สวัสดีครับ คุณ Me, myself และเพื่อนสมาชิก ท่านผู้เจริญทุกท่าน
มาขอแก้ข่าวนิดหนึ่งครับ คือผมไม่ได้ไปร่วมงานของพี่ณหทัยหรอกครับ เรียกว่ากายไม่ได้ไปแต่ใจไป (ไม่ได้หมายความว่าผมสามารถ ใช้วิธีมโนฯ อะไรหรอกนะครับ แค่คิดในใจ นั่งนิ่งๆ แล้วนึกถึง แล้วก็ยินดีอยู่ในใจ และโมทนาบุญในใจ ประมาณนั้นครับ ตอนนี้มาเล่าก็ยินดีนอกใจด้วยครับ)
ตอนก็วันที่พี่ณหทัยจะบวช ได้คุยกับพี่ณหทัยว่า ขอร่วมบุญด้วย พี่ณหทัยถามผมว่า ทำแบบนี้ดีไหม ทำแบบนั้นดีไหม ผมก็ตอบว่า ดีทุกแบบครับ พี่ทำเลยผมเชียร์ทุกอย่าง เต็มที่ และ เต็มร้อย ไม่ต้องห่วง คือ ดีทั้งนั้น ผลปรากฏก็อย่างที่เราได้สัมผ้สครับ สาธุ สาธุ สาธุ
เล่ามาเสียยาว ขออภัยด้วยครับ
ก่อนจบต้องขอขอบคุณ คุณ Me, myself, คุณคาเรีย, คุณแม่หมูอ้วน, คุณโครตภู, คุณคนข้างวัด, น้องอ้อย, คุณ Abodabe, คุณวิณวิญ (win-win), และ ทุกๆท่านที่มาร่วม โมทนาบุญ กับพี่ณหทัย และผมในครั้งนี้ ผมขอสวด "สัมปะจิตฉามิ" คาถาสะท้อนกลับให่ทุกท่าน ๑๐๐ จบครับ (พี่ณหทัยแนะนำมาครับ ฮิ ฮิ)
บุญรักษา สวัสดีครับ
ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้
ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.
หน้า 176 ของ 547
-
Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี
-
ส่วนผมเองได้ฝึกมา ๔ ครั้ง ได้เห็นแบบจอมืดครั้งหนึ่งวันนั้นดีใจมากมาย ^^ -
ขอแสดงความยินดีกับคุณ sabzajeed ด้วยนะคะ ว่างๆแล้วเข้ามาเล่าประสบการณ์ให้หนูบ้างน้าคะ หนูยังงมๆในความมืดอยู่เลยค่ะ
-
ขอร่วมแสดงความยินดี
และอนุโมทนากับน้องทั้งสองคนที่ได้มโนมยิทธิด้วยครับ
-
-
ขออนุโมทนากับ คุณ sabzajeed และอีกท่านด้วยค่ะ อาจารย์(ครูฝึก) บรรยายได้เห็นภาพของความชุลมุนทางจิต ได้ดีจังคะ
หากมีบุญร่วมกัน คงได้เป็นศิษย์ติดตามไปด้วยนะคะ หนิงเพิ่งเริ่มฝึกมโนฯ เหมือนกันค่ะ ได้รับคำแนะนำจากพี่ชนะ กรุณาสละเวลาแนะนำให้ อารมณ์จากช่วงที่ฝึก มาถึง ณ ตอนนี้ บอกได้เลยว่า สุขใดไหนจะเทียม เพิ่งรู้ว่าความนิ่ง ความเย็น และความสงบของจิต เป็นสิ่งที่ตัวเองปรารถนามานาน.. (มัวแต่ไปงมสมบัติ อยู่ใต้ทะเลมาหลายปี ที่แท้ ความสงบอยู่ในตัวเรานี่เอง .. ฮ่า)
แอบไปขอเป็นศิษย์ คุณ Me,myself กะ น้องอ้อยอ่ะ..
