สืบจากการที่ผู้นำทั้งฝ่ายสายจิตวิญญาณแห่งสายจักวาลสื่อสาร และสายศาสนาญาณทรรศนะหลายท่านต่างยืนยันไปในแนวทางกันว่าเดียวกันว่า
“..... ณ กาลบัดนี้กลไกทั้งหลายแห่งพลังจักวาลทั้ง
มิติและพลังงานทางจิตวิญญาณทั้งหลาย<O:p</O:p
ได้ทำการปรับเปลี่ยนขบวนการทำงาน
ขึ้นอย่างมากแล้วเมื่อเทียบกับกาลปรกติ
และมนุษย์ชาติจักสามารถพัฒนาศักยภาพทางจิตวิญญาณได้ขึ้นมาเป็นอย่างมาก
เพื่อรองรับการคัดกรองจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติ ท่ามกลางภัยพิบัติทั่วโลก......”
<O:p</O:p
ขอท่านทั้งหลายผู้ไม่ประมาทแห่งการพัฒนาคุณธรรมทางจิตทุกท่าน ที่ได้เร่งพัฒนาศักยภาพของตน ขอได้ร่วมกันบอกเล่า
<O:p</O:p
ประสบการณ์ที่เกิดจากการฝึกหักสมาธินี้ ที่มีความก้าวหน้าทางจิต หรือสามารถสื่อสารกับมิติใดๆได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ในระหว่างช่วงเวลา2-3 ปี มานี้ <O:p</O:p
เพื่อเป็นอีกหนึ่งวิทยาทาน แห่งการสร้างพลังแรงใจแก่บุคลอื่นที่กำลังต้องการพัฒนาทางจิต โดยช่วยบอกเล่าว่าพัฒนามาอย่างไร? มีการเปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้น /ต่ำกว่าเดิมอย่างไร? <O:p</O:p
<O:p</O:p
อย่างน้อยเพื่อพิสูจน์ในข้อ สันนิษฐานดังกล่าวว่ามีผลจริงมากน้อยเพียงไร ?<O:p</O:p
ดังนั้น ขอสมาชิกชาวพลังจิต ดอทคอมทุกท่าน หรือท่านใดที่รู้จักคุ้นเคยกับผู้ปฏิบัติธรรมที่เคยบอกเล่าสภาวะการเรียนรู้ทางจิต<O:p</O:p
โปรดร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์แก่สมาชิกท่านอื่นๆ เพื่อเป็นกุศลวิทยาทานด้วยเทอญ<O:p</O:p
<O:p</O:p
เราขอน้อมรับเปิดกว้าง อิสระให้เกียรติในประสบการณ์ทางจิตแก่ทุกท่านในทุกรูปแบบ ทุกกรณี<O:p</O:p
อย่างน้อยเพื่อ การยืนยันพิสูจน์ ว่าคำกล่าวของท่านผู้สื่อสารทางจิตทั้งหลายนั้น เป็นจริงหรือไม่ อย่างไร<O:p</O:p
<O:p</O:p
ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือแก่ท่านผู้รู้หรือศึกษาธรรมมา
โดยมากแล้ว หรือมีตำรามากมาย หรือมีครูบาอาจารย์ผู้เลิศคุณทั้งหลายนั้น หรือมีประสบการณ์และมีทรรศนะคติที่ต่างกับตนนั้น<O:p></O:p>
เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการบอกเล่าทางประสบการณ์ ขอได้โปรดงดการวิพากษ์วิจารณ์ ติเตียนแก่ท่านอื่นๆ ในลักษณะแง่ลบในทุกกรณี เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ปฏิบัติธรรม
หรืออาจข้อเกิดการโต้แย้งของชาวสมาชิกกันเอง
คงให้สมาชิกแต่ละท่านได้ใช้วิจารณญาณกันเองเป็นหลัก<O:p></O:p>
<O:p></O:p>
ดังนั้นจึงขออนุญาตแจ้งลบข้อความของท่านที่มีข้อความในลักษณะดูหมิ่นหรืออาจสร้างข้อขัดแย้งแก่ชาวสมาชิกด้วยกัน แก่ผู้ดูแลเวปบอร์ดในฐานะเจ้าของกระทู้ มาที่นี้
<O:p</O:p
“..... เพราะยามนี้โลกเราบอบช้ำมามากแล้ว ที่สุดก็หันกลับมาทำร้ายสร้างภัยพิบัติแก่ชาวเราทุกคนถ้วนหน้า
มิใช่เพราะชาวเราขัดแย้งกันด้วยเหตุทั้งปวงหรือ?
