คงไม่ใช่ถอดจิตหรอก แต่เป็นจิตหลุดน่ะ
ใครเคยฝึกกสิณลมสำเร็จแล้วบ้างครับขอคำแนะนำหน่อย
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อินเดียหน้าโจร, 9 กุมภาพันธ์ 2005.
หน้า 4 ของ 4
-
-
เออ ไม่ได้มานานเลย..
วันนี้มีโอกาสโผล่มา ยังเจอกาทู้นี้ค้างเด่นอยู่อี้ก
แง่
คุณครูนางฟ้ายังอยู่อ่ะป่าวหว่า...
อินเดียฯ เปนไงบ้าง...
วันนี้ผมพึ่งกลับมาจากวัดท่าซุงครับ
ก่อนจะมาเขียนต่อ เล่าเรื่องทั่วไปซักกะหน่อย
ไปมาสองวัน พอดีมีรุ่นพี่คนนึงอยากได้มโน
เราก็อยากไปเพิ่มพลัง
ไปกันสามคน พี่คนนึงเค้าโทรนัดหลวงตาหมอให้มาฝึกให้
หลวงตาหมอสอนดีมากเลย สอนละเอียดแล้วก็นาน
เอาจนพี่เค้าได้เลย
พี่เค้าดีใจมากๆ บอกว่ามั่นใจแล้ว
เราก็เลยดีใจกะเค้าไปด้วย
มีคนได้เพิ่มอีกคนแล้ว ก็เลยเอาบุญมาฝากกัน
^.^ -
วันนี้เอาว่าเล่าเรื่องช่วงที่หายไป ก่อนละกัน พึ่งนี้ต้องตื่นตีสี่ ไปเชงเม้ง
555
มีคนสงสัยว่า ภาพที่เห็นมันเป็นเพราะเพ่งเยอะไปเลย เป็นภาพติดตารึเปล่า
อันนี้มันแยกง่ายมากเลย ระหว่างภาพติดตา กับภาพที่เห็นจริงๆ
อืมม ไอ้เห็นด้วยตากะเห็นด้วยใจนี่ต่างกันเยอะนะครับ
เห็นด้วยตาก็เหมือนกับมองดูของรอบข้างน่ะ ไม่ตั้งใจมองมันก็เห็น รู้ว่ามันลอยไปลอยมา
เดี๋ยวนี้เห็นตลอดก็เลยไม่สงสัย ไม่งง เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เมื่อก่อนจะเห็นแว้บๆ แต่เดี๋ยวนี้ ถ้ามีมา แล้วมีแสงให้มอง ก็จะเห็นเลย
เวลาเห็นด้วยตา ถ้าเค้าไม่โชว์ คือไม่ทำรูปร่างให้เห็น พวกวิญญานก็จะเห็นเป็นแค่เงาดำๆ ส่วนใหญ่จะอันเล็กๆ ลอยผ่านตาไปมา ส่วนใหญ่จะมาใกล้ๆ ตัวแบบมาขอส่วนบุญว่างั้น
ส่วนถ้าเป็นเทวดา จะเห็นเป็นระยิบระยับ เหมือนจุดแสง ในอากาศ มีคนบอกว่า คืออากาศเทวดา
แต่ที่ผมเห็น (ถ้าด้วยตา) ที่ที่โล่งๆ กว้างๆ สะอาด มีแสงทั่วถึง แล้วก็ไม่ร้อนมาก จะเห็นเทวดาแบบนี้ทุกครั้ง แล้วก็เห็นเยอะ
มีครั้งนึง ความรู้สึกว่าตึกลิเบอร์ตี้ ตรงสีลม (ตึกฟิตเนสแคลิฟอร์เนีย) มันแว้บๆ เข้ามาในใจว่า ตึกนี้มีอะไรพิเศษ ก็เลยขึ้นไปบนดาดฟ้า (เหนือชั้น 22 )
วันนั้นเจอเทวดาเยอะที่สุดในชีวิต เยอะมากกกก ระยิบระยับแพรวพราว สวยมาก
ก็เลยหลับตาแล้วจับอารมณ์สบายๆ แบบมโนฯ ก็เห็นเต็มเลย ว่าเป็นยังไง กำลังทำอะไรกันอยู่ เห็นชีวิตความเป็นอยู่เทวดาเป็นเรื่องเป็นราวเลย สนุกดี
