แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    สวัสดีครับพี่หนุ่ม พี่บอย พี่นอ และพี่ๆทั้งหลาย ในที่สุดก็ตามอ่านทัน ใช้เวลา 5 วันตั้ง
    แต่หน้า1 ถึง 184 จำนวน 3675 บทความ เหนื่อยจริงๆ แต่ก็สนุกและได้สาระครับ
     
  2. Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ทำไปได้ :cool:
     
  3. ลูกวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,071
    ค่าพลัง:
    +5,194
    วัตถุมงคลรุ่นฉลองเรือนไทยเเละสมทบทุนซื้อที่ดิน

    ขออนุณาตทุกท่านนะครับ มาบอกบุณหน่อยครับ เห็นพี่ๆลงเกี่ยวกับวัดหลวงพ่อกวยเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่ออกให้บูชา เมื่อเดืนที่แล้วผมได้มีโอกาสไปที่วัดมาครับ ไปกราบหลวงพ่อกวย เห็นการเปลียนแปลงของวัดเปลียนแปลงไปมากเลยครับบริเวณด้านหน้าวัด ได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มถมเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังขาดปัจจัยอยู่ประมาณ 2 ล้าน ตามที่ได้คุยกับหลวงพี่ ท่านใดที่ต้องการทำบุญซื้อที่ดินถวายวัดก็เชิญบริจาคได้นะครับ วันนั้นผมบริจาคซื้อที่ดินได้โฉนดที่ทางวัดออกมาให้ด้วยครับ ขออนุญาตนำภาพจากเวปหลวงพ่อกวยมาลงให้ชมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lp.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      126.6 KB
      เปิดดู:
      87
    • lp1.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      117.4 KB
      เปิดดู:
      80
    • lp2.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      62 KB
      เปิดดู:
      79
    • lp3.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      148.7 KB
      เปิดดู:
      78
    • lp4.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      144.7 KB
      เปิดดู:
      87
  4. kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    ผมก็มีเรื่องอยากจะแชร์ด้วยเหมือนกัน

    ชื่อเรื่อง พระองค์ที่อยู่บนคอ

    วันนั้น กำลังนั่งคุยกันกับเพื่อนๆ ออกรสชาติ สนุกเฮฮากับหมู่มิตรสหายตามปกติ

    จนกระทั่ง วกเข้ามาถึงเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมเล่าให้เพื่อนฟังเกี่ยวกับเรื่องที่มีโจรใต้ถูกตำรวจล้อมจับแล้วอยู่ๆหายตัวหลบหนีไปได้ เพราะท่องคัมภีร์อังกูรอารถอยหลัง เพื่อนผมที่เป็นมุสลิมก็บ่นใหญ่ บอกว่า เนี่ยเป็นพลังของปิศาจไม่ใช่พลังของพระเจ้าแน่ๆ คนเลวพระเจ้าไม่ช่วยหรอก ผมก็เถียงว่า ที่เค้าทำอย่างนี้ได้ หลวงพ่อเล็กท่านได้อธิบายไว้ตามหลักพุทธศาสนาแล้ว ว่าปรากฏการนี้เรียกว่า ผู้ที่ได้อภิญญาแล้ว ได้ฌาณโลกีย์ ไม่ใช่พลังวิเศษมาจากไหน

    เพื่อนผมก็แย้งมาว่า
    เราเชื่อนะ ว่า พลังวิเศษ หรือของวิเศษมีจริง ดูอย่างศาสนาคริสต์ซิ โมเสสยังมีไม้เท้าวิเศษเลย

    คุยกันไปคุยกันมา เหมือนเค้าพยายามจะอ้างว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือพลังแห่งพระเจ้า พระเจ้าคือทุกสิ่ง พระเจ้าคือที่สุด พระเจ้าคือศูนย์กลาง ปาฏิหารย์ทุกอย่างเกิดโดยพระเจ้า

    ผมจึงบอกกลับไปว่า เนี่ยจะเล่าให้ฟังเรื่องนึง
    ถ้าเราลองมาตัดเรื่องสิ่งเหนือโลกออกทั้งหมด ไม่มีพระเจ้า ไม่มีพลังวิเศษ ไม่มีของวิเศษ ไม่มีพระเครื่องวัตถุมงคล ฯลฯ เหลือแต่เพียงตัวเราเพียวๆ แล้วถ้า....