ณ.เวลานี้ขอพึงลดทิฐิมานะลงบ้างเถิด ขอได้ให้อิสระแก่ความรู้สึกทางวิญญาณแห่งมนุษย์ด้วยกันบ้าง แม้ไม่ต้องกับท่านด้วยเหตุทั้งปวง....”<O:p</O:p
<O:p</O:p
จึงแจ้งเพื่อกุศลมา ณ. โอกาสนี้<O:p</O:p
ขอสานความร่วมมือบอกเล่าผลแห่งสมาธิจากทุกสาขา ท่ามกลางภัยพิบัติโลก
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 25 พฤศจิกายน 2011.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เห็นภาพที่ตัวเองแนบไฟล์มา แล้วยังอดหดหู่ไม่ได้
นี่เพียงหนึ่งแห่งอดีตของการสูญเสีย...
คุณเห็นภัยข้างหน้า อย่างไร....คุณว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อใด??? -
ญาณทรรศนะที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้อง ผลจากความเพียรต่อเนื่องไม่ถึงปี
ส่วนหนึ่งของประสบการณ์เกิดจากเพื่อนรุ่นน้อง ที่คุ้นเคยสนิทกันมากคนหนึ่งสมัยเรียน
ระดับ ป.ตรีด้วยกันชื่อ มาด เปิดกิจการส่วนตัวด้านกิจการวางระบบโครงข่ายคอมพิวเตอร์บริการแก่ศูนย์ราชการและเอกชนทั่วไป<O:p</O:p
สภาวะเกิด ที่รู้สึกหดหู่ ทดท้อเบื่อหน่ายในชีวิต ผิดหวังเสียใจในการครองชีวิตคู่อย่างหนัก
แบบที่พลอยทำให้งานรับผิดชอบที่มีลูกน้อง ลูกจ้างหลายคนที่ฝากชีวิตไว้
พลอยอดเสียขวัญไปด้วยไปได้ เพราะเจ้านายทำงานแบบซังกะตายไปวันๆ
ลูกน้องก็ชักกลัวว่ากิจการทางร้านจะไปไม่รอด<O:p</O:p
จู่ๆหลังจากที่ไม่เจอกันมานานร่วม 4-5 ปี ในช่วงปลายๆปี53 โทรศัพท์ มือถือของผมก็ดังขึ้น
<O:p</O:p
“ พี่...ผมคิดถึงที่พี่พูดในหลายๆอย่าง ผมอยากไปวัดฝึกหัดทำสมาธิ สงบจิตใจหน่อยพี่ ” มาดพูดหลังจาก
ที่ได้อรัมภบท ทักทายกันตามธรรมเนียมก่อนหน้าสักพัก<O:p</O:p
“ได้งั้นเริ่มวันไหนดี เข้าป่าที่วัดถ้ำแล้วกัน ก่อนอื่นลองศึกษาจากตำรับ ตำราก่อนซะหน่อยดีกว่า
ให้มีพื้นฐานหน่อย อยู่วัดแค่ 2-3 วันก่อนพอมั๊ง...” ผมเสนอแนะ
<O:p</O:p
“งั้นผมหาอ่าน อินเตอร์เนตก่อนล่ะกัน..ได้มั๊ยครับพี่ อาทิตย์หน้าเจอกัน” <O:p</O:p
จากคนที่ไม่เคยได้ศึกษาฝึกหัดการปฏิบัติสมาธิมาก่อน ชีวิตก็แทบจะไม่เคยเข้าวัด
นอกจากไปลอยกระทงกับสาวๆ หรือเผาผีคนตาย ต้องเริ่มหันมา
ศึกษาการทำสมาธิจากตำราต่างๆว่ามีอย่างไรบ้าง เหตุเพราะอกหักรักคุด (ตุ๊ดไม่เกี่ยว)เป็นเหตุแท้ๆเชียว<O:p</O:p
เริ่มที่เข้าอยู่วัด การเข้าหาพระสงฆ์ก็ออกอาการประหม่า การสนทนาขาดความมั่นใจ