แต่พอลืมตามา ก็จะเห็นเป็นแค่จุดแสง แพรวๆ ลอยไปมาเต็มอากาศไปหมด
อันนี้แหละมันแยกง่ายจะตาย เห็นด้วยตาใน กะตาเนื้อน่ะ
แล้วก็สังเกตอีกอย่าง.. คือ หลังจากวันนั้น ผมก็แอบขึ้นไปดาดฟ้าของตึกนี้อีกหลายครั้งเลย ไปดูเทวดา 555
แต่เจอเยอะบ้าง น้อยบ้าง ไม่เท่ากัน.. คือเค้าก็มีเวลาบางท่าน ยิ่งสูงก็ยิ่งไม่ค่อยเจอนะ
แล้วตรงไหนมีเทวดาเยอะๆ ตรงนั้นอยู่แล้วสบายใจมากกกก บอกไม่ถูก เข้าสมาธิก็ง่าย ดีมาก
ส่วนเห็นด้วยใจนี่มีหลายแบบนะสำหรับตัวผม
ตอนฝึกใหม่ๆ มันต้องสร้างภาพกันหน่อย อันนี้มันจะเป็นเหมือนกับเรานึกเอา มันจะหนักๆ คือ เราต้องมานั่งจินตนาการต่อว่าภาพที่เรานึกเอามันจะทำอีท่าไหนต่อ อันนี้มันช้า.. แล้วก็จากความรู้สึก ไอ้แบบนี้ค่อนข้างมั่ว เต็มสิบให้มั่วสัก 8 -9
แต่ถ้าอารมณ์สบายๆ มากขึ้น ไปแบบครึ่งกำลัง หรือที่เค้าเรียกว่าอุปจาระสมาธิ อันนี้เริ่มเห็นไว บางทีภาพที่ไม่ได้คิดก็มาเองเลย แล้วมานี่รายละเอียดเยอะ ถ้าสมาธิเริ่มทรงตัว ภาพที่มาจะไม่หาย จะเดินเรื่องต่อได้.. อันนี้ค่อนข้างดี
ถ้าฝึกมโนยิทธิครึ่งกำลังก็ต้องอาศัยตาในอารมณ์ประมาณนี้นะ แล้วจะเห็นค่อนข้างตรงเลย
เช่น ถามดอกไม้สวนนี้สีอะไร ก็จะตอบถูก
ยอดเจดีย์ มีอะไร ก็จะเห็นเป็นธงสามเหลี่ยม
มันจะเห็นเหมือนๆ กันอย่างน่าประหลาด
แล้วครูเค้าก็จะบอกว่าถูก (ผิดก็ไม่เป็นไรนะ) ก็ยิ่งมั่นใจ
อันนี้เป็นตาในเหมือนกัน ใช้ใจเห็น แต่หลับตาลืมตาก็ได้ แล้วแต่ถนัด
อันสุดท้ายก็ตาในแบบถอดไป
อันนี้เหมือนฝัน
แต่ไม่ได้หลับ
ก็เป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็กระทบความรู้สึกมาก
บางทีถ้าลองระลึกชาติ แล้วเอาจิตเราไปจับ (เหมือนเข้าสิง) ร่างสมัยก่อนของเรา ก็จะรู้สึกถึงอารมณ์ตอนนั้นเลย
อารมณ์มันจะรุนแรง บางครั้งก็หัวเราก้าก บางครั้งก็น้ำตาไหล แล้วแต่เหตุการณ์
แต่ทุกภาพที่เข้ามา มันไหลมาเองเรื่อยๆ ชัดเจน เหมือนดูหนังสามมิติ ถ้าวันไหนดีพิเศษ จะเห็นชัดมากนะ เหมือนกับเห็นของธรรมดาด้วยตาเราเองนี่แหละ
อันนี้ต้องอาศัยฌานสี่ (บางทีก็ไม่ถึงนะ) แล้วไป จับพวกกสิณแสงสว่าง หรืออะไรก็ได้น่ะที่มันจ้าๆ ตอนผมเริ่มทำก็ทำตามแบบกสิน แต่หลังๆ มันก็ไม่ต้องนะ
