**************************************************
ภาพที่ ๑
พระนางสิริมหามายาทรงบริจาคมหาทาน
ในภาพ...แนวพระอัจฉริยธรรมที่พระนางสิริมหามายา
ทรงปฏิบัติในวันอุโบสถศีล คือ ทรงรักษาศีล บริจาคมหาทาน
แก่มหาชนเทวทหะนคร อันมีไพร่ฟ้าข้าราษฏร สมณชีพราหมณ์
โดยบุญญาธิการในทรัพย์นั้นมีอภินิหารและปาฏิหาริย์
เป็นบุญกิริยาที่ทรงประพฤติปฏิบัติอยู่เป็นเสมอ
**************************************************
“ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป
ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 13 กรกฎาคม 2013.
หน้า 1 ของ 5
-
-
**************************************************
ภาพที่ ๒
พระนางสิริมหามายารับสร้อยพระศอ
ของหมั้นจากพระสุทโธทนะ
ในภาพ...พระนางสิริมหามายาทรงเจริญวัย ๑๖ พรรษา
เสด็จประพาสอยู่ในสวนหลวง
หมู่พราหมณ์ได้ค้นพบว่าทรงเป็นรัตนกัลยา
จึงได้หมั้นหมายให้เป็นคู่อภิเษกสมรสกับพระสุทโธทนะ
ด้วยสร้อยประดับพระศอ
พระนางสิริมหามายาจึงทรงรับของหมั้นจากพราหมณ์ทิชาจารย์
************************************************** -
*************************************************
ภาพที่ ๓
พระราชพิธีอภิเษกสมรส
เจ้าชายสุทโธทนะกับเจ้าหญิงสิริมหามายา
ในภาพ...แสดงพระราชพิธีอภิเษกสมรส
เจ้าชายสุทธโทนะกับเจ้าหญิงสิริมหามายา ในมหามณฑป
ท่่ามกลางหมู่พระประยูรญาติทั้ง ๒ ผ่าย
มีท้าวมหาพรหมชั้นสุทธาวาส
เป็นประธานในพระราชพิธีอภิเษกสมรส
และพระอินทร์ พร้อมหมู่บริวาร เข้าร่วมพิธี
โดยแสดงไว้ที่ฉากระยะหลังของภาพ
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๔
ปวงเทพยดาอัญเชิญพระโพธิสัตว์จุติเพื่อโปรดสัตว์โลก
ในภาพ...พระโพธิสัตว์สันตดุสิตประทับ ณ ทิพยอาสน์
ในอากัปกิริยาตรวจดูมหาวิโลกนะ ๕ ประการ
เพื่อตรวจดูความเหมาะสม
ตามคำทูลเชิญปวงเทพยดาที่เสด็จมาชุมนุม ณ ที่นั้น
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๕
พระนางสิริมหามายาราชเทวี
ทรงพระสุบินนิมิตเห็นพระยาช้างเผือก
ในภาพ...แสดงพระสุบินนิมิตแห่งความฝัน
ของพระนางสิริมหามายาราชเทวี
ผู้ที่่พระโพธิสัตว์ทรงเลือกให้เป็นพระพุทธมารดา
พระโพธิสัตว์ทรงแสดงให้่พระราชมารดา
นิมิตเห็นพระยาช้างเผือกชูงวงจับดวกบัวขาว
กระทำทักษิณาวัตร ๓ รอบ ก่อนเสด็จเข้าพระครรภ์ทางด้านขวา
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๖
พระโพธิสัตว์ประทับอยู่ในพระครรภ์
ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน
ในภาพ...แสดงถึงพระบุญญาธิการพระนางสิริมหามายา
พระพุทธมารดา ระหว่างทรงครรภ์ทรงมองเห็นพระราชโอรส
พระราชโอรสนั้นประทับอยู่ในพระครรภ์ดุจห้องพระเจดีย์
และมีเหล่าท้าวจตุมหาราชาทั้ง ๔
ถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่พระโพธิสัตว์
และพระราชมารดาตลอดเวลา ทั้งกลางวันกลางคืน
ระหว่างที่ทรงบริหารพระครรภ์อยู่ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๗
