น้อมอนุโมทนาสาธุ กับน้องละม่อมด้วยจ๊ะ พี่อุ้มสวดมนต์เสร็จแล้ว แล้วร้องไห้ทำไมละนะ ไปสวดมนต์ไม่ได้ไปไหนนิ
<SPAN>ชมรมขุนแผนระฆังทอง&เจดีย์ทอง หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ (โชว์ภาพและประสบการณ</SPAN
ในห้อง 'ลงประกาศ ซื้อ-ขาย หรือทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย knutch, 8 สิงหาคม 2010.
หน้า 165 ของ 469
-
-
สวัสดีครับทุกท่าน
สวัสดีชาวขุนแผนระฆังทองครับ -
เรื่องความรัก และการให้เกรียติ ลินสอนประจำค่ะ แต่อยู่ที่ว่าเด็กจะรับเอาไปเท่าไร อีกอย่างสิ่งเร้ารอบด้านก็น่ากลัว ม๊ะมากกกก
-
-
-
-
-
อิอิ
พูดแล้วก็นึกถึงพุทธทำนายจากพระสุบินนิมิตรของพระเจ้าพิมพิสารนะครับ ที่บอกว่า(คร่าวๆนะครับ)สมัยนึงเมื่อศีลธรรมเสื่อมทรามลงคนจะแต่งงานมีลูกกันตอนสิบขวบ ผมก็นึกตอนนั้นว่า แหมเด็กสิบสามสิบสี่ยังแก้ผ้าโดดน้ำคลองกันโครมๆยังไม่เป็นหนุ่มเป็นสาวสักหน่อย
ดูเดี๋ยวนี้สิ ยังไม่จบปอหก แต่งหน้ากันแว๊ววววววววววว แล้วน้องจะรู้ได้ไงว่าเด็กมันไม่ถึง18
จ๊ากกกกกกกกกก อุ๊ย จบข่าว -
-
-
ของฝากจากพี่ตั้ม คลิก
-
นึกถึงอดีตภาพขุนแผนระฆังทอง ช่วงที่กำลังปลุกเสก
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
แวะมาตามข่าวเจดีย์ทองครับ วันเดียวผ่านไปหลายหน้านึกว่าเปิดให้จองแล้ว ตกใจหมดเลย (smile) -
-
เรื่อง: ที่มาของคำว่าสวัสดี,อรุณสวัสดิ์,ราตรีสวัสดิ์,ฯลฯสวัสดิ์
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
สวัสดี - วิกิพีเดีย
สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย โดยจะใช้เมื่อแรกพบกัน หรือ เมื่อต้องการบอกลา โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "สวัสดี (สวัสดิ์)" ว่าหมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย
ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ "โสตถิ" ในภาษาบาลี หรือ "สวัสติ" ในภาษาสันสกฤต โดยได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เป็นต้นมา
"สวัสดี" เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า "สุ" เป็นคำอุปสรรค (คำเติมหน้าศัพท์ที่ทำให้ความหมายของศัพท์เปลี่ยนแปลงไป) แปลว่า ดี งาม หรือ ง่าย และคำว่า "อสฺติ" เป็นคำกิริยาแปลว่า มี แผลงคำว่า "สุ" เป็น "สว" (สฺวะ) ได้โดยเอา "อุ" เป็น "โอ" เอา "โอ" เป็น "สฺว" ตามหลักไวยากรณ์ แล้วสนธิกับคำว่า "อสฺติ" เป็น "สวสฺติ" อ่านว่า สะ-วัด-สะ-ติ แปลว่า "ขอความดีความงามจงมี (แก่ท่าน)"
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ปรับเสียงของคำว่า "สวสฺติ" ที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นให้ง่ายต่อการออกเสียงของคนไทย จากคำสระเสียงสั้น (รัสสระ) ซึ่งเป็นคำตาย มาเป็นคำสระเสียงยาว (ทีฆสระ) ซึ่งเป็นคำเป็น ทำให้ฟังไพเราะ รื่นหูกว่า จึงกลายเป็น "สวัสดี" ใช้เป็นคำทักทายที่ไพเราะและสื่อความหมายดีๆ ต่อกันของคนไทย ส่วนคำว่า "ราตรีสวัสดิ์" ซึ่งเป็นคำแปลจากคำว่า "good night" ซึ่งเป็นคำลาในภาษาอังกฤษ ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เช่นกัน โดยกำหนดให้คนไทยทักกันตอนเช้าว่า "อรุณสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good morning" และให้ทักกันในตอนบ่ายว่า "ทิวาสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good afternoon" ส่วนตอนเย็นให้ทักกันว่า "สายัณห์สวัสดิ์" มาจากคำว่า "good evening" แต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปตามเวลา จึงไม่เป็นที่นิยม คนไทยนิยมใช้คำว่า "สวัสดี" มากกว่า เพราะใช้ได้ตลอดเวลา แต่กระนั้น คนไทยก็ยังคงใช้อยู่บ้างบางคำคือ คำว่า อรุณสวัสดิ์ และราตรีสวัสดิ์
คำว่าสวัสดีนั้นจะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่าสวัสดี คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้
ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่าสวัสดีพร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามของคนไทยที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง
:cool: -
สวัสดีตอนเช้าๆ ขอให้ชาวชมรมขุนแผนระฆังทองมีความสุขตลอดวันนะคับ
-
สวัสดียามเช้าครับ ทุกๆท่าน
-
สวัสดียามเช้าครับ..(^_^)..
-
วันนี้ผมลองเข้าไปที่ Google แล้วใส่คำว่า ขุนแผนระฆังทอง
ปรากฏว่า ห้องชมรมนี้ ขึ้นเป็นอันดับแรกเลยคับ ไม่รู้ว่าเครื่องอื่นเป็นเหมือนผมหรือเป่ล่าคับ -
ว. สุภาพ, อ่อนโยน, (ใช้แก่กิริยาอาการที่เรียบร้อย งดงาม ไม่ขัดเขิน ไม่กระด้าง), มักใช้เข้าคู่กับคํา ละมุน เป็น ละมุนละม่อม หมายความว่า อ่อนโยน นิ่มนวล; โดยไม่มีการขัดขืน (ใช้แก่การจับกุม) เช่น ตำรวจจับผู้ร้ายได้โดยละม่อม.
</TD></TR></TBODY></TABLE>
หน้า 165 ของ 469