กรณี 'พ่อปลาบู่' บทเรียนของการทำนายและการเตือนภัยพิบัติ

จากกรณี 'พ่อปลาบู่' ผู้เขียนขอวิเคราะห์
เพื่อเป็นบทเรียนของการทำนายและการเตือนภัยพิบัติดังนี้




ประเด็นเรื่องคน 3 กลุ่มกับการรับรู้ข้อมูลเตือนภัยพิบัติ.....

กลุ่มที่ 1 กลุ่มคนที่ไม่เชื่อ
เราต้องยอมรับความจริงว่ามีคนกลุ่มหนึ่งไม่เชื่อ และไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่คำทำนายและการเตือนภัยพิบัติ
เหตุผลเพราะเป็นการทำลายการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว ที่พัก โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าได้เกิดผลกระทบเช่นนั้นจริง
กลุ่มนี้ส่วนหนึ่งคือกลุ่มคนที่ไม่เชื่อซึ่งแบ่งออกเป็น
1.1 ไม่เชื่อและเป็นผู้สูญเสียผลประโยชน์ เช่นเป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยจนถึงรายใหญ่ นักลงทุนหรือนักธุรกิจในพื้นที่
1.2 ไม่เชื่อและเป็นคนนอกพื้นที่ กลุ่มนี้แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสูญเสียผลประโยชน์โดยตรง
แต่รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจหรือหมั่นไส้คนที่ออกมาเตือน
และรู้สึกว่าคนที่ออกมาเตือนและผู้ที่เชื่อคำเตือนนั้นโง่กว่าพวกเขา
1.3 ไม่เชื่อและรู้สึกเมตตาสงสารอย่างแท้จริงต่อประชาชนที่ต้องกังวลกับคำทำนาย และคอยกล่าวเตือนสติประชาชน

ใน 3 กลุ่มย่อยของกลุ่มที่ 1 นี้ ผู้เขียนรู้สึกว่ากลุ่มข้อที่ 1.3 มีส่วนน้อยที่สุด แต่มักถูกนำมาอ้างมากที่สุด
คืออ้างว่าที่ตนออกมาเอาเรื่องนั้นก็เพราะสงสารประชาชนที่เขาเป็นทุกข์เพราะคำเตือน

แต่สิ่งที่เรามองเห็นคือ คนเรานั้นหากมีเมตตาสงสารผู้คนอย่างแท้จริงโดยบริสุทธิ์ใจ
การที่จะสงสารผู้คนที่ไม่ได้เป็นญาติเกี่ยวข้องกันโดยตรงหรือประชาชนในวงกว้างแบบนั้น
เรียกว่าเป็นผู้เจริญเมตตากว้างจนเกือบถึงขั้นไม่มีขอบเขตประมาณ
เขาย่อมเป็นผู้มีเมตตาสงสารต่อทั้งผู้ออกมาเตือนและเมตตาสงสารต่อผู้รับคำเตือน
ถ้าคำเตือนเป็นจริง เขื่อนแตกจริง ประชาชนก็น่าสงสาร
ถ้าคำเตือนไม่เป็นจริง คนที่เตือนก็น่าสงสาร ต้องได้รับคำประณาม และผลกระทบอื่น ๆ

หากเราพิจารณาอย่างจริงจังและมีข้อมูลรอบด้านแล้ว
อดคิดไม่ได้ว่าคนที่จะแจ้งจับหรือเอาเรื่องคนอย่างคุณลุงทองใบนั้นรู้สึกว่าจิตใจโหดร้ายเกินไป
คนเช่นนี้หรือที่อ้างว่าตนมีเมตตาสงสารคนอื่น
ถ้อยคำที่เขาใช้นั้นเสียดสี พฤติกรรมก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเมตตา
ผู้อ่านย่อมรับได้ถึงความเกลียดชัง มุ่งเบียดเบียนเอาโทษ

เช่นนั้นหากมีเมตตาจะทำอย่างไรเล่า
หากมีเมตตาคือต้องคอยเตือนสติทั้งฝั่งผู้เตือนและฝั่งผู้รับคำเตือนว่า
ต้องมีสติปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง แต่ก็ไม่ประมาท
ดังเช่นที่มีบางท่านได้ออกมาวิเคราะห์ไว้แต่แรกว่าอาจมีการตีความผิดพลาด
และแนะนำว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อระวังภัยและเป็นผู้ไม่ประมาท
โปรดสังเกตดูว่าบางท่านเตือนไว้ล่วงหน้าว่าอาจมีการตีความผิดพลาด
ดูจากวันที่ของการโพสต์บางกระทู้ได้ว่าไม่ใช่การออกมาแก้ต่างในภายหลัง แต่ได้เตือนสติไว้แล้วล่วงหน้า
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่หวังดีเมตตาใช้สมาธิตรวจสอบและออกมาเตือนว่าไม่เห็นภาพภัยพิบัติในวันดังกล่าว
แต่ประชาชนทั่วไปในวงกว้างได้รับข้อมูลไม่ครบทุกด้าน
การนำเสนอข่าวจึงควรนำเสนอให้รอบด้านมากกว่านี้
ควรเน้นให้ตระหนักมากกว่าสร้างความตระหนกตื่นกลัว

