เรื่องเด่น ไขปริศนา 10 ข่าวดังระดับโลกทำให้ โลกแตก ได้จริงเหรอ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chate_SP, 13 มิถุนายน 2011.

  1. chate_SP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +220
    มีข่าวลือที่นักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศมากมายสันนิษฐานว่าจะสามารถทำให้โลกแตกในอนาคตได้..!!! ไทยรัฐออนไลน์สอบถามไปยังนายบุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เพื่อใช้วิทยาศาสตร์อธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ไขปริศนาทั้งหมด ...?



    หลังจากที่นำเสนอเรื่องโลกแตก ('แผ่นดินไหว พายุใหญ่ เชื้ออี.โคไล ถึง ปฏิทินมายัน...' สัญญาณ 'วันสิ้นโลก' - ข่าวไทยรัฐออนไลน์) กับปฏิทินชาวมายัน ของชนเผ่ามายา ผู้เลื่องชื่อด้านอารยธรรมแห่งอเมริกากลาง ที่ระบุชัดว่า วันที่ “21 ธันวาคม ค.ศ. 2012” ที่ถือเป็น “วันสุดท้าย” ตามปฏิทิน 5,125 ปี (Mesoamerican Long Count calendar) แล้ว

    สิ่งที่น่าสนใจและมีคนไถ่ถามมามากมาย โดยเฉพาะข้อมูลที่เว็บไซต์ต่างประเทศกล่าวถึงสาเหตุการที่จะทำให้โลกแตกในวันดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์

    เรื่องการเชื่อว่าโลกจะแตกเพราะมีการเปลี่ยนแปลงด้านฟิสิกส์อย่างรวดเร็วฉับพลันของจักรวาล ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการเคลื่อนตัวของหลุมดำ (black hole ) เข้าใกล้ระบบสุริยจักรวาล ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการระเบิดของรังสีแกมมาครั้งใหญ่นอกโลก ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของพลังงานในดวงอาทิตย์ ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการสลับขั้วอย่างฉับพลันของแกนโลกและขั้วแม่เหล็กโลกจากเหนือเป็นใต้-จากใต้เป็นเหนือ ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการเคลื่อนที่ของระบบสุริยะผ่าน "ฝุ่นผงคอสมิก" ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงบนโลก ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการที่โลกถูกพุ่งชนอย่างรุนแรงจากอุกกาบาตหรือวัตถุอื่นๆในอวกาศ ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะการเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ สึนามิครั้งใหญ่ ...?
    เชื่อว่าโลกจะแตกเพราะแพลเน็ต เอ็กซ์ หรือ นิบิรู กระทั่งเชื่อว่าโลกจะแตกเพราะ “มนุษย์ต่างดาว” ...?

    นักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศมากมายสันนิษฐานว่าสิ่งเหล่านี้นั่นแหละจะทำให้โลกแตกในอนาคตได้..!!! ไทยรัฐออนไลน์สอบถามไปยัง นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อใช้วิทยาศาสตร์อธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ไขปริศนาทั้งหมด ...?

    Q : โลกจะแตกเพราะการเปลี่ยนแปลงด้านฟิสิกส์อย่างรวดเร็วฉับพลันของจักรวาล

    A : ไม่จริงแน่นอน ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ทางกายภาพอย่างฉับพลัน ซึ่งระบบสุริยะ หรือกาแล็กซี ทางช้างเผือก หรือเอกภพมันจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแต่ช้ามาก ที่สำคัญวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันดังที่กล่าวอ้างกัน

    Q : โลกจะแตกเพราะจะมีการเคลื่อนตัวของหลุมดำ (black hole ) เข้าใกล้ระบบสุริยจักรวาล

    ตามหลักวิชาการหลุมดำมี 2 ประเภท คือหลุมดำที่เกิดจากซากของดาวอย่างดวงอาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันเขามีอายุราว 5,000 ล้านปีแล้ว อีกราว 5,000 ปีข้างหน้าดวงอาทิตย์จะตาย หากดวงอาทิตย์ตายเปลือกนอกเขาจะระเบิดแล้วเหลือแต่แกนกลาง หลายคนเชื่อว่ามันจะกลายเป็นหลุมดำได้ แต่จริงๆ ไม่มีความน่าจะเป็นได้ เพราะความหนาแน่นมันมีไม่เพียงพอ หลุมดำจะมีอีกประเภทหนึ่งที่เกิดพร้อมกับบิ๊กแบง เมื่อราว 12,000 ล้านปีมาแล้ว เอกภพมีการระเบิดใหญ่เรียกว่าบิ๊กแบง พอตูมออกมามันก็จะมีระเบิดมาก และก็จะมีแรงบีบอัดของสสารช่วงแรกๆ ของการเกิดเอกภพเมื่อประมาณ 12,000 ล้านปีที่แล้ว ทำให้เกิดหลุมดำเล็กๆ เต็มไปหมด เราเรียกว่าหลุมดำขนาดจิ๋วกระจายเต็มไปหมด

    แต่ไม่มีใครเคยค้นพบหลุมดาวขนาดนี้ เป็นเพียงทฤษฎีของ “สตีเฟน ฮอว์คิง” ที่กล่าวว่ามีหลุมดำขนาดจิ๋วเกิดขึ้นมาพร้อมกับ บิ๊กแบง และก็กระจายออกไป ระบบสุริยะวิวัฒนาการ โลกเราเกิดขึ้นมา ตัวหลุมดำขนาดจิ๋วก็อาจจะลอยอยู่ในอวกาศได้ แต่ก็ยังไม่มีใครเคยค้นพบ และมีหลักฐานหรือใครเคยทำนายว่ามันตกลงใส่โลกจริงๆ