การต้องมาเข้าร่วมทำกิจกรรมตามตารางข้อวัตรของทางวัดป่าวัดถ้ำ ดูจะลำบากเอาเรื่องในช่วงแรกๆ
ในการปรับสภาพให้คุ้นชิน
<O:p</O:p
“ พี่ผมสบายใจมากเลยครับ โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ ทีวีไม่มีดู เพลงไม่ต้องฟังนอกจากบทสวดมนต์
…จิตที่เคยคิดโน่นนี่ ต้องคอยประคองดู ลมหายใจเข้า-ออกตลอดเวลา...เออเข้าท่าดี! ชอบๆ” <O:p</O:p
“ ข้าวก็กินมื้อเดียวจบ ไม่ต้องห่วงเรื่องหากินอีก” (เพราะที่วัดถ้ำพระฉันอาหารมื้อเดียว..ทำงานกันทั้งวัน)
ภายหลังจากนั้น มาดยังคงมุ่งมั่นที่จะพยายามฝึกการปฏิบัติทำสมาธิจากวัด
เพราะเริ่มได้พบความสุขสงบจากสมาธิ ระงับ ฟุ้งซ่านความทุกข์
ที่เกาะกุมใจมานานนับปีได้เป็นผลอย่างมาก<O:p</O:p
เสริมด้วยการงดเหล้าเที่ยวกลางคืน มีงานทำทานบุญวัดป่าที่ไหน
“ขออย่าให้มาดรู้..ขอให้ว่างเถอะ มาดฟัดเรียบ”ทั้งการทำความเพียรตามแนวทางสมาธิที่เคยได้รับมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
<O:p</O:p
จากเดิมที่เคยนั่งสมาธิไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเกิด เวทนาอย่างหนักจนลุกแทบไม่ขึ้น
เร่งความเพียรเวลาการนั่งได้มากขึ้นเป็น 2ชั่วโมงหรือมากว่าได้แบบสบายๆ
<O:p</O:p
“พี่ไปวัดถ้ำเถอะ...ไม่ว่างเหรอผมไปคนเดียว ก็ด๊ายๆ..”มาด เริ่มไม่ง้อผม เดินทางไปวัดที่ห่างจากบ้านออกไปเข้าวัดป่าสระบุรี ระยะทางนับ150 กม.
โดยลำพังแทบทุกสัปดาห์ที่มีโอกาสอยู่นานนับเกือบ5เดือน
เหตุผลคือชักเริ่มสนุก..มันดี (มันอะไรของมันวะ..?)เพราะเริ่มมีเพื่อนเป็นพระบวชใหม่ที่เร่งความเพียรหลบไปตามมุมถ้ำต่างๆ เชิงแข่งพากเพียรกันอยู่..
<O:p</O:p
“..พี่มีคนมาเดินวนรอบๆตัวผมด้วย..ไม่รู้มาจากไหน.”มาดเล่าให้ฟัง
<O:p</O:p
“… พี่ผมรู้สึกว่าในถ้ำใหญ่เรามี ตาผ้าขาวแก่ๆอยู่นะผมเห็น” นั่น เอาแล้วไงมาดเอ๊ย
<O:p</O:p
“….พี่มีเสียงผู้หญิงพูดภาษาอะไร ฟังไม่รู้เรื่องมาจากในก้อนหิน บางทีเสียงดนตรีไทยโบราณด้วยนะพี่ ”เอาใหญ่แล้วเว้ย
<O:p</O:p
พระหลวงพ่อ แนะ “ นี่..มาดเอ๋ยสภาวะจิตเรายังไม่นิ่ง กำลังฌานยังไม่แกร่งพอ พิจารณากายในกายนี่เท่านั้น
อย่าส่อส่ายจิตออกนอกกาย จำไว้ว่าเสียงที่ได้ยินน่ะจริง แต่มันไม่ใช่ของจริงนะ..เข้าใจนะ<O:p</O:p
เสียงสักแต่ว่าเสียง ความรู้สึกนอกกายให้ละวางไว้ก่อน...”