    วันหนึ่งคนรักของเรา ไม่ว่าจะเป็นพ่อ จะเป็นแม่ สามีหรือภรรยา บุตรธิดา ฯลฯ ตายจากเราไป อย่างไม่ทันตั้งตัว ถามว่าเสียใจไหม แน่นอนว่าต้องเสียใจ แล้วถามต่อว่า อ้อนวอนพระเจ้า เขาเหล่านั้นจะฟื้นไหม มีพลังวิเศษแล้วจะชุกชีวิตเขาได้ตลอดไป? หรือใช้พระเครื่องแล้วเขาจะฟื้นขึ้นมา ไม่มีทางไหนหรอก ที่จะทำให้เราหายเศร้า อย่าหลอกตัวเองหนีความจริงเลยดีกว่า ด้วยการคิดว่า เขาคงไปสบายอยู่กับพระเจ้าแล้ว

    แต่

    ถ้าเรามานั่งพิจารณา ยอมรับความจริง ว่านี่คือไตรลักษณ์ การตายไม่มีใครหลีกพ้นไปได้ รวมทั้งการปฏิบัติวิปัสนา ดูจิตดูใจของตัวเองว่า ที่เราเศร้าอยู่ในตอนนี้ เป็นเพราะอะไร ความเศร้ามาจากไหน ใครทำให้เราเศร้า จิตเราปรุงแต่งขึ้นมาใช่ไหม กำหนดจิตพิจารณาความเศร้า ความทุกข์ ให้เห็นตามความเป็นจริง จิตที่แจ่มใจและเบิกบาน จึงได้ถึงเวลาฉายแสงสว่าง ไล่ความมืดในดวงจิตดวงใจให้หายไป เมื่อเราเกิดปัญญา

    นี่แหละคือสุดยอด นี่แหละคือแก่น นี่แหละคือที่สุด นี่แหละคือพระพุทธศาสนา

    สุดยอดธรรมที่มาจาก "พระ" ที่อยู่บนคอผม

    ...... พระพุทธเจ้า


    เพื่อนมุสลิมคนนั้น อึ้ง และเงียบไปซักพักใหญ่ ก่อนจะบอกว่า เขาเองก็ยอมรับว่าเรื่องนี้ เป็นของจริง เพียงแต่เห็นศาสนาพุทธในปัจจุบันค่อนข้างจะเพี้ยนไปมาก ทั้งคนเข้าทรง ไหว้เจ้า เรื่องพระเครื่อง อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ

    ผมบอกกลับไปว่า อันนั้นอะ มาทีหลัง แก่นจริงๆ อยู่ที่การปฏิบัติ อยู่ที่ใจเรานี่แหละ พุทธศาสนา คือวิชาการ manage จิต ของเรา ให้รู้จักตัวทุกข์ตัวสุข การจัดการกับกิเลสอันประกอบไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ส่วนเรื่องพระเครื่อง เจตนาดั่งเดิมที่สร้างขึ้น พระคุณเจ้าทั้งหลายท่านตั้งใจทำไว้ให้ละลึกถึงพระพุทธเจ้า ความดีของพระพุทธเจ้า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ สำหรับคนที่กำลังใจยังไม่ดีพอ

    เป็นอันว่าจบลงด้วยความเข้าใจ
    ปัจจุบันนี้เพื่อนผมคนนั้นก็ยังคงเป็นมุสลิมเพราะใจที่ศรัทธาอย่างแรงกล้า จนไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้แล้ว แต่เขาในวันนี้ก็ยอมรับในพระพุทธศาสนาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆที่ทำให้ผมรู้สึก สุขใจอยู่ไม่น้อย

    -------------------------------------------------------
    ปล1. ในขณะนั้น พระองค์ที่ผมแขวนอยู่คือ พระคำข้าว
    ผมเคารพ รัก และนับถือในองค์หลวงพ่อฤาษีฯมาก จากประสบการณ์หลายๆอย่าง บางเรื่องก็ไม่สามารถเล่าในที่สาธารณะได้
    ปล2. เรื่องจริง จากคนรู้จักที่นับถือคริสต์แล้วสุดท้ายหันมานับถือพุทธ ก็เพราะเรื่องดูจิต เขาเสียใจเรื่องที่ต้องสูญเสียพ่อไปมาก ทำใจไม่ได้ ภายหลังมีเพื่อนมาแนะนำให้ปฏิบัติกรรมฐานดู ปรากฏว่าค้นพบความจริง เส้นทางแห่งจิตที่แจ่มใสและเบิกบาน ปัจจุบันนี้ พี่แกเป็นนักธรรมะตัวแม่ไปแล้วครับ
    ปล3. เรื่องการดูจิต ใช้ได้กับชีวิตประจำวันของเราทุกเรื่อง ในทุกเสี้ยววินาทีในแต่ละวัน