พระกุมารโพธิสัตว์ประสูติแล้วเสด็จพระราชดำเนิน ๗ ก้าว
มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาท
ในภาพ...พระนางสิริมหามายายื่นพระหัตถ์โน้มกิ่งสาละ
ประสูติพระโพธิสัตว์ ซึ่งเสด็จออกมาทางด้านขวาแห่งพระราชชนนี
พระราชกุมารนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปได้ ๗ ก้าว
ก็มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาท
ทรงเปล่งพระวาจาอันอาจหาญเป็นเบื้องต้นว่า
“เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก
เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา การเกิดในภพใหม่จักไม่มีอีก”
************************************************** -
*************************************************
ภาพที่ ๘
สหชาติทั้ง ๗ ที่บังเกิดขึ้นพร้อมกับ
การประสูติของพระโพธิสัตว์
ในภาพ...แสดงถึงบุคคลที่เป็นบริวารแวดล้อมอยู่ในฐานะต่างๆ
มีอุปการคุณต่อพระโพธิสัตว์ รวมถึง ม้ามงคล ไม้มหาโพธิ์
และพระราชทรัพย์ ที่เกิดขึ้นพร้อมพระโพธิสัตว์
ผู้ซึ่งจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย
สัตตสหชาติพระโพธิสัตว์ มีดังนี้
(๑) พระนางพิมพา หรือ พระนางยโสธรา
เป็นพระราชบุตรีของประเจ้าสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ
เป็นพระชายาของพระสิทธัตถะเมื่อมีประชนม์ได้ ๑๖ พรรษา
เป็นพระมารดาของพระราหุล ภายหลังออกบวชมีนามว่า พระภัททกัจจานา
(๒) พระอานนท์
เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์ โอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ
ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านออกบวชในพุทธศาสนา
และได้รับเลือกเป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์ของพระพุทธศาสนา
ทั้งได้รับเลือกเป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า
ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในหลายด้าน
ท่านบรรลุพระอรหัตหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ๓ เดือน
เป็นกำลังสำคัญในคราวทำปฐมสังคายนา
ท่านดำรงชีวิตสืบมาจนถึงอายุได้ ๑๒๐ ปี จึงนิพพานในอากาศเหนือแม่น้ำโรหิณี
ซึ่งเป็นเส้นกั้นแดนระหว่างแคว้นของพระญาติสองฝ่าย คือ ศากยะ และโกลิยะ
(๓) นายฉันนะ
เป็นอำมาตย์คนสนิท และเป็นสารถีของเจ้าชายสิทธัตถะในวัง
ครั้งเสด็จออกบรรพชาเมื่อมีพระชนม์ได้ ๒๙ พรรษา
นายฉันนะตามเสด็จไปด้วยและนำเครื่องอาภรณ์
พร้อมทั้งคำกราบทูลของเจ้าชายสิทธัตถะกลับกรุงกบิลพัสดุ์
ภายหลังบวชเป็นภิกษุถือตัวว่าเป็นคนใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามาแต่เก่าก่อน
ใครว่าไม่ฟังเกิดความบ่อยๆ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
ถูกสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์หายพยศและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
(๕) ม้ากัณฐกะ
ม้าพระที่นั่งของเจ้าชายสิทธัตถะ ตัวม้ายาวจากคอถึงหาง ๑๘ ศอก