“…เมื่อทำจนชำนิชำนาญแล้ว ภายหลังจึงโน้มจิตไปที่การได้ยินเสียงที่เบาที่สุดที่ได้ยิน
เพื่อเข้าสู่ภาวะการฝึกหูทิพย์ แต่ทั้งนี้จงพยายามระลึกรู้ อยู่แต่ภายในกายนี้เท่านั้นนะ..
ใครมีพื้นวาสนาเดิมมาทางใด...ครูบาอาจารย์ญาณทิพย์ท่านจะอนุเคราะห์เราเอง
จงอย่าประมาทในความเพียรนะมาดนะ...การไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่ได้นั่นแหละประเสริฐสุด”ท่านสอนสำทับ
ให้กำลังใจอีกครั้ง
<O:p</O:p
<O:p</O:p
ภายหลังไอ้น้องคนนี้ชักเริ่มจะเซียนแล้ว
ดูเหมือนมันจะเริ่มก้าวหน้าแซงเพื่อนรุ่นพี่มัน
ไปไกลเรื่อยๆซะแล้ว ซะด้วยซ้ำ
<O:p</O:p
....เฮ้ย รอๆกันมั่งซิโว้ย..กูพี่มึงนะ..!!!<O:p></O:p> -
ได้เจอพระดี ๆ มีอภิญญามันก็ดีอย่างเนี๊ยะ
มารออ่านต่อครับ oishi_ -
ผมก็พยามยามฝึกสมาธิอยู่ครับ...แต่ไม่ได้ยินเสียงดังมาจาก ก้อนหินอย่างพี่มาด
ได้ยินแต่เสียงผัว-เมีย บ่นด่าลูกมาจากข้างบ้าน ตลอด... เซ็งเป็ด
ด้วยบุญกุศลที่ดี แล้วตอนนี้พี่มาด ได้แฟนใหม่หรือยังครับ......(เกี่ยวกันหรือเปล่าไม่รู้ 555) -
รอติดตามอยู่นะคะ :cool:
-
เพิ่มเติมเรื่องเจ้ามาดผู้อกหัก อีกหน่อยแล้วกัน
ความจริงมันก็น่าแปลกอยู่อย่าง คือที่ครั้งหนึ่งนานเกือบนับสิบปีมาแล้ว ก่อนนี้
ผมเคยจำได้ว่าเคยได้ยินเรื่องในลักษณะคล้ายๆ แบบนี้จากปากพระอาจารย์ เล่าว่า.....
เมื่อครั้งที่ท่านเดินมาสถานที่ถ้ำแห่งนี้ใหม่ๆ เมื่อปี 36 ตามที่ได้นิมิตเห็นหลายครั้ง
เฝ้าสอบถามค้นหาอยู่หลายเดือน จึงพบสถานที่ดังกล่าว
ในยุคนั้นที่วัดนี้ไม่มีไฟฟ้าเข้ามาถึงเลย ถนนหนทางการเดินทางลำบาก โปรยอัดแน่นด้วยหินภูเขาบดแตก ที่แหลมคมตลอดทางการบิณฑบาตรรับอาหารลำบากบาก ใครตีนบางเท้าบางล่ะเดินแทบไม่ได้เลย
ด้วยระยะทางไกลมากๆได้เพียง 1 มื้อ กับภาระดูแลหญิงสูงวัยอีก 2 ชีวิตที่ท่านต้องดูแล อาจมีอาหารเพื่มเติมอีกนืดหน่อยเท่านั้นบางวัน น้ำกินน้ำใช้ก็หายากมากในยุคนั้น
สำนักสงฆ์ยามนั้นมีเพียงโยมชีแม่ท่านและแม่ชีที่ท่านนับถือเหมือนพี่สาว อีกหนึ่งชีวตที่ประจำอยู่แห่งนี้ (แม่ชีพี่สาวท่านนี้ได้รับบัญชาญาณจากหลวงพ่อกบ ให้มาอุปฐากพระปฎิบติดีรูปหนึ่งที่จะมาอยู่ ณ.สถานที่แห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นแม่ชีไม่ทราบว่าจะเป็นใครต่อมาซึ่งก็คือ...ตัวพระอาจารย์รูปนี้เอง)
<O:p</O:p</O:p
ช่วงที่มาอยู่แรกๆ ค่ำคืนหนึ่งที่ในถ้ำ ณ.มุมมืดมากมีแสงส่องคืนเดือนหงายพอลอดผ่านช่องปล่องใหญ่ มาได้พอเห็นแสงรำไร
<O:p</O:p
<O:p</O:p
".. ข้าก็มีเทียนตั้งอยู่เล่มหนึ่งพอส่องเห็นหลังออกจากญาณสมาธิพักผ่อนอยู่คนเดียว
สายตาเหลือบไปเห็นชายแก่แต่งชุดขาวคล้ายๆเกล้าเก็บมวยเดินผ่านหน้าข้าไปในระยะห่างๆ.."