    kennek
     
  5. น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ
     
  6. 2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    อรุณสวัสดิ์ พี่หนุ่มและพี่ๆท่านครับ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=818 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3 height=84>[SIZE=+4][SIZE=+3]มงคล 38 ประการ[/SIZE][/SIZE]
    มงคล คือเหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้พึงปฏิบัตินำมาจาก
    บทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญหรือมี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ๓๘ ประการได้แก่ ​




    </TD></TR><TR><TD height=2>๑. การไม่คบคนพาล

    </TD><TD height=2>๒. การคบบัญฑิต

    </TD><TD height=2>๓. การบูชาบุคคลที่ควรบูชา

    </TD></TR><TR><TD>๔. การอยู่ในถิ่นอันสมควร

    </TD><TD>๕. เคยทำบุญมาก่อน

    </TD><TD>๖. การตั้งตนชอบ

    </TD></TR><TR><TD>๗. ความเป็นพหูสูต

    </TD><TD>๘. การรอบรู้ในศิลปะ

    </TD><TD>๙. มีวินัยที่ดี

    </TD></TR><TR><TD>๑๐. กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต

    </TD><TD>๑๑. การบำรุงบิดามารดา

    </TD><TD>๑๒. การสงเคราะห์บุตร

    </TD></TR><TR><TD>๑๓. การสงเคราะห์ภรรยา

    </TD><TD>๑๔. ทำงานไม่ให้คั่งค้าง

    </TD><TD>๑๕. การให้ทาน

    </TD></TR><TR><TD>๑๖. การประพฤติธรรม

    </TD><TD>๑๗. การสงเคราะห์ญาติ

    </TD><TD>๑๘. ทำงานที่ไม่มีโทษ

    </TD></TR><TR><TD height=15>๑๙. ละเว้นจากบาป

    </TD><TD height=15>๒๐. สำรวมจากการดื่มน้ำเมา

    </TD><TD height=15>๒๑. ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย

    </TD></TR><TR><TD>๒๒. มีความเคารพ

    </TD><TD>๒๓. มีความถ่อมตน

    </TD><TD>๒๔. มีความสันโดษ

    </TD></TR><TR><TD>๒๕. มีความกตัญญู

    </TD><TD>๒๖. การฟังธรรมตามกาล

    </TD><TD>๒๗. มีความอดทน

    </TD></TR><TR><TD>๒๘. เป็นผู้ว่าง่าย

    </TD><TD>๒๙. การได้เห็นสมณะ

    </TD><TD>๓๐. การสนทนาธรรมตามกาล

    </TD></TR><TR><TD>๓๑. การบำเพ็ญตบะ</TD><TD>๓๒. การประพฤติพรหมจรรย์</TD><TD>๓๓. การเห็นอริยสัจ</TD></TR><TR><TD>๓๔. การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน</TD><TD>๓๕. มีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม</TD><TD>๓๖. มีจิตไม่เศร้าโศก</TD></TR><TR><TD>


    </TD><TD>๓๘. มีจิตเกษม

    </TD><TD>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  7. เส้นทางแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +1,255
    สวัสดีตอนเช้าครับทุกๆท่าน ..........
     
  8. nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,431
    ค่าพลัง:
    +20,656
     
  9. โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,435
    สวัสดีพี่หนุ่มฯ และทุกท่านยามเช้าครับ ขอบคุณครับ สำหรับวิทยาทานทุกๆเรื่อง
     
  10. noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    เรื่องนี้ดีมากๆ และเป็นปาฏิหารย์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆครับ
    ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ

     
  11. Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อนุโมทนาด้วยครับน้องเคน :cool:
     
  12. นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,181
    ค่าพลัง:
    +7,865
    สวัสดีทุกท่าน
     