ผู้ที่ไม่เชื่อโดยปฏิเสธว่าเขื่อนไม่มีวันแตกนั้น
ผู้เขียนไม่เห็นว่าเป็นผู้สมควรโอ้อวดตนว่าเป็นผู้รู้ได้อย่างไร
ในเมื่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หรือธรณีวิทยายืนยันว่ามีรอยเลื่อนที่มีพลังสามารถส่งผลกระทบต่อเขื่อนดังกล่าว
ข้อมูลอ้างอิงจาก ดร.ปริญญา วิทยากรในงานสัมมนาภัยพิบัติซึ่งจัดโดยเว็บพลังจิต
อ้างอิง Youtube งานสัมมนา...มาแล้ว...ครับ...เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤตให้เป็นทางรอด ครั้งที่ 2
ดังนั้นคำเตือนอย่างกรณีของคุณลุงทองใบนั้นจึงมีความเป็นไปได้
แม้แหล่งข้อมูลของคุณลุงไม่ใช่วิทยาศาสตร์แต่มีความเป็นไปได้ตามความรู้ทางวิทยาศาสตร์

คนที่บอกว่าตัวเองเชื่อ หรือไม่เชื่อนั้น ต่างก็ไม่ได้อยู่ในหลักกาลามสูตรทั้งสิ้น
เพราะผู้ที่เชื่อก็คือ ด่วนสรุปเชื่อคำทำนาย
ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อคำทำนายก็คือ ด่วนสรุปเชื่อว่าเขื่อนไม่มีวันแตก
ส่วนผู้ที่ใช้หลักกาลามสูตรนั้น ได้ข้ามพ้นความเชื่อและความไม่เชื่อไปแล้ว
คือผู้ใช้ปัญญาวิเคราะห์ข้อมูลและมองเห็นความเป็นไปได้ว่ามีมากน้อยเพียงใด
เขาจึงเป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ทั้งในทางโลกและในทางธรรม
[FONT=&quot]
คลิกที่นี่...'กาลามสูตร' กับความเชื่อเรื่องภัยพิบัติ[/FONT]

ข้อสังเกตคือปีใหม่นี้จำนวนคนที่สวดมนต์ข้ามปีมากขึ้นกว่าในปีที่ผ่าน ๆ มาแบบก้าวกระโดด
ผู้เขียนได้ไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดแห่งหนึ่งได้ยินพ่อค้าแถววัดพูดว่า ปีนี้คนมากจริง ๆ มากกว่าทุกปี

จะมีใครขอบคุณ คุณลุงทองใบและผู้เตือนอื่นๆ บ้างหรือไม่ที่ทำให้คนหันมาทำความดีและไม่ประมาท
ผู้คนต่างหันมาทำบุญและสวดมนต์ภาวนา หรือหันมาปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันเป็นจำนวนมาก

เผยยอดคนสวดมนต์ข้ามปีทะลุ1ล้าน
วัดทั่วประเทศและต่างประเทศร่วมสวดมนต์ข้ามปีรับปีใหม่
90วัดทั่วกรุงเปิดโบสถ์สวดมนต์ข้ามปี
สนามหลวงจัดงานสวดมนต์ข้ามปี
ชาวกทม.ทำบุญตักบาตรรับปีใหม่ 2555 ณ ท้องสนามหลวง

ผลกระทบในแง่เศรษฐกิจ
จะมีใครขอบคุณ คุณลุงทองใบหรือไม่ที่ทำให้เศรษฐกิจของร้านค้าบริเวณวัดเติบโต
ข่าวของคุณลุงทองใบอาจทำให้ธุรกิจในพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบ
แต่ใช่ว่าคนจะหยุดเที่ยวหยุดใช้เงิน คนเพียงแต่ย้ายไปเที่ยวไปใช้เงินในพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยง
มองในอีกแง่ ถ้าคนเชื่อคุณลุงทองใบเป็นจำนวนมาก
ปีใหม่และเทศกาลต่าง ๆ คนกรุงเทพยิ่งจะออกไปเที่ยวต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น เพราะไม่อยากเสี่ยงภัย
การท่องเที่ยวก็จะเติบโต ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดก็จะเติบโต
ความเจริญต่างๆ กระจายตัวออกไปแทนที่จะกระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองหลวง

ในคำว่าทำลายเศรษฐกิจ หรือที่มักอ้างตัวเลข GDP
สิ่งที่ผู้เขียนมองเห็นคือความโลภทางเศรษฐกิจ
สื่อสารมวลชนบางส่วนโลภที่จะขายข่าว ประโคมข่าวให้ดังโดยปราศจากการนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน
ขาดการนำเสนอข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ทางวิทยาศาสตร์
และข้อมูลการวิเคราะห์ถึงโอกาสที่จะตีความผิดพลาด
คนบางกลุ่มก็โลภ คือเห็นความเสี่ยงทางธุรกิจมีความสำคัญมากกว่าความเสี่ยงของชีวิตคน
ในสายตาของคนบางกลุ่ม คนอย่างคุณลุงทองใบ คือคนที่ไปขัดผลประโยชน์เขา
ในสายตาของคนบางกลุ่ม คนอย่างคุณลุงทองใบ คือคนที่ไปขัดใจเขา ขัดกับความเชื่อของเขา
ในสายตาของคนบางกลุ่ม คนอย่างคุณลุงทองใบ เป็นเพียงชาวบ้านการศึกษาน้อยที่อวดรู้อวดดี
ในสายตาของคนบางกลุ่ม คนอย่างคุณลุงทองใบ สมควรจะต้องเป็นไก่เพื่อเชือดให้ลิงดูเป็นตัวอย่าง