หลับตามั่วๆ สักพัก มีครั้งนึงผมเข้าฌานสี่ด้วย อานาปานสติธรรมดา อยู่ดีๆ จากมืดๆ ก็มีพระมาสงเคราะห์ ฉากมืดก็โดนฟันขาด แล้วมีแสงพุ่งออกมา จากนั้นหลวงปู่ปานก็ออกมาพาเที่ยวนรก ไปจนถึงนิพพานเลย สนุกมาก.. แต่ไม่รู้ว่าเล่าแล้วจะได้อะไร เอาไว้ถ้าเห็นแล้วมันจะรู้สึกได้เอง ว่าอารมณ์มันเข้มข้นขนาดไหน
จิตตอนนั้นน่ะคุมไม่ค่อยได้หลอก มันไปของมันเอง -
มีเรื่องอยากคุยกะเพื่อนๆ พี่นางฟ้า คุณยายจ๋า แล้วก็พี่ต้นตะขบหลายอย่างเลย
แต่ช่วงนี้มะค่อยว่างเข้ามาน่ะครับ
คิดถึงๆ
กสิณลม ตอนนี้เหมือนเดิมครับ ไม่คืบหน้า แต่ก็ไม่ตกไปไหน
ตอนนี้ผมมีวิธีจับกสิณลม เป็นเทคนิคส่วนตัวสัก 3 วิธีนะ
ส่วนใหญ่ผมไม่ชอบใช้พัดลม มันไม่แรงน่ะ ลมธรรมชาติถึงเบาบ้างแรงบ้าง แต่รู้สึกว่าดีกว่ากันเยอะเลย แล้วก็พวกต้มน้ำ ปิ้งลูกชิ้นก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยให้ความรู้สึกลมน่ะครับ มันให้ภาพมากกกว่าลม ถ้าจะรู้สึกว่าเป็นลม วิธีที่ทำแล้วเวิร์ก เป็นแบบนี้
วิธีแรก เป็นการทรงเอาไว้ด้วยใจ คือสร้างนิมิตเป็นควัน แต่ต้องทำจนอารมณ์เบาสบาย ถ้ารู้สึกว่าภาพมันยังหนัก คือจินตนาการเอา อันนั้นใช้ไม่ได้
อันนี้ทรงได้ถึงฌาน4 (วิธีนี้เข้าฌาน 4 ง่ายสุด) พอถึงก็ควันนั้นก็จะนิ่ง แล้วก็จะใสขึ้นๆ รู้สึกเองว่าเบาขึ้น หวิวๆ .. อารมณ์กสิณลมมันจะประมาณนี้นะ
วิธี2 เป็นวิธีทรงด้วยความรู้สึก อันนี้ยากนะ สมาธิจากการโดนลมกระทบนี่ทรงตัวยาก แต่ก็ใช้สมาธิจับความรู้สึกปลิวๆ ลอยๆ เบาๆ ตอนโดนลมตลอด แล้วก็รู้สึกตามว่าลมเคลื่อนที่ยังไง
อันนี้ดีมาก แต่ยากนะ มันหลุดง่ายมากๆ สติไม่อยู่แว้บเดียวก็หลุดแล้ว แต่ถ้าทรงได้จนอารมณ์ต่อเนื่อง (เค้าเรียกว่าเอกัตถะ อะไรเนี่ยมั้ง) สักพัก ตัวจะเบามาก บางทีแขนขาขยับไปเอง จะรู้สึกเหมือนอยากเต้นระบำกลางสายลม (แล้วพอกระโดด สมาธิก็ขาดผัวะ 555)
ตามความรู้สึก ถ้าใครหวังเอาฤทธิ์จากกสิณลม ผมคิดว่าต้องทรงสมาธิแบบนี้นะ มันให้ความรู้สึกเข้ามาที่ตัวเลย
แต่วิธีนี้สมาธิหลุดง่ายมาก ผมไม่เคยทรงได้จนอุเบกขาเลย (มีแต่อุเบกขาหลอก เป็นจิตหลอกจิต 55) เอาไว้ค่อยๆ ฝึกกันต่อไป