  13. พุทธิวงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,200
    ค่าพลัง:
    +7,879
    เมื่อตอนสมัยวัยรุ่น ผมก็เป็นคนนึงที่หวังพึงพุทธคุณในพระเครื่อง เฝ้าหาพระเครื่องดีๆมาแขวน ทั้งจากของที่พ่อเก็บใว้ และที่ขอเขามา เพราะยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองมากนัก เลือกเอาองค์ที่เขาว่าดีและตัวเราเองก็ศรัทธาและหมั่นสวดมน ตามที่สามารถจะทำได้ หมันคิดดีทำดีกับคนรอบข้าง ถือศิลเป็นบางข้อffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ทำบุญบ้างเป็นบางครั้ง ทำเท่าที่ทำได้ตามอายุและอัตภาพ ที่คนๆนึงสามารถทำได้ เพื่อหวังให้พระช่วยให้ชีวิตเราและครอบครัวดีขึ้น จนมาวันนึงเมื่อเกิดพิษต้มยำกุ้ง ทำให้ครอบครัวประสบปัญหาขาดทุนหนักจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จะเรียกว่าล้มละลายเลยก็ได้ เพราะต้องทยอยขายเครื่องมือหากินทีละชิ้นจนหมดเพื่อประคองธุรกิจ ครอบครัว รวมทั้งลูกน้องของพ่ออีก20กว่าชีวิต จนสุดท้ายต้องขายรถคันสุดท้าย แบ่งเบากันไปและแยกย้ายกันไป จากผมเองที่ขับรถไปเรียนทุกวัน ต้องมาขึ้นรถเมล์ไปเรียนดีที่จบออกมาได้ เฝ้าถามตัวเองว่าสิ่งศักสิทธิ์ที่เรากราบใหว้ ที่เราบูชาอยู่ทุกวันไม่ช่วยเราเลยหรือ กลับบ้านเฝ้าแต่ถามตัวเองสิ่งที่ทำไปทั้งการสวดมน ถือศิล คิดดีทำดีไม่เบียดเบียนใครยังไม่พออีกหรือที่จะสามารถทำให้สิ่งศักสิทธิ์ช่วยเราได้ ด้วยความอัดอั้นจึงออกไปบนเขาแถวบ้าน และตะโกนถามว่า ผมทำดีพอหรือยัง เสียงตอบกลับมาว่า ยัง.....<O:p></O:p>
    ทุกครั้งที่ถาม (ลองออกไปบนเขาและถามแบบผมคำตอบกลับมาจะเหมือนกัน)<O:p></O:p>
    นึกในใจแล้วเมื่อไรจะพอที่จะทำให้สิ่งศักสิทธ์ช่วยเราได้ หลังจากนั้นก็ไม่เคยที่จะแขวนพระอีกเลยใหว้พระบ้างเป็นบางครั้ง เป็นเวลา 10กว่าปี นึกในใจในเมื่อท่านไม่ช่วยเราก็จะไปขอทำไม จนมาวันนี้ทำงานผ่านชีวิตลำบากมาหลายปี จนสามารถดูแลครอบครับได้ในระดับที่ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยวัยที่ทำงานและโตขึ้น ก็กลับมาคิดว่า จริงๆแล้ว สิ่งศักสิทธ์ ช่วยเรามาตลอด ด้วยการปลูกฝัง ความคิดดีๆ การดำเนินชีวิตที่ไม่เบียดเบียนใคร ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกตามที่เราสามารถทำได้ นำพาจิตใจเข้าสู่พุทธศาสนา<O:p></O:p>
    ทำให้จิตใจไม่นำพาครอบครัวและตัวเราเดินเข้าสู่ทางหายนะด้วยความยั้งคิด<O:p></O:p>
    เป็นสิ่งที่ผมเองพึ่งมารับรู้และรู้สึกได้หลังจากผ่านพ้นปัญหามาได้ด้วยดี จากพระเครื่ององเล็กๆที่ผมเฝ้าขอความช่วยเหลือมาตลอด วันนี้ได้รู้แล้วว่าท่านได้นำพาเราเข้าสู่ทางธรรมโดยที่เราไม่รู้ตัว และนี่เองคือจุดมุ่งหมายที่สิ่งศักสิทธิ์ตองการให้เรานำไปปติบัติ เพื่อหลุดพ้นบ่วงกรรมทางด้านจิตใจ ที่เหลือก็แล้วแต่ผลกรรมที่ทำมา และคำถามที่ผมเฝ้าแต่ถามว่าทำดีพอหรือยัง เมื่อไรถึงจะพอ ก็ได้รู้คำตอบว่าทุกคนมีกำหนดการทำดีทุกคน เมื่อวันที่เราไม่สามารถทำได้มาถึงนั่นเอง ก็ไม่รู้จะสงสัยไปอีกทำไมเพราะเวลากำลังจะหมดลงไปทุกๆวัน ขอบคุณครับ<O:p></O:p>
    ***พุทธิวงษ์***<O:p></O:p>
     
