Tie a Yellow Ribbon Round the Ole Oak Tree

[SIZE=-1]<CENTER>Tie a Yellow Ribbon Round the Ole Oak Tree</CENTER>[/SIZE]

[SIZE=-1]I'm comin' home I've done my time[/SIZE]
[SIZE=-1]Now I've got to know what is and isn't mine[/SIZE]
[SIZE=-1]If you received my letter tellin' you I'd soon be free[/SIZE]
[SIZE=-1]Then you'll know just what to do if you still want me[/SIZE]
[SIZE=-1]If you still want me.[/SIZE]

[SIZE=-1]Woah tie a yellow ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]It's been three long years, do ya still want me[/SIZE]
[SIZE=-1]If I don't see a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]I'll stay on the bus, forget about us[/SIZE]
[SIZE=-1]Put the blame on me[/SIZE]
[SIZE=-1]If I don't see a yellow ribbon round the ole oak tree[/SIZE]

[SIZE=-1]Bus driver please look for me[/SIZE]
[SIZE=-1]'Cause I couldn't bear to see what I might see[/SIZE]
[SIZE=-1]I'm really still in prison and my love she holds the key[/SIZE]
[SIZE=-1]A simple yellow ribbon's what I need to set me free[/SIZE]
[SIZE=-1]I wrote and told her, please[/SIZE]

[SIZE=-1]Woah tie a yellow ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]It's been three long years do ya still want me[/SIZE]
[SIZE=-1]If I don't see a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]I'll stay on the bus, forget about us[/SIZE]
[SIZE=-1]Put the blame on me[/SIZE]
[SIZE=-1]If I don't see a yellow ribbon round the ole oak tree[/SIZE]

[SIZE=-1]Now the whole damn bus is cheering[/SIZE]
[SIZE=-1]And I can't believe I see[/SIZE]
[SIZE=-1]A hundred yellow ribbons round the ole oak tree[/SIZE]

[SIZE=-1]I'm comin home, mmm hmm[/SIZE]

[SIZE=-1]Tie a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]Tie a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]Tie a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]

[SIZE=-1]Tie a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]Tie a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]
[SIZE=-1]Tie a ribbon round the ole oak tree[/SIZE]


[SIZE=-1]ที่มา[/SIZE]
[SIZE=-1]http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sunnyshinyday&date=02-04-2007&group=8&gblog=1[/SIZE]

[SIZE=-1];aa1[/SIZE]

 

[SIZE=-1]ดิฉันได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกสมัย ยังเรียนอยู่ชั้นประถม จนโตเข้ามัธยมก็ยังได้ยินเพลงตามสถานีวิทยุอยู่บ้าง ฟังกี่ครั้งก็ไม่เข้าใจด้วยความที่ยังด้อยความรู้ด้านภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าเขาร้องว่าอะไรบ้าง นอกจากท่อนสร้อยที่ว่า Tie a ribbon round the ole oak tree เพลงอะไรก็ไม่รู้ ทำไมต้องผูกโบสีเหลืองที่ต้นโอ้ค ไอ้การผูกโบว์สีเหลืองที่ต้นโอ้คมันสำคัญมากจนเอามาแต่งเป็นเพลง ๆ หนึ่งได้เลยเหรอ สมัยนั้นอินเตอร์เนตก็ไม่ได้แพร่หลาย การจะหาเนื้อร้องออนไลน์น่ะฟังดูซับซ้อนเหลือเกิน