วิธี3 เป็นวิธีส่วนตัว คือบางทีจับอารมณ์สบายๆ แล้วผมจะเห็นการเคลื่อนที่ของลมบางๆ เอง คล้ายๆ หมอก ผสมไอ อันนี้ให้ทั้งภาพแล้วก็ความรู้สึก เพราะมันเห็นด้วยตาเนื้อ.. แต่วิธีนี้เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้ฝึกแล้ว เพราะรู้สึกว่ามันต้องเพ่งมากไปหน่อย มันใช้สมาธิที่ตาเข้ามาช่วย จะหยุดอยู่ที่แค่ ฌาน 1-2 ไปไม่ถึง ฌาน 4 ซักที
ก็ลองกันดูทั้งสามวิธี
คนพิมพ์ก็ยังบินไม่ได้ เลยไม่รู้จะสอนยังไง ถือว่าเป็นแชร์ประสพการณ์ละกัน
ทั้งหมดก็ขอบคุณพี่ต้นตะขบ กะคุณยาย ที่ผมชอบไปแอบอ่านดูดความรู้มาประจำ
ช่วงนี้ส่วนใหญ่ผมจะเล่นกสิณแสง คู่กับวิปัสนา แล้วก็พรหมวิหาร4 (คอมโบ้เซต) มากกว่า เมื่อก่อนไม่ค่อยทำแสง เพราะรู้สึกไม่มั่นใจในภาพที่เห็น กลัวมันเป็นภาพหลอก เพราะพอเราไปแบบเต็มๆ ได้ จะรู้เลยว่าอารมณ์มันอิมแพ้กมาก ถ้าเศร้านี่บางทีน้ำตาท่วมเตียง.. ยิ่งเห็นเยอะก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเราไม่ดีเลย อะไรแย่ๆ ไม่คิดทำเลย ศีลไม่ขาดโดยอัตโนมัติเลย
วันนี้กะจะแวะมาทักทายแล้วก็ขอบคุณอาจารย์นางฟ้าทุกคนเลย
แต่พอดี อารมณ์ไหนก็ไม่รุ ยาวยืดเชียะ 5555 เอาเป็นว่าคืนนี้ไปก่อน ฝันดดีกันทุกคนครับ
ถ้าว่างจะเข้ามาอีก
บะบาย -
ไม่น่าเชื่อว่าจะมี คนเห็นเหมือนกัน(ทีแรกคิดว่า ตัวเองบ้า) ว่าอากาศมันมีลักษณะยังไง เห็นเหมือนกัน
เลยคล้ายไอน้ำหรือหมอก(แต่ผมไม่ได้เห็นด้วย ตาปกติอ่า )ส่วนเรื่องบังคับ เคยโดนดีอยู่ครั้งนึง
ตอนนั้นอายุยังน้อย17เองยังคะนองอยู่ใช้พร่ำพรื่อ จนเทวดาหมั่นไส้ โดนดีเลย มีลมพัดมาเหมือนกัน
แต่พอโดนลม ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรพุ่งเข้ามา หน้ามืด+ไข้ขึ้นสูงกระทันหัน(เรื่องนี้โดนที่ สัตหีบ ในค่าย
พลาธิการของทหารเรือ มั้ง ตรงนั้นเค้าเรียกแยกเจ ) ไข้ขึ้นสูง3วัน กินยาไข้ก้อไม่ลด ปีนั้นเลยไม่ได้
ไปสอบปลายภาคเลย แต่ครบ3วันไข้หายไปเลยเลย ทุกวันนี้เลยไม่คะนองแล้วหล่ะครับ
อ้อวิธีที่ผมใช้ ไม่รู้เรียกกสิณรึเปล่าผมจะนึกถึงใบไม้ที่ มันไหวตามลม (คือตอนเด็กๆ แม่ผมเค้า บอก
ให้ดูใบไม้ ที่อยู่บนต้นไม้บ่อยๆ ดูไปดูมา ก็จำได้เอง แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมแม่ถึงบอกให้ดู งง ) -
ผมไปทดลองมา เมอื่ไม่นานนี้หลายครั้งเรื่องการเหาะ
เวลาจะเหาะนั้น กำหนดกสินลมนึกถึงความเคลื่อนไหว ลมไม่ได้มาพัดตัวเรา