คนบางกลุ่มเคยไม่พอใจผู้เชี่ยวชาญระดับด๊อกเตอร์ที่ออกมาวิเคราะห์ว่าเขื่อนในเมืองไทยมีความเสี่ยง
คนบางกลุ่มพยายามปิดกั้นข้อมูล ประท้วงข่มขู่ ฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ก็ไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดในศาลได้

แต่คุณลุงนั้น (ขออภัย) การศึกษาไม่สูงนัก เป็นคนบ้านนอก พูดจาซื่อ ๆ
การพูดอะไรไปก็เพราะมีเมตตา รู้มาอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้นตามความเชื่อของตน
โดยไม่ทราบว่าควรจะพูดอย่างไรจึงจะเหมาะสมและไม่เป็นโทษภัยกับตัวเองและผู้อื่น
คุณลุงมีจิตใจที่เมตตาแต่สิ่งที่คุณลุงขาดคือบัณฑิตผู้เป็นกัลยาณมิตรคอยให้คำแนะนำว่าควรดำเนินการอย่างไร


กลุ่มที่ 2 กลุ่มคนที่เชื่อหรือค่อนข้างเชื่อ
เราต้องยอมรับความจริงว่ายังมีคนบางกลุ่มเชื่อหรือค่อนข้างเชื่อ และมีความวิตกกังวล
กลุ่มนี้เป็นอีกลุ่มหนึ่งที่น่าสงสาร คือเป็นผู้ได้รับผลกระทบ
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เชื่อและค่อนข้างเชื่ออยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นตามคำเตือน
ความรู้สึกของเขาเหล่านั้นคือโล่งใจ ไม่ใช่ผู้ที่จะออกมาเอาเรื่อง


กลุ่มที่ 3 กลุ่มคนที่ก้าวข้ามความเชื่อและไม่เชื่อ
เราต้องยอมรับความจริงเช่นกันว่ายังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง
เป็นคนกลุ่มที่ 3 ซึ่งเห็นต่างจากคนสองกลุ่มแรก
คนกลุ่มที่ 3 นี้ต้องการรับทราบคำทำนายและคำเตือนภัยพิบัติเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบ
หรือเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ประเมินความเป็นไปได้เพื่อการเตรียมตัวรับมือ
คนกลุ่มนี้มีความรู้สึกว่าเขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พุทธศาสตร์ จิตศาสตร์ ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ก็ตาม
เขามีความพร้อมและมีความรู้ความเข้าใจว่า ควรจะทำอย่างไรกับข้อมูลที่ได้รับ
บางครั้งยังได้นำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลของตนเองเพื่อแบ่งปันให้กับคนกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 อีกด้วย
ทั้งยังคอยเตือนสติไม่ให้กลุ่มคนที่ 2 ตื่นตระหนกจนเกินไป พร้อมแนะนำวิธีการเตรียมตัวอย่างมีสติ
คนกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันและมีช่องทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
เช่น ห้องเตือนภัยพิบัติและการเตรียมการ ในเว็บพลังจิตแห่งนี้

การถามหาความรับผิดชอบนั้นควรจะถามหาจากใคร
ในเมื่อคนกลุ่มที่ 1 และ 2 หยิบข้อมูลไปเพียงบางส่วน
กลุ่มที่ 1 รู้สึกขัดเคืองใจ ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็ตื่นตระหนก
ทั้งที่ทางกลุ่มที่ 3 ต้องการให้ประชาชนได้ตื่นตระหนัก

หากกลุ่มคนที่ 1 จะต่อต้านการเตือนภัยพิบัติก็ควรต่อต้านกับสื่อหลัก
ส่วนสื่อเฉพาะกลุ่มแบบนี้คงไม่มีใครบังคับให้เข้ามาอ่านได้
และหากไม่เข้ามาก็ย่อมไม่ได้รับข้อมูล
หากท่านเข้ามาแล้วไม่พอใจแสดงว่าท่านเป็นคนกลุ่มแรก
และท่านอาจไม่เหมาะกับการสนทนากับคนกลุ่มที่ 3
ท่านควรผ่านเลยไปแต่ไม่ใช่เข้ามาต่อต้านในกลุ่มเฉพาะแบบนี้
เพราะคนกลุ่มที่ 3 นี้เขาเชื่อว่าเขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากทุก ๆ ด้าน
และเขาไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากใคร เพราะเขาคือผู้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาของตนเอง

คลิกที่นี่...วิเคราะห์กระทู้เตือนภัยพิบัติ

ดังนั้นแทนที่จะตั้งคำถามว่า ถ้าเขื่อนแตกแล้วใครจะรับผิดชอบ ?
หรือถ้าเขื่อนไม่แตกใครจะรับผิดชอบ ?
คนกลุ่มที่ 3 นี้จะตั้งคำถามที่น่าคิดว่า
ตัวเราเองจะรับผิดชอบชีวิตตัวเราและครอบครัวของเราอย่างไร ?