    อย่างไรก็ดี ผมย้ำตรงนี้ว่า หลุมดำขนาดใหญ่ที่คนหวาดวิตกกันไม่มีแน่นอน แต่ว่าหลุมดำเล็กตามทฤษฎีของ ฮอร์คิง บอกว่าอาจจะมีก็ได้ แต่ว่าเนื่องจากอวกาศนี้มันกว้างใหญ่มาก ดังนั้นโอกาสที่โลกเราจะโคจรไปเจอกับหลุมดำแบบนี้โอกาสแทบจะเป็นศูนย์

    Q: โลกจะแตกเพราะมีการระเบิดของรังสีแกมมาครั้งใหญ่นอกโลก

    A : ต้องทำความเข้าใจความหมายของรังสีแกมมา คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงมากมันน่าจะเกิดจากการระเบิดของดาวใหญ่ๆ จะปล่อยรังสีแกมมาออกมาหรืออาจจะเป็นการชนกันของดาวในอวกาศอะไรต่างๆ อย่างแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งแต่พลังงานต่ำ รังสีแกมมาเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงสุด อันตรายมากๆ เพียงแต่ว่าการระเบิดของรังสีแกมมาไกลมากๆ ต้องใช้กล้องส่องลึกมากในอวกาศ แต่บริเวณใกล้กับระบบสุริยะจักรวาลเราไม่มีแหล่งกำเนิดรังสีแกมมาซึ่งก็กำลังศึกษาและเฝ้าระวังอยู่การเกิด การระเบิดของรังสีแกมมาเกิดขึ้นได้อย่างไรซึ่งมีหลายทฤษฎีและกำลังหาองค์ความรู้ในเรื่องที่เกิดขึ้น

    ในอนาคตสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ของไทยจะร่วมกับสหรัฐอเมริกา ตอนนี้กำลังจะติดตั้งกล้องที่ประเทศชิลีเพื่อศึกษาการระเบิดของรังสีแกมมาในอวกาศ แต่รังสีแกมมาที่ระเบิดอยู่ไกลจากโลกมากเป็นล้านปีแสง ฉะนั้นการระเบิดของรังสีแกมมาก็ยังไม่ทราบว่าระเบิดได้อย่างไร นักดาราศาสตร์กำลังศึกษาอยู่ แต่รู้ว่ารังสีแกมมาที่ระเบิดแหล่งกำเนิดอยู่ไกลมาก มีการระเบิดจริง แต่ในบริเวณระบบสุริยะจักรวาล ที่ระเบิดใกล้ๆ โลกไม่มีครับสบายใจได้

    Q: โลกจะแตกเพราะมีการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของพลังงานในดวงอาทิตย์

    A : ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์เย็นๆ มีแสงในตัวเองดาวที่เห็นเป็นเม็ดเล็กๆ ใจกลางของดาวฤกษ์รวมถึงดวงอาทิตย์ของเราจะมีปฏิกิริยาเรียกว่า “เทอโมนิวเคลียร์” เพราะใจกลางมันหนาแน่นมาก ดวงอาทิตย์มีบรรยากาศห่อหุ้มอยู่ พลังงานที่ออกมาจึงไม่มากนัก ทั้งนี้พลังงานในดวงอาทิตย์ก็สามารถเพิ่มขึ้นได้และลดลงได้ โดยสังเกตได้จากจุดบนดวงอาทิตย์ ถ้าเราใช้กล้องส่องดวงอาทิตย์จะเห็นว่ามี “ซันสปอต” (จุดบนดวงอาทิตย์) เกิดขึ้น ตั้งแต่ศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์และขึ้นไปจนถึงละติจูดสูงสุดแล้วมันจะมีจำนวนมากน้อยต่างกัน ซึ่งช่วงเวลาในทุกๆ 11 ปี จุดซันสปอตจะมีมากที่สุดครั้งหนึ่ง โดยครั้งต่อไปในช่วงกลางปี ค.ศ. 2013 จะมีจุดบนดวงอาทิตย์มากที่สุด

    หลังจากนั้นก็จะลดลง เมื่อปี ค.ศ.2000 ก็เคยมากที่สุดครั้งหนึ่งแล้ว จุดบนดวงอาทิตย์สามารถบ่งชี้ได้ถึงความเข้มของสนามแม่เหล็กสูง สนามแม่เหล็กสูงมันจะเป็นแรงผลักพลังงานออกมาจากดวงอาทิตย์มากผิดปกติ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์พายุสุริยะ ซึ่งพายุสุริยะส่วนมากจะส่งผลกระทบให้กับสิ่งที่อยู่ชั้นสูงๆ บรรยากาศของโลก แล้วไม่สามารถทำให้โลกแตกได้แน่นอน

    Q : โลกจะแตกเพราะจะมีการสลับขั้วฉับพลันของแกนโลก และขั้วแม่เหล็กโลกจากเหนือเป็นใต้-จากใต้เป็นเหนือ


    A : จริงๆ แล้วทุกๆ 11 ปี เกิดสนามแม่เหล็กเยอะ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์เกิดการสลับขั้วได้สนามแม่เหล็กเป็นดวงอาทิตย์ จะกลับขั้นทุกๆ 11 ปี คนก็กลัวสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์เกิดการกลับแล้วสนามแม่เหล็กของโลกเกิดการสลับด้วยหรือไม่ โลกกับดวงอาทิตย์อยู่ไกลกัน 150 ล้านกิโลเมตร การเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กลับไม่สามารถส่งผลถึงโลกได้

