หัวใจสำคัญจากข้อความข้างบน
เขาว่ากันว่า(อาจจริงหรือเท็จ)ก่อนพระพุทธศักราช พระศาสนาของตถาคต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะเสด็จดับขันธ์เข้านสู่พระปรินิพพาน ท่านจึงได้ตรัสถามกับพระอานนท์ว่าในศาสนาของตถาคต รวมทั้งหมด 5 ,000ปี ใครจะมาทำหน้าที่อะไรบ้าง พระอานนท์กราบทูลว่า ขอให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ภิกษุณี นางชีพราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ดูแลและบำรุงพระศาสนา กึ่งหนึ่งเป็นเวลา 2,500ปี พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงอนุญาต แล้วก็ทรงถามต่อไปอีกว่า ใครจะขออะไรบ้าง ปวงเทพทั้งหลาย มี พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ และเหล่าเทวดาอารักษ์ทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันกราบทูลขอให้ปวงเทพได้ดูแล และบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปอีกครึ่งหนึ่งของพระอานนท์ คือเป็นเวลาอีก 1,250ปี ให้พวกเราดูแลจนเสื่อมลงไปจนหมดพอดี 5,000ปี ตามที่พระพุทธฎีกาได้กำหนดไว้ พอปี 2,500เป็นต้นไปจึงเป็นหน้าที่ของปวงทพทั้งหลายที่จะดูแลบำรุงศาสนาต่อไปจึงเป็นที่มาว่า ร่างทรงในปัจจุบันจึงมีมากมาย องค์เทพเป็นเพียงอากาศธาตุ มีเพียงธาตุลม ดังนั้นจึงต้องอาศัยมนุษย์ซึ่งมีธาตุทั้ง4คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประทับร่างเพื่อติดต่อกับมนุษย์ได้จุดประสงค์เพื่อจะดูแลและบำรุงพุทธศาสนาเท่านั้น
โอ้ย ความซวยมาเยือนแล้ว "มีคนให้ผมไปรับขันธ์" ทำยังไงดี?
ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย คนขายธูป, 21 สิงหาคม 2007.
หน้า 3 ของ 4
-
สรุป ปี ๒,๕๐๐ เป็นต้นไป เทพทั้งหลายจะแย่งกันมารุมเพื่อดูแล
พระพุทธศาสนา จึงมีเทพหลายองค์ นิยมประทับทรงเสียเลย
(เทพดูแล ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒,๕๐๐ ถึง ๓,๕๗๐ รวม ๑,๒๕๐ ปี
ครึ่งหนึ่งที่พระอานนท์ทูลขอ จวบจนถึงวาระล่มสลายสิ้นไป)
เพื่อดูแลช่วยเหลือคน... -
ตัดก็ไม่ขาด แยกก็ไม่จาก"
คุณต้องถามตนเองก่อนว่า
-รับทำไม
-รับเพื่ออะไร
-ทำไม่ต้องรับ
หลังจากนั้นให้คุณยึดเอาภพปัจจุบันเป็นหลัก
น้อมนำองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นประธาน
น้อมพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ของพระองค์ท่านมาไว้ในใจ
ลูกขอตั้งสัจจะวาจาว่าชีวิตที่มีอยู่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ลูกขอถวายชีวิตแด่พระพุทธศาสนา จะสร้างแต่คุณงามความดี
ขอรับขันธ์ห้า (รักษาศีล 5) , ขอรับขันธ์แปด (รักษาศีล 8)
จนกว่ากายหยาบและชีวิตของลูกจะหาไม่
เมื่อรักษาศีลก็จักต้องมีพรหมวิหารสี่
เมื่อเราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ความศักดิ์สิทธิ์จึงบังเกิด
ถ้าเรารับเอาขันธ์มาตั้งไว้เฉย โดยที่ใจไม่ยึดมั่นถือมั่นจะสร้างความดี
ขันนั้นเอามาใส่น้ำแล้วชะโงกดูเงายังมีคุณค่าเสียกว่า
เทพ พรหม เทวดา ที่ให้คุณรับขันธ์ท่านนั้น ๆ อาจเป็นคุณเองในภพชาติหนึ่ง ที่คุณมีกรรมดีมีหน้าที่จักต้องมาสานต่อ มาสร้างบารมี
หรือคุณมีกรรมชั่วจักต้องมาแก้ไขในชาตินี้ ไม่มีเทพ พรหม เทวดา องค์ใดท่านใดที่ต้องการชีวิตมนุษย์ มันเป็นบาปเป็นกรรม ท่านไม่มีกายหยาบท่านต้องอาศัยมนุษย์สร้างกุศล แล้วถวายบุญให้ท่าน เปลี่ยนจากสิ่งที่เขาบอก เขากล่าวกันมาจากความเชื่อ ให้เป็นความรู้แท้แห่งจิตวิญญาณด้วยสติ ปัญญา
"พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าไม่ให้เชื่อท่าน แต่ให้พิสูจน์ในสิ่งที่ท่านตรัสรู้ไว้ดีแล้ว"
เมื่อจิตและกายบริสุทธิ์ เราสามารถรับพลังได้ทั่วอนันตจักรวาล
"ไม่มีศาสตราวุธใดร้ายแรงเท่ากับการผิดสัจจะวาจา
จงเอาเยี่ยงพันท้ายนรสิงห์ที่รักษ์สัตย์มากกว่ารักษ์ชีวิตตน"
ขอให้สติ ปัญญา จงบังเกิดแด่คุณให้ทันกาลด้วยเทอญ......