อ้อ.. เกือบลืมค่ะ เรื่องหนังสือ.. คุณสาว และน้องอ้อยคะ หนิงขอรับหนังสือ 5 เล่มค่ะ อีก 5 เล่ม ขอรวมไปกับส่วนกลางค่ะ
ขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ทำให้หนิงพบ ทางสว่าง.. และทางเดินของตัวเองคะ -
สวัสดีค่ะ ด้วยความอนุเคราะห์ ของพี่ๆ แก๊งค์ F 4 ทั้ง 4 ท่าน ทำให้ น้องได้ มโน มาแบบไม่ตั้งตัวค่ะ แถมเล่นมาทางลัดด้วย ก็ยัง งง กับ ตัวเอง เหมือนกันค่ะ
เริ่ม จากอาจารย์ ท่านแรก ก็คือ ท่าน Me,myself ที่พาน้อง 2คน ไปทัวร์ สวรรค์ และ นรก มา อย่างระทึกขวัญ มีหลุดบ้าง ตามกัน ดู วุ่นวายดีค่ะ และด้วยความเมตตา
ของพระพุทธเจ้า ได้ช่วย พาไปดาวดึงส์ ไปดูจุฬามณี ครั้งแรกที่สัมผัสได้ด้วยจิต และเห็นบ้างเป็นครั้งคราว เห็นจุฬามณีเป็นสีทอง ทั้งหลัง ได้เข้าไปกราบ พระพุทธรูป ในจุฬามณี
ทำด้วยแก้วทั้งองค์ หลังจากกราบเสร็จแล้วก็ได้ออกมาอยู่ รอบๆบริเวณ จุฬามณี คราวนี้ก็หลง อยู่ตรงกลางสวนบนนั้น มีทั้ง เทวดา และ นางฟ้า ล้อมรอบ เหมือนเราเป็นตัวประหลาดเลย (555)
จากนั้น พระพุทธเจ้า ก็พาไปเฝ้าท่านพระอินทร์ ตอนแรก นึกว่าท่านพระอินทร์ จะมีผิวกายเป็นสีเขียวซะอีก แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลยค่ะ ท่านพระอินทร์มีผิวกาย คล้ายเรานี้ละค่ะ แต่ผุดผ่อง สว่างมากกว่าเราเยอะเลย
ท่านพระอินทร์ ใจดีมาก ก็ได้คุยกับท่านได้พักนึง ก็ ถึงเวลา ที่ต้องลากลับ เพราะเจ้า น้องอีกคน ลอย เค้วง ไปไหน ก็ไม่รู้ หลงกันไปคนละทาง อิอิ -
ถ้าว่างๆ เข้ามาเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้างนะคะ -
หลังจากคลิกปุ่มอนุโมทนาไปตั้งแต่วันที่ 07-10-52 จึงได้ฤกษ์มาอนุโมทนาพี่ nahathai and Ricardo อย่างเป็นทางการ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
อ่านเจอข้อความ
สมัยนี้การงานยุ่งมากกว่าก่อนเยอะเลยนะครับ ยิ่งเป็นลูกน้องเค้าอีกโอ๊ยยยยยย .... นี่ถ้าผมมีอะไหล่ลูกตานี่อยากจะควักเจ้าคู่นี้ออกแล้วเอาคู่ใหม่มาใส่แทน พอปวดอีกก็เปลี่ยนอีกคงจะดีมากเลย แต่ถึงแม้ว่าจะงานเยอะก็ยังจดๆ จ้องๆ ชะแว้บบบ เข้ามาร่วมบุญเป็นระยะๆ ครับ ชะแว้บนานๆ ไม่ได้เดี๋ยวเค้าไล่ออก ที่บ้านต่อเน็ตไม่ได้ครับ (บ้านนอกมากๆ) หนี้สินก็พะรุงพะรัง ตกงานล่ะแย่เลยครับ
อ่านข้อความของพี่ณหทัยแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วง 19-29 เมษายน 2547 ซึ่งเป็นครั้งแรกของชาตินี้ที่ผมได้มีโอกาสบวช แต่เป็นบวชชีพราหมณ์เหมือนที่พี่เล่ามาครับ กว่าจะได้บวชพระก็ปี 2551 รำลึกความหลังแล้วก็ยังขำๆ ตัวเองครับ ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องทางด้านปฏิบัติครับ แต่เรื่องตำรานี่แบกไว้เยอะครับ ณ โอกาสนี้ก็เขาเล่าประสบการณ์แบบไม่ค่อยจะรู้เรื่องในตอนนั้นเลยนะครับ มีอยู่วันหนึ่งเป็นตอนเช้าหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ววันนั้นพระอาจารย์นำสวดเองท่านสวดนานมาก ผมก็เด็กใหม่เพิ่งเข้ามาทางนี้สวดไม่ค่อยจะได้หนังสือสวดมนต์ก็เปิดไม่ถูกไม่รู้หน้าไหน ... บทไหนไม่รู้จักก็นั่งฟังพนมมือปิดตา บรรยากาศตอนนั้นพระอาจารย์สวดไพเราะ + มีพลังมาก ขนลุกซู่เป็นระยะ นั่งไปนั่งมารู้สึกเห็นก้อนอะไรไม่รู้เป็นผลึกใหญ่ประมาณกำปั้นของผม มันเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเพชรที่กระทบแสงแดด สวยงามจริงๆ พอเห็นแล้วก็ด้วยความโง่ของตนลองลืมตาดูซิ เฮ้ย ... แปลกจัง ทำไมเจ้าก้อนนี่มันเห็นได้ทั้งลืมตาทั้งหลับตาหว่า นั่งต่อสักพักแหม!! เย็นซาบซ่านจังแถวนี้ก็ไม่มีแอร์นี่ทำไมมันเย็นใจซาบซ่านอย่างนี้ เย็นจริงๆ หรือว่าลมพัด ลมสำนักฯ พระอาจารย์ทำไมเย็นแปลกๆ จัง พอลืมตาดูอ้าว ใบไม้ไม่กระดิกสักใบ ก็ยิ่งแปลกใจใหญ่ แต่ความแปลกใจก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงสวดมนต์ของพระอาจารย์ ทีนี้ก็หลับตาต่อ หลับตาคราวนี้ภาพใสชัดเจนมากพระพุทธองค์เสด็จ พระองค์ยกพระหัตถ์ประธานพร วันนั้นเห็นพระอินทร์ด้วย มีเหล่าเทวดาตามมาด้วย แต่ตอนนั้นเห็นไม่เยอะครับ คงเป็นเพราะกิเลสยังหนามากๆๆๆๆๆๆ เพราะเพิ่งจะเริ่มต้นเพียรรักษาศีลให้เข้มข้นครับ
แล้วเหตุการณ์ที่ประทับใจเรื่องที่ 2 ในช่วงนั้นคือ วันหนึ่งขณะนั่งสมาธิทำความเพียรกันทั้งพระทั้งฆราวาสเพราะเป็นช่วงเวลาที่สำนักกำหนดไว้ให้มารวมกันทำความเพียร นั่งสมาธินานมากชีวิตนี้ไม่เคยนั่งได้นานเท่านี้มาก่อน (ตอนนั้นนั่งได้ประมาณชั่วโมงนึงละมั้งครับ กะๆ เอาน่ะครับ) พอนั่งนานๆ ทุกขเวทนาก็เกิด ปวดขามากครับ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนมีใครมาทุบกระดูกจนแหลกเลย แถมยังรู้สึกเหมือนเนื้อของเรากำลังถูกต้มอยู่ในหม้อ เหมือนมีฟองน้ำแทรกตัวออกมาตามก้อนเนื้อเสมือนเมื่อตอนต้มน้ำจนเดือดอย่างนั้นเลย ก็เลยหาอุบายในใจมาคิดนึกเพื่อให้นั่งต่อไปได้อีก ก็คิดๆ ไว้ในในว่า มารเอ๋ยเราไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยกันนะ อย่าเบียดเบียนเราอีกเลย เราไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยกัน นั่งคิดอยู่อย่างนี้แป๊บนึงขณะที่พระอาจารย์เทศน์เรื่องอื่นอยู่ ก็กลายเป็นบทบริกรรมที่ผมคิดนั่นแหละ พระอาจารย์พูดออกมาเลย โอ้!!!! วันนั้นจึงประจักษ์ด้วยตนเองว่าพระอาจารย์ท่านทราบวาระจิตอย่างที่เค้าเล่าลือกัน ความศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทำให้ผมต้องคอยหาโอกาสที่พระอาจารย์ท่านว่างจากแขกท่านอื่นๆ แล้วเข้าไปกราบถามปัญหาแบบเด็กๆ ของผม