    นอกจากลมพายุสุริยะ แล้วสนามแม่เหล็กโลกสามารถกลับขั้วได้ตอนนี้ขั้วใต้ของสนามแม่เหล็กโลกชี้ทิศเหนือ แล้วขั้วเหนือชี้ทิศใต้อยู่ ตอนนี้ซีกโลกเหนือกำลังจะเป็นซีกโลกใต้ ขั้วโลกใต้เป็นเหนือของโลกสลับกัน สนามแม่เหล็กโลกเราทำหน้าที่ป้องกันรังสี ประจุกไฟฟ้าที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์สู่โลก ถ้าไม่มีสนามแม่เหล็กโลกที่มากันเอาไว้ โลกเราก็จะถูกอนุภาครังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์พุ่งเข้าชนจนคนอยู่ไม่ได้ บรรยากาศโลกก็สำคัญมากซึ่งจะป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอ็กซ์ รังสีแกมมาจะถูกบรรยากาศโลกป้องกันไว้ และอานุภาคที่มีประจุไฟฟ้าก็จะถูกสนามแม่เหล็กป้องกันไว้ แต่ถ้าสนามแม่เหล็กเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ซึ่งจะมีบางเวลาที่สนามแม่เหล็กหายไปฉับพลันนี้ก็จะอันตรายมาก และแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดการสลับขั้วได้แต่เป็นแสนๆ ปีไม่มีใครรู้ว่าจะสลับเมื่อใด แต่ขณะนี้ขั้วแม่เหล็กทางด้านเหนือที่เป็นขั้วใต้ตอนนี้ก็เลื่อนมาจับขั้วโลกเหนือมากพอสมควร ซึ่งสนามแม่เหล็กโลกเกิดจากข้างในโลกของเราเอง โลกของเราข้างในโลกร้อนมาก

    เมื่อโลกเราหมุนประจุไฟฟ้าก็หมุนด้วยข้างใน การหมุนของ ประจุไฟฟ้าทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลกตอนนี้ข้างในโลกเป็นของเหลวและหมุนไปเรื่อยๆตามแรงโลกหมุน เพราะฉะนั้นขั้วเหนือของแม่เหล็กโลกกับขั้วโต้ก็จะค่อยๆเลื่อน แต่ไม่มีนักดาราศาสตร์หรือนักธรณีวิทยาสามารถทำนายได้ว่าแกนโลกจะกลับโดยสมบูรณ์เมื่อไร แต่ขณะนี้มีตัวบ่งชี้ว่ามันค่อยๆ กลับ

    Q: โลกจะแตกเพราะมีการเคลื่อนที่ของระบบสุริยะผ่าน “ฝุ่นผงคอสมิก” ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงบนโลก

    ฝุ่นผงคอสมิก เกิดจากดวงอาทิตย์จะปล่อยอนุภาคเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวรังสี อนุภาค ฝุ่นผงอะไรต่างๆ มีทั้งมีประจุไฟฟ้าและไม่มีประจุไฟฟ้า แต่สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปกติ เพราะตอนนี้โลกเราก็เคลื่อนตัวผ่านฝุ่นผงคอสมิก อย่างดาวห่างเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ก็ทิ้งเศษที่เรียกว่า ฝุ่นผงไว้ เวลามันตกก็เป็นฝนดาวตกอะไรอย่างนี้ เป็นเพราะโลกเราเคลื่อนที่ผ่านฝุ่นผงคอสมิก ระบบสุริยะของเราเป็นส่วนหนึ่งกาแล็คซีทางช้างเผือกก็วนอยู่ในกาแล็คซีทางช้างเผือก เพราะฉะนั้นระบบสุริยะก็เคลื่อนที่ไปในฝุ่นผงคอสมิก แต่ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก ที่สภาพอากาศแปรปวรเป็นเพราะแวดล้อมของเราที่เปลี่ยนไปด้วยกระทำของมนุษย์มีผลต่อระบบนิเวศในทะเล เช่นปรากฏการณ์เอลนินโญและลานินญา เนื่องจากกระแสน้ำร้อน กระแสน้ำอุ่นในแปซิฟิกผิดปกติ ผลที่เกิดในอวกาศและผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์เทียบกันไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศไม่ได้ทำให้คนตาย แต่ทำให้เรารู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆ เพราะในหนึ่งวันจะมีถึง 3 ฤดู

    Q: โลกจะแตกเพราะการที่โลกถูกพุ่งชนอย่างรุนแรงจากอุกกาบาตหรือวัตถุอื่นๆในอวกาศ

    A : เรามีโปรแกรมเช็คดาวเคราะห์น้อยหรืออุกกาบาตเฝ้าดูอยู่แล้ว ซึ่งความจริงบนอวกาศมันมีเยอะมากมีแทบทุกวันอวกาศมีขนาดกว้างมากโอกาสที่ชนมีน้อยมาก แต่ในอดีตทั้งโลกและดวงจันทร์เคยถูกชนแน่นอน และดวงจันทร์กับโลกก็เคยถูกชน อย่างที่รัสเซียก็มีหลุมขนาดใหญ่ แต่ว่าการชนอย่างนั้นต้องมีจำนวนที่มากซึ่งมีความเป็นไปได้ ซึ่ง 68 ล้านปีที่ผ่านมา เชื่อว่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก็น่าจะเป็นเพราะการชนของดาวหางพุ่งหรือดาวเคราะห์น้อย

    ฉะนั้นการมาของดาวหางก็อาจจะมาเป็นครั้งคราว ซึ่งอาจห่างกันประมาณร้อยล้านปีบริเวณรอบๆระบบสุริยะจักรวารเราถูกหุ้มด้วยคอสมิกมีทั้งก้อนหิน ดิน น้ำแข็ง อยู่ในบริเวณที่ห่างจากโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ประมาณ 1 ปีแสง ถ้ามีอะไรไปกระแทกดาว Nemesis ที่เป็นคู่ของดวงอาทิตย์ และถ้ามันโคจรเข้ามาใกล้จนกระแทกและเกิดเป็นก้อนดาวหางพุ่งเข้ามาระดมชนโลก โลกเราก็จะไม่รอด เช่นเมื่อปีพ.ศ. 2537 มีดาวหางชูเมกเกอร์-เลวี 9 พุ่งชนดาวพฤหัส ตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก เห็นเป็นรอยใหญ่บนดาวพฤหัส ช่วงนั้นดาวหางมาเต็มไปหมด ซึ่งตอนนั้นโลกเรามวลไม่มาก จึงดึงดาวหางไว้ไม่อยู่ แต่ถ้าดาวหางมาเยอะๆโลกก็อาจโดนชนได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าจะมีการโคจรดังกล่าวเข้ามา