ตอนนี้มีกลุ่มคนที่ 1 ออกมาตั้งคำถามกับกลุ่มคนที่ 3 ว่า
คนที่ออกมาเตือนอย่างคุณลุงทองใบจะต้องรับผิดชอบหรือไม่
ถ้าต้องรับผิดชอบ จะรับผิดชอบอย่างไร ?
คนกลุ่มที่ 3 อาจจะตอบว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ?
เพราะคนกลุ่มที่ 3 เขาพร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเองและการวิเคราะห์ของตัวเอง
และคุณลุงเองไม่ได้ทำผิดคิดร้ายกับใคร การกระทำก็ด้วยเพราะความเมตตา

กลุ่มคนที่ 2 ก็คงไม่ถามหาความรับผิดชอบอะไร
เพราะเมื่อภัยพิบัติไม่เกิด เขาก็ย่อมโล่งใจ
คนกลุ่มนี้ในที่สุดก็อาจเปลี่ยนตัวเองจากคนกลุ่มที่ 2 กลายเป็นกลุ่มคนที่ 3
คือเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลแทนที่จะเชื่ออะไรง่าย ๆ แต่ก็ไม่ด่วนปฏิเสธ
แต่บางทีคนกลุ่มที่ 2 ก็อาจเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มคนที่ 1 ได้เหมือนกัน
คือเมื่อรู้สึกว่าคำเตือนผิดพลาดบ่อย ๆ ก็อาจออกมาต่อต้าน

ดังนั้นคนที่ถามหาความรับผิดชอบและออกมาต่อต้าน
คือคนกลุ่มที่ 1 กลุ่มเดียว โดยเฉพาะกลุ่มที่ 1.1 และ 1.2




ติดตามทาง Facebook กาขาว

รวมบทความและกระทู้โดย 'กาขาว'

 

ทำไมเป็นทั้งกลุ่ม 1.3 และกลุ่มที่ 3 หว่าเรา

 

โดนใจครับ

 

ผมคิดว่าท่านน่าจะเป็นคนกลุ่มที่ 3 นะครับ
กลุ่มคนที่ 1.3 นั้นไม่เชื่อแต่ก็มีเมตตา
แต่คนกลุ่มที่ 3 อาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ หรืออาจเลือกเชื่อเป็นบางเรื่อง
หรือบางทีก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจ
แต่จุดแตกต่างคือกลุ่มที่ 3 เขาเป็นผู้เปิดใจเลือกรับข้อมูล
เขารู้จักวิเคราะห์และใช้ข้อมูล ไม่ต้องคอยถามหาความรับผิดในความเชื่อหรือไม่เชื่อของตัวเองจากใคร
เขามองในแง่โอกาสของความเป็นไปได้ว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้เพื่อการเตรียมตัวอย่างมีสติและไม่ประมาท

 

เรามิใช่กามนิตดอกนะ

 

กรณีศึกษาจากเหตุการณ์ซึนามิที่ภูเก็ต​

มีคำถาม 2 คำถามให้ท่านช่วยกันหาคำตอบให้กับตัวท่านเองครับ ว่าการที่ผู้ที่ออกมาเตือนแล้ว ผลดีและผลเสียอย่างไหนอย่างไหนมีความสำคัญมากกว่ากันครับ
1.กรณีที่ ท่าน ด.ร.สมิท ท่านเตือนว่าจะเกิดซึนามิ แล้วช่วงนั้นยังไม่เกิด ท่านคิดว่าจังหวัดภูเก็ตเสียหายเป็นตัวเงินเท่าใด
2.กรณีที่ ท่าน ด.ร.สมิท ท่านเตือนว่าจะเกิดซึนามิ แล้วต่อมาก็เกิดขึ้นจริง ท่านคิดว่าจังหวัดภูเก็ตมีความเสียหายเป็นตัวเงินเท่าใด นี่ยังไม่รวมความสูญเสียชีวิตผู้คนอีกนับไม่ถ้วน ที่ไม่สามารถประมาณค่าความเสียหายเป็นตัวเงินได้ครับ​

 

อย่างนี้เรียกว่าจัดหนัก

 

ตอนนี้ผมถามตัวเองว่า ที่เคยบอกว่าตัวเองจะหยุด.....เมื่อไหร่จะหยุด ?

 

ผมก็ภาวนาให้เป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน ไม่อยากเห็นคนไทยต้องมาตาย ตัวผมเองจะเป็นกลุ่มไหนก็ไม่สนหรอกครับ แค่ทุกคนรอดปลอดภัยก็พอแล้ว

แต่ดูท่าจะตายเพราะอุบัติเหตุเยอะกว่าอีกนะครับ เขื่อนแตกคงตายไม่เยอะเท่าเลย

 

ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะขัดขวางพลังของธรรมชาติได้ อยู่ที่ว่าได้เตรียมรับมือไว้รึยัง

อีกอย่าง . . . ต้องถามว่าคนที่จะเข้ามาในเวปนี้ ถามใจตัวเองว่าต้องการเข้ามาเพื่อรับอะไร

 

ผม...ลองพูดถึงตัวเอง...นะครับ

ผมอยู่เวบนี้มานานพอควร...คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดี

ทั้งจริงและไม่จริง...ทั้งจริง 20% ลวง 80%...หรือแบบ 50-50

แต่งเติม...ทั้งเจตนาและไม่เจตนา (เพราะฟังต่อๆกันมา...เป็นทอดๆ...ข้อมูลข่าวสารก็เปลี่ยนไป)