(เรื่องที่ 3) แต่ท่านก็เมตตาตอบคำถามให้พร้อมแสดงปาฏิหาริย์ให้ผมเห็นอีกข้อหนึ่งคือ อนาคตังสญาณ ท่านพูดกับผมเวลาเที่ยง พระอาจารย์บอกพร้อมกับชี้มือลงไปที่ช่วงหัวเข่าด้านซ้ายของผมว่า "นั่นไงๆ พอเราพิจารณาความตาย มันก็ตายให้เห็น" พอตอนทำวัตรเย็นมีบทพิจารณาความตายส่งท้ายผมยังจำเหตุการณ์นั้นได้อย่างแม่นยำ "ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง" พอสิ้นประโยคพลันมีใบไม้ใบหนึ่งร่วงลงมาตำแหน่งระยะเดียวกันกับที่พระอาจารย์พูดกับผมในตอนเที่ยงนั้นเลย และผมก็เก็บใบไม้ใบนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อ รุ่งเช้าเด็กน้อยผู้เริ่มเดินไปตามเส้นทางธรรมก็หาโอกาสเข้าพบพระอาจารย์พร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเย็นวันนั้น พร้อมทั้งขออนุญาตเก็บใบไม้ใบนั้นกลับไปไว้ระลึกถึงที่บ้าน พระอาจารย์ตอบด้วยความเมตตาว่า "เอาไปสิลูก เสพธรรมนะลูก"
ครับก็ประสบการณ์ธรรมเล็กๆ น้อยๆ แบบไม่ประสีประสาครับ แม้ว่าการบวชชีพราหมณ์ครั้งนั้นจะอยู่ในเมืองไทย ห่างจากบ้านผม 14 ก.ม. เท่านั้น แต่ผมก็ไปของผมคนเดียวไม่มีเพื่อนร่วมทาง ไม่มีคนรู้จักเลย ก็เริ่มมีญาติธรรมกับเค้าบ้างก็ตั้งแต่งานปริวาสกรรม 19- 29 เม.ย. 2547 ที่ผมได้เข้าไปร่วมบวชชีพราหมณ์เป็นจุดเริ่มต้นครั้งนั้นล่ะครับ
กัลยาณมิตรทุกท่านสามารถแนะนำเพิ่มเติมได้เลยนะครับยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ แม้เวลาจะผ่านมา 5 ปีแล้ว แต่ผมคิดว่า ผมยังไม่รู้อะไรอีกเยอะมากเลย ดังนั้นแล้วผมน้อมรับข้อแนะนำจากกัลยาณมิตรผู้ใจดีทุกท่านนะครับ
-
ขอบคุณพี่หนิงมากค่ะ ช่วงนี้ก็พยายามฝึกอยู่เรื่อยๆค่ะ หมั่นฝึกจิตเราให้ ทรงตัว อยู่เสมอ เป็นอะไรที่ยากเหมือนกันค่ะ สู้ๆนะค่ะพี่หนิง
..............................................................................................
จากนั้นมาต่อ กัน ไปทัวร์นรก ครั้งนี้ได้ความอนุเคราะห์จากท่านพระอาจารย์โมคคัลลานะ นำทาง ก่อนจะเข้าไปดูนรก ก็ต้องผ่านทาง ท่านพระยายมราชก่อน ครั้งแรกที่เจอท่านพระยายามราช ก็โดนเขกหัวเข้าให้ 1ที (ด้วยความ งง )
จากนั้นท่านพระยายมราชก็พาทัวร์นรก ก็เหมือนกับ อาจารย์ Me,myself เคยเล่าไว้ในกระทู้ หน้าแรกค่ะ เมื่อ สัมผัสได้ ทำให้เรารู้สึกปลงมากขึ้นค่ะ บาป บุญ มีจริง กฎแห่งกรรมมีจริง มีทั้งต้น งิ้วหนามแหลมคม เหมือนหอกคม ๆ ทิ่มแทง
กะทะทองแดงร้อนๆ น้ำเดือดๆ ทะเลที่สวยงาม แต่เมื่อลงไป ก็กลายเป็นไฟโดนเผาทั้งเป็น หน้าผามหาโหด ที่ปีนมาถึงแล้วก็ล่วงหล่นลงไป มีสัตว์นรก รอ อยู่ ณ เบื้องล่าง และอีกมากมาย เป็นอะไรที่สยดสยองมาก ๆ ค่ะ แทบ ล้มทั้งยืนเลย ก็ถึงเวลาอันควรที่ต้องลากลับ