    ส่วนดวงที่ใกล้ที่สุดตอนนี้คือ YU55 นักดาราศาสตร์ทำนายไว้วันที่ 8 พ.ย. จะเข้ามาใกล้ประมาณ 3,206,000 กิโลเมตร เข้าใกล้มากกว่าวงโคจรดวงจันทร์ แต่ไม่มีผลต่อโลกในระยะนี้ ซึ่งเคยมีใกล้กว่านี้ก็มีแล้วขนาดประมาณ 400 เมตรใกล้พอสมควรถ้าชนก็แหลก แต่ก็ไม่มีการชนเกิดขึ้น

    Q: โลกจะแตกเพราะการเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ สึนามิ

    A : ปรากฏการณ์ธรรมชาติมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่ช่วงเวลาการเกิดในแต่ละครั้งมันยาวนาน เป็นเรื่องธรรมชาติของเปลือกโลกที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ สึนามิ ถือว่าเป็นวัฏจักรการขยับตัวของเปลือกโลก โลกประกอบไปด้วยแผ่นเพลทมาต่อและทับกัน ถ้าแผ่นดินไหวในแนวตั้งฉากก็เกิดสึนามิ และน้ำแข็งถ้าขยับก้อนหนึ่งที่เหลือก็ขยับ ในวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวเป็นสิบครั้งขึ้นอยู่ว่าจะน้อยหรือมาก น้ำท่วมก็อาจจะเกิดจากคนและโอโซนชั้นที่สองก็ถูกทำลายไปเยอะเนื่องจากสารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน รังสีคอสมิกและยูวีก็จะทะลุเข้ามาได้เยอะขึ้น

    Q: แพลเน็ต เอกซ์ หรือ นิบิรุ คืออะไร สามารถทำให้โลกแตกได้หรือไม่

    A : เป็นข่าวลวงโลกครับ เพราะ นิบิรุ เป็นดาวเคราะห์ดวงที่ไม่เคยพบเจอ มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลกและจะชนโลกและนาซ่า ได้ออกมาแถลงข่าวแล้วว่าเป็นข่าวหลอก และที่บอกว่าปี 2012 มันจะสว่างกว่าดวงอาทิตย์นั้นไม่จริง อย่างตอนที่ดาวหางเฮล-บอปป์มา เราก็ทำนายได้ล่วงหน้าเป็นปีว่ามันจะสว่างมาก

    Q: ก่อนถึงปี 2012 จะมีการเคลื่อนตัวเรียงตัวของดาวทั้งหมดอยู่ในระนาบองศาเดียวกันจนทับสนิท เป็นลางบอกเหตุโลกแตกไหม

    A : ทับกันสนิทนี้ไม่มี แต่ใกล้กันนี้มี วันศุกร์ 20 พ.ค. 2554 ก็มีดาวใกล้กันอยู่ 3 ดวง ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวศุกร์ อยู่ใน ราศีพฤษภ และอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ ตอนนี้ดาวอังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ อยู่ใกล้กันมากเรื่องแบบนี้เกิดบ่อย มันเป็นเรื่องปกติที่ดาวมาอยู่ใกล้ๆกัน มองบนท้องฟ้าจะเป็น 2 มิติความจริงก็ไกลกัน แต่เพราะอยู่ในทิศเดียวกันก็เลยดูใกล้กัน อย่างของล้านนาก็เคยบันทึกไว้ว่าดาวเคยอยู่ใกล้กัน 7 ดวง ในส่วนของทางฟิสิกส์คำนวณแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงที่ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง ส่วนดาวที่มีผลทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง คือ ดวงจันทร์ การเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาที่จะเกิดขึ้นวันที่ 15-16 มิ.ย.54 ราวตี 2 ปลายปีวันที่ 10 ธ.ค.54 ประมาณเวลา 20.00 – 21.00 น. ตอนเกิดสุริยุปราคา ดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์จะอยู่ในแนวเดียวกันกับโลกและก็ไม่ได้ทำให้น้ำขึ้นน้ำลงมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าเป็นดาวอังคาร พุธ พฤหัส เสาร์ แรงทำให้น้ำขึ้นน้ำลงได้น้อยมาก ไม่ว่ามันจะอยู่รวมกันหรือกระจายกันอยู่ก็ไม่มีผลอะไรต่อการเกิดน้ำท่วมโลกหรือดึงให้โลกแยกกันเป็นเสี่ยงๆ

    Q: โลกจะแตกเพราะมนุษย์ต่างดาว

    A : ถามว่ามีมนุษย์ต่างดาวไหม ผมเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีแน่นอน ถ้าไม่มีก็เป็นเรื่องที่แปลก โลกเรามีสิ่งมีชีวิตอย่างเดียว แต่ในกาแล็คซีทางช้างเผือกมีดาวแบบดวงอาทิตย์เราเป็นล้านๆ ดวง และนักดาราศาสตร์ก็เจอดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะหลายดวง และมีหลายดวงที่ลักษณะคล้ายๆ โลกเราและนักดาราศาสตร์กำลังศึกษาว่าสภาพแวดล้อมต่างๆที่เอื้อทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ มีหลายดาวหลายดวงที่เอื้อต่อการกำเนิดสิ่งมีชีวิต มีหลายดวงที่จะทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ สิ่งมีชีวิตไม่ใช่เกิดได้ง่ายๆเหมือนโลกเราโคจรรอบดวงอาทิตย์พอดีไม่ร้อนเกินไปไม่หนาวเกินไป ดวงอื่นไม่มีอากาศแบบเราก็ไม่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้ อย่างโลกมีก๊าชไนโตรเจน ออกซิเจนใช้หายใจใจ แสงกำลังดี สภาพแวดล้อมเหมาะสม มีน้ำมีอะไรต่างๆ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นความพยายามของนักดาราศาสตร์ ที่จะหาดาวเคราะห์และสิ่งมีชีวิตนอกระบบสุริยะ แต่ขณะนี้ยังไม่พบ แต่มีความเป็นไปได้ว่าดาวเคราะห์ที่อยู่รอบดาวฤกษ์ดวงอื่นๆ คล้ายๆระบบสุริยะของเราตอนนี้เราก็เจอหลายที่ ก็มีโอกาสที่จะพบสิ่งมีชีวิต