คำเตือนเรื่องภัยพิบัติ

ก็เหมือน...ที่ท่าน ดร.เสรี...ท่านกล่าวไว้ว่า...เรามีวิธีบริหารความเสี่ยงอย่างไร

คนไม่รู้...ก็ดีครับ...ไม่ต้องเตรียมอะไร...อยู่ไปวันๆ...ทำงาน...ทำการ...ทำเงิน...กันไปวันๆ

ส่วนพวกที่รู้แล้ว...ไม่อยากบอกเพราะ

บอกไปก็...ไม่เชื่อ....เพราะมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ...เดี๋ยวคนบอกจะโดนด่าว่า..ปล่อยไป...กรรมใครกรรมัน

หรือ...รู้ว่า...บอกแล้วจะโดนด่าโดนว่า...แต่ก็ต้องบอก...เพราะท่านมีเมตตา...โดนด่าไม่เป็นไร...ดีกว่าตายหมู่เป็นไหนๆ

ภาวะสังคมไร้ที่พึ่งพิง

น้ำท่วมคราวนี้ (และซึนามิคราวที่แล้ว)...พวกเราหลายคน (ใน war room และกลุ่มชุมชนริมชายฝั่งอันดามัน) ... ได้มีความคิดเห้นตรงกันอย่างหนึ่ง...ว่า

ข้อมูลของภาครัฐ...ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง...เรารับฟังข้อมูลจากภาครัฐ...แต่ก็ Cross-Check...กับข้อมูลของจริงเช่นกัน

ยกตัวอย่าง...ในทีวี...แจ้งว่า...นักลงทุนชาวญี่ปุ่น...ไม่ย้ายฐานการผลิต....แต่ในความเป็นจริง (ในฐานะที่อยู่ในแวดวงนี้)...มันคนละเรื่อง

การรวมกลุ่มแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน...จึงจำเป็น...และรวดเร็วกว่าข้อมูลจากภาครัฐ...มากกมาย

น้ำท่วมคราวนี้...พวกเราหลายคน...เตรียมตัวทัน...ก็ขอแสดงความยินดีด้วย

น้ำท่วมภาคใต้ (หาดใหญ่) คราวนี้...ไม่รู้ว่า...จะมีใครเตรียมการทันไหม ?...เพราะมัวสนใจเรื่อง...เด็กชายปลาบู่

โลกเราไม่เหมือนเดิม

อยากจะบอกว่า...ในฐานะอดีตคน EGAT ...รู้ว่า...ความแข็งแรงของเขื่อนต่างๆ...มีมาตรฐานแค่ไหน (ในทางวิศวกรรม)

แต่ขณะเดียวกัน...เราก็ต้องไม่ลืมว่า...โลกของเราเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม...อีกแล้ว

- แผ่นดินไหว 9 ริคเตอร์ที่ญี่ปุ่น...และที่ชิลี...ทำให้แกนโลกเอียงมากขึ้นไปอีก

- น้ำแข็งละลายมากขึ้นทุกปี...เพราะชั้นบรรยากาศของเรา...มีรูรั่ว...รับรังสีจากดวงอาทิตย์โดยตรง

- ระดับความรุนแรงของพายุมีมากขึ้น...และสามารถก่อตัว...ในใกล้ๆชายฝั่ง

- ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป...โดนที่ไม่มีใครทราบว่า...เรากำลังอยู่ในฤดูอะไรแล้ว

- คำเตือนของ IPCC เมื่อ 16 ปีที่แล้ว...ยังไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐ หรือแม้แต่ภาคประชาชน (ส่วนใหญ่...เพราะมัวแต่สนใจเงินในกระเป๋า...มากกว่าที่จะสนใจ...สภาพแวดล้อม)

เหล่านี้...ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า...เขื่อนของเรายัง...ปกติดี...เพราะข้อมูลของเรา...พบว่า

น้ำในเขื่อนแทบทุกเขื่อน...93% Up...หากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่...สปินเวย์...ก็ไม่แน่ว่า...จะปล่อยน้ำออกมาได้ทันไหม ?

ไม่รวมถึง...รอยเลื่อนที่มีพลัง...ที่พาดผ่านประเทศของเรา

ช่วงปีใหม่นี้ (ไม่เฉพาะคืนวันส่งท้าย)...war room...จึงยังคงเฝ้าระวัง...แผ่นดินไหว...มาตลอด

รับรู้...แต่ไม่ตื่นตระหนก...ส่วนพวกที่ตื่นตระหนกไปแล้ว...ก็ไม่รู้ว่า...จะทำอย่างไร...เพราะเราบอกกันหลายครั้งแล้ว...ว่า...อย่าตระหนก (รับรู้ไว้เพื่อเป็นข้อมูล...และเพื่อการเฝ้าระวัง)

ณ.วันนี้ ผมไม่อาจยืนยัน...แทนพระแม่ธรณี...ท่านได้ว่า...แผ่นดินจะไม่ไหว....และไม่เกิดเหตุการร้ายต่างๆ

แต่สิ่งที่เราทำได้...ในฐานะคนเฝ้าระวังภัยพิบัติ...คือ....ทำหน้าที่ของเรา

ผมคงไม่โทษ...คุณลุงที่แกบอกว่า...เขื่อนแตก...แล้วเขื่อนไม่แตก (เราก็ไม่อยากให้แตกอยู่แล้ว)