ตอนลาท่านพระยายมราชกลับ ก็ โดนเขกหัวอีก 1ที (เพราะท่านเอ็นดู ก็เลยโดน เข้าให้ และความซนด้วยละค่ะ) ติดตาม ตอน ต่อไป.... -
อ่านข้อความที่พี่สาวเล่าให้ฟังแล้วนั่งจิตนาการตามตอนนั้นคงวุ่นกันน่าดู แต่ได้เพิ่มมาอีก 2 คน ก็เป็นแรงใจให้เรือบุญลำนี้คึกคักขึ้นอีกเยอะเลยครับ
พวกเราพี่น้องทั้งหลายช่วยกันพายช่วยกันแจวเรือบุญลำนี้เข้านิพพานกันให้หมดกันเลยนะครับ
ปล.ถ้าเกิดตกเรือช่วยฉุดไปด้วยนะค้าบบบบบบ -
พี่ขอยินดีและขออนุโมทนากับน้อง sabzajeed ด้วยนะคะ
ดีใจด้วยจริงๆค่ะ น้องเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆพี่ๆที่ปฏิบัติกันอยู่ได้อย่างดีที่เดียว
ทำให้พวกพี่ๆที่ปฏับัติกันอยู่มีกำลังใจไม่ย่อท้อกันไปง่ายๆซะก่อน
และพวกพี่ๆเพื่อนๆ ก็กำลังรอต้อนรับอีกคนอยู่นะคะ ออกมาได้แล้วล่ะคะ
และวันนี้ก็จะมาบอกบุญเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนนะคะ
กำลังจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดสังฆทานค่ะ
ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดเรื่องราวที่ไม่คาดคิดและคิดไม่ถึง
กว่าจะผ่านมาได้ทุกข์มาก แต่ตอนนี้ทุกอย่างสว่างแล้วค่ะ
ก็มีคูณ Me,myself กัปตันเรือของเราเป็นผู้เปิดทางสว่างให้
แล้วก็มีน้อง konkangwad เป็นผู้คัดท้ายเรือให้อีกคน
มี่เหตุการณ์ที่อยากจะเล่าให้ฟังเยอะแยะ แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว
ต้องขอบคุณทั้งสองคนมาก พี่จะไม่มีวันลืมเลย
เวลาจี้เข้ามาแล้วต้องไปแล้วล่ะค่ะ
ก่อนไปก็จะขออโหสิกรรมกับเพื่อนๆทุกคนนะคะ
ถ้ามีข้อความใดๆที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาไปบ้าง
อโหสิกรรมให้กันนะคะ บางครั้งก็ทำไปด้วยความเขลาเบาปัญญา
อะไรที่ผิดพลาดไปอภัยกันด้วยนะคะ
และขอให้ผลบุญกุศลในการไปปฏิบัติครั้งนี้
จงมีผลแด่คุณ Me.myself ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสว่างครั้งนี้
และก็มีผลแด่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกๆคน ย้ำ ทุกๆคน
และขอให้ผลบุญกุศลนี้
จงเป็นปัจจัยให้พวกเราเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ
กดส่งข้อความปุ๊บ ก็หิ้วกระเป๋าไปวัดปั๊บเลยล่ะค่ะ ไปก่อนนะคะ
สวัสดีค่ะทุกๆคน -
เรื่องที่ได้มาฝึกน้องสองคนนี่ มันมาแบบอุบัติเหตุซะมากกว่า กลายเป็นอาจารย์จำเป็นแบบว่างานเข้าในทันทีทันใด