    ส่วนถ้าถามว่าสิ่งมีชีวิตที่ดาวเคราะห์มันมาโลกเราได้ไหมอันนี้ผมไม่แน่ใจ ผมเชื่อว่ามีวิ่งมีชีวิต แต่ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนมนุษย์เราไหม เพราะรูปร่างหรือองค์ประกอบต่างๆ ของมนุษย์ต่างดาวอาจจะต่างไปจากมนุษย์ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นหรือการใช้งานเพื่อการอยู่อาศัย และอาจมีวิวัฒนาการหรือความเจริญก้าวหน้าน้อยหรือล้าหลังกว่าโลก 100 ล้านปีมากหรือน้อยกว่านี้ ในอวกาศมันกว้างมากแต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันที่เรามีอยู่ใช้ในการสำรวจ ยังไม่สามารถไปดาวซิริอุส 12 ปีแสง ยังไปไม่ได้ ยานไพโอเนียร์ 10 ที่ส่งไปนานมากตอนนี้ออกไปขอบๆ ของระบบสุริยะ ยังอยู่แถวๆดาวพลูโต ส่วนในอนาคตคาดว่าเราจะได้รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ไหนบ้าง

    Q: ถ้าโลกแตกเราจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง...?

    A : เราคงตาย หรือเหมือนหนัง 2012 ก็คงจะมีอยู่แค่กลุ่มเดียวที่รอดแต่ก็คงไม่สุขสบาย ถ้ามีการไปสร้างเมืองที่ข้างในมีอากาศอย่างที่เราใช้หายใจแต่มันก็เป็นจินตนาการของนักเขียน ซึ่งในอนาคตก็คงมีคนทำเพื่อจะเตรียมการแต่ไม่มีใครคาดการณ์อนาคตว่าโลกเราจะอยู่หรือจะไป ซึ่งมนุษย์มีส่วนร่วมมากคืออย่าทำให้โลกร้อนและสร้างมลพิษให้แก่ธรรมชาติ...

    สรุปแล้วนอกจาก ทั้งหมดนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังจะสื่อสารว่าจงฟังอะไรแบบมีเหตุมีผล หาข้อเท็จจริงก่อนจะปักใจเชื่อแล้ว ยังย้ำด้วยว่าข่าวลือที่น่าเชื่อถือทั้งหมดนี้ คุณต้องไม่เชื่อแบบงมงาย ต้องหาคำอธิบายก่อนจะเชื่อและตื่นตระหนก สุดท้ายถ้าฟังให้ดี ถ้าโลกจะแตกจริงๆ ก็เป็นเพราะฝีมือมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวอย่างเราๆ ท่านๆ นั่นเอง...!



    ที่มา : 'วิทยาศาสตร์'ไขปริศนา10ข่าวดังระดับโลกทำให้'โลกแตก'ได้จริงเหรอ...? - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  2. คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    ไม่คิดว่าโลกจะแตกนะครับ

    แต่เชื่อว่าจะเกิดการเปรียนแปลงอะรัยสักอย่าง

    เชื่อว่าหลานท่านที่ปฏิบัติอยู่ คงจะรู้ได้จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของแต่ละท่าน

    เพราะการเปรียนแปลงนั้นเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และตอนนี้ก้อขยายออกไปทั่วโลก

    อย่างสอดประสานกัน ...
     
  3. Sawangsab9596 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +1
    ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ พูดให้มันกระจ่างหน่อยครับ เอาจริงมาพูดซิครับ
     
  4. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถ้าตอบตามตำราหรือหนังสืออ้างอิง มันก็ได้คำตอบเป็นแบบทำนองนี้แหละ
    เพราะตำราความรู้มาจากฝรั่ง เขาบอกให้เรารู้เท่าที่เขาอยากให้รู้
    ส่วนความจริงทั้งหมด ถ้าไม่มีเครื่องมือไปหาข้อมูลเอง ก็ไม่มีทางรู้หรอก
    จะมีนักวิทย์ไทยสักกี่คน ที่เขียนตำราแหกคอกความรู้นำหน้าพวกฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ได้
    คนที่อยากได้ความรู้ใหม่ๆ ซิงๆ อัพเดทล่าสุด ถึงต้องไปตามล่าค้นคว้ากันเอง จากเว็บ
    ที่เขาเป็นองค์กรอิสระที่จะค้นหาความจริงและเผยแพร่ข้อมูลแบบไม่มีกั๊ก ด้วยข้อมูลจริง
    จากพวกผู้เชี่ยวชาญอิสระ ที่เห็นต่างจากพวกที่อยู่ในองค์กรภาครัฐ ไง เพราะมีคนต้องการข้อมูล
    ที่เป็นจริงที่ภาครัฐบอกไม่หมด ก็ตามหาข้อมูลของความเป็นจริงกันเอาเอง

    เข้าสู่ยุคข้อมูล ยุคข้อเท็จจริง ไม่ใช่ยุคความเชื่อตามตำรา
    ยุคของ อินเตอร์เน็ต อิสระทางการเผยแพร่และเข้าถึงข้อมูลจากผู้คนทั่วโลก
    ความรู้มันก็ถึงกันหมด เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ลึกทุกระดับถ้าสามารถ นะ
    อาจจะจริงมั่งไม่จริงมั่ง ก็ใช้วิจารณญาณในการอ่านและฟังกันไป ตามสติปัญญาจะอำนวย