สาธุ สาธุ สาธุ -
มันเป็นผลของกรรมในชาติหนึ่ง ๆ ของคุณเองเท่านั้น ไม่มีใครทำร้ายคุณได้นอกจากคุณทำร้ายตัวเอง
คุณแก้ไขอดีตโดยการยอมรับผลของกรรมในชาตินี้
ส่วนชาติหน้าคุณสามารถเป็นพระพรหมกำหนดชีวิตคุณได้
นับตั้งแต่วันนี้ วินาทีนี้เป็นต้นไป
"กำกับเอง เล่นเอง แสดงเอง" -
.......รู้มากแต่อย่ามากรู้........... -
คุณจิตต์ปภัสสร ครับ ผมชอบรูปอวตารพระแม่กวนอิมของคุณจัง พอจะมี File ทีมีความละเอียดเยอะๆ มั้ยครับ ผมอยากเอาไปอัดขยาย ถ้าได้ รบกวนส่งตาม เมล์ นี้นะครับ sukinarak@yahoo.com ถ้าไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
เกิดเป็นคน...เลือกทางเดินได้เอง
นรก สวรรค์ หรือ หลุดพ้น
หากเลือก "หลุดพ้น"...ต้องเดินด้วย "สัจจะ"
- " หนุมาน ผู้นำสาร " -
ลองดูว่าการรับขันธ์ที่เขาทำกันทั่วไปนั้นเขาทำยังไง และมีเจตนาเพื่ออะไร อาจจะทำเป็นพิธีเพื่อจุดประสงค์บางประการ เหมือนอย่างเช่นชาวพุทธเวียนเทียน 3 รอบ นั่นก็คือรูปแบบคือพิธีการที่มีความหมายแฝงอยู่
ถ้าเรารู้ถึงเป้าหมายของการรับขันธ์ที่แท้จริงว่าคืออะไร และพิจารณาดูแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีทำให้บุญกุศลเกิด เราก็นำเอาหลักการนั้นมาปฏิบัติโดยไม่จำเป็นต้องประกอบพิธีการภายนอกก็ได้ครับ(เหมือนเราปฏิบัติตามความหมายของบทสวดมนต์เลย โดยไม่จำเป็นต้องท่องบ่นภาวนา)
ส่วนเรื่องการทรงนั้นผมยังไม่เคยเจอคนที่ทรงจริงๆนะ แต่ที่ภูเก็ตตอนเทศกาลกินเจน่ะมีเยอะเลย ส่วนใหญ่จะฟังเขาเล่ามาหรืออ่านจากในหนังสือ ถ้าสิ่งที่ฟังหรืออ่านมาเป็นจริงนะครับ การเข้าทรงก็มีทั้งจริงและหลอก และถึงแม้จะเป็นจริงมันก็เหมือนกับว่าเราเอาตัวเองเข้าไปผูกพันหรือมีพันธะกับองค์เทพเสียแล้ว จะทำให้เราขาดอิสระเสรี ต้องทำตามที่องค์เทพที่เราเปิดใจรับเข้ามานั้นต้องการ
ถ้าเป็นผมผมจะไม่ยอมให้ใครมาใช้ร่างผมหรอกนะ(แม้แต่เทพก็ตาม) ควรจะให้ติดต่อทางนิมิตหรือทางจิตจะดีกว่า อย่างในพระสูตรสมัยพุทธกาลก็มีเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์หรือพระอริยะสาวกทั้งหลายติดต่อกับเทพเทวดาทั้งหลายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ให้เทพเทวดามาสิงร่างหรือใช้ร่างเหมือนร่างทรงสมัยนี้ ตรงกันข้ามเทพเทวดากลับมีความเคารพอ่อนน้อมกับผู้มีคุณธรรมทั้งหลายด้วยซ้ำไปครับ -
แล้วถ้ามันมาแล้วไม่เห็นตัวแล้วบอกให้เรารับขันธ์แล้วจะทำอย่างไรครับ. รู้สึกข้ออ้างมันบอกว่าเกี่ยวกับตัวของพ่อผมน่ะครับ (อยากจะกระทืบจริงๆถ้าเห็นตัวเป็นๆ).