ผมคงไม่โทษ...หมอดูที่บอกจะมีปฏิวัติ...แล้วยังไม่มี

ผมคงไม่โทษ...ไบเบิ้ล...ที่บอกว่า...น้ำจะท่วมโลก...แต่ยังไม่ท่วมสักที

เพราะผมทราบว่า...กรรม...มันมีวาระของมัน...เราผู้ใต้กฏของกรรม...ไม่อาจฝืน...กฏของกรรม....ไปได้

ได้แต่ก้มหน้า...ก้มตา...ทำหน้าที่ของเรา...และแอบหวังว่า...เมื่อถึงวันนั้น...เราๆท่านๆ...จะได้อยู่รอดปลอดภัย...กันทุกคน...นะครับ


[ เก็ก...แทบแย่...ฟังเพลงดีกว่า...5555 ]


<object style="height: 390px; width: 640px">


<embed src="http://www.youtube.com/v/w823qghzF38?version=3&feature=player_detailpage" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="360" width="640"></object>

 

ดร.สมิท มีข้อมูลที่เกิดจากการรวบรวมสถิติมานาน คำนวณความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นได้ +

ปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิด สามารถแสดงให้เห็นได้จริง


------------------------

ZZ จริงแค่ 10% อีก 20% อ้างข้อมูลคนอื่น นอกนั้นอะไรก็ไม่รู้

 

กลุ่ม 4 ฉี่ มีป่าวงับ ................

 

การกระทำของคุณลุงทองใบก็คงต้องเป็นไปตามกระบวนการของบ้านเมือง
เชื่อว่าคงมีผู้ที่มีจิตเมตตาช่วยเหลือคุณลุงในการประกันตัวและการต่อสู้คดี
แต่หากศาลท่านตัดสินว่ามีความผิดจริงก็ต้องยอมรับ
และเป็นบทเรียนว่า ต่อไปหากใครจะเตือนภัยพิบัติในลักษณะนี้ต้องมีความรอบคอบ

มีเมตตาอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องเป็นเมตตาที่ประกอบไปด้วยปัญญาอีกด้วย
เป็นปัญหาให้ขบคิดว่าควรจะเตือนอย่างไรโดยไม่ไม่มีโทษต่อตัวเองและผู้อื่น

ผมมีข้อมูลที่อยากจะเตือนคือ
ท่านไม่ควรประมาทโดยการปรามาสเด็กชายปลาบู่
เพราะมีข้อมูลจากบางแห่ง และข้อมูลจากแหล่งข้อมูลใกล้ตัวเตือนไม่ให้ปรามาส

ส่วนเด็กชายปลาบู่จะเป็นอะไรตามที่มีผู้อ้างหรือไม่นั้นผมไม่ขอกล่าวถึง
เพราะจากข้อมูลที่ทราบนั้น หากผมยืนยันอะไรไปมีแต่เท่าตัวกับขาดทุน
ขอบอกแต่ว่าท่านไม่ควรประมาทไปปรามาสเพราะท่านจะมีแต่เสมอตัวกับขาดทุนเช่นเดียวกัน




พ่อ “ปลาบู่” เจอดี ส.จ.ฟ้องข้อหาหลอกลวงปีใหม่ตากเสียหายกว่า 400ล. <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td height="40"> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="middle" align="left">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="middle" align="left">2 มกราคม 2555 12:11 น.</td> <td>
</td></tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> </tbody></table><table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center"></td> </tr> </tbody></table><table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="top" align="center"> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> ตาก - “พ่อปลาบู่” เจอดีตำรวจตากออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาหลอกลวง ปชช. หากเบี้ยวเจอหมายจับ ขู่ถ้ายังไม่หยุดปล่อยข่าวสร้างความตื่นตระหนกอีกจะแจ้งความพร้อมเรียกค่า เสียหายทางแพ่ง เผยช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวตากเสียหายไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท

รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งความคืบหน้ากรณีที่นายสงคราม มนัสสา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตาก ให้ดำเนินคดีต่อนายทองใบ คำสี อายุ 73 ปี 234/1 ม.1 บ้านตามูล ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ให้ข้อหาหลอกลวงเล่าความเท็จทำให้ประชาชนชาวเมืองตากตื่นตกใจ ได้รับความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

ล่าสุด ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ พริ้งสกุล พนักงานสอบสวน สบ.1 สภ.เมืองตาก จ.ตาก ได้เรียกนายสงคราม มนัสสา สมาชิก อบจ.ตาก และพยาน ซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ตลาดเทศบาลเมืองตาก จำนวน 2 ราย เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ โดยนายสงครามได้นำหลักฐานเป็นเอกสารที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 7 แผ่น มอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน และได้ออกหมายเรียกนายทองใบ คำสี มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 มกราคม 2555 หากยังไม่มาตามนัดจะออกหมายจับต่อไป

นายสงครามกล่าวว่า ที่ฟ้องก็เพราะเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน เมื่อประชาชนได้รับความเดือดก็ต้องช่วยเหลือ จึงเข้าแจ้งความเพื่อเอาความผิดกับผู้ก่อเหตุ แต่จะยังไม่แจ้งความทางแพ่งเรียกค่าเสียหาย เนื่องเห็นว่าอายุมากแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็สร้างความเสียหายให้ชาวเมืองตากอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่จำนวนนับแสนคน แต่ปีนี้มีไม่ถึง 10% เงินหายไปจากระบบมากกว่า 400 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ที่พักต่างๆ พนักงานต่างไม่ได้รับโบนัสช่วงสิ้นปี เพราะธุรกิจไม่มีกำไร นักธุรกิจเดือดร้อนกันทั่วหน้าในช่วงปีใหม่