  14. โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระดี ไม่จำเป็นต้องแพง

    พระดี ไม่จำเป็นต้องแพง

    ร่วมกันทำบุญ ได้ทั้งบุญตรงๆกับวัด ได้ทั้งพระดี พระแท้ พุทธคุณสูง

     
  15. โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    มีหลายแบบหลายพิมพ์เลยครับพี่น้อง

     
  16. โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    เช่ากันตรงๆจากวัด ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งความสบายใจครับ พระแท้ไปยันลูก ยันหลาน

    พูดกันได้เต็มปากเต็มคำ ว่า พระแท้แน่นอน เพราะทำบุญมาจากวัดตรงๆ

     
  17. CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    ผมได้รับภาพหลวงปู่หมุนแล้ว ขอขอบคุณมากนะครับ คุณอยู่โกสุมหรอครับ อยู่ใกล้ๆ บ้านญาติแฟนผมเลย บ้านน้าฟองขายอุปกรณ์ก่อสร้างติดถนนนั่นละครับ ตรงวินมอเตอร์ไซต์
     
  18. Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    โมทนาครับน้องเคน....(^_^)...
     
  19. โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ประวัติหลวงปู่คร่ำ

    <center> ...... ประวัติหลวงปู่คร่ำ ยโสธโร..... </center>
    <table width="60" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table>
    "ท่านพ่อคร่ำ" ตามทีชาวบ้านย่านชายฝั่งทะเลตะวันออก เรียกขานกันนั้นท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ได้รับความเคารพ
    ศรัทธาอย่างสูงจากสาธุชนทั่วๆ ไปมานานเต็มทีแล้ว และยังเป็นท่านพ่อของบรรดาชาวเรือตังเกในย่านนี้ด้วยบางท่านที่เข้าถึง
    กระแสแห่งรสพระธรรม เชื่อกันว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่ล่วงพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง

    หลวงปู่คร่ำ หรือ พระครูสุตพลวิจิตร มีนามว่า คร่ำ อรัญวงศ์ เกิดที่บ้านตำบลวังหว้า อ.แกลง เมื่อวันพุธ แรม 10 ค่ำ
    เดือน 11 ปีระกา ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2440 โยมบิดา ชื่อครวญ โยมมารดาชื่อ ต้อย ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวน
    พี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงปู่เป็นชาวเมืองแกลงโดยกำเนิด ซึ่งบรรพบุรุษได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านวังหว้ามานานหลายชั่วอายุคน
    ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพในทางกสิกรรมเฉกเช่นเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ใน ชนบทที่ไม่ทำสวนก็ทำนาเป็นหลักคือ
    การทำสวนพริกไทย อันเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำกันแพร่หลายไม่แพ้ในเขตจังหวัดจันทบุรี เมื่อวัยเจริญขึ้นควรที่จะได้รับการศึกษา
    โยมบิดามารดา ได้พาไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือ กับท่านเจ้าอาวาสวัดวังหว้า ซึ่งเวลานั้นหลวงปู่มีอายุราว 11-12 ปี เล่าเรียน
    และปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อยู่ประมาณปีเศษจึงย้ายมาเรียนหนังสือที่วัดพล งช้างเผือกและพำนักอยู่ที่นั่น จนอายุได้ราว 15 ปี
    ก็กลับมาบ้าน เพื่อช่วยเหลือเป็นกำลังของครอบครัวในการทำสวนพริกไทย แต่แล้วในปีนั้นเองได้เกิดอาเพทขึ้นบรรดาสวนพริก
    ไทยในละแวกนั้น เกิดเหี่ยวเฉาตายเรียบทุกสวนสร้างความเดือดร้อนกันทั่วทุกครัวเรือนจนทำให้ ทางบ้านของท่านเลิกการทำ
    สวนพริกไทยหันไปประกอบอาชีพอื่นตั้งแต่นั้นกระทั่งหลวงปู่อายุครบ 20 ปี จึงคิดที่จะบวชเพื่อทดแทนพระคุณ อันเป็นขนบ
    ธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานของชายไทยทั่วๆ ไปที่นับถือพระพุทธศาสนา คนที่ยังไม่เคยบวชเรียน สังคม
    ชาวบ้านถือกันว่าเป็นคนดิบ ชนบทบางพื้นที่มีคำเรียกอันเป็นการแยกสถานภาพ ระหว่างผู้ที่ผ่านการบวชเรียนแล้ว กับผู้ที่ยัง
    ไม่ใด้บวช เช่นคำว่า ทิด ซึ่งมาจากคำว่า บัณฑิต แปลว่า ผู้มีปัญญา หรือนักปราชญ์ คำเรียกดังกล่าวนี้แตกต่างกันไปตามท้อง
    ถิ่น ทางภาคเหนือและอีสานก็มีเช่นกัน