-
แถวบ้านก็เคยมีนะคับ เค้าเข้าทรงกัน แต่เรื่องแบบนี้รู้ไว้ก็ได้ความรู้ดีนะ เพราะจได้ไม่ถูกเค้าหลอก
-
เท่าที่รู้มาตอนเด็กก็ถามอุย(ทวด) ว่ารับขันคืออะไร ทำไมต้องรับด้วย
อุ้ยก็ตอบแบบง่ายๆๆให้เข้าใจว่าขัน5ก็เหมือนศีล5นั่นแหละคือเรานำเอาศีล5เป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต
1.ไม่ฆ่า หรือมีเจตนาฆ่า
2. ไม่ขโมยของของใคร
3. ไม่แย่งของรักของใคร
4.ไม่โกหกหรือพูดอะไรให้คนอื่นเดือกร้อน หรือสร้างความเดือดร้อนจากกคำพูด
5.ไม่เสพสิ่งเสพติด มึนเมา
ดอนเด็กเราก็รู้เพียงแต่มีคนบอก ไม่เข้าใจในความหมายเท่าไหร่(รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม)
พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เห็นญาติที่เคยไปรับขัน เป็นร่างทรง .... ผ่านมาเกือบ30ปี ยังไม่เห็นท่านประทับทรงแม้แต่ครั้งเดียว
แต่เท่าที่อ่านๆมาหลายกระทู้ ถามมาหลายอาจารย์ ท่านเคยบอกไว้ว่าเทพส่วนใหญ่ท่านไม่ประทับทรง ถ้าจะมีก็ส่วนน้อย แต่โดยมากแล้วท่านจะดูแลหรือที่เรียกกันว่าองค์ใน ...... หากสิ่งที่เราพบเจอหรือเผชิญหน้าอยู่เป็นหนทางที่นำพาแต่สิ่งดีๆและเราสบายใจ เป็นทางที่เราเดินแล้วไม่ขัดใจหรือขัดเข้งขัดขาตัวเอง ก็ไม่เสียหายอะไร คนเราเมื่ออยู่นะดับหนึ่งที่พอจะรู้ได้ ก็จะสามารถให้คำตอบแก่ตัวเราเองได้ โดยไม่ใช้คำแนะนำของผู้อื่นตัดสิน แต่เมื่อเรายังอยู่ในระดับที่ไม่สามารถรู้ได้ เราก็เดินตามหลังผู้ใหญ่ดีกว่า(ครูบา อาจารย์)
.......555 (ยังอยู่ในระดับที่ไม่สามารถรับรู้ได้)
มีความคิดเห็นเท่านี้แหละค่ะ ไม่รู้จะช่วยได้หรือเปล่านะคะ -
คำถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ 2,500+1,250=3,750 แล้วอีก 1,250 ปีสุดท้ายละครับ เป็นใครมาดูแลต่อ (b-ng) -
วิบากกรรมเก่าที่ในอดีตเคยเล่นพวกสิงๆทรงๆ ตามมาทัน ถ้ายอมก็เข้าสู่วงจรนี้ใหม่ ตัดใจให้ขาดจากของพวกนี้จะดีกว่า โอกาสที่จะพบคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าเสียเวลาที่มีเพียงน้อยนิด เอาเวลาศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าให้หมดก่อนทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ แล้วค่อยไปศึกษาเรื่องอื่น