นายสงครามยังกล่าวอีกว่า หลังเขื่อนไม่แตกตามคำทำนายของนาย ทองใบ ประชาชนต่างพากันประณามไปต่างๆ นานา ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่เป็นอันกินอันนอน เป็นโรคเครียดกันจำนวนมาก เพราะกลัวเขื่อนแตก ก็ขออย่าได้ปล่อยข่าวในทำนองนี้อีก ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมจะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม หากยังดันทุรังเล่าความเท็จว่าเขื่อนจะแตกในวันปีใหม่ไทย คือวันสงกรานต์อีก หากยังไม่หยุด เชื่อว่าภาคเอกชนซึ่งได้แก่ หอการค้าจังหวัดตาก และสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดตาก กำลังรวบรวมหลักฐานจ่อฟ้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหาย ซึ่งกำลังดูท่าทีนายทองใบอยู่ว่าจะสำนึกหรือไม่ ในการมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศงานปีใหม่ 2555 ของจังหวัดตาก ที่บริเวณหน้าศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมืองตาก ซึ่งเป็นงานประเพณีประจำปี เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มีประชาชนต่างพาลูกพาหลานมาเที่ยวงานร่วมฉลองปีใหม่จำนวนมากกว่าทุกวัน หลังจากที่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ซึ่งมีการจัดงานเคานต์ดาวน์งานกร่อย มีคนร่วมงานไม่ถึง 100 คน เนื่องจากประชาชนตื่นตระหนกกับคำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่ ว่าเขื่อนภูมิพลจะแตกในค่ำคืนดังกล่าว ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ตั้งหลักอยู่กลับบ้าน และบางส่วนต่างอพยพ หนีขึ้นที่สูงไปอาศัยตามภูเขาสูง ซึ่งหลังจากผ่านพ้นคำทำนาย ก็พากันกลับลงมายังภูมิเนา และถือโอกาส มาร่วมฉลองปีใหม่ย้อนหลังกันอย่างชื่นมื่น

โดยทางจังหวัดตาก และองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก ในฐานะเจ้าภาพการจัดงานปีใหม่ ยังคงเชิญชวนให้ประชาชนมาท่องเที่ยว และสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้กู้เอกราชชาติไทย ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้แก่พม่า ซึ่งกำหนดการจัดงานจะมีถึง คืนวันที่ 3 มกราคมนี้


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000000328
</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>

 

ช่วยตั้งให้ครับ กลุ่มที่ 4 บุคคลชอบป่วน ปลุกปั่นให้คนมีความแตกแยกทางความคิด

 

เป็นบทเรียนของผู้ที่จะเตือนภัยว่าอย่ามั่นใจในข้อมูลของตัวเองมาก
คุณลุงทองใบคงมั่นใจมากจึงได้ออกตัวแรงขนาดนั้น

ผมมีประสบการณ์กับตัวเองอยากนำมาเล่าสู่กันฟังคือ
มีผู้ที่เคยใช้สมาธิทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวโดยไม่ผิดพลาดเลยนั้น
ปรากฏว่าเมื่อมาทำนายเรื่องภัยพิบัติที่เป็นเรื่องสาธารณะภัยกลับคลาดเคลื่อน
จนเรียกได้ว่าไม่ถูกต้อง จนผมคลางแคลงใจ
แต่ต่อมาเรื่องที่ท่านทำนายไว้เป็นเรื่องส่วนตัวก็ถูกต้องอีก

ยังมีอีกท่านหนึ่งแทนที่จะท่านจะตอบคำถามถึงเรื่องภัยพิบัติที่เป็นสาธารณะภัย
ท่านกลับพิจารณาไปที่ตัวบุคคลเลยว่า เขาผู้นั้นจะประสพภัยพิบัติหรือไม่และในช่วงเวลาใด
กลับปรากฏว่าทำนายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ นั่นคือเรื่องน้ำท่วมปี 2554 ครั้งที่เพิ่งผ่านมา

เคยมีบางท่านสอบถามมาว่าผมได้ข้อมูลคำทำนายจากแหล่งใด สอบถามมาทาง PM
ผมก็ได้ขออนุญาตไปว่าไม่ขอเปิดเผย ซึ่งเรื่องของพ่อปลาบู่เป็นบทเรียนให้เราได้ครัีบ


อ่านเพิ่มเติม
คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ (อาจ) ไม่ได้หมายถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554

 

<table id="post5399656" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">karan20
สมาชิก



วันที่สมัคร: Sep 2010
ข้อความ: 1,020
พลังการให้คะแนน: 248


</td> <td class="alt1" id="td_post_5399656" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> มีเรื่องจะเล่าสู่ไว้สัก 1 เรื่อง ขอให้คิดเสมือนเพื่อนรักเล่าสู่กันฟัง


