แยกแยะให้เห็นชัดระหว่างธิดามารและนางแก้ว

<iframe width="660" height="425" src="https://www.youtube.com/embed/PVSFwyggiWI?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

กาเมหิ โลกมฺหิ น อตฺถิ ติตฺติ.
ความอิ่มด้วยกามทั้งหลาย ไม่มีในโลก.


พุทธศาสนสุภาษิต

 

http://palungjit.org/threads/มัจฉชาดก-ไฟราคะ.558710/

 

http://palungjit.org/threads/กัณฑินาชาดก-การตกอยู่ในอำนาจหญิง.558664/

 

http://palungjit.org/threads/ทุราชานชาดก-ภาวะของหญิงรู้ได้ยาก.558750/

 

http://palungjit.org/threads/มหิฬามุขชาดก-ชาดกว่าด้วยการคบคนพาล.559542/

 

http://palungjit.org/threads/อภิญญาโลกีย์-ยังแพ้ภัยกามราคะได้-หากประมาทและอ่อนแอ.560365/

 

ไม้อ่อนที่ทรงอานุภาพ ของเหล่ามาร
สุดยอดเครื่องร้อยรัดแห่งวัฏฏะสงสาร กามภพ กามภูมิ
น้ำกรดเย็นที่กัดกร่อนความแข็งแกร่งของจิตใจ(ที่ปราศจากการบำเพ็ญอันยิ่งยวด)
กัดกร่อนได้อย่างเงียบเชียบ กว่าจะรู้ตัว ก็ถูกหลอมเหลวปนไปกับกรดเย็นอันเปียกชื้น
ที่ไม่อาจจุดไฟตบะได้อย่างช่วงโชติ

 

คราวนั้น ธิดามารทั้งสาม คือ ราคา อรตี และตัณหา
มิได้เห็นพระบิดาอยู่ในเทวโลก จึงตามหากันว่าอยู่ที่ไหน
เมื่อทราบว่า ไปอยู่ที่โลกมนุษย์ จึงติดตามเข้าไปเฝ้าพระบิดาทันที

" เสด็จพ่อ พระองค์ทรงโทมนัสเพราะอะไร "...

-----------

เมื่อธิดาทั้งสามทราบแล้วจึงกราบทูลอีกว่า...
"อย่าได้ทรงวิตกไปเลย ลูกทั่้งสามจะอาสาไปเอาชนะเจ้าชายสิทธิัตถะให้
อยู่ในอำนาจ แล้วจะนำมาถวายเสด็จพ่อให้จงได้ "

------------

ลูกเอ๋ย ไม่มีผู้ใดจะทำให้เจ้าชายสิทธัตถะอยู่ในอำนาจได้หรอก

-----------

พระบิดา ข้าน้อยทั้งสามจะให้อำนาจราคะตัณหาแห่งการเป็นหญิง
นำเจ้าชายมาถวายได้อย่างแน่นอน อย่าทรงวิตกไปเลยพระเจ้าคะ

 

ธิดามารทั้งสาม ทูลลาพระบิดา มาพบพระพุทธองค์ที่ใต้ต้นอัชปาลนิโครธ

" พระมหาสมณเจ้า ข้าน้อยขอบำเรอบาทยุคลแห่งพระองค์เพคะ "

พระสัพพัญญูเจ้ามิได้ใส่พระทัยในถ้อยคำธิดามารทั้งสาม และมิได้ลืมพระเนตรเลย ทรงนิ่งอยู่เป็นปรกติ

ธิดามารทั้งสามจึงคิดว่า บุรุษมีอัธยาศัยเสน่หาในรูปร่างต่างๆ เช่น สตรีในปฐมวัย มัชฌิมวัย หรือปัจฉิมวัย หากตนจักช่วยกันประโลมด้วยรูปต่างๆให้เต็มที่

 

นารีพิฆาต

ธิดามารทั้งสาม ก็เนรมิตร่างของตนคนละร้อยๆ เป็นรูปหญิงไม่มีบุตร มีบุตรแล้วคนหนึ่งหรือสองคน

รูปสตรีมัชฌิมวัย ปัจฉิมวัย ถึงหกอย่าง อย่างละหกครั้ง ไปแวดล้อมพระบรมศาสดา

-------------


พระองค์ทรงนิ่งเฉยมิได้ตรัสอะไรเลย

ธิดามารก็แสดงอิตถีมายา โดยการลีลาศชำเลืองตา ฟ้อนรำ ขับร้อง อย่างเต็มที่

ก็มิสามารถยังพระหฤทัยให้หวั่นไหวได้

 

ทรงยืนยันพุทธสภาวะ

.........................

 

สมัยนี้ ถ้าต้องการเห็นให้ชัด ก็ไม่ยากเหมือนก่อน

ทำตัวไม่มีเงิน ไม่มีชื่อเสียง ลาภ ยศ สักการะ
หน้าตาไม่สวยงาม ไม่หล่อ
อาจแถมพิกลพิการบางส่วนก็ได้ เป็นออฟชั่นพิเศษ

แต่ให้เก็บซ่อนเพชรภายในไว้ให้ดี อย่าเปล่งแสงให้โดดเด่นมาก

จะได้เห็นชัด อย่างรวดเร็ว ว่า คนข้างเคียงที่เข้ามาหาเรา ธาตุแท้เป็นอะไร

 