-
ก่อนจะล่มสลายลงอีก ๕๐๐ ปี ผมได้ศึกษาค้นคว้ามีบันทึกไว้ว่า
"พระมัญชูศรี" จะจุติมารวบรวมคัมภีร์ให้ถูกต้อง ดังนั้น ใครทำ
ใครปฏิบัติชอบ ก็ยังรอดได้พระนิพพานอยู่
พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสรับรองพระธรรมของท่านไว้ประมาณว่า
แม้นพระธรรมของท่านจะเหลือเพียงน้อยนิด แต่ขอให้ปฏิบัติจริงจังก็นิพพานได้
ดังนั้น ช่วงปี ๓,๗๕๐ ถึง ๔,๕๐๐ (รวม ๗๕๐ ปี)
จึงเป็นช่วงที่พระธรรมเสื่อมลงอย่างยิ่ง
และโอกาสสุดท้ายต้องรอ "พระมัญชูศรี" ครับ -
วันนี้ไปทำพิธีรับขันธ์มาแล้ว ทำเองรับเอง ไม่มีแมงหวี่แมลงวัน
ยุง ก็ไม่มีโผล่มาให้เห็นสักอย่าง (มีแมลงเล็กๆ ตัวเดียวมาตอมดอกไม้)
ทำแล้วก็บอกให้แม่สบายใจ ส่วนผมเฉยๆ ทำๆ ไปตามพิธีแค่นั้น -
ชื่อว่าคนดี ประพฤติอยู่ในศีลในธรรมเสมอด้วยปกติวิถีประจำวัน เบื้องบนท่านย่อมรักษาบุคคลนั้น
โดยไม่จำเป็นต้องประกาศมาอย่างเอิกเกริกให้เป็นรูปธรรม
สิ่งสมมติทั้งหลายไม่ใช่แก่นสาร ไม่ควรยึดติด จะหลงทิศเสียเปล่า -
-
ที่ว่าไม่ต้องประกาศเป็นรูปธรรมนั้น คือ ไม่จำเป็นต้องมีการประกอบพิธี
คนดีมีศีลธรรม จักได้รับการรักษาคุ้มครองจากเทพเทวา ท่านจะน้อมจะนำทำให้ในใจรู้ได้ หรือเลี่ยงหลบแคล้วคลาดได้จากอวิชชา
กล่าวคือ ไม่มีจิตใจอยากเข้าไปข้องแวะ
ช่วยคนให้พ้นกรรมเก่าอันเคยประกอบนั้น ไม่ใช่กิจธุระ หนี้ของเขา เขาต้องชำระ
ครองตนของตนให้ดีเถิด -
ไม่มีใครเพอร์เฟคครับ
มีอะไรที่ทำแล้วได้บุญบารมีก็ทำไปตามกำลัง
หากกลัวผิดพลาดไม่ทำอะไรเลย
ผมคิดว่า "อย่ามาเกิดดีกว่า"
ตัวอย่าง
๑. ยายผีป่าทำดี ก็จะมาป่าวประกาศ ทำให้ผมได้อนุโมทนาไปด้วย
๒. อาจารย์ตาที่สามก็แสดงตนชัดเจนว่ามีตาที่สาม ผมได้ความรู้ไปด้วย
ปล. แต่ตัวจริงผมไม่นิยมเปิดเผย บางท่านอาจรู้จักผมเพราะบุญสัมพันธ์
บางท่านชอบสืบแล้วมาแฉ เหมือนผมเป็นขโมยถูกจับได้ ก็ช่างเขา
นี่ก็ไม่เอารูปจริงและชื่อมาลง ทำเป็นแค่ "โมเดล" ให้คนเขาทำตาม
ดีกว่าสังคมมีแต่ "ตัวอย่างเลวๆ" นะ
(glass) โอเค? -
ใครมีปัญหาแบบนี้ (หนักมากชีวิตตกต่ำสุดๆ แทบจะฆ่าตัวตาย)
เอาไปใช้ได้ครับ เปลี่ยนข้อความข้างล่างว่าอย่ามาทรงร่างก็ได้
หน้า 3 ของ 4