การประนามผู้อื่น ย่อมเกิดกรรม
up date ล่าสุดๆ ความคืบหน้า นักบวชเกษม โดนหลายเด้ง
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ผู้เตือน warn, 29 กันยายน 2011.
หน้า 2 ของ 4
-
สมณะ แปลว่า สงบ
ท่านนี้สงบตรงไหน??? -
มีแต่ทำลายตนเอง
ศาสนาคงอยู่ แน่นอน ไม่ต้องกังวล -
-
เช่นนั้นแล้ว คุณแสนสวาท ทำไมยังเข้ามาแย้งคนอื่นอยู่หละครับ
ดูเหมือนคุณจะแก้ต่าง ทั้งๆ ที่พระพุทธรูปถูกทำลายเห็นๆ
ถ้าจะผิดทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ที่ต้องมีการหักล้างคงผิดไปหมดนะครับ -
เมื่อมีเรืองเข้ามากระทบจิต
เจตสิกก็เริ่มปรุงแต่งจิต
เพราะภาพเดิมที่ฝังแ่น่นอยู่เปนข้อมูลเก่า เปนเรืองที่คุ้นเคยอีกแบบหนึ่ง
ทำให้ยอมรับไม่ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ตนไม่คุ้นเคย
ทำให้เกิดการปรุงแต่งจิต
ทีนี้แหละทำอกุศล ตามความคิดที่ปรุงแล้ว
ก็เกิดการกระทำบางอย่างที่เปนอกุศลเข้า
อกุศลกรรมก็เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์
เริ่มต้นจาก เจตนาเปนหลัก
แล้วทำ
กรรมสำเร็จตามเจตนา
วิบากกรรมเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์
พึงแก้ไข โดยพิจารณาแล้วไม่ให้กระทบจิต
หรือไม่ให้เกิดการปรุงแต่ง
ไม่นำข้อมูลเก่ามาผสมโรง
สุดท้ายไม่เกิดวิบากกรรม
กาล เช่นนี้ จึงไม่ก่อให้เกิดภพค่ะ
เมื่อภพไม่มี ชาติย่ิอมไม่มี
ชรามรณะจะมาได้อย่างไร
พึงพิจารณา -
การช่วยเหลือคนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเปนเรืองที่ควรทำ -
ไปก่ิอนนะคะ มีงานต้องไปทำ
หากพิจารณาข้อมูลที่ดิฉันพูดและเข้าใจ
ก็พ้นภัยเวรได้ -
คุณจะว่าบาปได้อย่างไร ในเมื่อทำความเห็นและความจริงให้เป็นความจริง
ย่อมได้อนุสงค์สูง (ข้อ 10) อ่านดูก่อนนะครับ
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ คือ สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือกล่าวอย่างง่ายๆว่า การกระทำที่เกิดเป็นบุญ เป็นกุศล แก่ผู้กระทำดังต่อไปนี้
๑. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือการเสียสละนับแต่ทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม รวมถึงการละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจ จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม
๒. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือการตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา ศีล ๑๐ ของสามเณร หรือ ๒๒๗ ข้อของพระภิกษุ เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาด พ้นจากกายทุจริต ๔ ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท วจีทุจริต ๔ ประการ คือไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบ มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม
๓. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา (ภาวนามัย )<!--colorc--><!--/colorc--> คือการอบรมจิตใจในการละกิเลส ตั้งแต่ขั้นหยาบไป จนถึงกิเลสอย่างละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์ บรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด
๔. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือการให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ ผู้มี วัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มี คุณวุฒิ หรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มี ชาติวุฒิ ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์
๕. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิ
๖. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือ การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป
๗. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือ การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้ด้วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้น ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย
๘. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือ การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป
๙. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย)<!--colorc--><!--/colorc--> คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ ตามรอยบาทองค์พระศาสดา ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัยเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา มาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป
๑๐. <!--coloro:blue--><!--/coloro-->บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์)<!--colorc--><!--/colorc--> คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ
บุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้ ผู้ใดได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือยิ่งมากจนครบ ๑๐ ประการแล้ว ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมากตามบุญที่ได้กระทำ ยิ่งได้มีการเตรียมกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ตั้งใจจรดเข้าสู่ศูนย์กลางกาย หยุดในหยุด เข้าไปแล้วก็ยิ่งได้รับบุญมหาศาลตามความละเอียดประณีตที่เข้าถึงยิ่งๆ ขึ้นไป
-
จะรีบไปไหนหละครับคุณแสนสวาท
ตอบผมสักนิดเถอะนะครับ ว่าคุณเห็นด้วยไปได้ยังไงที่เค้าทำลายพระพุทธรูป
และยังใช้คำที่แม้แต่คุณเอง ก็คงไม่กล้าใช้ เช่นนี้แล้วคุณคิดว่าควรเป็นตัวอย่าง
กับพระที่ดีหรือไร ถ้าคุณคิดว่าพระนั่นสอนสั่งดีแล้ว ก็นำไปปฏิบัติเลยครับ
พอนำไปปฏิบัติแล้ว ก็อยากให้คุณมาตอบด้วยนะครับ ว่ามีคนยกย่อง หรือว่าประนาม -
แสนสวาท ..มองด้วยใจสงบสิคะ แล้วจะลดการเกิดภพได้
============================
ตัวพี่เกษมน่ะ เป็นสมณะ เป็นตัวอย่าง เป็นปูชนียบุคคล
ตัวพี่เกษมน่ะ ต้องสำรวม กาย วาจา และใจ
ท่ีแสดงอาการอยู่นี่ ไม่ไช่สมณะ เป็นแค่นักบวชถ่อยๆ -
ทางสายกลาง Center way
-
นิทานเซน: ลมพัดหรือธงไหว
อาจารย์เซนฮุ่ยเหนิง(เว่ยหล่าง) สังฆปรินายกองค์ที่ 6 แห่งแผ่นดินจีนในสมัยราชวงศ์ถัง
แรกสุดได้จำวัดอยู่ที่วัดฝ่าซิ่ง ซึ่ง ณ ที่นั้น ท่านพบพระสองรูปซึ่งกำลังถกเถียงกันอย่างคร่ำเคร่ง
เกี่ยวกับเรื่องของธงและลม
พระรูปหนึ่งกล่าวว่า "เห็นชัดๆ ว่าธงกำลังปลิวไสว"
พระอีกรูปหนึ่งค้านว่า "เป็นลมต่างหากที่ไหว หากไม่มีลมธงจะปลิวได้อย่างไร?"
พระทั้งสองรูปต่างก็ยึดเหตุผลของตนเป็นใหญ่ ต่างถกเถียงกันไม่เลิกรา
โดยไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร
ในที่สุดอาจารย์เซนฮุ่ยเหนิงที่ฟังอยู่ด้านข้าง จึงกล่าวขัดขึ้นว่า
"มิใช่ธงไหว และมิใช่ลมไหว
แต่เป็นใจของพวกท่านต่างหากที่ไหว"
ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居
เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4
http://www.manager.co.th/china/viewnews.aspx?NewsID=9540000101561 -
คุณน่ะ ต้องไปเตือน ไปบอกนักบวชเกษม
ไม่ไช่มาเตือน มาบอกคนอื่น อย่ามั่ว
มีที่ห้ามสูบบุหรี่ แต่เคุณห็นคนสูบบุหรี่ ในที่ห้ามสูบ
แต่คุณมาบอก มาเตือนคน ที่ไม่ได้ ทำผิด คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่
คุณนี่ท่าจะ....ผมและเอือมคุณจริงๆ -
ศาสนาจะเสื่อมหรือไม่ก็อยู่ที่พุทธบริษัทสี่ นี่แหละ ถ้าการปฎิบัติไม่ยึด ธรรมวินัย ก็เป็นการปฎิบัติที่ผิด
-
ขนาดถึงทำลายพระพุทธรูป ใช้วาจาหยาบคาย
ก็ยังมีคนเห็นด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้กันเนี่ย
ตัวท่านว่าคนอื่นหาเงินเข้าวัด แต่กลับไม่ดูตนเอง
ทุกวันนี้หากินด้วยอะไร เอาเงิน 2 แสนประกันตัวได้ยังไง
สร้างวัด สร้างศาลาด้วยเงินใคร ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในตัวท่านเอง
แล้วยังมีหน้าไปกล่าวว่าคนอื่น ไม่ละอายใจบ้างหรือไร -
พวกที่เชื่อและเห็นด้วย พวกท่านเข้าข่ายงมงาย ไร้เหตุผลไปแล้ว...
-
-
ประเด็นที่๑ คุณเกษม อ้างว่าตนไม่มีเงินฝาก ไม่หาเงิน แต่มีเงินประกันตัวสองแสน (หาได้ตามคลิปตอนเข้ามอบตัวปีก่อนๆ) หรือเป็นไปได้ว่าญาติโยมประกันตัวให้
ประเด็นที่๒ คุณเกษม อ้างว่าตนหลุดพ้นแล้ว (หาดูได้ตามคลิปข่าว) แต่ทำไมยังอยากเป็นพระ ไม่ยอมสึก ทั้งที่คนอยากให้สึกเต็มบ้านเต็มเมือง ที่ว่าหลุดพ้นแล้วก็ยังยึดอยู่กับผ้าเหลืองอยู่? อย่างนี้หลุดแท้หรือหลุดเทียม
ประเด็นที่สาม ท่านสามารถอ่านพระไตรปิฏกได้แตกฉาน(หรือเปล่า?) ไม่ขอวิจารณ์เพราะท่านอาจแตกฉานจริงๆก็ได้ แต่เราฟังท่านไม่เข้าใจเอง
ประเด็นที่สี่ การเรียกท่านว่าพระหรือไม่ ไม่เป็นสารัตถะสำคัญของความเป็นผู้ปฏิบัติผู้ทรงด้วยศีล -
ลองหลับตาฟังดิครับ ไม่ต้องดูท่าทาง ^^
หน้า 2 ของ 4