แผนของผมคือ "รอ" เมื่อเกิดแล้วขยับตามสถานการณ์...ไม่ยึดติด นำพาคนที่รักรอดและปลอดภัยให้ได้ ถ้าไปก่อนเรื่องเกิดเราอาจจะไปหาที่ตายก็ได้ทั้งๆที่อยู่ในที่ตั้งกลับรอด สำคัญว่าอย่าละเลยข่าวสารทางด้านภัยพิบัติ เราจะรู้ก่อนพวกอบายมุขฝังหัว
2012 คุณจะหนีไปไหน แล้วใครจะช่วยคุณ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jubganoi, 27 มีนาคม 2012.
หน้า 2 ของ 2
-
-
แต่สำหรับเรื่องภัยพิบัติแล้ว ดีอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเตรียมความพร้อมไม่ประมาท พระพุทธเจ้ายังสอนให้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ชีวิตยังต้องกิน ต้องถ่าย หากรู้ว่าภัยจะเกิดขึ้นแต่ไม่เตรียมตัว อยู่เฉย ๆ อะไรจะเกิดก็เกิด จะตายก็ตาย แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ร่างกายก็ต้องการอาหาร ต้องการน้ำ ถ้าไม่เตรียมตัว เตรียมจิต เป็นคนดีอย่างเดียวก็อยู่ไม่ได้นะ
ดูตัวอย่างเมืองนอกที่โดนทอร์นาโด บ้านถูกพายุถล่มจนไม่เหลืออะไรเลย แต่เค้ามีการเตรียมความพร้อมที่ดี หลบไปอยู่ในหลุมหลบภัย ตายแค่ไม่กี่คน ถ้าเป็นเมืองไทย คงจะตายกันเยอะ
ท่านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่มีการเตรียมตัวพร้อมทุกอย่าง อย่าลืมนึกถึงว่า เวลาที่เรามีพร้อม แต่คนอื่นเค้าไม่มี ไม่เตรียม เราก็จะกลายเป็นเป้า เพราะเวลานั้นทุกคนล้วนแต่จะต้องเอาชีวิตให้รอด
มีเพื่อนที่ผ่านเหตุการณ์สึนามิเล่าให้ฟัง ว่าเค้ารอดมาได้ ไม่ตายก็เหมือนกับตาย เพราะภาพที่เห็นคนตาย หันไปทางซ้าย ก็ศพ หันไปทางขวาก็ศพ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ต้องอยู่ทนกับสภาพและกลิ่นศพ เกือบ 6 เดือน กว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ -
อย่ากลัว ตาย แต่ จง กลัวว่า ตายแล้วไปไหน
-
-
-
ไม่กลัวตาย แต่กลัวการเกิด
-
-
ถ้าเราปล่อยวางแล้ว คิดว่าอยู่ที่ไหนก็ได้ครับ
-
ถ้าเกิดภัยขนาดพลิกฟ้าพลิกดินปี้ป่นกันตามที่ทำนายถ้าตายเลยก็คงตายอย่างรวดเร็ว ถ้ารอดคงอดอยากตายเพราะเกิดมาไม่เคยจับจอบจับเสียมจะหากินยังไงน้ำท่ายารักษาโรคก็หายากตายดีกว่า
-
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะมียมทูตอยู่ข้างๆคุณทุกวันอยู่แล้ว
-
ไม่ยึดติด ปล่อยวาง ทำใจให้สงบ ไม่ประมาท และรู้เท่าทันอย่างมีสติ ก็ล้วนเป็นธรรมในพระพุทธศาสนา
-
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_32773>
ลูกศิษย์วัยรุ่นมักจะอ้างเรื่องการปล่อยวาง เมื่อขี้เกียจไม่อยากจะทำอะไรสักอย่าง
ท่านอาจารย์จึงเล่าว่า
ในช่วงเข้าพรรษาปีหนึ่ง หลวงพ่อชาเดินตรวจพระลูกศิษย์ที่กุฏิหลังหนึ่ง พระท่านเอาของไปวางไว้ตรงมุมที่ไม่ใช่ที่ๆ ควรจะวาง
ท่านจึงถามว่า "ทำไมจึงต้องเอาของไปไว้ตรงนั้น"
ลูกศิษย์ให้เหตุผลว่า "เพราะหลังคามันรั่ว"
เมื่อหลวงพ่อถามว่า "ทำไมจึงไม่ซ่อมหลังคา"
ท่านก็ว่า "ท่านกำลังฝึกเรื่องความอดทนและการปล่อยวาง"
หลวงพ่อจึงว่า ... นี่คือการปล่อยวางของควาย ...
ท่านอาจารย์สรุปว่า
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนว่า อะไรๆก็ต้องปล่อยวาง อะไรๆก็ต้องอดทน เราต้องมีปัญญาแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งไหนควรอดทนก็ต้องอดทน บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทน บางสิ่งบางอย่างก็ควรจะแก้ไข การปล่อยวางของเราต้องมีปัญญา เป็นตัวกำกับอยู่ด้วยเสมอ
ที่มา : "เรื่องท่านเล่า" เรียบเรียงจากนิทาน และธรรมบรรยาย ที่พระอาจารย์ชยสาโรเคยแสดงไว้เพื่อเป็นธรรมทานโดย ศรีวรา อิสสระ, พิมพ์เพื่อการกุศล โดยกองทุนสื่อธรรมะทอสี ครั้งที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๓, หน้า ๒๔๐</TD></TR></TBODY></TABLE>
เกิดเป็นคนต้องรู้จักใช้สติปัญญาแยกแยะครับ...ถ้าต้องตายก็ตาย...ถ้าคิดว่าไม่ตายก็เตรียมพร้อมตามกำลังและสติปัญญา เงินทองไม่ใช่ตัวตัดสินว่าใครจะตายหรือไม่ตายใช่ป่าวครับ?:z12 -
ภาวะบางอย่างโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สิน ในคนแต่ละจริตก็มองกันคนละมุม คนละด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่โลกกำลังทำบางสิ่งบางอย่างให้เราเห็นอยู่เสมอๆ คือ ความคิดของพวกเรากันเองที่คิดไปต่างๆ นาๆ นั้น ยังไงก็หนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลงที่โลกไม่เคยคิดว่า ทำแล้วจะทำให้คนสูญเสียทรัพย์ สูญเสียชีวิต หรือไม่ถ้ารอดก็ต้องจมกับภาวะอดอยาก โรคระบาด สงคราม แล้วเค้าทำเช่นนั้นทำไม หรือเพราะบนโลกนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ "มนุษย์" ....
พอวันหนึ่งที่มีเหตุร้ายๆ เกิดขึ้น เราก็มักคิดหาทางป้องกัน หาข้อมูลเตรียมภัย วางแผนการต่างๆ เพียงเพื่อการอยู่รอดอยู่ดี ยังมักพึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายที่สร้างเครื่องไม้เครื่องมือ เทคโนโลยีมากมายเพื่อป้องกันเหตุ หรือการแจ้งเหตุล่วงหน้าจากครูบาอาจารย์ (บารมีครูบาอาจารย์แต่ละท่านที่จะช่วยลูกศิษย์นั้น จะช่วยเท่าที่จำเป็นไม่มาทำให้ตื่นกลัวกัน) ซึ่งไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียได้เลย ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างนี้ชัดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ....
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วควรทำเช่นไร ควรรอความตาย มองหาที่หลบภัย จัดเตรียมเสบียง ซ้อมการอพยพเมื่อมีเหตุ ติดตามข้อมูลการเตือนภัยอย่างมีสติ นั่งสมาธิสวดมนต์เพื่ออ้อนวอนให้พ้นภัย รักษาศีล ทำทาน ภาวนา เพื่อตายอย่างมีเสบียงบุญและปัญญา ที่สามารถปรับตัวได้แม้อยู่รอดและแม้ถึงตายก็ได้เจอ สวรรค์ พรหม นิพพาน มากกว่าเป็นผีเร่ร่อน หรือตกนรก ดังที่หลายๆ ท่านได้พูดถึง ....
ขอกราบสาธุธรรมท่านทั้งหลาย _/\_ -
ทำบุญ และ กรรมฐานระดับไหน ถึงจะรอด? เอาค่าไรมาวัดว่า แผ่นดินไหว พายุพัด น้ำท่วม มิดหัว คนที่ทำบุญเยอะแล้วจะรอด ค่าบุญอาจจะเอาไปใช้หลังความตายไปแล้วก็ได้ เช่นทำบุญเยอะ รอดจากนรก แต่ก็ตายอยู่ดี ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยง บอกว่าตัวเองรักษาศีล 5 ครบ ขับรถไปไหน แมลงตายเต็มหน้ารถหลายพันตัว