    แต่จะใครเชื่อตามที่ท่าน ผอ.บอกก็ไม่ผิดอะไร ถ้าหายสงสัยมันก็จบ ไม่ต้องวุ่นวายต่อ สบายดี
    แต่ในความเป็นจริง ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ บางคนก็เชื่อไม่ลง ก็ต้องวุ่นวายหาความจริงกันต่อไป
    ตามลางสังหรณ์ของแต่ละคน
     
  5. TinglieUB สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ต้องให้เขาพูดจริงหลอกครับ เพราะเขาบอกแค่นี้เราก็ได้รู้อะไรบางอย่างแล้ว ที่เหลือเราก็จัดการเองครับว่าจะทำอย่างไร
     
  6. ปิยะราช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2011
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +85
    มาปฏิบัติธรรมรักษาศิลกันดีกว่าทุกข์ไปทำไม
     
  7. 111dew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +145
    ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์เป็นหลักน่ะครับ ถ้าพากันมีศีลธรรมก็ ยื้อเวลาไปได้อีกหน่อย แต่ถ้าผิดศีลกันมากก็มาเร็วและแรงด้วยน่ะครับ มันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมครับ
     
  8. JedIza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +28
    ..... NIBIRU มีจริง .....
     
  9. rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    เรื่องทั้งหลายเป็นเรื่องนอกตัว..เอาเรื่องภายในตัวดีกว่า..กาย..จิต..ลมหายใจ..และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็อยู่เหนือการควบคุมของเรา..
     
  10. นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    แล้วใครจะอ้างเหตุผลที่ขัดแย้งก่ะด็อกเตอร์บ้าง

    แบบว่าอันนี้ใช่อันนี้ไม่ใช่แบบนี้อ่ะ T_T
     
  11. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่มีใครรู้ความจริงหรอก ถึงเวลาก็รู้เอง ตอนนี้ก็มีแต่เหตุผลที่มาจากคนอื่นบอกทั้งนั้น

    มีซักกี่คนที่รู้จริงๆ ตอนนี้เห็นแต่เป็นความเชื่อเท่านั้น เชื่อตามตำรา

    เชื่อตามหลักทฤษฏี เชื่อตามข้อมูลที่มีในปัจจุบัน อนาคตได้ข้อมูลใหม่

    ความคิดความเชื่อก็เปลี่ยนไปตามข้อมูลที่ได้รับ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรู้ถึงที่สุด

    ตอนนี้ใครได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนกว่า ก็เข้าใกล้ความจริงมากกว่า
     
  12. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลกยังไม่แตก ในตอนนี้มันก็ถูก เพียงแต่มันมีบางอย่างไม่ปกติ และไม่น่าไว้วางใจ

    เพราะมีข้อมูลที่ไม่ปกติ มาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ อย่างอันนี้ ก็แค่ฟังไว้ก่อนยังไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็ รับไว้พิจารณา เฉยๆ

     
  13. กัลกิ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +5
    โลกไม่แตกหรอกครับ เพียงแต่จะมีเหตุการณ์ความผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากการกระทำของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวและมักง่าย ซึ่งจะเกิดขึ้นเพื่อปรับสมดุลใหม่
     
  14. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=r_YOG3jMlV4&feature=related]YouTube - ‪2012 - A Message of Hope‬‏[/ame]
     
  15. Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    กฏของไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    วันนี้เอาแค่เฉพาะ ทุกขัง หรือ ทุกข์มาให้ฟังให้อ่านกันนะ
    คนสมัยใหม่ที่คิดว่าตนเองนั้นทันสมัยแล้วและเข้าใจดีกับเรื่องของทุกข์ โดยเชื่อว่าทุกข์คือสิ่งที่ตนรังเกรียจเท่านั้น แต่ความจริงของพุทธศาสนาแล้ว ทุกข์หมายถึง สภาวะที่ทนอยู่ได้ยาก ตามคำศัพท์หากพิจารณาดูอย่างลึกซึ้งและเป็นกลางพอสมควร ทุกขัง จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆนานาได้ ไม่ว่าจะทางโลก ทางชีวิต ทางรูปและนามก็ตาม
    เวลาสุขสนุกสนานนี่ก็พองโตโศกก็หดแฟบลง ทั้งสองปฏิกิริยานี้เรียกว่าไม่ปรกติ คือไม่พอดี
    ไม่ปรกติสุขนั่นเอง อันนี้อธิบายในเชิงชิวิตนะ
    ส่วนเรื่องของทางโลกที่เกี่ยวกับทุกข์ เมื่อทุกข์คือ "การทนอยู่ได้ยาก" หมายความว่าเมื่อเป็นอย่างหนึ่งแล้วก็ทนอยู่ได้ยากต้องเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง เหมือนสสารและพลังงานนั่นแหละมันทนอยู่ได้ยากจำต้องแปรตัวเองจากอย่างนึ่งไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง พระพุทธองค์จึงตรัสรู้เรื่องทุกข์ ว่าสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่ทุกข์ อันนี้ก็จริงนะ...คือพระพุทธศาสนาจะเน้นการดำรงอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเรียกว่า "สัจจธรรม" หรือธรรมอันเจริญยิ่ง
    เมื่อทุกข์คือการทนอยู่ได้ยากแล้ว ก็หมายความว่ามีแต่ความไม่นอนในสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมวลเพราะจะไม่คงที่ เมื่อไม่คงที่เรียกว่า ไม่ปรกติ เหมือนสภาวะจิตใจคนที่แปรผันอยู่ตลอดเวลาจนแทบจะตามไม่ทัน จิตนี้มีอยู่จริงสำหรับบางจำพวก แต่จิตนี้จะไม่มีอยู่จริงสำหรับคนที่ไม่สังเกตุ คือสิ่งต่างๆเกิดขึ้นเพราะการสังเกตุเท่านั้น แต่เมื่อสังเกตดูให้ดีๆสิ่งต่างจะไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงภาพลวงตาเป็นเพียงมายาหลอกลวงให้หลงยึดติด
    ฉนั้นการก้าวข้ามไปสู่มิติที่ 4 ตามความเชื่อของหลายฝ่ายจะเป็นการเปิดห้องวิจัยของตัวเองในหลายๆบุคคลโดยการดูจิตดูใจเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ที่มีอยู่จริงและเพื่อการพิสูจน์ทฤษฏีใหม่ที่ยากต่อการเผยแผ่ในลักษณะของการสื่อสารแบบภาษามนุษย์ทั่วไป
     