พอถึงเวลาก็กระโดดขึ้นได้เลย หรือวิ่งๆไปแล้วกระโดดลง จะรู้สึกว่าตัวเองเบาสามารถเดินบนอากาศได้ เป็นแบบลอยๆ พอหมดพลังตัวเองก็จะหล่นลงมา
แล้วกสินลมเราจะกำหนดให้ลมพัดตัวเราช่วยในการเหาะก็ได้ -
COMBO SET...... Oo"
-
ขอขอบ คุณ ค่ะที่ได้มา อ่าน
-
[วาโยกสิณ]
พระโยคาวจรแม้นใคร่จะเจริญวาโยกสิณ พึงถือเอานิมิตในลม ก็แลนิมิตในลมนั้น พึงถือเอาได้ทางเห็นบ้าง ทางถูกต้องบ้าง เพราะคำ (ต่อไป ) นี้ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาทั้งหลายว่า " พระโยคาวจรผู้จะขึ้นเอาวาโยกสิณย่อมถือเอานิมิตในลม คือกำหนดเอายอดอ้อยที่ไหวไปมา หรือกำหนดเอายอดไผ่ หรือยอดไม้ หรือปลายผมที่ไหวไปมาก็ได้ กำหนดเอาลมอัน ( พัดมา ) ต้องที่กายก็ได้ " ดังนี้ เพราะเหตุนั้น พระโยคาวจร ( ผู้เจริญวาโยกสิณ ) เห็นต้นอ้อยก็ดี กอไผ่ก็ดี ต้นไม้ก็ดี ที่มีใบหนาตั้งอยู่ ( สูง ) เพียงศีรษะ(๑.) หรือผมของคนที่มีผมหนายาวประมาณ ๔ องคุลี(๒.) ก็ดี ที่ลมพัดอยู่ พึงตั้งสติ ( ระลึก ) ว่า " ลมนี่พัดที่นั่น " ก็หรือว่า ลมเข้าทางช่องหน้าต่างบ้าง ช่องฝาบ้าง มาต้องร่างกายของเธออันใด พึงตั้งสติในลมอันนั้น ภาวนาว่า วาโต วาโต โดยที่เป็นนามเด่นในบรรดานามของลมทั้งหลาย เช่น วาตะ มาลุตะ อนิละ อุคคหนิมิตในวาโยกสิณนี้ปรากฏยังเป็นนิมิตไหว เช่นกับกลุ่มไอ(ร้อน ) แห่งข้าวปายาสที่เพิ่งปลงลงจากเตา ( ส่วน ) ปฏิภาคนิมิตเป็นดวงนิ่งแน่ว
๑. จะได้เพ่งดูตรงๆ ตามสบาย ไม่ต้องแหงน ไม่ต้องก้ม
๒. ผมสั้นไป ต้องลมก็ไม่ไหว ถ้ายาวไปก็ห้อยเสีย ถ้าบางไปก็ลู่ตามลม ไม่ปรากฏอาการต้องลม เพราะฉะนั้นท่านจึงกำหนดเอา ๔ องคุลี ไม่สั้น ไม่ยาว และ หนาด้วย อาการต้องลมจะได้ปรากฏ คือไหวไปมาได้
-
ฝันน
คุณ websnow ครับ การตื่นในฝันเนี่ยมันเป็นของมันเองหรือต้องฝึกครับ
ถ้าฝึกมีวิธีฝึกยังไงมั่งครับ
เมื่อก่อนผมเคยฝึกจนตื่นในฝันได้แต่ แต่ตอนนี้นานๆทีถึงจะตื่นขึ้นมาในฝันสักที ตอนที่รู้ตัวว่า ฝันร้าย -
สวัสดีครับพี่ๆทุกคน พอดีผมหาเรื่องเกี่ยวกับวันสิ้นโลกอยู่ แล้วบังเอิญ เห็นเรื่องเกี่ยวกับ
กสิน ผมจึงอดนึกไม่ได้ว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับกสิณ แต่ผมไม่รู้จะฝึกดีมั้ย?