มีท่านหนึ่งมีความรู้ในเรื่องการเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า
ที่ผ่านมาก็เดาผิดบ้างถูกบ้าง แต่มักจะใช้เดากับเรื่องที่เป็นส่วนบุคคล
ไม่ใช่เรื่องสาธารณะอย่างเหตุการณ์ภัยพิบัติ
เดาถูกบ่อยครั้งกว่าเดาผิด

บังเอิญเมื่อตอนต้นปี 2554 มีคนใกล้ชิดถามเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ
ท่านผู้นั้นได้ลองใช้ความรู้ด้านการเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า
และได้เตือนว่าที่บ้านเขาคนนั้นจะประสบภัยน้ำท่วม และอาจต้องอพยพออกจากบ้านในเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งเขาก็ไม่ได้เชื่อเรื่องภัยพิบัติ เพียงแต่ถามเพราะอยากรู้ไปอย่างนั้น
หลังจากนั้นเขาก็ลืมเรื่องที่เคยได้รับคำเตือน

ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้เชื่อการทำนายของท่านผู้นั้นเท่าไหร่
เพราะตอนนั้นกระแสเรื่องภัยพิบัติเตือนว่าเป็นเดือนเมษา - พฤษภา - มิถุนา

จนกระทั่งปรากฏว่าบังเอิญที่ผู้ที่ได้รับคำเตือนนั้นมีบ้านอยู่แถวฝั่งธนบุรี
และได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจนจำเป็นต้องอพยพออกมาจากบ้านเมื่อประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ผมจึงเพิ่งนึกได้ว่าเคยมีท่านผู้หนึ่งเดาไว้แบบนั้น

ท่านผู้นั้นได้ลองใช้ความรู้เท่าที่มีเดาถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ
และผมขออนุญาตนำมาเปิดเผยไว้เพื่อเป็นการเตือน
ขอได้โปรดทราบว่านี่เป็นการเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าของผู้ยังมีกิเลส
ไม่ใช่การทำนายแบบญาณหยั่งรู้ของผู้มีคุณวิเศษ

ท่านอาจจดบันทึกไว้เล่น ๆ เพื่อเก็บไว้ทดสอบสถิติว่ามีความถูกต้องเพียงใด
ผู้เขียนเห็นว่าท่านเดาสวนกระแส เพราะตอนนี้เชื่อว่า
พวกเรากำลังระมัดระวังและเตรียมพร้อมสำหรับวันที่ 31 ธันวาคมที่กำลังจะมาถึงนี้

ท่านเดาไว้ว่า....

วันที่ 31 ธันวาคม 2554 - 1 มกราคม 2555
ไม่ได้มีภัยพิบัติใหญ่รุนแรงอะไร (ในกรุงเทพ)

แต่ให้ระวังภัยพิบัติในช่วง ธันวาคม 2555 - กุมภาพันธ์ 2556
ควรเป็นช่วงเวลาแห่งการถือศีล จำศีล หลบภัย จะมีภัยรุนแรง

แต่ก่อนหน้านั้นคือในปี 2555 จะมีภัยน้ำท่วม
โดยให้ระวังในเดือน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมน่าจะมีความรุนแรงมากที่สุด

หลังจากนั้นในปี 2556 จะมีภัยเกี่ยวกับความอดอยาก เศรษฐกิจตกต่ำ
การชิงทรัพย์ ลักขโมยมีมาก ภัยธรรมชาตินั้นอาจมีภัยหนาวและมีหิมะตกในบางพื้นที่

ลองเทียบดูแล้วก็เห็นว่าคล้าย ๆ กับคำเตือนของคุณลุงเชียงใหม่ พระอาจารย์รัตน์ และหลวงปู่สรวง

เพียงแต่ว่าต่างจากคำเตือนของเด็กชายปลาบู่
ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เคยวิเคราะห์ไว้แล้วว่า
อาจเป็นการคลาดเคลื่อนจากการตีความวันเวลาก็ได้
ถ้าคลาดเคลื่อนก็อย่าไปโทษเด็กชายปลาบู่

อย่างไรก็ตามไม่ประมาทไว้ดีที่สุด
ทุกท่านก็อย่าประมาทกับคืนวันที่ 31 ธันวาคมนี้นะครับ
ขอให้นำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์ด้วยสัญชาตญาณและวิจารณญาณของตัวเอง


หากผิดพลาดขึ้นมาจะได้ไม่ต้องโทษใคร



<hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> Last edited by karan20; 30-11-2011 at 07:24 PM.
</td></tr></tbody></table>

อ้างอิงข้อความจากกระทู้เก่า

 

ติง...คุณ karan ไว้นิดเดียวเรื่อง...เมตตาบารมี 1 ในบารมี 10 ประการ

ลองไปฟังเรื่อง ... บารมี 10...ของหลวงพ่อ...นะครับ

.

 

ท่านติงในส่วนใด ขอโปรดเมตตาชี้แนะด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ

 

ถ้าโดนจับจริง ผมขอเสนอให้พวกเรารวมพลังปกป้องคนดีครับ
อย่าให้คนดีต้องลำบากเลยครับ ไม่ใช่ประท้วงนะครับ แต่เรื่องเงินประกันตัวครับ
อย่าให้คนดีต้องแพ้เลยครับพญามาร ผมมองเห็นความจริงใจอันบริสุทธ์ของคุณตาครับ ผมถึงบอกว่าแกเป็นคนดี เปรียบกับบางคนที่เห็นแก่ปากท้องตัวเองอย่างเดียว