ส่วนสูงก็เหมาะสมกับส่วนยาว มีสีขาวผ่องเหมือนเปลือกหอยสังข์ที่ขาวสะอาด
ในราตรีที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จหนีออกจากพระราชวังเพื่อเสด็จออกบรรพชา
การเดินทางครั้งนี้มีนายฉันนะเกาะหางม้ากัณฐกะไปด้วย
ม้ากัญฐกะเดินทางถึงแม่น้ำอโนมาใช้เวลาเที่ยงคืนถึงเช้าระยะทาง ๓๐ โยชน์
(๔๘๐ กิโลเมตร) กระโดดครั้งเดียวก็ข้ามแม่น้ำอโนมา
เมื่อข้ามฝั่งแม่น้ำแล้วเจ้าชายสิทธัตถะจึงรับสั่งว่า
กัณฐกะเจ้าจงกลับไปยังเมืองกบิลพัสดุ์เถิด
ม้ากัณฐกะจึงเหลียวมองไปทางเจ้าชายสิทธัตถะ
พอเจ้าชายลับสายตาไป ม้าก็ถึงแก่ความตายเนื่องจากเสียใจ
และได้ไปเกิดอยู่ในดาวดึงส์ มีชื่อว่า “กัณฐกเทวบุตร”
(๖) ต้นพระศรีมหาโพธิ์
เจ้าชายสิทธัตถะขณะที่มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา
ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในวันเพ็ญเดือน ๖ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในป่าสาละ
ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ
(ปัจจุบันคือ ตำบลพุทธคยา แขวงเมืองอุรุเวลาเสนานิคม ของรัฐพิหาร)
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๑ เกิดพร้อมกับเจ้าชายสิทธัตถะ,
ต้นที่ ๒ มีอายุราว ๘๗๑-๘๙๑ ปี, ต้นที่ ๓ มีอายุราว ๑๒๕๘-๑๒๗๘ ปี
และ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ปัจจุบันเป็นต้นที่ ๔ ปลูกราวปี พ.ศ. ๒๔๒๓
(๗) ขุมทรัพย์ทั้งสี่
ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ หรือ นิธิกุมภี คือขุมทอง ๔ ขุม ได้แก่
ขุมทองสังขนิธี ขุมทองเอลนิธี ขุมทองอุบลนิธี และขุมทองปุณฑริกนิธี
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๙
อสิตดาบสทำนายพระลักษณะมหาบุรุษ
พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์
ปรากฏเหนือมวยผมของพระดาบส
ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์
ให้อสิตดาบสทราบว่า พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
โดยเสด็จไปประทับอยู่ยอดมวยผมของอสิตดาบส
พระดาบสตกใจ พนมมือยอมรับฐานะ
ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ได้ไหว้พระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๑
ขณะนั้นพระราชมารดา พระนางสิริมหามายาประทับอยู่ด้านซ้ายของพระราชา
และพระน้านาง พระนางมหาปชาบดีประท้บอยู่ด้านขวาของพระราชา
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๐
พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายพระลักษณะว่า
ถ้าทรงครองราชย์จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่
ถ้าทรงผนวชจะเป็นพระพุทธเจ้ามหาศาสดาของโลก
ในภาพ...พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายมหาปุริสลักษณะ
พราหมณ์คนที่อยู่ใกล้พระราชกุมารที่สุด ชื่อ โกณฑัญญะพราหมณ์
เป็นผู้ทำนายว่าจะทรงเสด็จออกผนวช
และจะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่
ระหว่างนี้พระราชมารดา พระนางสิริมหามายายังดำรงพระชนม์อยู่