  16. HeroX สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +10
    คิดว่า นาซ่า จะบอกความจริงหรือ? ถ้าบอกไปอะไรจะเกิดขึ้น หุ้นตก คนตกงาน อาชญากรรมมากมาย ตามมาแน่ ๆ
     
  17. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อย่าเชื่อที่น้าซ่าบอกทั้งหมด แต่ให้สังเกตว่า น้าซ่าเขาทำอะไร ก็ควรกระดิกตัวตามเขาบ้าง
    ถ้าไม่โดนน้าซ่าสับขาหลอกนะ ก็คงเอาตัวรอดได้
     
  18. ติ้งลิงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,365
    ค่าพลัง:
    +3,977
    """"""""""""""""""""""
    ด้วยความเคารพ...ขออภัยนะครับ
     
  19. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดาวเทียม Fermi ค้นพบโครงสร้างขนาดใหญ่ในทางช้างเผือกของเรา<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT>

    Submitted by Administration on Sun, 2010-11-14 21:50

    ที่มา NASA - NASA's Fermi Telescope Finds Giant Structure in our Galaxy
    ดาวเทียม Fermi ขององค์การอวกาศของสหรัฐได้ค้นพบโครงสร้างขนาดใหญ่ที่จุดศูนย์กลางของ
    ทางช้างเผือก โครงสร้างนี้มีขนาดใหญ่ถีง 50,000 ปีแสง และ เป็นผลลัพธ์จากการระเบิดจากจุดศูนย์
    กลางของแกเล็คซี่ของเรา นอกจากนั้นยังเป็นโครงสร้างที่มีพลังงานมากที่สุดในแกเล็คซี่นี้ รูปร่างของ
    โครงสร้างนี้บ่งบอกว่าเกิดขี้นจากการระเบิดโดยฉับพลัน ซี่งคาดว่าพลังงานปล่อยมาจากหลุมดำที่จุด
    ใจกลางของแกเล็คซี่
    http://www.nasa.gov/images/content/4...art_labels.jpg

    ภาพจำลองของรูปล่าง รังสีแกมม่า มีลักษณะคล้ายลูกโป่งในแนวด้านบนและด้านล่างของระนาบทาง
    ช้างเผือก
    http://www.nasa.gov/images/content/4...y_1-10_GeV.jpg

    ภาพถ่ายรังสีแกมม่าจากดาวเทียม Fermi
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/WL-oeX2BNBY?fs=1&hl=en_US width=560 height=340 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
    ดร Paul LaViolette อธิบายเรื่องนี่ว่า เป็นพลังงานรังสีแกมม่านั้นส่งออกมาทุกทิศทาง แต่สามารถ
    สังเกตได้ชัดเจนจากทางด้านบนและด้านล่างของแกเล็คซี่เนื่องจากอิเลคทรอนออกมาได้ง่าย เนื่อง
    จากไม่แนวรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณแนวระนาบ ซี่งปรากฏการณ์นี้เกิดขี้นบ่อยกว่าที่นัก
    วิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ทุกหนี่งในแสนปี แต่ในความเป็นจริงนั้นเกิดขี้นเป็นวัฐจักรซี่งครั้งใหญ่ๆล่า
    สุดเกิดขี้นเมื่อประมาณ 13,000 และ 40,000 ปีที่แล้ว และทำให้พระอาทิตย์เกิดปฏิกริยาทางอ้อม
    โดยทำให้ฝุ่นละอองเข้ามาในระบบสุริยจักรวาล และทำให้พระอาทิตย์มีปฏิกริยาสูงเป็นพิเศษ ทำให้
    เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่บนโลก

    [ame="http://www.msnbc.msn.com/id/21134540/vp/40152463#40152463"]msnbc.com Video Player[/ame]
    <TABLE class=tborder style="MARGIN: 10px 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 425><THEAD><TR><TD class=tcat style="TEXT-ALIGN: center" colSpan=2>[ame="http://www.msnbc.msn.com/id/21134540/vp/40152463#40152463"]msnbc.com Video Player[/ame] </TD></TR></THEAD><TBODY><TR><TD class=panelsurround align=middle><IFRAME src="http://www.msnbc.msn.com/id/22425001/vp/23852889#40152463" frameBorder=0 width=425 scrolling=no height=339></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE>​


    เนื่องจากพระอาทิตย์อยู่ไกลจากจุดศูนย์กลางของทางช้างเผือกเป็นระยะทางประมาณ 26,000 ปีแสง
    และขนาดครี่งหนี่งของลูกโป่งนั้นยาวประมาณ 25,000 ปีแสง จีงเป็นไปได้ว่าเราจะเริ่มเห็นพลังงาน
    การระเบิด เข้ามาในระบบสุริยจักรวาลภายในช่วง 400 ปีนี้ตามที่ ดร Paul LaViolette ได้คาด
    การณ์ไว้ หลักฐานทีทาง Truth4thai ได้นำเสนอมาตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในระบบสุริยะ
    จักรวาล (จาก วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับปี 2012 | Truth4Thai.org) เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นผลกระทบ
    ที่เกิดจากขอบของพลังงานนี้ ซี่ง ดร Laul LaViolette เรียกว่า Galactic Superwave