จนวันหนึ่ง ดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งลงถึงที่มาของเพลง ๆ นี้ ดิฉันไม่ได้เอาหนังสือเล่มนั้นมาที่อเมริกาด้วย จึงขอเล่าเรื่องย่อ ๆ จากความทรงจำนะค่ะ เรื่องมันเริ่มที่ว่า เด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางไปยังเมืองเมืองหนึ่งโดยรถประจำทาง หรือรถบัสนี่แหล่ะค่ะ แล้วเด็กคนหนึ่งก็สังเกตว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่เบาะหลังรถอยู่คนเดียว ไม่พูดจากับใคร เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปคุยไปถาม แต่ผู้ชายคนนั้นก็ตอบแบบสั้น ๆ เหมือนไม่อยากจะคุยด้วย แต่เด็ก ๆ ก็พากันพลัดเข้าไปคุยด้วย จนในที่สุดเขาก็เล่าว่า เขามีภรรยาอยู่คนหนึ่ง เคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่เขาก็ทำความผิดบางอย่าง ทำให้ต้องเข้าคุก ระหว่างที่อยู่ในคุก ภรรยาของเขาก็เขียนจดหมายถึงเขาทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยเขียนตอบเธอเลย ด้วยความรัก และไม่อยากให้เธอต้องเฝ้ารอคนอย่างเขา เขาจึงเขียนจดหมายถึงเธอฉบับหนึ่งว่า " จงลืมคนอย่างฉันเสียเถอะ ขอให้เธอเจอคนที่ดี และไม่ต้องเขียนจดหมายถึงฉันอีก" จากนั้นเขาไม่เคยได้รับจดหมายจากเธออีกเลย

เวลาผ่านไปจนถึงวันที่เขา ต้องออกจากคุก เขาก็เขียนจดหมายถึงเธอ 1 ฉบับว่า เขากำลังออกจากคุก หากเธอยังต้องการเขาอยู่ ขอให้ผูกโบว์สีเหลืองที่ต้นโอ้คต้นใหญ่ของเมือง (ในสมัยนั้น การผูกโบว์สีเหลืองจะใช้ในการต้อนรับทหารที่กลับมาจากสงคราม เป็นการบอกว่ายินดีต้อนรับกลับบ้าน)

เมื่อเด็ก ๆ ได้ฟังเรื่องของเขาต่างก็ตื่นเต้น และบอกให้คนขับรถช่วยชะลอรถเมื่อถึงเมือง ๆ นั้นเพื่อจะได้เห็นต้นโอ้คชัด ๆ เด็ก ๆ พากันมองออกไปนอกหน้าต่าง และช่วยกันมองหาต้นโอ้ค ขณะที่เขาได้แต่นั่งก้มหน้าปิดตา เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจ เขาเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือ ต้นโอ้คต้นใหญ่ของเมือง มีริบบิ้นสีเหลืองผูกไว้ แต่ไม่ใช่แค่หนึ่งอัน แต่มีริบบิ้นสีเหลืองเป็นร้อย ๆ อันผูกไว้อยู่

ต่อมา คนขับรถได้โทรหาหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งและเล่าเรื่องทั้งหมด เรื่องนี้จึงได้ถูกตีพิมพ์และกลายเป็นที่กล่าวถึงทั่วประเทศ คุณ Irwin Levine และคุณ L. Russell Brown นักเขียนเพลง ได้รับแรงบันดาลใจจากข่าวนี้ และเขียนเพลงนี้ออกมา Tony Orlando and Dawn ปล่อยเพลงนี้ออกมาในปี 1973 และกลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาล [/SIZE]<!-- End main-->
<table width="100%" border="0"> <tbody><tr> <td width="50%">[SIZE=-1]Create Date : 02 เมษายน 2550[/SIZE]</td> </tr> <tr> <td width="50%">[SIZE=-1]Last Update : 14 ตุลาคม 2551 12:25:36 น. [/SIZE]</td> <td>
</td></tr></tbody></table>

 

[SIZE=-1]ซึ้งมากครับ
[/SIZE][SIZE=-1]ความรักที่ซื่อสัตย์ต่อกันไม่มีวันเปลี่ยน
เราไม่ต้องการใครที่ดีกว่า แค่เราต้องการเค้าแค่นั้นพอ[/SIZE]

 

Yellow ribbon flown in 1979 by Penne Laingen when her husband, US diplomat Bruce was held captive during the Iran hostage crisis; among the first of the modern "yellow ribbons." Picture courtesy Library of Congress

[SIZE=-1]ในสมัยนั้น การผูกโบว์สีเหลืองจะใช้ในการต้อนรับทหารที่กลับมาจากสงคราม เป็นการบอกว่ายินดีต้อนรับกลับบ้าน
[/SIZE]

 

​

http://palungjit.org/threads/tie-a-yellow-ribbon-round-the-old-oak-tree-siamesecat.145725/

ฟังเพลงได้ที่นี่ครับ

 

ซึ้งจังเลย.....