    พอถึงวันจันทร์แรม 14 ค่ำเดือน 7 ปีมะเส็ง จ.ศ. 1279 ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2460 จึงได้รับการอุปสมบท
    เป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสังฆการบูรพาทิพย์ (ปั้น) วัดทะเลน้อย เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์เผือกวัดวังหว้า เป็นพระกรรม
    วาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า ยโสธโร หลวงปู่ได้ปฏิบัติเหมือนกับพระนวกะทั่วๆ ไป และตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้
    ประโยคนักธรรมโท กับค้นคว้าตำรับตำราวิชาการต่างๆ จากนั้นจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนพระกรรมฐานและ
    วิทยาคุณจากหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หรือวัดเขาชากโดนซึ่งเชี่ยวชาญในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมญานเป็นพระอาจารย์
    บอกกรรมฐาน มีจิตตานุภาพและวิทยาคมขลัง เป็นที่เลื่องลือมากในสมัยนั้น หลังจากได้ฝากตนเป็นศิษย์แล้วก็ตั้งหน้าศึกษาเล่า
    เรียนอย่างจริงจัง จนบังเกิดความเชื่อมั่นในตนเองกับวิชาที่เรียนและเป็นที่พอใจของผู้เป็น อาจารย์

    ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์ ออกจาริกธุดงค์เพื่อเป็นการทดสอบกำลังใจและฝึกฝนจิตให้เกิดสมาธิเข้าสู่ วิปัสสนา
    ญาณต่อไปได้เดินธุดงค์เพียรปฏิบัติอยู่เป็นเวลาพอสมควรจึงกลับสู่วัดวังหว้า นับตั้งแต่หลวงปู่คร่ำอุปสมบท ในเพศบรรพชิต
    สืบทอดหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดาถึงขณะนี้ได้ 76 ปี แล้ว ได้ใช้พระธรรมคำสอนอบรมบรรดาลัทธิหาริก
    และสาธุชนผู้มีใจฝักใฝ่ในธรรมให้ยึดมั่นถือมั่นในหลักคุณธรรมแห่งความดี ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่ม
    กาสาวพัสตร์ก็ปฏิบัติตนเป็นผู้สำรวมในศีลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่เหล่าบรรดาศิษย์ จะได้จดจำและปฏิบัติตน
    ตามเยี่ยงของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาจารย์ในส่วนที่ดี ด้านลูกศิษย์ของท่านมีมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ข้าราชการระดับบริหาร
    เศรษฐีตลอดจน กระทั่งผู้ใช้แรงงาน แต่ท่านก็ให้ความเมตตาโดยเสมอภาคกัน มิได้มีการแยกหรือแบ่งชั้นวรรณะซึ่งก็ได้สร้าง
    ปิติและศรัทธาต่อบรรดาสาธุชนเหล่านั้น ที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศ

    เมื่อราวปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2536 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการ
    สังคมเมื่อมีกระทรวงใหม่เกิดก็ย่อมจะต้องมีเจ้ากระทรวงหรือรัฐมนตรีว่าการ บรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติต่างก็หมายมั่นปั้นมือ
    เพื่อจะได้เป็นเสนาบดีกันสักครั้งหนึ่ง และก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี กระทรวง
    แรงงานไม่กี่วัน นายเสริมศักดิ์ การุณ ส.ส.ระยอง กับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร ได้พากันไปกราบหลวงปู่คร่ำให้หลวงปู่
    เจิมหน้าผาก รดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไทยรัฐ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยว่า "มนต์
    หลวงปู่เฮี้ยน..." ปรากฏว่าท่าน ส.ส. ทั้งคู่ได้เป็นรัฐมนตรีเรียบร้อย