ขออนุโมทนากับผู้สร้างบารมีอย่างยิ่งยวด จริงจัง ไม่ถอยหลังกลับ
เพื่อให้ผู้อื่นสำเร็จซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วจะเข้าถึงความสิ้นทุกข์ตามไป
เป็นผู้มีความเสียสละอย่างยิ่งใหญ่
ไม่มีคำบรรยายใดจากโลกอันกามภพกามภูมิ รัดตรึงนี้ จะบรรยายได้ครบ


--------------------------------------------------------------------------



"อริยสัจ ทั้งสี่ นี้ที่สุด
ชี้ทางหลุด จากทุกข์ สุดแปรผัน
แม้เวลา หมุนเวียน เปลี่ยนคืนวัน
ความจริงนั้น คงมั่น ทันสมัย

หนึ่งคือทุกข์ ขุ่นข้อง หมองในจิต
ทั้งชีวิต หนีไม่พ้น ทนไม่ได้
รักก็ทุกข์ เกลียดก็ทุกข์ ทุกคนไป
คือหนึ่งใน สัจธรรม นำชีวา


สองสมุทัย เหตุทำ ให้ทุกข์เกิด
ตัวกำเนิด สำคัญ คือตัณหา
รักโลภโกรธ หลงชัง บังปัญญา
อวิชชา พาติดไป ในวังวน


สามนิโรธ การพ้นทุกข์ มีอยู่จริง
นิพพานนิ่ง สงบสุข ทุกแห่งหน
สภาวะ ว่างใส ไร้ตัวตน
วิญญูชน ต่างอยากไป ทั้งใจกาย


สี่คือมรรค มีองค์แปด ประการนั้น
ทางสำคัญ สำหรับเดิน สู่จุดหมาย
นิพพานเป็น จนถึง นิพพานตาย
เราทั้งหลาย ปฏิบัติ ยืนหยัดตรง


คือความจริง สี่สิ่ง ยิ่งทั้งหมด
รู้กำหนด ใส่ใจ ใช่ลุ่มหลง
พระพุทธองค์ แสดงเหตุ เจตจำนง
จุดประสงค์ นำคน พ้นบ่วงกรรม"

ดัดแปลงจากต้นฉบับของคุณสันติ เจริญฤทธิ์ศักดิ์

 

เดี๋ยวก็ว่าคนโน้นเป็น 'คู่บารมี' เดี๋ยวก็ว่าคนนี้เป็น 'คู่บารมี' ทำไมไม่ว่า 'หมา' เป็นคู่บารมีบ้างหล่ะ มันมีที่ไหนหล่ะ 'คู่บารมี' ไอ้ที่มันว่าหน่ะ 'ตัวเหี้ย' ในจิตในใจเราพาว่าทั้งนั้น 'กามกิเลส' มันพาคิดพาปรุง ถ้าธรรมะพาคิดพาปรุงหน่ะ มันไม่มีหรอก 'คู่บารมี' เคยได้ยินกันบ้างมั้ย 'เทวบุตรมาร เทวดามาร' เดินมานี่ รูปร่างหน้าตางดงาม ดีพร้อมไปซะหมด แต่ถ้ามาแล้ว ทำให้เราต้องออกจากการประพฤติพรหมจรรย์ ออกจากการถือศีลภาวนา มันก็เป็น 'มาร' ชัดๆ เป็นตัวขัดตัวขวางให้การประพฤติปฏิบัติเนิ่นช้า 'กาม' เป็นของต่ำ มันจะไปดีกว่า 'เพศพรหมจรรย์' ได้ยังไงกัน ให้พากันพิจารณาให้ดี

หลวงพ่อบุญช่วย ปุญญวันโต

 

ผู้ใด เมื่อสมาคมด้วยแล้ว เกี่ยวข้องเกี่ยวพันธ์ด้วยแล้ว ....." กุศลธรรมเจริญขึ้น"..... นั่นแหละ คือ ผู้สนับสนุน เกื้อกูล ช่วยเหลือ และมีส่วนช่วยเหลือทั้งทางตรง ทางอ้อม ให้บารมีธรรมเจริญขึ้น ...........ไม่ว่าเค้าจะมาเพศใด ฐานะใด..........

 

จริงอยู่ ที่รัตนะทั้งเจ็ดอันเป็นสมบัติพระจักรพรรดิ เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้สามารถบำเพ็ญบารมีได้สะดวก และเกื้อหนุน เอื้ออำนวยในการประกอบบุญบารมี คุณความดี โดยไม่ต้องทุกข์เดือดร้อนเกินไป ตามกำลังที่ผู้มีบุญได้ครอบครอง

แต่ว่า...ต้นไม้ เมื่อเจริญเติบโตถึงที่สุด สิ่งที่คาดหวังก็คือ ได้เป็นที่พึ่งพิงแก่ตนและสรรพชีวิตได้
ด้วยแก่นที่แข็งแรง ร่มเงาที่กว้างใหญ่ ผลที่เสพกินได้

และต้นไม้ที่มาถึงจุดนี้ คือ การได้สำเร็จซึ่งพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ มีแด่นคือธรรมอันเป็นความพ้นจากกองทุกข์ในวัฏฏะสงสาร มีร่มเงาคือกองบุญกุศลทั้งหลายที่ได้ดำเนินในธรรมนั้น

ก่อนถึงวันนั้น รัตนะทั้งเจ็ดเปรียบดังปัจจัยทั้งหลายที่ช่วยให้ต้นไม้แห่งโพธิญาณได้เจริญในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เป็นอุปการคุณที่ขาดไม่ได้แม้จะไม่ใช่สภาพสมบูรณ์ที่สุดที่ต้องไปถึง