"ท่านทำไงต่อครับ..โจรหรือเปล่า?ใครจะมาล่ะมืดๆ ค่ำๆในถ้ำป่านนี้"ผู้เขียนถามเสริมต่อ
ส่ออวดรู้ เพื่อเพิ่มอรรถรสการสนทนาอย่างน่าหมั่นใส้
<O:p</O:p
<O:p</O:p
"...นั่นแหละที่ข้าหวั่นว่าจะมีใครมาทำอันตรายโยมแม่กับชีพี่ข้ามั๊ย..ข้าหนะไม่เท่าไรเอ็งก็รู้ว่าชีวิตข้าไม่เคยกลัวอะไร"<O:p</O:p
<O:p</O:p
" ยอมรับว่าตอนนั้นข้ายังไม่เก๋าขนาดนี้หรอกวะไม่รู้อะไรมาก...อาศัยใจกล้าและเอาความเพียรเข้าแลกเป็นหลักไว้ก่อนเลยชั่วโมงนั่นนะ"
<O:p</O:p
<O:p</O:p
"...ข้าก็เรียกให้หยุด..เรียกถาม นั่นใครมาทำไม?.."แล้วท่านก็หยุดพูดหันไปหยิบหมากพลูมาเคี้ยวนั่งยิ้มอย่างสบายใจ
<O:p</O:p
<O:p</O:p
"ต่อซิครับ..กำลังลุ้นใครบังอาจมาล้วงตับนักเลงเก่าอย่างท่านได้"
เรื่องมันต้องไม่ธรรมดาแน่คิดในใจอยากฟังต่อต้องอวยกันหน่อยไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ต่อ เรื่องน้องมาด
" ข้าคิดว่ามันคงไม่ใช่คนหวะ...มันเดินนำหน้าลิ่วข้าก็เดินจ้ำตามส่องไฟหา
ตามไปติดๆแล้วมันเดินหายเข้าไปในก้อนหินต่อหน้าต่อข้าเลย..."
<O:p</O:p
<O:p</O:p
"อ๊าว!! อี๊ !!แล้วทำไงต่อครับ...ถ้าเป็นผมล่ะเผ่นก่อนล่ะชั่วโมงนั้น.." (ยังจะมาอวดความขี้ขลาดอีกนะเรา)<O:p</O:p
<O:p</O:p
" ข้าก็เดินวนส่องไฟหารอบๆแถวหินที่มันหายไปนั่นแหละ"<O:p</O:p
<O:p</O:p
" หายังไงก็ไม่เจอตัว พอข้าจะหันหลังกลับมาทำสมาธิต่อ<O:p</O:pดัน..มีเสียงคนคุยกันดังมาจากก้อนหินใหญ่ที่มันหายไปนั่นแหละ"<O:p</O:p
<O:p</O:p
" เสียงคนคุยดังกันมาจากก้อนหินในถ้ำตอนดึก..นี่นะ?<O:p</O:p
ขอย้ำถามให้มั่นใจอีกครั้งเถอะ ชักเริ่มสนุกแล้วซิวะงานนี้...