    จนกระทั่งมาอีกครั้งหนึ่งก็การแต่งตั้งอธิบดีตำรวจที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ กระเด้งกระดอนออกมาจากมติ
    กตร. 2 ระรอกแล้ว ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติกันอีกครั้งวัดวังหว้าก็ปรากฏกายของท่าน พล.ต.อ. ประทินว่าที่อธิบดี
    ตำรวจ เพื่อขอให้หลวงปู่คร่ำรอดน้ำมนต์ และเป่ากระหม่อมให้ เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ชื่อของ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
    คือนัมเบอร์วันของกรมตำรวจจริงๆ ชื่อของลป.คร่ำ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงบุญบารมี เพราะความศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเชื่อ

    ลป.คร่ำท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาอย่างไร้ขอบเขต จริงๆ ใครไปกราบไหว้ท่าน ท่านก็เมตตาเป่าหัว
    ให้ ทำให้สารพัดผู้ที่ไปกราบท่านมีแต่ความปลื้มปิติซาบซึ้งในความเมตตาของหลวง ปู่เป็นทวีคูณ ปัจจุบันนี้ด้วยวัยกว่า 97 ปี
    ของหลวงปู่ จึงทำให้การต้อนรับหรือการเข้าไปพบท่าน ค่อนข้างจะต่างจากในอดีตเพราะสังขารท่านนั้นย่อมต้องการพักผ่อน
    ก่อน แม้ว่าคนรอบข้างบอกว่าเดี๋ยว หลวงปู่เหนื่อยๆ แต่หลวงปู่ก็ยังเสมอภาคกับทุกคน

    ในด้านวัตถุมงคลของลป.คร่ำนั้นก็มีสร้างกันมาร่วม 30 ปีแล้ว สุดท้ายนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านได้ไปกราบไหว้ลป.คร่ำ
    วัดวังหว้า สุดยอดมหาเมตตาบารมีแห่งยุค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ท่านและครอบครัว เทพเจ้าของชาวระยอง

    <table class="Fixfont" width="524" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td colspan="2" height="193">
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" height="20">
    แม้หลวงปู่คร่ำ จะเป็นพระที่ไกลปืนเที่ยงแต่ก็ยังเป็นที่เคารพสักการะของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน​
    </td> </tr> <tr> <td width="251">
    </td> <td width="273">
    </td> </tr> <tr> <td> </td> <td>
    ลป.คร่ำ กับ พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ
    อดีตอธิบดีกรมตำรวจ​
    </td> </tr> </tbody></table> ขอขอบคุณบทความจากหนังสือรวมภาพวัตถุมงคลของ หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร
    อุรพงษ์ ระดมเพ็ง
     
  20. โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ประวัติหลวงพ่อบุญ วัดบ้านนา ระยอง

    พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่บุญ สุสมโณ)
    วัดบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
    ชาติภูมิ
    นามเดิม บุญ สัตย์ซื่อ สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
    นามบิดา นายแอ่ม สัตย์ซื่อ สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
    นามมารดา นางซาว สัตย์ซื่อ สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
    สถานที่เกิด หมู่ที่๔ ตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
    ชาตะ
    วันที่๓๑ มกราคม๒๔๔๗ ตรงกับวันอังคาร แรม๑๑ ค่ำ เดือน๒ ปีมะโรง
    ซึ่งมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน๕คนคือ
    ๑. พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่บุญ สุสมโณ)
    ๒.นางอิน สมรสกับนายอิ่ม จริตงาม (ถึงแก่กรรม)
    ๓. นายปริ่ง สมรสกับนางหลี สัตย์ซื่อ (ถึงแก่กรรม)
    ๔. นางลอย สมรสกับนายแดง สุทธิสถิตย์ (ถึงแก่กรรม)
    ๕. นางวิไล สมรสกับนายไม้ จุลเจือ
    หลวงปู่บุญ ท่านเคยรับราชการเป็นตำรวจมาก่อน
    อุปสมบท
    ท่านอุปสมบท วันที่๑๗ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับวันอังคารแรม๑๓ค่ำเดือน๕ปีมะโรงที่วัดบ้านาน
    ตำบล บ้านนา จังหวัด ระยอง
    พระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆการบูรพทิศ(ปั้น)เจ้าคณะแขวงแกลง วัดราชบัลลังก์ ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง
    จังหวัดระยอง
    พระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดหล่ำ มหาสุวณฺโณ รองเจ้าคณะแขวงแกลง จังหวัด ระยอง
    (พระราชอริยคุณาธาร(หล่ำ)เจ้าคณะจังหวัดระยอง)
    พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เหลือ วัดราชบัลลังก์ ตำบลทางเกวียน อำเภอ แกลง จังหวัดระยอง
    พ.ศ. ๒๔๗๑-๒๔๗๕ จำพรรษาอยู่วัดหนองจระเข้
    วิทยฐานะ
    เมื่อเยาว์วัย ได้รับการศึกษาตามประเพณีนิยมในสมัยนั้นกล่าวคือ เรียนอักษรสมัยในแบบปฐม ก กา
    ที่วัดบ้านนา จนสามารถอ่านออกเขียนได้
    พ.ศ.๒๔๖๐ จบชั้นประถมอ่านออกเขียนได้ ณ.โรงเรียนวัดหนองจระเข้ ตำบล บ้านนา อำเภอแกลง
    จังหวัดระยอง
    พ.ศ.๒๔๗๗ สอบได้ น.ธ. ตรี วัดบ้านนา สำนักเรียนคณะจังหวัดระยอง
    การศึกษาพิเศษ
    - ศึกษาหนังสือขอมจนมีความสามารถอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี
    - ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและวิชาแพทย์แผนโบราณ
    งานด้านปกครอง
    พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านนา
    พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านนา
    พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.๒๕๒๔-๒๕๒๕รักษาการแทนเจ้าอาวาส วัดหนองจระเข้
    สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูประทวน
    พ.ศ. ๒๕๑๒
    ได้รับพระราชทานเป็นสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรีที่พระครูสุทธิวัตร สุนทร
    พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร
    ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโทในราชทินนามเดิม
    พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงพ่อบุญ สุสมโณ) เป็นพระมหาเถระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย
    เป็นผู้รักสันโดษ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายยึดพรมวิหารธรรม และสังควัตถุธรรม
    เป็นหลักการบำเพ็ญศาสนกิจอันเป็นหิตานุหิตประโยชน์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อความมั่นคง
    เพื่อความวัฒนาสถาพรแก่วัด และการพระศาสนามาโดยตลอด
    นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐
    เป็นต้นมาพระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่บุญ)สุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงตามวัยนัก
    เนื่องจากมีการอาพาธด้วยโรคความดันโลหิตและระบบทางเดินหายใจเป็นประจำต้อง เข้าพักรักษาตัวที่ตึกคณะสงฆ์อำ

    เภอแกลง โรงพยาบาลแกลง และโรงพยาบาลบางโพหลายครั้ง
    เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับมาอยู่ที่วัดปฏิบัติกิจวัตรไม่เคยขาด จนกระทั่งค่ำของวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๒
    หลวงปู่บุญยังคงปฏิบัติกิจของสงฆ์โดยอิริยาบถทั้ง๔ได้ตามปกติ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๒
    ขณะที่หลวงปู่กำลังจำวัดอยู่ เวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น.
    ก็มีอาการสะดุ้งตื่นและเหนื่อยหอบมากศิษย์ผู้อุปัฏฐากอยู่รีบปฐมพยาบาล
    พร้อมทั้งนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลแกลงแต่มีอาการอ่อนเพลียลงเรื่อยๆต้องใช้ เครื่องช่วยหายใจอาการก็ไม่ดีขึ้น รุ่งขึ้น วันที่๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๒ ศิษย์พร้อมด้วย น.พ. บัญญัติ เจตนจันทร์
    และพยาบาลโรงพยาบาลแกลง,โรงพยาบาลชลบุรีนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลบางโพซึ่งคุณ ประพฤทธิ์ ตงพิพัฒน์
    แพทย์-พยาบาลโรงพยาบาทแห่งนี้ผู้เป็นศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงปู่บุญ และได้ปวารณาไว้
    คณะแพทย์ได้ทำการรักษาหลวงปู่จนอาการดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๓
    อาการหลวงปู่ก็ทรุดลงอีกครั้งตามสภาพของสังขาร
    หลวงปู่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งสองแห่งเป็นเวลา๑๐๙วัน ถึงได้มรณภาพโดยอาการอันสงบ
    ด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน ณ. โรงพยาบาลบางโพ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๔๓ เวลา๑๒.๓๐
    สิริรวมอายุได้ ๙๖ ปี ๒ เดือน ๑๖ วัน

    จากบางส่วนของหนังสือที่ระลึกในพิธีบำเพ็ญกุศลศพ พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่.บุญ สุสมโณ)
    วัดบ้านนา ตำบลบ้านนา อำเภอ แกลง จังหวัดระยอง
     

แชร์หน้านี้