คบกันแล้วดิฉันเทหมดหน้าตัก ไม่คิดว่าจะมีเรื่องโกงเข้ามาในชีวิต พี่เจ้าของบ้านที่ขายบ้านให้ก็มาขอเบอร์เจ้าของที่บอกว่าเดี๋ยวเค้า เดินเรื่องให้ช่วยคุยให้ ระหว่างคนซื้อกะเจ้าของที่ ได้สำเร็จแล้วมาแบ่งกันคนละครึ่ง ผ่านไป 2 เดือนดิฉันก็มาถามเป้นไงคืบหน้าถึงไหน เค้าก็บอกคำเดียว ว่าเงียบอ่ะ สงสัยไม่เอาแล้ว

    เชือ่ไหมคะ มันบัเอิญมาก แม่ดิฉันรู้จักกะนายหน้าที่ดินคนนึง ไม่รู้ไปคุยกันท่าไหน เรื่องที่ดินแปลที่ดิฉันหาไว้ก็หลุดปากมา ว่าที่ขายไปแล้วโอนแล้ว ดิฉันงงมากกกก อะไรกันนี่ เลยไปเช็คข้อมูลที่กรมที่ดินสาขาที่โฉนดอยู่ ก็ปรากฎว่าขายแล้ว โอนแล้ว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2553 นี่เองค่ะ เหอๆ กว่าจะรู้ตอนนั้นก็เป็นเดือน พ.ค. แล้วค่ะ ดิฉันไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ย้ายออกเลย สัญญาจะซื้อจะขายที่ผ่อนมา 9 เดือนๆละ6,000 ดิฉันทิ้งเลยโทรไปถามด้วยว่าทำไมขายแล้วไม่บอกกันสักคำ ค่านายหน้าตอนนั้นที่เค้าได้ไป ที่ดิน 7 ไร่ เจ้าของขายไร่ละ 1,200,000 แต่เค้าเป้นนายหน้าไปขายได้ไร่ละ 1,800,000 คิดเอาเล่นๆนะคะ มันได้ค่าส่วนต่างเท่าไรหักภาษีแล้วอะไรแล้ว ถ้าแบ่งกะดิฉันก็ราวๆคนละ 6-7 แสนบาท ดิฉันไม่ได้อะไรเลยสักบาทเดียว ทำใจซื้อบ้านหลังนี้ไม่ได้ค่ะ

    *****ย้ายไปอยู่กับเพื่อนที่พระราม 3 ก็อยู่ได้ไม่นานงานก็ไม่มีทำ แถมต้องเลี้ยงเพื่อนอีก ช่วยออกค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต แค่คุณนายเธอแบบว่าใช้ไฟเปลืองมาก เปิดพัดลมให้หมานอน เปิดทีวีทิ้งไว้ สารพัด สุดท้ายมีปัญหากันทะเลาะกัน ย้ายออก ซ้ำร้าย ของยังขนออกจากบ้านมันไม่หมด คุณเธอก็จะเรียกเก็บค่าฝากของดิฉันอีก 1,800 บาท ค่ะ ดิฉันไม่ให้ค่ะ เพราะมายูดเลือดอะไรกันอีก รูปคุณพ่อดิฉันก็ยังอยู่บ้านเค้า เอากลับมาไม่ได้ มันไม่ให้คืนค่ะ พ่อดิฉันตายไป เป็นสิบปีแล้วนะ ดูสืทำกันได้

    จนย้ายมาอยู่บ้านพ่อสามีค่ะที่รามอินทรา ก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากเป้นภาระใคร นี่แหละค่ะจุดเริ่มต้นที่ดิฉันต้องมาหางานทำอีกครั้ง หลังจากที่ชีวิตเคยรุ่งถึงขีดสุดดมาแล้ว ตอนนี้เหลือ 0 ค่ะ อาศัยประสบการณ์ที่มีหางานใหม่ทำ ระหว่างรอก็หาอะไรทำไปพลางๆ เช่น เป็น Telesales ขายสินเชื่อแห่งนึงอยู่ ก็ได้เงินมาจุนเจือบ้างไว้เป็นค่ารถ ค่าเอกสารไปสมัครงานต่างๆ พ่อสามีก็ใจดีค่ะ บางทีก้ให้ใช้รถขับไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์งาน ดิฉันก็เลยพยายามจะหางานให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้่เค้าบ้าง เพราะท่านมีพระคุณกะเราให้ที่อยู่เรา ให้ข้าวเรากิน

    ตอนนี้แม่ดิฉันก็ยังห่วงดิฉันมากค่ะ โทรหาเกือบทุกวัน บางทีก็โอนเงินมาให้ใช้ค่ะ ดิฉันไม่อยากรับแต่แม่ก็ให้มา แม่กลัวลำบาก จะไปหาแม่แต่ละทีก็ลำบากค่าน้่ำมันก็แพง ไปทีหมดเกือบ 1000 .............

    ++++++ อยากบอกทุกคนว่าอย่าประมาทในชีวิตค่ะ ถ้าไม่อยากเป็นอย่างดิฉัน ดิฉันไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ ไม่เคยว่างจะทำ ตอนนี้เริ่มทำแล้ว ชีวิตก็เริ่มดีขึ้น อย่างน้อยๆไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนะคะ แต่จิตใจที่บอบช้่ำสาหัสก็ค่อยๆดีขึ้นค่ะ หวังเพียงไม่นานคงจะได้งานที่ดีทำ เริ่มต้นใหม่ในชีวิตวัย 30 ต้นๆค่ะ ดิฉันจะสู้ต่อไป อยากมีงานทำ อยากมีเงินส่งให้แม่ใช้บ้าง อยากกลับไปดูแลแม่บ้าง อยากให้แม่มีความสุข และไม่ต้องห่วงเรามาก .......... ความผันดิฉันก็อยากไปให้ถึงจุดสูงสุดของอาชีพที่จะเริ่มเต้น จากนั้นจะค่อยๆผันตัวเองมาทำธุรกิจของตัวเอง อยู่อย่างพอเพียง มีความสุขกับฃีวิตช่วงปลายต่อไปและหันหน้าเข้าธรรมมะ ขอให้พระธรรมเป้นที่พึ่งตลอดไปค่ะ


    ทั้งหมด คือชีวิตจริง ของดิฉัน คุณหญิงหนึ่ง ที่มันยิ่งกว่าละคร

    </td></tr></tbody></table>
     
  20. น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    บ่ายๆ เดี๋ยวมีเลขออกครับ
    งานนี้ถ้าเข้า ดังยิ่งกว่าระเบิดเกาหลีเหนือแน่
    ถ้าไม่เข้า ต้องหลบไปเลียแผลใจสักพักใหญ่

    ทีแรกผมเห็นแรกของพี่หนุ่ม ผมจจะบอกอยู่ว่า
    มีคนมากระซิบอีกแล้วเหรอ......ปู่ใครปู่มันครับ ของแบบนี้
     

แชร์หน้านี้