วิธีการอย่างหนึ่งที่ผมใช้กับต้นไม้ทีปลูกไว้นานแต่ไม่ยอมเกิดดอกผลสักทีคือ บอกกับต้นไม้เลยว่าถ้าปีนี้ไม่ยอมเกิดดอกออกผลเตรียมเผาถ่านเลย และปีนั้นมะไฟผมก็ออกผลเลย
ต้นมะพร้าวที่บ้านผมอยากโค่นมันเพราะอยู่ใกล้บ้านเกินไป ไม่นานมันก็ตายเองครับไม่ได้ทำอะไรเลย
การทดสอบทางวิทยาศาสตร์เรื่อง "ความเมตตา"
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ชัยบวร, 28 กุมภาพันธ์ 2012.
หน้า 2 ของ 2
-
:cool:เมตตาธรรม ค้ำจุนโลกๆๆๆ:cool:(k)({):cool:
-
อยู่ใกล้น้ำแข็งก็เย็น อยู่ใกล้ไฟก็ร้อน อยู่ใกล้คนอารมณ์เย็นเราก็เย็นและมีความสุขรู้สึกอยู่ด้วยแล้วมีความสุข อยู่ใกล้คนอารมณ์ร้อนก็ได้รับอารมณ์ร้อนๆมาด้วยทำให้ไม่อยากอยู่ใกล้ มันเป็นธรรมชาติ เป็นกฏของธรรมชาติ เป็นสัจธรรม เด็กช่างไล่ตีกัน รวมกันก็มีแต่ร้อนๆทั้งนั้น ก็เลยพากันไป ให้หนึ่งในนั้นซักคนมาอยู่ในกลุ่มคนใจดีใจเย็น เดี๋ยวก็เปลี่ยน คนเรามันเป็นไปตามสังคม อยู่สังคมไหนก็เป็นแบบนั้น โลกร้อน สังคมเราทุกวันนี้ก็มีแต่ความแตกแยก มีแต่เรื่องร้อนๆ ลูกหลานก็จำต้องเกิดมาในสังคมนี้ ก็พลอยต้องไหลไปตามสังคมไปด้วย โลกร้อนไม่เท่าใจคนร้อน
-
โมทนา สาธุ ๆ
ที่ได้พิสูจน์ออกมาเป็นวิทยาศาสตร์
ให้เห็นกันกับการแผ่เมตตา
ซึ่งมาอานิสงค์มากมาย
อิทังเม ญาตินัง โหตุ
สุขิตาโหตุ ญาตโญ
สัพเพ สัตตา อเวรา โหตุ -
ถึงจะเคยได้อ่านมาแล้ว แต่เมื่อมาได้อ่านกันอีก ก็มีความรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาทันที กับคำว่า "เมตตา" (เมตตาธรรมค้ำจุนโลก) สาธุกับ จขกท.ค่ะ
-
เคยได้ยินมาเหมือนกันคะเรื่องลักษณะนี้ จะนำมาปรับใช้กับชีวิตก็ถือว่าดีมากเลยค่ะ
-
-
เหมือนร้องเพลงให้ต้นไม้ฟังแล้วจะออกดอกงอกงามเลยนะครับ :cool:
-
เห็นแล้วกับตาตัวเองค่ะ แทบไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้เชื่อมิสงสัยเพราะมีประสบการณ์ตรง สาธุ อนุโมทนาค่ะ
-
สุดยอด มีการทดลองแปลกๆแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
เจ๋งอะ -
ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
-
ผมรู้สึกปิติ มากที่ถ้าเราคิดดีเเล้วส่งผลต่อสิ่งรอบข้าง ขออนุโมธนา กับ กระทู้นี้ สาธุ
-
จริงๆแล้ว...ผมมีอคติต่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์...ที่ไปเอาหลักปรมัทถ์ทางพุทธมาพิสูจน์....ผมว่า....พวกนี้ ทั้งไทยและฝรั่ง...ยังไม่มีศรัทธา...หรือ มัวงมงายกับสมมุติทางโลก เช่น ไปเชื่องานวิจัย...เชื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่างๆจนกลายเป็นค่านิยมร่วมสมัยไป....
..จริงอยู่แม้พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เชื่ออะไรๆง่ายๆ...แต่มันก็น่าจะไม่ใช่การพิสูจน์แบบต่างๆนี้ กับ ทางพุทธ....
...ไอน์สไตย์ ฉลาดที่สุดในโลกของมนุษย์ ยังยกย่องศาสนาพุทธว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด......นี่ จบแล้วสำหรับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย....
......พระพุทธเจ้าตรัสรู้....พระอาจารย์มั่นฯหลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน พระอาจารย์ฝั้น ท่านพ่อลี ล้วนยืนยันถึงปรมัทถ์ธรรม นี่ก็จบแล้วทางพุทธธรรมยุตต์
คือทั้งทางโลก ทางธรรม มีผู้รู้จริงยืนยันแล้ว....ดังนั้น...
.....ไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรอีกแล้ว....ปฏิบัติเอง ทำทาน ศีล ภาวนาเอง ด้วยตนเองดีกว่า...ได้เป็นเทวดาแน่ๆ แต่หากต้องการหลุดพ้น ก็ต้อง ศีล สมาธิภาวนา ปัญญา(ญานหยั่งรู้)..เอาเอง....
.....ญานย้อนอดีตพระพุทธเจ้า...ไอน์สไตย์ก็สร้างทฤษฎีขึ้นมาว่าทำได้ทางวัตถุ....หากมียานอวกาศความเร็วเท่าแสงใช้...
...แล้วมนุษย์ที่ว่าฉลาดสุดในปัจจุบัน คศ.2012นี้มันทำได้ไหม ยานฯที่ว่า...
...เพราะวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ ยังตามหลังพุทธศาสนาสายธรรมยุตต์เดินธุดงค์อยู่2600ปี...... -
เข้าใจธรรมชาติ ทุกอย่างสบายมาก...
-
...แต่เราลองมาดูปัจจุบันมีคนดี คนมีบุญบารมีมากมาย ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ หรือที่ยึดถือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการตัดสินใจที่จะเชื่อสิ่งใดๆ สิ่งนี้ทำให้ใจคนเหล่านี้ยังไม่เปิด ยังทำใจให้เชื่อให้ศัทธาในศาสนาอย่างเต็มที่ไม่ได้ เพราะ(ปัจจุบัน)ยังไม่สามารถพิสูจน์ศาสนาได้ด้วยวิทยาศาสตร์
... เช่นนั้นก็น่าเสียดายมาก มีบุญบารมีอยู่แล้ว เพียงมีสิ่งมากั้นไว้เท่านั้น ถ้าสามารถทำให้สิ่งที่กั้นไว้นี้ทลายลง คิดดูว่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาสนามากแค่ไหน จะเป็นประโยชน์ต่อผู้คน ต่อสังคมมากแค่ไหน..
... นี่เป็นการทดลองที่ ดร.อาจอง ให้นิสิตจุฬาทำการทดลอง ซึ่งงผมไม่สงสัยในความศรัธาของท่านต่อศาสนาเลย บางทีท่าน ดร.อาจอง อาจมีความคิดเช่นเหตุผลที่อธิบายมาก็ได้ครับ...
หน้า 2 ของ 2