เนื่องจากคุยกับน้องสองคนใน skype คนหนึ่งคือน้องเบน (ผู้หญิง) อีกคนคือน้องเล้ง (ผู้ชาย) ตอนแรกที่เรารู้สึกก็คือเข้าใจว่าน้องสองคนนี่เริ่มมีสัมผัสพิเศษมากกว่าคนอื่น พอเห็นได้ลางๆแต่ยังไม่ชัดเจน อีกทั้งสองคนนี่ก็ยังไม่เคยฝึกมโนมยิทธิมาก่อนเลย วันนั้นคุยกันไปคุยกันมาน้องบอกให้พาไปเที่ยวสรรค์หน่อย เล่นเอาดิฉันอึ้งไปเลย คิดในใจ "ตรูจะพามันไปได้ยังไงฟะ มโนก็ยังไม่เคยฝึก พานครูก็ไม่เคยมี แถมตรูก็ยังไม่เคยฝึกใครด้วย"
ก็บอกน้องเขาว่าไม่เคยพาใครไป เพราะไม่เคยสอนหรือฝึกใคร ส่วนใหญ่คุยกับน้องๆสามคน ก็ได้มโนกันแล้วทั้งนั้น มันก็จะไปกันได้ แต่แบบนี้ไม่เคยทำ แต่น้องก็รบเร้าให้พาไป แล้วเจ้าเล้งก็พูดมาว่า
น้องเล้ง - พาไปไม่ได้อะดิ
ดิฉัน - เอ๊า ก็บอกแล้วว่าไม่เคยพาใครไป อยากไปกันนักใช่ไหม ได้จัดให้ ตามให้ทันแล้วกัน
แล้วน้องเบนก็บอกว่าเห็นพระอาจารย์โมคคัลลามายืนคอย ดิฉันเลยว่า ไม่ใช่องค์นี้พระอาจารย์อนุรุททะ ก็เลยให้ทั้งสองคนทำสมาธิให้ดีๆ กำหนดจิตขอบารมีพระพุทธเจ้า แล้วก็ขอบารมีพระอาจารย์ให้พาไปด้วย ตอนแรกน้องเบนบอกว่าอยากไปดูวิมานดิฉัน ก็เลยบอกว่า นั่นมันบนนิพพานเชียวนา เพราะไม่แน่ใจว่าน้องสองคนมีกำลังใจขนาดไหน ก็เลยตกลงกันว่างั้นไปดาวดึงส์กันก่อน
การฝึกแบบปัจจุบันทันด่วนเฉพาะหน้าก็เกิดขึ้นทันที แถมเป็นการฝึกผ่าน skype นะคะท่านทั้งหลาย อยู่คนละที่กันเลย แล้วน้องเบนอ่ะ ยังไม่เลิกงาน (ทำงานเฝ้าร้านคอม) ลูกค้ามาก็ต้องหยุด ส่วนน้องเล้งเดี๋ยวก็โทรศัพท์เข้าก็เลิกไป สรุปครั้งแรกเหลว
เจ้าสองคนนี่ไม่เลิกตื้อ ขอไปใหม่ก็เลยเอาใหม่ขอให้พระศาสดามาโปรดดีกว่า ก็เลยขอบารมีให้พระศาสดาพาไปชมสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดิฉันก็คอยถามเป็นระยะว่าเห็นอะไร แล้วน้องเห็นเหมือนที่ดิฉันได้เห็นได้รู้หรือเปล่า น้องเบนก็ว่ากำลังเดินตามพระศาสดาไป ท่านพาไปที่ไหนอ่ะ เหมือนโดมมีสีทอง ที่ดิฉันเห็นคือพระศาสดาท่านกำลังพาไปที่จุฬามณี ก็เลยบอกน้องว่า เห็นยังไงเป็นสีอะไรก็ได้ เพราะอยู่ที่กำลังใจของแต่ละคน แต่ก็พอเห็นว่าน้องเบนตามพระศาสดาได้อยู่
ดิฉัน - อ้าว แล้วเจ้าเล้งไปไหนเนี่ย เล้งอยู่ไหน
น้องเล้ง - พี่ ผมอยู่ที่ไหนนี่ เห็นแต่หมอกขาวๆ
ดิฉัน (เห็นแระ เจ้าเล้งไปอยู่ที่ชั้นจาตุ) - อ้าว ไปทำอะไรที่ชั้นจาตุ ขึ้นมานี่ซิ
เล้ง - งง มันไม่นิ่งเลย (และแล้วโทรศัพท์เจ้าเล้งก็เข้าอีก เจ้าเล้งหลุดนอกวงโคจรอีกรอบ)
เสร็จจากเล้ง ตามไปดูน้องเบนก่อน ก็ถามว่าเป็นไง ก็เห็นว่าน้องกำลังเข้าไปในจุฬามณี ไปกราบพระอยู่ แล้วหลังจากนั้นพระศาสดาก็พาไปหาพระอินทร์ ระหว่างนี้เจ้าเล้งมาต่อคร้าบพี่น้อง
น้องเล้ง - พี่ๆ ต่อ เอ๊ะ ผมอยู่ที่ไหนนี่เห็นภูเขาสูงๆ
ดิฉัน (ดูตาม) - เฮ้ย เล้งไปทำไมเขาพระสุเมร กลับมานี่
น้องเล้ง - กรรม ลอยไปไหนนี่
ดิฉัน - ทำไมขึ้นมาไม่ได้ละเนี่ย กำหนดจิตดีๆซิ