แล้วอีกอย่างผมอายุแค่13ปี แต่อยากฝึกกสิณ แต่ไม่รู้จะฝึกกสิณอะไรดี?
คือว่าตอนผมเด็กๆ ก่อนพ่อผมจะเสียชีวิต (พ่อผมเสียตอสึนามิครับ)
ผมเห็นเหมือนมีเศษขนสุนัขเล็กๆ(เล็กมากๆ)ติดอยู่ที่แก้วตา
(ไม่ได้มองผ่านกระจก แต่เห็นเมื่อกำหนดจุดโฟกัสใกล้ๆ หรือที่เรียกว่า ทำตาเหล่ จะเห็นว่า
มันไม่ได้อยู่ในอากาศ แต่อยู่ที่แก้วตา) ผมลองให้เพื่อนๆที่รุ่นเดียวกับผม ลองทำดู
มันก็มองไม่เห็น แล้วยังมาหลอกเราว่าเราเห็นผีอีก แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นแล้ว
และอีกอยากคือว่า ผมเป็นคนขี้ใจร้อน หงุดหงิดง่าย ชอบแกล้วเพื่อน แต่พอเพื่อนแกล้ง
กลับก็ไม่ยอม ทำให้ผมไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ผมไม่ค่อยจะชอบมีเรื่อง พอเวลาไปเรียน
พิเศษ มักโดนเพื่อนแกล้งอยู่บ่อยครั้ง ผมก็เลยทำหน้าหงุดหงิด(เหมือนอุจจาระไม่ออก)
แต่ผมไม่ได้โต้ตอบกลับ เพื่อนจึงหัวเราะเยาะเรา และอีกอย่าก็คือ ผมชอบคบเพื่อนผู้หญิง
เพื่อนในห้องจึงชอบว่าผมเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ จนทำให้ผู้หญิงก็ไว้วางใจเราเพราะคิดว่าเราเป็น
อย่างงั้น ผมมีลักษณะนิสัยแบบนี้
ผมควรฝึกกสินไหนดีครับครับ?
ช่วยบอกผมด้วยนะครับ แล้วผมจะฝึกได้ไหมครับผมอายุ13ปีเอง?
รบกวน ช่วยตอบด้วยนะครับ
ขอบคุนล่วงหน้า , สวัสดีครับ
__/l\__ -
อ่าน แล้ว สนุก ดีครับ
ขอให้ เจริญในธรรม กันทุกท่านนะครับ -
ตื่นเต้นดีคับ รู้สึกว่าโชคดีที่เกิดในยุคนี้
-
ดีแล้วล่ะครับ ลองปฎิบัติอีกน่ะครับผมว่าอาจจะเร็วขึ้นในการปฎิบัตินะครับ ลองๆๆดูครับ
หน้า 4 ของ 4