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๑
พระราชกุมารสิทธัตถะทรงเจริญฌาน
ได้บรรลุถึงขั้นปฐมฌาน เมื่อพระชนม์ ๗ พรรษา
ในภาพ...พระราชกุมารสิทธัตถะทรงเจริญฌาณ
ได้บรรลุถึงขั้นปฐมณาน เมื่อพระชนม์ ๗ พรรษา เกิดฤทธิ์ทางใจ
อันเกิดจากการหลุดพ้นแห่งจิตที่เป็นณาน
ทรงแผ่กสิณไปกำหนดให้เกิดเงาของร่มหว้าดุจเงาตอนเที่ยง
พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ทรงเห็นเป็นมหัศจรรย์
ได้ไหว้พระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๒
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๒
น้ำพระทัยเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อวัย ๑๒ พรรษา
ทรงช่วยชีวิตพญาหงส์ที่บาดเจ็บจากศรของเจ้าชายเทวทัต
ในภาพ...แสดงถึงการวินิจฉัยข้อพิพาทเรื่องพญาหงส์
ระหว่างเจ้าชายสัทธัตถะที่ประทับอยู่บนพระราชอาสน์
ทรงสวมภูษิตอาภรณ์สีน้ำเงินในอาการที่สงบสำรวม
มีพญาหงส์ซึ่งได้รับบาดเจ็บ
และเจ้าชายเทวทัตต์ที่ทรงถือศรเป็นอาวุุธประหารสัตว์นั้น
ส่วนพรหมณ์ปุโรหิตนั่งอาสนะพิพากษาตัดสินว่า
พญาหงส์เป็นสิทธิ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ให้ชีวิตรอด
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๓
เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสวยสุขในปราสาท ๓ ฤดู
คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ปราสาทเหล่านั้นมีชื่อว่า
รมยปราสาท สุรมยปราสาท และสุภปราสาท ตามลำดับ
ในภาพ...แสดงถึงเจ้าชายสิทธัตถะพระโพธิสัตว์
เสวยสุขสมบัติในปราสาทหนึ่งในฤดูร้อน
ทรงได้รับการบำเรอด้วยหมู่สตรีงามที่ทำหน้าที่ต่างๆ กัน
เช่น ฟ้อนรำ ขับกล่อมด้วยการขับร้องและเล่นดุริยดนตรีอันประณีต
พระโพธิสัตว์ประทับเอนพระวรกายอยู่บนพระแท่น
ขณะเสวยกามสุขทางรูป รส กลิ่น เสียง และผัสสะ
ที่พระราชบิดาประสงค์จักให้เป็นเจ้าชายทรงยึดติดอยู่
แต่ในสิ่งที่งดงาม ยินดี และน่าลุ่มหลง
อันเป็นเหตุที่จะให้ครองฆราวาสเป็นพระบรมมหาจักรพรรดิราช
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๔
เจ้าชายสิทธัตถะทรงประลองการยิงธนูที่มีน้ำหนักมาก
ชื่อว่า สหัสสถามธนู ซึ่งใช้คน ๑,๐๐๐ คนจึงยกขึ้นได้
ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงประลองศิลปศาสตร์การยิงธนู
ทรงยืนแสดงการยิงธนูพุ่งจากแหล่งไปยังขนหางจามรีในเวลาพลบค่ำ
เป็นอัจฉริยภาพความสามารถพิเศษที่มิได้มีในบุคคลทั้วไป
ในการสำแดงศิลปศาสตร์การยิงธนูอย่างพิเศษประเสริฐยิ่งนี้
กระทำในท่ามกลางหมู่พราหมณ์คหบดี
ทำให้เกิดความปลาบปลื้มยินดีว่า
พระองค์ทรงเป็นมหาบุรุษผู้จะทรงเป็นพระมหาจักรพรรดิราชได้
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๕
เจ้าชายสิทธัตถะทรงเลือกพระนางพิมพาเป็นพระชายา
ด้วยการพระราชทานสร้อยพระศอ
ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงเลือกคู่ ทรงเสด็จประทับบนบัลลังก์
มีหมู่สตรีที่่เดินผ่านพระพักตร์
และพระนางพิมพาที่ได้รับซองพระราชทานรางวัล