น้องเล้ง - ไม่รู้ซิพี่ จิตมันไม่นิ่งเลย ลอยมั่วไปหมดเลย ตอนนี้เข้าป่าแล้วครับ
ดิฉัน - เอ๊า ไปป่ามฤคทายวันอีก เฮ้ย ออกม๊า
ส่วนน้องเบนกำลังเฝ้าท่านพระอินทร์เพลินไปเลย น้องเบนนี่ไม่ค่อยห่วง ห่วงแต่เจ้าเล้งแหละ ก็เลยต้องแวปมาแวปไป ดูคนโน้นทีคนนี้ที
ดิฉัน - เล้งไปไหนแล้ว
น้องเล้ง - ออกมาแล้วพี่ หัวไปชนอะไรไม่รู้ ผมชนอะไรอ่ะพี่ เห็นมีลุงแก่ๆทักด้วยว่า "ว่าไงละหลาน"
ดิฉัน - เออ ลอยไปชนวิมานเทวดาอีก ฮาฮา เอ้ย พอๆๆเล้งกลับลงไปเลย ถ้าจะไปไม่รอดน่ะ
แล้วก็ไปบอกน้องเบนให้ลาท่านพระอินทร์กับพระศาสดาแล้วกลับลงมาได้แล้ว จบการฝึกทัวร์สวรรค์แบบหลุดโลกจริงๆ พับผ่าซิเอ๊า
มีภาคต่อ ฝึกไปทัวร์นรกด้วยค่ะ -
อนุโมทนาด้วยนะคะพี่อ้อ -
โห ... พี่สาว สุดยอดเลยพี่
นี่ถ้าไปกันทั้งแก๊งเรือบุญลำนี้ ท่าจะมันส์นะครับพี่
รอติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ -
-
อนุโมทนากับลูกศิษย์ของพี่สาว 2 คน ด้วยค่ะ ดีจริงๆเลย ^_^
ถ้าไม่เป็นการรบกวน วันหลังพี่สาวพาหนูไปด้วยได้มั้ยอ่ะคะ ส่วนพื้นฐานของหนู ฝึกนั่งมโนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทุกอาทิตย์ ประมาณ 6 เดือนแล้วค่ะ สมาทานพระกรรมฐานแล้ว แต่หนูยังงูๆปลาๆค่ะ ขึ้นข้างบนยังไม่ได้ ที่เห็นก็เห็นแต่อดีตชาติ วิญญาณเจ้ากรรมนายเวร โครงกระดูกตัวเอง อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะพี่สาว
แต่หนูยังขึ้นข้างบนไม่ได้เลยอ่ะค่ะ รบกวนพี่สาวพาหนูไปด้วยได้มั้ยคะ ขอไปด้วยยยย T_T ขอพึ่งบารมีพี่สาวด้วยค่ะ -
โห สุดยอดเลยพี่ นึกถึงตรงที่ฝึกครั้งแรกเลย เหมือนน้องเล้งเลย เห็นแต่หมอกขาว แถมลอยอยู่ข้างบนไม่ยอมลงมาที่พระจุฬามณี จนครูฝึกต้องบอกมองลงมาข้างล่างหน่อย
ดีใจด้วยครับที่ฝึกได้ แถมเป็นการฝึกผ่าน skype อีก อิอิ งานนี้พี่สาวงานเข้าแน่ๆ คาดว่าอีกหลายคนคงอยากได้ฝึกกับพี่สาว คุณอ้อยแบบน้องสองคนแน่ๆขอให้ได้มโนมยิทธิกันทั่วถ้วนหน้าขอรับ
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไป ซ.สายลม เห็นว่ามีงานที่นั้นใครไปเจอผมทักมั้งน๋า
คุณ อ้อยครับ ผมช่วยค่าหนังสือ ๒๐๐ ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาธนาคารว่ามีเปิดที่ไหนบ้างพอดีเข้ามาหาหมอที่ กทม. ตอนนี้เจ็บไข้ได้ป่วยเข้ารบกวน ปวดหลัง ปวดขา เหงือกบวมสารพัด เหนื่อยเลย
โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยขอรับ -
Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี
โปรดติดตามตอนต่อไป====> เหมือนติดตาม ละครหลังข่าวครับ ฮาฮาฮา
โมทนาบุญกับน้องทั้งสองครับ สาธุ สาธุ สาธุ
จะติดตามตอนต่อไปอย่างใกล้ชิดครับ
-
เลยต้องช่วยกันแบ่งเบาแรงจากภัยเหล่านี้ สาธุ
หน้า 176 ของ 547