- มองพระธุดงค์ ทำไมท่านอยู่ในป่า เจอน้ำป่า ยังรอด ไม่มีอาหารไป ก็รอด อย่างนี้เรียกมีวิชา กรรมฐานกองใหนที่ช่วยให้รอด กสิณดิน เดินบนน้ำได้ กสิณน้ำ ปรับอุณหภูมิเสกน้ำได้ ภาวนาสร้างเกราะรอบตัวให้สิ่งร้ายๆ เช่นหินถล่มเมื่อจะถึงตัวให้กลายเป็นของอ่อนได้ กสิณไฟ ปรับอุณหภูมิร่างเมื่ออยู่ในที่หนาวให้อุ่น เสกไฟได้ กสิณแสง มองทะลุทุกสรรพสิ่ง
ขั้นสูงกว่านี้เรียก สายอภิญญา เมื่อฝึกกสิณซึ่งเป็นกรรมฐาน 40 ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ก็จะไปสู่โลกียญาณก่อนเข้าโลกุตระ อภิญญาแสดงฤทธิ๋ได้ แยกร่าง ดำดิน เหาะ เคลื่อนย้ายร่าง ย่นระยะทาง ไปยังภพภูมิอื่นได้ทั้งกายเนื้อ เช่นพระพุทธเจ้าเสด็จสวรรค์โปรดพุทธมารดา ระลึกชาติ อนาคตังสญาณ เห็นอนาคตได้ อ่านใจคนได้
ระดับอีกสายเรียก ปฏิสัมภิทาญาณ คุยได้ทุกภาษาทั้งคนและสัตว์ ฝึกสมาบัติ 8
ในนี้แค่เป็นแง่คิดนะครับว่า บุญและกรรมฐานที่เราทำ มันอาจจะไม่เพียงพอ กับภาวะที่กำลังจะเกิดขึ้น ประเทศไทยที่เห็นๆ เป็นแค่การแจ้งเตือนพิกัดที่น้ำท่วม และรอยต่อแผ่นดินไหว เคราะห์หลายครั้งถูกเลื่อนและบรรเทาด้วยองค์เทพ และพระอรหันต์แต่ทุกอย่างมันถึงเวลาที่จะเป็นไปตามกฏแห่งสังสารวัฏ เมื่อกระแสบาปมวลรวมของประชากรในจักรวาลนี้มากมายมหาศาล เมื่อเกิดภัยพิบัติทั่วโลกจะนำมาซึ่งการขาดแคลน เมื่อขาดแคลนจึงแย่งชิง เมื่อแย่งชิงจึงเกิดสงคราม ระบบการทำบุญมีแบบส่งผลในชาตินี้ และ ใช้งานในภพชาติอื่น บุญในการช่วยสัตว์ที่กำลังจะตายมีผลในการต่ออายุในชาตินี้ บุญจากการทำทานส่งผลในภพหน้ามาเกิดใหม่จะร่ำรวย บุญจากกรรมฐานส่งผลเรื่องระดับชั้นในสวรรค์ ตายแบบเข้าฌาณส่งผลไปสู่พรหม
กรรมฐานมี 40 กอง คำบริกรรมต่างกัน วิธีฝึกต่างกัน ฤทธิ์ที่ได้ก็ต่างกัน สงสัยกันไหมว่าสมัยพุทธกาล สาวกพระพุทธองค์ล้วนอภิญญา จนมีพระองค์หนึ่ง เหาะไปเอาบาตรไม้แข่งกับศาสนาอื่น พระพุทธองค์จึงออกกฏ ห้ามใช้ให้ ฆราวาสเห็น พระด้วยกันแสดงให้กันดูได้
แต่ฤทธิ์ในทางพุทธ ใช้เอาตัวรอดในสมัยพุทธกาลและ พระธุดงค์ โลกียญาณ ฆราวาสฝึกได้จนถึงขั้น อภิญญา 5 ข้อที่ 6
อาสวะขยญาณ ต้องออกบวชก่อน ไม่งั้นจะตายใน 7 วัน เป็นการเข้าสู่อรหันต์ร่างฆราวาสจะถูกส่งไปนิพพานทันที กระดูกจะถูกขัดในฌาณนี้ จนกลายเป็นพระธาตุ
ผมไม่ได้ชวนคุณไปอยู่พื้นที่ ที่เขาขายกัน ถ้าคุณตั้งใจและพาคนที่รัก ปลอดภัยได้ด้วยตัวเอง จะมัวหาที่อยู่ใหม่ ก็ใช่ว่าจะไม่โดน บริเวณที่สูงจะเกิดภาวะ ร้อนสูง โอโซนผิดปกติเมื่อเกิดการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กในไม่นานนี้ การโดนแดดในอนาคตจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ทองคำจะพุ่งขึ้นเพื่อใช้ในการตีเป็นแผ่น รอบห้องที่อาศัยในบ้าน แร่ธาตุชนิดเดียวที่สะท้อนรังสีจากพระอาทิตย์ได้ เคยคิดใหมว่าทำไม ทองคำถึงเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนตั้งแต่โบราณกาล ทุกสิ่งมีเหตุผลหาใช่สิ่งบังเอิญ ---------- -
เสาร์อาทิตย์ไหนว่างๆลองตัดน้ำตัดไฟปิดมือถือหุงข้าวทำอาหารด้วยเตาถ่านตักน้ำจากแม่น้ำมากรองอาบลองดูซิว่าขาดเหลืออะไรจะอยู่ได้ไหมผมลองแล้วคนข้างๆหาว่าบ้าอิอิ.....อ้อห้ามไปซื้อของข้างนอกมากินและห้ามเปิดเอาของในตู้เย็นมากินด้วยทำเหมือนเกิดเหตุขึ้นแล้วจะอยู่อย่างไรซ้อมไว้เป็นดี
หน้า 2 ของ 2