    ดาวเทียม Fermi ค้นพบโครงสร้างขนาดใหญ่ในทางช้างเผือกของเรา | Truth4Thai.org

    Galactic Super Wave | Truth4Thai.org

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  20. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทฤษฏี Galactic Super Wave
    ทฤษฏนี้คิดค้นโดย ดร. Paul LaViolette ซี่งเป็นการศีกษาเกี่ยวกับการระเบิดจากจุด
    ศูนย์กลางของแกเล็คซี่ ทฤษฏีนี้ได้อธิบายถีงความเชื่อมโยงระหว่างแรงระเบิดกับ
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขี้นบนโลกเมื่อหลายพันปีก่อน รวมถีงช่วง ICE Age ซี่งมีสัตว์หลาย
    ชนิดสูญพันธุ์ พลังงานและคลื่นที่ส่งออกมาจากจุดศูนย์กลางของทางช้่างเผือกนั้นส่วน
    ใหญ่จะประกอบด้วยรังสี คอสมิก และ แกมมา และคลื่นอย่างอืน

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=200 border=1><TBODY><TR><TD class=rtecenter></TD><TD class=rtecenter></TD></TR></TBODY></TABLE>




    เมื่อพลังงานเหล่านี้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระบบสุริยะจักรวาลด้วยความเร็วใกล้ความเร็วแสง จะ
    ทำให้สนามแม่เหล็ก Heliopause ของดวงอาทิตย์เกิดการหดตัว และ ทำให้ส่วน Bow
    shock ขยายตัวขี้น และไปหลอมอุตกาบาตที่อยู่ล้อมรอบระบบสุริยะจักรวาล เมื่อเกราะ
    สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์หดตัวลงก็ทำให้ฝุ่นละอองเข้ามาในระบบสุริยะมากขี้นจนทำ
    ให้พระอาทิตย์ล้อมรอบด้วยฝุ่นละอองและเผาพลาญปริมาณมากและเปลี่ยนเป็นสีแดง และ
    กลายเป็น T Tauri Star และเกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขี้น จากงานวิจัยของเขาพบว่า
    Heliopause ได้ลดขนาดลงจนถีงดาวพฤหัส เมื่อสมัย หมื่นกว่าปีที่แล้ว

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=200 border=1><TBODY><TR><TD class=rtecenter></TD><TD class=rtecenter></TD></TR></TBODY></TABLE>


    หลักฐานในการพิสูจน์ทฤษฏนี้ ได้จากตัวอย่างน้ำแข็งที่ขุดมาจากขั้วโลกเหนือและใต้
    ซี่งเป็นที่ๆ มีพลังงานเข้ามามากที่สุด เมื่อพลังงานรังสีคอสมิกเข้ามามากจะทำปฏิกริยากับ
    ชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นธาตุ Beryllium 10 ถ้าหากตรวจพบปริมาณมากในน้ำแข็งจะเป็น
    ตัวบ่งบอกถีงผลกระทบที่เกิดขี้นบนโลกจากปฏิกริยานี้

    นอกจากนั้นแล้วเรายังตรวจพบ Nickle ทอง และ Iridium ในน้ำแข็งเป็นปริมาณมาก
    ซี่งเป็นฝุ่นละอองจากรังสีคอสมิก เราตรวจจับธาตุเหล่านี้ปริมาณมากเมื่อประมาณ 5,300
    11,500 และ 28,000 ปีก่อน ถ้าดูประวัติศาสตร์โลกในช่วงนั้น จะพบว่าเกิดภัยพิบัติขี้นอ
    ย่างใหญ่หลวงเช่นเมื่อประมาณ ห้าถีงหกพันปีที่แล้ว เกิดน้ำท่วมโลก ช่วงประมาณ 11500
    ปีที่แล้วเป็นยุคของ Ice Age และมีสัตว์สูญพันธุ์เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าโลกของ
    เรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศอย่างฉับพลันและมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยแม้ว่า
    จะไม่ได้อยู่ในช่วงอายุขัยของเรา ซี่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากแรงกระตุ้นจากนอกระบบ
    สุริยะจักรวาล

    ทฤษฏีนี้เริ่มมีความเป็นไปได้สูงขี้นในการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขี้นกับระบบสุริยะ
    จักรวาล เมื่อเราสามารถตรวจจับการระเบิดจากจุดศูนย์กลางของทางช้างเผือกเราจะดาว
    เทียม Chandra ในปี 2003 จากพลังงานที่มาจาก SGR A* ไปทำปฏิกริยากับกลุ่มก็าซ
    ที่ SGR B1 ซี่งห่างออกไปเป็นระยะทางประมาณ 350 ปีแสง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า
    พลังงานนี้กำลังเดินทางมาหาระบบสุริยะจักรวาลในไม่ช้านี้ ซี่ง ดร. LaViolette ได้คาด
    การณ์ไว้ว่าจะมาถีงโลกภายใน 400 ปีนี้ด้วยความน่าจะเป็น 90 เปอร์เซ็นต์
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/7DWeXJOPcDA&hl=en_US&fs=1& width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
    ถ้าเราสังเกตถีงสภาพอากาศในปัจจุบันจะพบว่ามีลางบอกเหตุคล้ายๆกับทฤษฏีนี้ โดย
    เฉพาะปริมาณฝุ่นที่เข้ามาในระบบสุริยะจักรวาล และ Heliopause มีขนาดหดตัวลง และ
    ยังเป็นช่วงประจวบเหมาะกับการที่ระบบสุริยะจักรวาลจะเรียงตัวกับทางช้างเผือกช่วงปลาย
    ปี 2012 อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ในหมวด 2012 ซี่งปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขี้นอาจจะเป็น
    ปรากฏการณ์เดียวกันก็ได้ ไม่สามารถที่จะสรุปได้แน่นอน ต้องเกาะติดสถานการณ์กันต่อไป

    ตัวอย่างของการเกิด Gamma Ray Burst ที่ตรวจจับได้จากยาน Ulysses ในวันที่ 27
    สิงหาคม คศ 1998

    ทฤษฏี Galactic Super Wave | Truth4Thai.org
     

แชร์หน้านี้