<O:p</O:p
<O:p</O:p
<O:p</O:p
" แล้วท่านทำไงต่อ..ครับ"<O:p</O:p
<O:p</O:p
" ข้ารู้สึกหงุดหงิด ที่มันมาทำอะไรกันแบบนี้? ข้าเลยเดินไปหยิบเสื่อปูนั่ง มานั่งสมาธินั่งฟังต่อใกล้ๆให้มันรู้เรื่องราวกันซะเลย..."<O:p</O:p
( โห!!!พระอาจารย์เราช่างกล้าได้ใจ เท่ห์ๆเหลือเกิน พับผ่าเหอะ)
<O:p</O:p
<O:p</O:p
" แล้วเขาคุยอะไรกันท่าน..รู้มั๊ยครับ"<O:p</O:p
" ข้าฟังไม่รู้เรื่องว่าคุยอะไรกัน คงเป็นภาษาพวกเทพพวกชาวลับแลเขามั๊ง"<O:p</O:p
<O:p</O:p
"..แล้ว ๆ แล้วเขาๆ คุยกันนาน..มั๊ยท่าน"เสียงสั่นเครือเชียว ตื่นเต้นอ่ะ<O:p</O:p
<O:p</O:p
" มันจะมาคุยอะไรกันได้นานนักหนาคงเมื่อยปากเหมือนอย่างเราๆนี่แหละ..."ว่ากันไป
<O:p</O:p
<O:p</O:p
<O:p</O:p
จากนั้นการสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นต่อ....
<O:p</O:p
<O:p</O:p
<O:p</O:p
จากเรื่องที่ท่านเคยเล่าให้ฟังเมื่อเกือบสิบปีก่อนนี้<O:p</O:p
ตอนนี้ ไอ้มาด ของเรามันเริ่มประสบพบเจอแบบเดียวกันมั่งแล้ว....<O:p</O:p
<O:p</O:p
ขอโชคดีจงเป็นของเอ็งนะ...ไอ้น้องรัก<O:p</O:p
<O:p</O:pไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอบคุณมากครับ จะรอติดตาม จากรูปไม่ทราบภัยพิบัติที่ไหน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ไปเที่ยวข้างนอกมา เก็บตกมาได้1ราย ช่วยๆกันครับ
อีกหนึ่งประสบการณ์จากกระทู้ ของคุณเทวดา
http://palungjit.org/threads/ขอเล่า...แห่งความสว่างและความสุขอันไม่มีประมาณ.106542/ -
อยากเล่าเรื่องอะไรเชิญเลยครับ
รีบ ๆ หน่อยครับ เพราะผมและเพื่อน ๆ อีก 5,000 คน กำลังรออ่านอยู่ครับ :cool: -
NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
จากคำว่า "....จะเปลี่ยนจากเดิน เป็นคลาน..."
ผมเข้าใจขึ้นมาว่า เพราะ ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ ( หลายสาเหตุ พิจารณาแบบเล่นๆสบายๆเอง ว่าเพราะอะไร )
------------------------
สมาธิหมุนที่พระอาจารย์สอนไว้
จะได้เห็นคุณค่าอีกครั้ง ในทางโลก ในวันที่มีการสั่นไหวทางกายภาพรุนแรง
โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังทำจิตเหนือกาย หรือ แยกจิต-กายไม่ได้
หรือผู้ที่ยังมีวสีน้อยในการเข้าสมาธิ ดับเวทนา หรือ แยกกายจิต
คือขณะที่มีการสั่นไหวรุนแรง หรือพลิกแรงๆ
นั้น....." กายภายนอกเคลื่อนไหวอิสระ แต่จิตหมุนวนระหว่างใจกับกายภายนอกที่ไม่คงที่ จึงไม่มีทุกขเวทนามาก "
อันนี้ ใครทำสมาธิหมุนได้แล้ว โดยเป็นธรรมชาติ คล่องแคล่ว จะเข้าใจดี -