เป็นสร้อยพระศอเป็นคนสุดท้าย
ซึ่งต่อมาได้รับการอภิเษกเป็นพระอัครมเหสี
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๖
เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสอุทยานหลวง
ทอดพระเนตรนิมิต ๔ ประการ คือ
คนแก่ คนเจ็บป่วย คนตาย และบรรพชิต
ในภาพ...แสดงการได้พบเห็นนิมิต ๔ ประการ
ในการเสด็จประพาสอุทยานหลวงของพระโพธิสัตว์
โดยเทพยดานิรมิตขึ้นเพื่อให้ทรงเกิดปัญญาเห็นอย่างลึกซึ้ง
รูปบรรพชิตเป็นรูปสุดท้ายที่ทรงยึดถือเอาว่า
เป็นรูปนิมิตที่น้อมอารมณ์ไปสู่ความสงบสุข
เป็นหนทางหนึ่งของการค้นหาความจริงในทุกข์ที่มนุษย์ได้เผชิญอยู่
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๗
เจ้าชายสิทธัตถะทรงสดับคำนิมิต “นิพพาน”
จากพระนางกีสาโคตมี
ในภาพ...พระโพธิสัตว์เสด็จพระราชดำเนิน
ไปพระราชนิเวศน์พร้อมหมู่อำมาตย์
ส่วนขัตติยนารีที่ประทับอยู่่ช่องพระบัญชร
คือ พระนางกีสาโคตมี
ผู้กล่าวคำอุทานชมพระสิริโฉมของพระโพธิสัตว์
กระทั่งพระโพธิสัตว์ได้คำนิมิต “นิพพาน”
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๘
เจ้าชายสิทธัตถะทรงเบื่อหน่ายกามคุณ ๕
ทรงเห็นพระสนมมีอาการน่ารังเกียจ
ในภาพ...พระโพธิสัตว์ประทับอยู่บนบัลลังก์
เมื่อตื่นแล้่วทรงเห็นนางสนมมีอาการน่ารังเกียจ
ความสลดสังเวชเบื่อหน่ายกามคุณ ๕ ก็เกิดขึ้น
ทำให้การปลุกเร้าเกิดพุทธภาวะมากขึ้น
และทรงคิดหาหนทางพ้นทุกข์
ภาพนางสนม ๕ คน
มีความหมายว่าเป็นกามคุณ ๕ อันเป็นกามฉันทะ
ส่วนม้ากัณฐกะที่ยืนตื่นตัวอยู่นั้นเป็นนิมิตว่า
จะทรงได้คิดในการเสด็จลอบออกจากพระราชวังไปผนวช
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๑๙
พระโพธิสัตว์ทรงตัดสินพระทัยจะเสด็จออกผนวช
ขณะที่มีพระชนม์ ๒๙ พรรษา วันเดียวกับที่พระโอรสราหุลประสูติ
ในภาพ...พระโพธิสัตว์เสด็จยืนอยู่หน้าธรณีพระทวาร
ประตูห้องพระบรรทมพระนางยโสธราพิมพา
ทรงทัศนาพระโอรสอย่างเพ่งพินิศ
แล้วได้ทรงตัดสินพระทัยจะเสด็จออกผนวช
โดยเวลานั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนของวันเพ็ญ เดือน ๘
ขณะที่มีพระชนมายุ ๒๙ พรรษา
************************************************** -
**************************************************
ภาพที่ ๒๐
พระโพธิสัตว์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (ออกผนวช)
โดยประทับบนหลังม้ากัณฐกะ พร้อมกับนายฉันนะ
และมีเหล่าทวยเทพเทวดาตามเสด็จ
ในภาพ...เป็นขบวนออกผนวชของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ
พระองค์เสด็จประทับหลังพญาม้ากัณฐกะเหาะไปทางอากาศ
เป็นอภินิหาร มีความหมายว่าทรงข้ามโอฆสงสาร หรือการข้ามสังสารวัฎ
ประมุขเหล่าทวยเทพเทวดาอันมี “พระอินทร์” ถวายการถือฉัตรกั้น
และท้าวมหาพรหมชื่อ “ฆฎิการพรหม”
ทรงถือเครื่องอัฐบริขารเหาะเสด็จไปเบื้องหน้า
ที่มุมบนของภาพมีพระยามารชื่อ “วัสสวดีมาร” คอยติดตามขัดขวางด้วย
**************************************************
หน้า 1 ของ 5